ตอนที่ 41 ศัตรูมาถึง
ตอนที่ 41 ศัตรูมาถึง
โจวหยวนยังคงตัดสินใจลองเกลี้ยกล่อมดู จึงพูดกับเพชฌฆาตดำเพื่อฟังความเห็นของเขา
“ท่านอาวุโสไป๋ ข้ามีวิธีหนึ่งที่จะช่วยสลายพลังอาฆาตในร่างของท่านไปได้บ้าง ท่านพอจะยินยอมหรือไม่?”
เมื่อเพชฌฆาตดำได้ฟังดังนั้น ก็อดประหลาดใจไม่ได้ ก่อนจะส่ายศีรษะพร้อมกับยิ้มและกล่าวว่า “เจ้าหนุ่มโจว ข้าไม่เคยคิดจะจากที่นี่ไป หากข้าจากไปแล้ว นางก็จะเหลือเพียงลำพังจะไม่ยิ่งเหงาหรือ? ข้าขออยู่ที่นี่เพื่อเป็นเพื่อนแม่ของนางต่อไปเถอะ”
“อีกอย่าง คนของสำนักพันศพก็กำลังจะมาถึง พวกมันตามหาข้ามานานหลายปีถึงเวลาแล้วที่ข้าต้องสะสางเรื่องราวเหล่านี้ให้จบสิ้นเสียที”
หลังจากเพชฌฆาตดำพูดจบ ใบหน้าของเขาก็แสดงออกถึงเจตนาฆ่าอันแรงกล้า
โจวหยวนได้ยินเช่นนั้นก็ได้แต่ลอบถอนหายใจ เขาเห็นได้ชัดว่าเพชฌฆาตดำไม่เคยคิดจะจากไป
โจวหยวนประสานมือคารวะอย่างจริงจังต่อเพชฌฆาตดำ ก่อนจะกล่าวว่า “ท่านอาวุโสไป๋ วางใจเถอะ ข้าจะดูแลแม่นางไป๋ไปตลอดชีวิตของข้า!”
เพชฌฆาตดำได้ยินเช่นนั้นก็เผยรอยยิ้มออกมา ก่อนจะตบไหล่ของโจวหยวน “เจ้าหนุ่มโจว ข้าเชื่อใจเจ้า! อวิ๋นซิ่วของข้านางมีร่างหยินเร้นลับ หากปลุกพลังขึ้นมาได้ การฝึกฝนของนางจะก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว เมื่อครั้งที่มารดาของนางกำลังจะจากไป ได้กำชับข้าไว้ว่าหากอวิ๋นซิ่วเติบโตขึ้น ให้พานางไปยังสำนักหลอมจันทรา นี่เป็นสิ่งเดียวที่เราจะสามารถชดเชยต่อสำนักหลอมจันทราได้”
“เรื่องนี้เดิมทีข้าตั้งใจจะจัดการด้วยตัวเอง แต่ตอนนี้ข้าคงทำไม่ได้อีกแล้ว มีแต่ต้องฝากฝังเจ้าแทน อย่างไรก็ตาม หากพวกเจ้าไม่ประสงค์จะทำก็ถือว่าแล้วไป”
เมื่อเพชฌฆาตดำพูดจบก็ถอนหายใจเสียงดัง หลายปีมานี้เขามีชีวิตอยู่ด้วยความรู้สึกผิด
โจวหยวนพยักหน้า จำคำของเพชฌฆาตดำไว้ในใจ “ท่านอาวุโสวางใจเถอะ ข้าจะปฏิบัติตามคำสั่งของท่านให้สำเร็จ!”
เพชฌฆาตดำพยักหน้า จากนั้นจึงกล่าวว่า “นครป่าเขียวกำลังจะเกิดความวุ่นวาย ผู้แข็งแกร่งของสำนักพันศพและนิกายลืมทุกข์กำลังจะมาถึง ที่นี่จะเกิดศึกใหญ่ขึ้นอย่างแน่นอน”
“พรุ่งนี้ข้าจะจัดการค่ายกลเคลื่อนย้ายทั้งหมดให้เสร็จสิ้น หวังว่าพรุ่งนี้กลางคืนพวกเจ้าจะได้ออกจากที่นี่”
โจวหยวนได้ยินดังนั้นก็รีบพยักหน้าทันที ดูเหมือนว่าการปรากฏตัวของเหมืองแร่นี้กำลังจะเปลี่ยนแปลงนครป่าเขียวจนไม่เหลือเค้าเดิม!
แต่ขณะที่เพชฌฆาตดำพูดยังไม่ทันจบ พลันปรากฏแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัวพุ่งลงมาปกคลุมนครป่าเขียวในทันใด
เพชฌฆาตดำที่กำลังสนทนากับโจวหยวน สีหน้าพลันเปลี่ยนไปทันที เขาและโจวหยวนรีบออกจากบ้านไปยืนบนหลังคาเพื่อมองไปยังทิศทางนั้น
แม้จะเป็นเวลากลางคืน แต่ก็ไม่อาจปิดกั้นสายตาของผู้ฝึกยุทธ์ได้ พวกเขาสามารถมองเห็นได้ไกล
ในขณะนี้ บนท้องฟ้าไม่ไกลนัก ปรากฏเรือเหาะขนาดมหึมาสองลำ บนเรือเหาะเต็มไปด้วยกลุ่มคนมากมาย
หนึ่งในเรือเหาะนั้นสลักลวดลายต้นหญ้าที่ดูเหมือนจะทะยานขึ้นไปถึงสวรรค์ หญ้านั้นคือต้นหญ้าลืมทุกข์ เรือเหาะลำนี้มาจากนิกายลืมทุกข์ สำนักบำเพ็ญเพียรระดับสี่!
เรือเหาะอีกลำสลักภาพชายชราแบกโลงศพ โลงนั้นมีลวดลายหัวกะโหลกอยู่มากมาย เรือเหาะลำนี้มาจากสำนักพันศพ สำนักบำเพ็ญเพียรระดับห้า!
เมื่อเรือเหาะทั้งสองลำมาถึง นครป่าเขียวก็ตกอยู่ในความโกลาหลในทันที
แต่ในขณะนั้นเอง พลันปรากฏแสงสว่างจากค่ายกลคุ้มกันปกคลุมนครป่าเขียวทั้งหมด เป็นค่ายกลป้องกันนครป่าเขียว
ผู้ฝึกยุทธ์อิสระหลายคนที่อาศัยอยู่ในนครป่าเขียวมาทั้งชีวิตเพิ่งเคยเห็นว่าที่นี่มีค่ายกลป้องกันเป็นครั้งแรก!
ในเวลาเดียวกัน ที่ใจกลางนครป่าเขียว เงาร่างสี่สายทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า พวกเขายืนลอยอยู่กลางอากาศ พลังที่แผ่ออกจากร่างของทั้งสี่คนนั้นทรงอานุภาพ ร่างกายเปล่งประกายเจิดจ้า ราวกับดวงอาทิตย์น้อยสี่ดวง
“ขอบเขตแก่นทองคำ!”
เมื่อเห็นภาพนี้ หลายคนก็อดพึมพำออกมาไม่ได้ พร้อมเผยสีหน้าเปี่ยมความหวัง
ชาวนครป่าเขียวจำนวนมากต่างรู้ว่ามีขอบเขตแก่นทองคำคอยปกป้องนคร แต่ไม่เคยเห็นตัวจริงมาก่อน เมื่อได้เห็นพวกเขาปรากฏตัวในตอนนี้ ผู้คนจึงรู้สึกอุ่นใจและคิดว่าคงปลอดภัยไร้กังวล
แต่ทันใดนั้นเอง บนเรือเหาะของนิกายลืมทุกข์ เงาร่างสองสายพุ่งออกมา พลังที่แผ่ออกมาจากพวกเขาน่าสะพรึงกลัวจนบดข่มผู้อื่น ร่างกายเปล่งแสงทองอร่าม เผยให้เห็นว่าพวกเขาเองก็อยู่ในขอบเขตแก่นทองคำเช่นกัน
สำนักพันศพก็ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน เงาร่างสองสายเดินออกมาจากเรือเหาะของพวกเขา ร่างกายดูแห้งเหี่ยวราวมัมมี่ แต่พลังที่แผ่ออกมานั้นยิ่งใหญ่จนมิอาจมองข้าม พร้อมด้วยกลุ่มหมอกดำที่ปกคลุมร่างของพวกเขา เผยให้เห็นว่าพวกเขาก็เป็นขอบเขตแก่นทองคำเช่นกัน
ในชั่วพริบตานั้น ความหวังของชาวนครป่าเขียวที่เพิ่งได้รับ กลับแปรเปลี่ยนเป็นความวิตกกังวลทันที
“ทำไมถึงมาเร็วขนาดนี้?” เพชฌฆาตดำพึมพำเสียงแผ่วเบา ริมฝีปากเขาเริ่มซีดเผือด
“โจวหยวน ไปบอกอวิ๋นซิ่วให้เก็บข้าวของ เราจะออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้!” เพชฌฆาตดำกล่าวโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย
โจวหยวนไม่กล้าชักช้า รีบกระโดดลงจากหลังคา เขารู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาลที่แผ่ออกมาจากเรือเหาะทั้งสองลำ พลังอันน่าสะพรึงนี้ทำให้หัวใจเขาสั่นไหว
ไป๋อวิ๋นซิ่วที่ถูกปลุกให้ตื่นตกใจก็ออกมาจากบ้าน
“แม่นางไป๋ เร็วเข้า เก็บของ เราต้องไปเดี๋ยวนี้!” โจวหยวนเอ่ยเร่งรีบไป๋อวิ๋นซิ่ว
ไป๋อวิ๋นซิ่วสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย แต่ก็รีบพยักหน้าแล้ววิ่งกลับเข้าไปในบ้าน
โจวหยวนเองก็กลับไปยังลานพักของเขา แม้ส่วนใหญ่ของที่จำเป็นจะอยู่ในพื้นที่ระบบของเขาแล้ว แต่ในบ้านยังมีของเล็กน้อยที่เขาต้องจัดการ
เขารีบเก็บสิ่งของทั้งหมดเข้าไปในแหวนเก็บของ พร้อมกับลบหลักฐานทั้งหมดที่แสดงว่าเขาเคยอยู่ที่นี่
ไม่นานนัก โจวหยวนก็เก็บข้าวของเสร็จสิ้น และกลับมายืนรอในลานพัก
ในเวลาเดียวกัน เพชฌฆาตดำก็บินกลับมาที่ลานของเขาเอง ไม่นานเพียงยี่สิบลมหายใจ เขาก็กลับออกมาพร้อมกับไป๋อวิ๋นซิ่ว
“พันธมิตรป่าเขียว เจ้าต้องการเป็นศัตรูกับสำนักพันศพของข้าอย่างนั้นหรือ?”
ทันใดนั้น เสียงเย็นชาของชายชราผู้หนึ่งดังขึ้นกลางอากาศ กึกก้องไปทั่วนครป่าเขียว
“สหายเต๋าแห่งสำนักพันศพ เมื่อครั้งอดีตพันธมิตรแดนแสงขาวได้กำหนดไว้อย่างชัดเจนว่าเขตป่าเขียวเป็นดินแดนของผู้ฝึกตนอิสระแห่งแดนแสงขาว ห้ามมิให้สำนักใดเข้ามารุกราน หรือว่าสำนักพันศพตั้งใจจะเป็นศัตรูกับทุกสำนักในแดนแสงขาวแล้ว?”
เสียงของชายชราผู้หนึ่งดังมาจากในนครป่าเขียว น้ำเสียงแฝงไปด้วยความโกรธ
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ใบหน้าของชายชราแห่งสำนักพันศพถึงกับเปลี่ยนสีทันที สีหน้าเคร่งขรึมขึ้น
“สหายเต๋าหวัง เจ้าชราผู้ใกล้ฝั่งเช่นเจ้ายังกล้าข่มขู่สำนักพันศพของข้า เจ้าไม่กลัวหรือว่าข้าจะจับเจ้ามาทำเป็นหุ่นเชิดศพในภายภาคหน้า!”
ชายชราสำนักพันศพกล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน หลังจากนั้นไม่นาน โลงศพใบหนึ่งปรากฏขึ้นกลางอากาศ และจากในโลงศพนั้นมีหุ่นเชิดศพตัวหนึ่งได้ก้าวออกมา
หุ่นเชิดศพตัวนี้ส่งกลิ่นเหม็นรุนแรงคละคลุ้ง แต่พลังที่แผ่ออกมานั้นเป็นพลังในระดับขอบเขตแก่นทองคำขั้นกลาง
เมื่อผู้คนเห็นหุ่นเชิดศพตัวนี้ ความเย็นยะเยือกก็แล่นไปทั่วร่างกายของพวกเขา ความหวาดหวั่นแผ่ซ่านไปทั่ว
“ข้าได้แจ้งไปยังสำนักร่วมสันติ สำนักด่านป่า และสำนักยอดเขาเหล็กแล้ว หากสำนักพันศพยังคงยืนกรานจะบุกเข้านครป่าเขียว ข้าทั้งหลายคงต้องสู้จนตัวตาย!”
เสียงของชายชราในนครป่าเขียวดังขึ้นอีกครั้ง ทำให้ชายชราสำนักพันศพต้องขมวดคิ้วแน่น
สำนักด่านป่า สำนักร่วมสันติ และสำนักยอดเขาเหล็ก ล้วนเป็นสำนักระดับห้าในแดนแสงขาวเช่นเดียวกับสำนักพันศพ หากพวกเขาเข้ามาสนับสนุนนครป่าเขียว ศึกครั้งนี้คงไม่ง่ายสำหรับสำนักพันศพนัก!