ตอนที่ 64 : เปิดฉากสู่ความโกลาหล
ขณะที่เฉินหลิงฆ่าตัวตายด้วยการยิงปืนกรอกปากต่อหน้าผู้คนมากมาย ทำให้บริเวณนั้นตกอยู่ในความเงียบงัน
.
ทุกคนต่างมองไปยังขอบหน้าผาที่ว่างเปล่าด้วยความประหลาดใจ ความคิดของพวกเขาหยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง...
"ฆ่าตัวตาย?" เหยียนซีไฉตกตะลึงอยู่นาน "ฉันยังคิดว่าเขาเป็นคนกระดูกแข็งซะอีก*...สุดท้ายเขาก็ฆ่าตัวตาย?"
"เหมือนมีอะไรบางอย่างไม่ถูกต้อง…พวกนายเห็นตอนที่เขาถูกยิงมั้ย ทันทีที่ถูกยิง หน้าของเขาก็กลายเป็นคนอื่น"
"เห็นแล้ว นั่นมันอะไรกัน?"
"เดิมทีฉันก็รู้สึกว่ามันแปลกๆ ผู้คุมกฎหนุ่มที่มาจากเขตสาม ทำไมถึงกล้าต่อต้านนายน้อยเหยียนอย่างไร้ความหวาดกลัว...สรุปคือเดิมทีเขาก็ไม่ใช่เฉินหลิงอยู่แล้ว?"
"เขาเป็นผู้ช่วงชิงเปลวไฟ" ขณะที่ทุกคนกำลังพูดถึงเรื่องนี้ จู่ๆ ผูเหวินก็เปิดปากพูดขึ้น
ใบหน้าของเขาเคร่งขรึมอย่างมาก!
"ช่วงชิงวิถีแห่งสวรรค์ ยึดครองฟ้าดิน ในนามของเทพเจ้าแห่งโจร [ราชาแห่งเงินตรา]...นี่เป็นความเชื่อของผู้ช่วงชิงเปลวไฟ"
"ผู้ช่วงชิงเปลวไฟ!?"
เมื่อได้ยินดังนั้นแล้ว สีหน้าของทุกคนต่างเปลี่ยนไปมาก
"นั่นคือองค์กรชั่วร้ายที่คนทั้งโลกต้องการตัว พวกเขามาที่เมืองออโรร่าแล้ว?"
"ฉันได้ยินมาว่าสมาชิกของผู้ช่วงชิงเปลวไฟ ทุกคนเป็นเจ้าของเส้นทางเทพเจ้าวิถีจอมโจร และพวกเขาสามารถขโมยใบหน้าของใครก็ได้ได้อย่างง่ายดาย แล้วหลังจากนั้นก็ปะปนไปกับฝูงชน..."
"พวกเขามีความสุขกับการขโมยทุกสิ่งจากคนอื่น ไม่ว่าจะเป็น ตัวตน เงินทอง ความทรงจำ ความรู้สึกและครอบครัว...ว่ากันว่าพวกเขายังสามารถขโมยเส้นทางสู่เทพเจ้าได้อีกด้วย?!"
"ดังนั้นคนที่เพิ่งตายไปไม่ใช่เฉินหลิง แต่เป็นผู้ช่วงชิงเปลวไฟที่ปลอมตัวเข้ามาในกลุ่มพวกเรา?"
"พวกเขาแอบเข้ามาในคลังโบราณวิถีทหาร!"
ทุกคนล้วนนายพูดหนึ่งคำ ฉันพูดหนึ่งคำ ภายในคลังโบราณที่ปิดตายบรรยากาศของความหวาดกลัวและความสยองขวัญก็แพร่กระจายอย่างรวดเร็ว !
ในเวลาเดียวกันผู้ช่วงชิงเปลวไฟที่อยู่ด้านข้างก็สับสนเช่นเดียวกัน
เดิมทีพวกเขาคิดว่าเฉินหลิงได้ฆ่าหมายเลข 13 แล้วหลังจากนั้นก็แสร้งทำเป็นผู้ช่วงชิงเปลวไฟเพื่อแทรกซึมเข้ามาในกลุ่มของพวกเขา...แต่หลังจากที่เฉินหลิงถูกยิงเมื่อครู่นี้ เขาก็กลายเป็นหมายเลข 13 อีกครั้ง!
ดังนั้น หมายเลข 13 ไม่ได้พลาดท่างั้นเหรอ? คนที่ทำทุกอย่างเมื่อกี้นี้คือหมายเลข 13 ?
หรือเขาจะทรยศ?
แต่...แต่เขาต้องการอะไรล่ะ?
ผู้ช่วงชิงเปลวไฟต่างรู้สึกว่าสมองของตนไม่สามารถขบคิดอะไรมากไปกว่านี้แล้ว พวกเขามองหน้ากันก็เห็นแค่ความสับสนในดวงตาของกันและกันเท่านั้น...
"เขาเพิ่งพูดว่าพวกเราทุกคน จะต้องตาย" หลู่ซวนหมิงที่นิ่งเงียบ จู่ๆ ก็พูดขึ้นมา
ถ้าเป็นเฉินหลิงพูดออกมาแบบนี้ทุกคนคงรู้สึกว่ามันตลก เพราะยังไงเขาก็เป็นแค่ผู้คุมกฎที่ไม่มีอำนาจในเขตสาม....แต่ถ้าหากคนที่พูดประโยคนี้เป็นผู้ช่วงชิงเปลวไฟซึ่งปลอมตัวเป็นเฉินหลิงล่ะก็ ความหมายย่อมแตกต่างออกไป
ขณะนี้ ทุกคนกำลังนึกถึงสิ่งที่เฉินหลิงพูดก่อนที่จะฆ่าตัวตาย เขากำลังยิ้ม....เพียงแค่คิดก็รู้สึกหนาววาบที่ท้ายคอแล้ว
"ตอนนี้เขาตายแล้ว...ยังจะฆ่าเราได้จริงเหรอ?" ผู้คุมกฎพูดเสียงแหบแห้ง
"อะไรทำให้นายมั่นใจได้ว่าในกลุ่มพวกเรามีผู้ช่วงชิงเปลวไฟแฝงตัวมาแค่คนเดียว"
ทันทีที่คำพูดนี้หลุดออกมา ทุกคนต่างขนลุกชัน!
หัวใจของผู้ช่วงชิงเปลวไฟพลันตกลงสู่ก้นเหว!
"ผู้ช่วงชิงเปลวไฟที่แทรกซึมเข้ามาในคลังโบราณวิถีทหาร แผนการต้องไม่ใช่เล็กๆ แน่...นายคิดว่าพวกเขาจะส่งคนมากี่คน" เสียงทุ้มลึกของหลู่ซวนหมิงดังก้องอยู่ในหูของทุกคน
"มองอีกมุม หากมีเขาแค่คนเดียว ทำไมเขาถึงกล้ายั่วยุเหยียนซีไฉ แถมยังปล่อยให้เราโจมตีแค่ฝ่ายเดียว?"
"นี่ไม่ใช่ว่าจงใจเปิดเผยตัวตน รนหาที่ตายเองเหรอ?"
"ความหมายของนายก็คือ เขาตั้งใจจะดึงดูดความสนใจจากพวกเรา เพื่อจะซ่อนตัวผู้สมรู้ร่วมคิดคนอื่นๆ ?"
"เป็นไปได้มั้ยว่าเกิดความขัดแย้งภายในกลุ่มผู้ช่วงชิงเปลวไฟ?"
"ความเป็นไปได้นี้ไม่สามารถตัดออกได้...แต่ฉันยังคงรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง"
เฉินหลิงกระตุ้นเจตนาฆ่าของผู้คุมกฎจากเมืองออโรร่า และทำให้ผู้ช่วงชิงเปลวไฟสับสน นึกไม่ถึงเลยว่าชายหนุ่มซึ่งยืนอยู่บนยอดคลื่นมรสุมจะฆ่าตัวตายไปอย่างง่ายดาย....และปล่อยให้พวกเขาตกอยู่ในความคลุมเครือไร้จุดหมาย
ใบหน้าของเหยียนซีไฉดูน่าเกลียดมาก เขาคิดว่าหลังจากเข้าคลังโบราณจะสามารถฆ่าเฉินหลิงเพื่อระบายความโกรธได้ แต่เขาไม่เคยคิดเลยว่าตนเองจะรู้สึกไม่สบายใจได้ขนาดนี้...
"ดังนั้น ต้องมีผู้ช่วงชิงเปลวไฟในหมู่พวกเรา" เขากัดฟันแล้วพูดว่า "เป็นใครล่ะ?"
ทุกคนมองหน้ากันด้วยความระแวดระวังและลังเล...ตามที่หลู่ซวนหมิงพูดเมื่อครู่ ใครก็ตามที่อยู่รอบตัวพวกเขาอาจเป็นผู้ช่วงชิงเปลวไฟคนที่เหลือ
"ถ้าฉันจำไม่ผิด เฉินหลิงน่าจะมารถคันเดียวกับผู้คุมกฎเขตสาม เขตห้า แล้วก็เขตหก" ผูเหวินดูเหมือนจะนึกถึงอะไรบางอย่าง
"พวกเขามีทั้งหมดแค่แปดคนเท่านั้น ถ้าหากแอบสับเปลี่ยนระหว่างทาง ใครล่ะจะเหมาะสมที่สุด"
.
ขวับ-!
.
จู่ๆ ทุกคนก็หันไปมองหมายเลข 8 และคนอื่นๆ
.
"แถมพวกเขามาถึงก่อนกำหนดหนึ่งวัน" ผู้คุมกฎจากเขตสี่พูดขึ้นทันที "พวกเขาอยู่ใกล้กับท่าเรือวินเทอร์มากโดยเฉพาะเขตสาม คิดดูดีๆ แล้วมันไม่จำเป็นต้องมาถึงก่อนเวลาหนึ่งวัน...แม้ว่าจะมาเที่ยวเล่นก็เถอะ และช่างบังเอิญจริงๆ ที่ได้พบกับผู้คุมกฎจากเขตห้ากับหกระหว่างทาง!"
"พอพูดขึ้นมา ตอนที่อยู่บนเรือ บทสนทนาระหว่างเฉินหลิงกับหัวหน้าเขตสามของพวกเขาก็แปลกมากเหมือนกัน..."
หัวใจของผู้ช่วงชิงเปลวไฟทั้งเจ็ดคนเมื่อได้ฟังการสนทนาใจก็เต้นตุ้มๆ ต่อมๆ ยิ่งฟังก็ยิ่งกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ พวกเขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าคนอื่นมองมาด้วยความกลัวและความสงสัย หลังจากนั้นก็รีบถอยห่างจากพวกเขา บางคนถึงกับแสดงเจตนาฆ่าด้วยซ้ำ
ให้ตายเถอะ...นี่มันเรื่องอะไรกัน?
ตอนนี้ผู้ช่วงชิงเปลวไฟทั้งเจ็ดคนกำลังร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา
พวกเขาปลอมตัวเป็นผู้คุมกฎก็จริง แต่ยังไม่ได้ทำอะไรที่เป็นเหตุให้ตัวตนของพวกเขาถูกเปิดเผยเลยนะ....เฉินหลิงเองก็ตายไปแล้วเบาะแสทั้งหมดจึงถูกทำลาย
เมื่อเห็นว่าตัวตนของพวกเขากำลังจะถูกเปิดเผย ผู้ช่วงชิงเปลวไฟหลายคนก็เริ่มสบตากันด้วยสีหน้าชั่วร้าย
ในเมื่อพวกเขากำลังจะถูกเปิดเผยในเร็วๆ นี้ ทำไมไม่ฆ่าพวกมันทั้งหมดเลยล่ะ?
ถึงยังไงหลังจากเข้าสู่คลังโบราณ ไม่ว่าพวกเขาจะเข่นฆ่ามากแค่ไหน ภายนอกจะไม่มีใครรู้...แม้ว่าจำนวนคนจะต่างกันสิบเท่าก็ตาม แต่คนส่วนใหญ่เป็นคนธรรมดาฆ่าได้ไม่ยาก
"เจียงฉิน ผู้คุมกฎเขตสาม" หลู่ซวนหมิงวางมือไว้บนหน้าอกก่อนพูดขึ้นช้า ๆ
"เราจำเป็นต้องตรวจสอบความถูกต้องของใบหน้าของพวกนาย พวกนายเห็นด้วยมั้ย?"
หากเกิดความสงสัยขึ้น แล้วเขตสามยังไม่ได้รับการยืนยันความถูกต้อง ใครบ้างจะยังสามารถฝึกฝนได้อย่างปลอดภัยในคลังโบราณ?
"จะตรวจสอบยังไง" หมายเลข 8 ถาม
"ฉันได้ยินมาว่าผู้ช่วงชิงเปลวไฟจะขโมยแค่เลือดเนื้อบนใบหน้าอีกฝ่าย มาสวมทับใบหน้าตนเอง นายแค่ให้ฉันดึงหน้านายดูว่ายังมีใบหน้าอื่นซ่อนภายใต้ใบหน้านั้นมั้ย ถ้าไม่มีอะไรที่ต้องปกผิดก็ไม่ต้องกลัวการตรวจสอบ"
ปืนทุกกระบอกเล็งไปที่ผู้ช่วงชิงเปลวไฟทั้งเจ็ดคน
เมื่อเห็นดังนั้น สีหน้าของหมายเลข 8 ก็เปลี่ยนไปทีละนิด เขาเงียบไปนาน ก่อนหายใจเข้าลึก ๆ...
และพูดอย่างชั่วร้ายว่า
"ลงมือ!!"
เรื่องมาถึงจุดนี้แล้ว แม้ว่าพวกเขาจะปฏิเสธการตรวจสอบ มันก็ไม่มีประโยชน์ แทนที่จะทำแบบนั้นไม่สู้ลงมือกำจัดผู้คุมกฎที่ขวางหูขวางตาพวกนี้ไปซะเลย!
ทันทีที่คำสองคำนี้หลุดออกมา ใบหน้าของผู้ช่วงชิงเปลวไฟทั้งเจ็ดก็เปลี่ยนกลับเป็นใบหน้าเดิมของตนเองพร้อมกัน!
ทุกคนที่ได้เห็นเหตุการณ์นี้ด้วยตาตนเองต่างตกตะลึง พวกเขาเกือบจะโดนผู้ช่วงชิงเปลวไฟพวกนี้หลอกแล้ว...ในเวลาเดียวกันพวกเขาก็เหนี่ยวไกปืนโดยไม่ลังเลอีก!
แต่ครู่ต่อมา ปืนในมือพวกเขาก็หายไปในอากาศ และปรากฏอยู่ในมือของผู้ช่วงชิงเปลวไฟทั้งเจ็ดคนแทน
"ล้วนเป็นพวกเด็กที่ขนยังไม่ขึ้นดี**…บิดาอดทนกับพวกนายมานานแล้ว!"
หมายเลข 8 ถ่มน้ำลาย ต่อมาห่ากระสุนพลันสาดไปทั่วขอบหน้าผาทันที!
.
.
.