บทที่ 14 : ออกไม่ได้
ก่อนจากกัน จางอี้อี้ได้คุยกับเฉินนั่วเป็นพิเศษเกี่ยวกับเรื่องสถาบันภาพยนตร์ บอกว่าจะช่วยหาคอร์สติวเข้มด้านการแสดงที่เชื่อถือได้ให้ภายในสองวันนี้ เป็นการชดเชยที่เคยโกหกเขาไป
การถ่ายทำครั้งนี้ เฉินนั่วไม่ได้เอากระเป๋าเดินทางไปด้วย แค่สะพายเป้ใบเดียวที่ใส่ของใช้จำเป็นและเสื้อผ้าสำหรับเปลี่ยนไม่กี่ชุด ตอนนั้นคิดว่าถ่ายทำก็ต้องใส่เครื่องแต่งกายในฉากอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องเอาไปมาก ชุดที่เขาใส่อยู่ตอนนี้ก็เป็นชุดที่ใส่มาตั้งแต่สิบกว่าวันก่อน ซักไปแค่ครั้งเดียว มีกลิ่นอับๆ เหม็นๆ โชยเข้าจมูกเขา
ถ้าเป็นเฉินนั่วคนเดิม ป่านนี้คงรีบไปหาร้านซื้อเสื้อผ้าใหม่สองสามชุดแล้ว ใส่ชุดนึงทิ้งชุดนึง แต่ตอนนี้ เขากลับไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้เลย
โลกของตัวละครใบ้จบลงแล้ว แต่เขากลับรู้สึกเหมือนยังติดอยู่ในร่างของตัวละครนั้น ออกมาไม่ได้ เป็นความรู้สึกที่แปลกมาก ถึงแม้จางอี้อี้จะเตือนให้เขารีบออกจากบทบาท แต่เขากลับรู้สึกเพลิดเพลินกับความรู้สึกสับสนที่ว่าตัวเองเป็นตัวเองแต่ก็ไม่ใช่ตัวเองนี้
ความรู้สึกนี้ยังคงอยู่จนถึงหน้าประตูที่พัก
"คุณคือไฟฟ้า คุณคือแสงสว่าง คุณคือตำนานเพียงหนึ่งเดียว ฉันรักแค่คุณ you are my super star~ คุณปกครอง ฉันบูชา ไม่มีทางเลือกที่ดีกว่า ได้แต่รักคุณ you are my super star~"
ห้องนั่งเล่นในอพาร์ตเมนต์นี้มีลำโพงเบสสองตัวและระบบเสียงรอบทิศทาง มีเครื่องควบคุมเสียงและเครื่องเล่น DVD เหมือนกับที่บ้านของเฉินนั่วที่ซีฉวนก็มีอุปกรณ์คล้ายๆ กัน
เครื่องเสียง โทรทัศน์ DVD ดูเหมือนจะเป็นของมาตรฐานในบ้านยุคนี้ เฉินนั่วไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีคนเอาอุปกรณ์พวกนี้มาร้องคาราโอเกะที่บ้านจริงๆ และจากเสียงที่ได้ยิน เหมือนจะเป็นการร้องหมู่ด้วย โชคดีที่อพาร์ตเมนต์นี้มีระบบกันเสียงที่ดี ยืนอยู่หน้าประตูก็ไม่ได้ยินดังมากนัก
เฉินนั่วลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ตัดสินใจไขกุญแจเปิดประตู
เสียงดังกระหึ่มพุ่งเข้าใส่ทันที
เขาเห็นสาวๆ สามคนยืนอยู่หน้าผนังที่มีโทรทัศน์ ถือไมค์ กระโดดโลดเต้น บนกลางโต๊ะมีขวดเบียร์ที่เปิดฝาแล้วหลายขวด พื้นเต็มไปด้วยเปลือกเมล็ดแตงโมที่กินแล้วทิ้งไว้
หยางมี่ยืนอยู่ตรงกลาง สวมชุดนอนลายหมีและรองเท้าแตะสีชมพู ไม่รู้ว่าเพราะดื่มเบียร์หรือตื่นเต้น หน้าแดงก่ำ กำลังหลับตา เอียงคอร้องเพลงใส่ไมค์ "คุณคือความหมาย... คือฟ้า... คือดิน... คือความประสงค์ของเทพเจ้า..."
สาวผมสั้นที่ยืนอยู่ทางซ้ายของเธอเห็นเฉินนั่วที่เพิ่งเข้ามาก่อน ร่างกายแข็งทื่อไปทันที รีบใช้มือขวาดึงชายเสื้อหยางมี่
"นอกจากรักคุณ... ไม่มี... เป็นอะไรเหรอ ดึงฉันทำไม?" หยางมี่ลืมตา หันไปถามอย่างงงๆ
แล้วเธอก็เห็นเฉินนั่ว
"กรี๊ด!" หยางมี่ตกใจจนร้องเสียงหลง พูดติดอ่าง "นะ...นาย นายกลับมาแล้วเหรอ?"
สามสิบนาทีต่อมา ในห้องนั่งเล่น
สาวทั้งสามนั่งเรียงกันอย่างเรียบร้อยบนโซฟา ขวดเบียร์หายไปแล้ว เปลือกเมล็ดแตงโมก็กวาดเรียบร้อย เฉินนั่วนั่งอยู่ข้างๆ อย่างจนใจ พูดว่า "จริงๆ ไม่เป็นไรหรอก พวกเธอเล่นของพวกเธอไปเถอะ ฉันอาบน้ำเสร็จก็จะเข้านอนแล้ว"
"ไม่ใช่ๆ ฉันแค่ไม่อยากให้นายเข้าใจผิด ฉันเพิ่งกลับมาเมื่อวานนี้เอง เห็นนายไม่อยู่ แถมดูเหมือนไม่มีคนอยู่มาสักพัก... วันนี้เลยชวนเพื่อนมาเล่นหน่อย ฉลองนิดหน่อย งั้น... ให้ฉันแนะนำให้รู้จักไหม?"
เพื่อนสาวสองคนข้างๆ หยางมี่อายุพอๆ กับเธอ คนหนึ่งผมยาว อีกคนผมสั้น ถึงจะไม่สวยเท่าหนีหนีกับหยางมี่ที่จะเป็นดาราในอนาคต แต่หน้าตาก็เกินมาตรฐานทั่วไป
พวกเธอนั่งตัวตรง ทำท่าไม่กล้า มองซ้ายมองขวา
ตอนนี้เฉินนั่วเพิ่งอาบน้ำเสร็จ เปลี่ยนเป็นชุดลำลองที่สบายตัว ผมที่โกนสั้นยังไม่ทันยาวกลับมา ยังคงเป็นทรงเกรียน ใบหน้าที่มีสันกรามชัดอยู่แล้วยิ่งดูแข็งแกร่งขึ้น นี่ก็เป็นความแตกต่างที่จางอี้อี้ต้องการ เพราะตัวละครใบ้เป็นผู้ชายที่ภายนอกดูแข็งแกร่ง แต่ภายในอ่อนโยน
ต้องบอกว่า หน้าตาแบบเฉินนั่วไม่ใช่สเปคที่เด็กสาววัยสิบกว่าชอบกันหรอก แต่ก็ต้องดูว่าเทียบกับใคร จู่ๆ มีคนที่หน้าตาเหมือนดาราในจอหนังมาอยู่ใกล้ๆ ในพื้นที่ส่วนตัวแบบนี้ ย่อมต้องมีผลกระทบบ้าง
"นี่คือลู่ซือฉี นี่คือจางเจียเจีย นี่คือเฉินนั่ว... เอ๊ะ เฉินนั่ว ทำไมนายถึงตัดผมล่ะ?"
เฉินนั่วไม่สนใจหยางมี่ที่มีวงจรประสาทช้าไปหน่อย หันไปพูดกับสาวทั้งสองว่า "สวัสดีครับ มาเล่นได้ตลอดนะ ผมชอบบรรยากาศคึกคักอยู่แล้ว"
"อืม โอ้ ค่ะ" ลู่ซือฉีสาวผมสั้นพูดอย่างประหม่า
จางเจียเจียพูดตาม "สวัสดีค่ะ ผมของคุณดูมีสไตล์ดีนะคะ"
เฉินนั่วลูบผมที่รู้สึกสากมือ ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า "เมื่อก่อนผมยาวอยู่เลย เพิ่งตัดเมื่อเร็วๆ นี้เอง"
หยางมี่ถามอย่างสงสัย "ทำไมถึงตัดล่ะ?"
"ไปถ่ายหนังมาน่ะ"
"หนัง!?" หยางมี่ตาโต ทำหน้าไม่เชื่อ "นายไม่ได้เรียนอยู่ที่โรงเรียนสอนพิเศษหรอกเหรอ?"
เฉินนั่วที่ยังไม่หลุดจากบทบาท ยิ้มแบบตัวละครใบ้ "ใช่แล้ว แล้วเธอล่ะ ช่วงนี้กลับบ้านมาเหรอ?"
"ไม่ใช่สิ ฉันไปทำงานต่างหาก ไปเป็นนางแบบที่ภาคใต้ ถ่ายอะไรไว้ตั้งเยอะ ถ่าย MV ด้วย อ้อ นายลองทายดูสิว่าฉันเจอใคร" หยางมี่พูดอย่างลึกลับพร้อมรอยยิ้ม
"ใครเหรอ?"
"พี่เฉิงหลง! ฉันได้ถ่ายโปสเตอร์กับพี่เขาด้วยนะ!" หยางมี่พูดอย่างตื่นเต้น "พี่เขาใจดีมากเลย ไม่มีท่าทางหยิ่งเหมือนดาราดังๆ เลย"
เฉินนั่วในบทใบ้ทำหน้าประหลาดใจ "เธอเก่งจริงๆ แล้วขอลายเซ็นมาด้วยรึเปล่า"
"ฮิๆ แน่นอนสิ!" หยางมี่พูดอย่างภาคภูมิใจ "ขอมาสามใบเลย พวกเราสามคนพอดี คนละใบ นี่แหละที่ฉันเลยชวนพวกเขามาฉลอง แต่ไม่คิดว่าจะบังเอิญ นายดันกลับมาพอดี"
เฉินนั่วพูด "ฉันกลับมาก็ไม่เป็นไรหรอก ฉันขี้ง่วง ถึงพวกเธอจะเสียงดังแค่ไหนฉันก็หลับได้ งั้นเอาเป็นว่า พวกเธอเล่นต่อเถอะ ฉันขอเข้าไปพักก่อนนะ"
ถึงเฉินนั่วจะพูดแบบนั้น แต่หยางมี่กับเพื่อนๆ ก็คงไม่กล้าสนุกต่อหรอก หลังจากเขาเข้าห้องไปไม่นาน ก็ได้ยินเสียงเปิดปิดประตู น่าจะเป็นเพื่อนสนิทสองคนของหยางมี่กลับไปแล้ว
ผ่านเหตุการณ์นี้ไป เฉินนั่วกลับรู้สึกว่าตัวละครใบ้เริ่มห่างไกลจากตัวเขามากขึ้น
แต่ก็แค่ห่างขึ้นนิดหน่อยเท่านั้น
เฉินนั่วไม่คิดว่าจางอี้อี้จะทำเรื่องเร็วขนาดนี้ บอกว่าจะหาโรงเรียนสอนพิเศษให้ วันรุ่งขึ้นก็โทรมาเลย
"ฉันหาที่ให้นายได้แล้ว เป็นคลาสการแสดงของมหาวิทยาลัยเราเองเลย เรียนในมหาวิทยาลัยนี่แหละ จริงๆ เริ่มเรียนไปแล้วไม่รับสมัครแล้ว แต่ฉันต้องเอาหน้าตัวเองไปแลกมาถึงได้ที่ให้นายหนึ่งที่ ยังลดราคาให้ด้วย ปกติสามพัน ตอนนี้สองพัน เรียนเดือนเดียว รับประกันว่าเก่ง ฮ่าๆ"
"...จริงหรือเปล่าครับเนี่ย ผมยังง่วงๆ อยู่เลย อย่ามาหลอกนะ"
"ไม่ได้หลอก ยกเว้นเรื่องรับประกันว่าเก่ง ที่เหลือจริงหมด ที่อยู่กับเบอร์ติดต่ออาจารย์เดี๋ยวส่ง SMS ให้ นายไปเจอหน้ากันวันนี้เลย อ้อ ช่วงนี้ฉันยุ่งกับงานโพสต์โปรดักชั่น จะหาฉันให้ส่งข้อความมานะ โทรอาจจะไม่ได้รับ"
"อืม รู้แล้วครับ" เฉินนั่วงึมงำ วางสาย ตั้งใจว่าจะนอนต่อ แต่พลิกไปพลิกมาหลายที พบว่านอนไม่หลับ เลยลุกขึ้นมาเลย
(จบบทที่ 14)