EP.13 การเลือกเข้าหน่วยอัศวินเวทย์มนต์ของสเตรนจ์
EP.13 การเลือกเข้าหน่วยอัศวินเวทย์มนต์ของสเตรนจ์
[มุมมองบุคคลที่ 3]
หลังจากการทดสอบต่างๆ ก็ถึงเวลาสำหรับการทดสอบครั้งสุดท้ายของการสอบเข้าหน่วยอัศวินเวทย์มนต์ : การต่อสู้แบบตัวต่อตัว
“แกนะ!” ขุนนางผมสีน้ำเงินผู้เย่อหยิ่งชี้ไปที่สตีเฟน “แกนะทำตัวเย่อหยิ่งมาตั้งแต่แกมาที่นี่แล้ว เจ้าสามัญชน! ชั้นคิดว่าถึงเวลาแล้วที่ใครสักคนจะต้องทำให้แกรู้ซึ้งถึงสถานะของตัวเอง ชั้นท้าแก!”
สตีเฟนไม่สนใจ เขาเพียงแค่ลอยขึ้นไปโดยที่เสื้อคลุมของเขาพลิ้วไสวอยู่ด้านหลังขณะที่เขายืนอยู่ตรงกลางเวที
“เริ่มได้!” วินเลี่ยมประกาศ
ขุนนางเปิดกรีมัวร์ของเขาซึ่งรายล้อมไปด้วยรัศมีของเปลวไฟ และยิ้มอย่างเย่อหยิ่ง
สตีเฟนเอามือขวาไว้ใต้ข้อศอกซ้าย ก่อนจะทำนิ้วของเขาเป็นเขาปีศาจด้วยนิ้วของเขา และเล็งไปที่คู่ต่อสู้ของเขา
"[เวทมนตร์ลึกลับ: สายฟ้าแห่งบัลทัค]"
มือของเขาที่กลายเป็นเขาปีศาจกลายเป็นลูกบอลพลังงานสีน้ำเงินและพุ่งออกไปเหมือนสายฟ้าฟาด พุ่งทะลุอากาศ ลูกบอลนี้ฟาดเข้าที่หน้าอกของคู่ต่อสู้อย่างจัง ทำให้เขากระเด็นถอยหลังและกระแทกเข้ากับกำแพงสนามกีฬาจนพังทลาย
สตีเฟนหมุนมือกลับไปด้านหน้าของเขาและลอยกลับลงมา โดยที่เสื้อคลุมของเขาสะบัดไปด้านหลังขณะที่เขาเดินไปที่กำแพงที่ยูโนะและแอสต้ายืนอยู่
จากนั้นสตีเฟนก็นั่งลงกลางอากาศระหว่างพวกเขา หยิบกรีมัวร์ของเขาออกมาและไม่สนใจสายตาที่เขาได้รับขณะที่อ่าน
ยูโนะส่ายหัว "เขานั้นไม่มีทางมีโอกาสเลย..." เขากล่าวขณะเดินไปที่จุดศูนย์กลางและยืนต่อหน้าคู่ต่อสู้ของเขา เมื่อมีสัญญาณให้เริ่ม ยูโนะชู 2 นิ้วเข้าหาคู่ต่อสู้ของเขา ลมเริ่มแรงขึ้น และคู่ต่อสู้ของเขาถูกเหวี่ยงกลับไปชนกำแพงข้างคู่ต่อสู้ของสตีเฟน
“บาฮา บาฮา!” ชายหนุ่มหยิ่งยะโสที่มีผมสีบลอนด์สกปรกโน้มตัวลงมาหาแอสต้าและพูดคำ 2-3 คำที่น่าสนใจก่อนจะเดินไปข้างหน้า
“แอสต้า…เตะก้นมันซะ” สตีเฟนเยาะเย้ย
แอสต้าหายใจฮึดฮัดขณะที่เขารับตรงกลางและยิ้มเยาะอย่างพึงพอใจ "นายไม่จำเป็นต้องบอกชั้นแบบนั้นหรอกน่า! เพราะนั่นคือสิ่งที่ชั้นจะทำอยู่แล้ว!"
"เริ่ม!"
"[เวทย์สร้างบรอนซ์: บรอนซ์เชสบลาสเตอร์]"
อัสต้าไม่รอให้เขาร่ายมนตร์เสร็จก่อนจะดึงดาบบัสเตอร์ซอร์ดออกมาจากตำราเวทมนตร์ พื้นดินใต้อัสต้าแตกร้าว ทำให้หัวหน้าหน่วยอัศวินเวทมนตร์ส่วนใหญ่ตกใจ โดยเฉพาะยามิ
‘นั่นคือพลังกายทั้งหมด…’
ทันใดนั้น แอสต้าก็ปรากฏตัวขึ้นข้างๆ เปลือกเวทมนตร์สีน้ำเงิน และโจมตีมันอย่างรุนแรง จนศัตรูได้รับความเสียหายด้วยใบมีดด้านแบนของเขา
"เอ๊ะ ?"
คู่ต่อสู้ของเขายังถูกเหวี่ยงกลับไปชนกำแพงจนหมดสติ ตอนนี้คู่ต่อสู้ทั้ง 3 คนหมดสติอยู่ที่กำแพง
แอสต้าฟาดดาบของเขาลง "ชั้นไม่ได้มาที่นี่เพื่อเข้าร่วมกับหน่วยอัศวินเวทมนตร์และสนุกสนานโดยไม่ใช้ความพยายามใดๆ! ชั้นมาที่นี่เพื่อทำงานหนักและกลายมาเป็นจักรพรรดิเวทย์มนต์!!"
สตีเฟนและยูโนะมองหน้ากันครู่นึงก่อนที่จะยิ้ม ในขณะที่หัวหน้าหน่วยอัศวินเวทย์มนต์บางคนก็ยิ้มด้วยความขบขัน
...
หลังจากทุกคนแสดงเวทย์มนตร์และต่อสู้กับคู่ต่อสู้แล้ว...
“และนั่นคือการสิ้นสุดของการสอบเข้าหน่วยอัศวินเวทมนตร์ เมื่อพวกเราเรียกชื่อพวกเธอ โปรดมาข้างหน้า หัวหน้าหน่วยจะทำการยกมือขึ้นหากต้องการให้พวกเธอเข้าหน่วย หากมีหัวหน้าหน่วยมากกว่า 1 คนยกมือขึ้น ผู้เข้าสอบจะต้องตัดสินใจเอง อย่างไรก็ตาม หากไม่มีท่านใดยกมือขึ้น นั่นหมายความว่าพวกเธอคนนั้ไม่มีสิทธิ์และจะต้องสอบใหม่อีกครั้งในปีหน้า” วิลเลียมอธิบาย
“แล้วตอนนี้… หมายเลข 1 ?”
"หมายเลข 15 ?"
"หมายเลข 37 ?"
"หมายเลข 79 ?"
"หมายเลข 121 ?"
"หมายเลข 163 ?"
สตีเฟนลอยไปด้านหน้าและลงจอดตรงกลาง โดยมองขึ้นไปที่เหล่าหัวหน้าหน่วย
ในไม่ช้า หัวหน้าหน่วยอัศวินเวทมนตร์ทุกคนก็ยกมือขึ้นและเลือกเขา ทุกคนต่างตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ รวมถึงแอสต้าด้วย ขณะที่ยูโนะนั้นยิ้มอย่างเรียบง่ายขณะที่เขายืนพิงอยู่ข้างกำแพง
"เหลือเชื่อ..."
"ทั้งหมดเลยเหรอ ?"
“แต่เขาไม่ใช่เพียงสามัญชนทั่วไปหรอกเหรอ ?”
"เขาน่ารักดีนะ... ผมขาวๆนั่นยิ่งเพิ่มเสน่ห์ให้กับเขา..."
วินเลี่ยม แวนเจนซ์มองลงมาที่สตีเฟนด้วยรอยยิ้ม “ดูเหมือนว่าจะมีมติเอกฉันท์กันหมด ทางเลือกก็ขึ้นอยู่กับเธอ เธอคิดว่าหน่วยไหนเหมาะกับเธอที่สุด”
สตีเฟนมองดูหัวหน้าหน่วยทุกคนตั้งแต่ขวาไปซ้าย ก่อนจะหยุดที่รุ่งอรุณสีทองและยิ้ม
หัวหน้าหน่วยอัศวินเวทย์มนตร์ที่เหลือถอนหายใจด้วยความผิดหวัง ในขณะที่วินเลี่ยมก็ยิ้มตอบสตีเฟน
“ผมเลือกกระทิงดำ”
“เอ๊ะ ?” รอยยิ้มของวินเลี่ยมเริ่มสั่นคลอน เช่นเดียวกับการแสดงออกของคนอื่นๆ
“อะไรนะ” ยามิถามด้วยความประหลาดใจไม่แพ้กัน ก่อนจะหัวเราะเสียงดังและชี้ไปที่วิลเลียม “ฮ่าฮ่าฮ่า! แกน่าจะเห็นสีหน้าของแกนะ แกคิดว่าจะเป็นตัวเองละสิ!”
“ถ้าเธอไม่รังเกียจ ชั้นขอถามเหตุผลของเธอได้ไหม” วินเลี่ยมถามพร้อมเอียงศีรษะด้วยความสับสน
ยามิหยุดหัวเราะและมองสตีเฟนด้วยความสับสน “ใช่แล้ว คุณปู่ ทำไมแกถึงเลือกหน่วยของพวกเราล่ะ เกิดอะไรขึ้นกับแก”
“หัวหน้ายามิ คุณเป็นหัวหน้าของพวกเรา โปรดอย่าพูดจาไม่ดีเกี่ยวกับพวกเราเลยครับ...” ฟินรัลพูดอย่างเขินอาย
สตีเฟนส่ายหัวและถอนหายใจ “ผมค่อนข้างเสียใจที่เลือกคุณเพราะทัศนคติและการเรียกชื่อของคุณ แต่ยังไงก็ช่างเถอะ...”
สตีเฟนจึงหันไปหาวินเลี่ยม “คุณเห็นไหม... ว่าผมนั้นรักและชื่นชอบเวทมนตร์มาก ผมคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”
ทุกคนต่างก็แปลกใจกับความจริงจังในน้ำเสียงและแววตาของเขา
“และสิ่งนึงที่ผมชอบมากที่สุดเกี่ยวกับเวทมนตร์ก็คืออิสรภาพ ซึ่งผมไม่คิดว่าผมจะมีมันได้หากอยู่กับหน่วยอัศวินเวทมนตร์อื่น โดยหน่วยกระทิงดำนั้นมักถูกกล่าวขานว่าเป็นพวกอันธพาล และต้อยต่ำที่สุด”
“เฮ้! ระวังหน่อยสิคุณปู่” ยามิเตือน
สตีเฟนถอนหายใจ “พวกเขาไม่มีไหวพริบและทุกภารกิจจบลงด้วยการทำลายบางอย่าง แต่ผมมองต่างออกไป... ผมมองว่าพวกเขาแค่สนุกสนานและเป็นอิสระ และนั่นคือความหมายของเวทมนตร์ นั่นคือเหตุผลที่ผมเลือกกระทิงดำ”
"ตาแก่แกกำลังจะทำให้ชั้นหน้าแดง" ยามิพูดพร้อมกับลูบศีรษะด้านหลังด้วยความเขินอายเล็กน้อย
“อย่างที่ผมพูด... ผมเริ่มจะเสียใจแล้วล่ะ...” สตีเฟนบ่นพึมพำ
"ห้ามปฏิเสธ!" ยามิตะโกนพร้อมเอนตัวออกจากที่นั่งและชี้ไปที่สตีเฟน
“คุณเป็นอะไรรึเปล่า นี่คุณเป็นเด็กเหรอ!” สตีเฟนตะโกนกลับด้วยความรำคาญ
"สำหรับแกแล้ว ชั้นเป็นเด็กนะคุณปู่!"
วินเลี่ยมถอนหายใจและส่ายหัว “เขาเลือกกระทิงดำเพราะเขารักเวทมนตร์... เหตุผลอะไรกันเนี่ย...” เขาพึมพำ
“ดีมาก” วินเลี่ยมพยักหน้า
"ขึ้นมาที่นี่เลยคุณปู่!" ยามิทำท่าพร้อมรอยยิ้มแห่งความสุข
สตีเฟนถอนหายใจและส่ายหัว "ผมชักเกลียดมันแล้ว..."
สตีเฟนใช้แหวนเปิดประตูมิติและปรากฏตัวข้างๆฟินรัลและสมาชิกหน่วยอีกคน
ฟินรัลมองดูเขาด้วยความประหลาดใจ เช่นเดียวกับคนอื่นๆเกือบทั้งหมด "นายเป็นผู้ใช้เวทย์มิติด้วยเหรอ !?"
สตีเฟนยักไหล่ขณะที่คนอื่นๆ มองยามิด้วยความอิจฉาที่เขามีผู้ใช้เวทย์มิติในหน่วยถึง 2 คน "เวทมนตร์ของชั้นมีความสามารถรอบด้านพอที่จะใช้ร่วมกับกับเวทยฺอื่นๆทุกอย่าง"
"ฮ่าๆๆ ดูเอาไว้ซะพวกแก เขาเลือกชั้น!" ยามิคุยโวกับหัวหน้าหน่วยคนอื่นๆ
สมาชิกอีกคนนึงของกระทิงดำ ซึ่งมีลักษณะคล้ายคนใบ้ หันไปทางสตีเฟนแล้วพึมพำบางคำ
สตีเฟนพยักหน้าและก้มหัวเล็กน้อย "ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน กอร์ดอน ชั้นชื่อสตีเฟน หวังว่าเราจะเข้ากันได้และเป็นเพื่อนกันได้เช่นกัน"
“นายได้ยินเขาเหรอ” ฟินรัลถามด้วยความประหลาดใจ
“ใช่” สตีเฟนพูดและมองฟินรัลด้วยความสับสน
ขณะที่กอร์ดอนประสานมือและยิ้มอย่างมีความสุขที่สามารถสื่อสารกับใครบางคนได้แล้ว
โปรดติดตามตอนต่อไป.
_______________