บทที่ 49 เด็กสองขวบ
"ฟู่หนิวเออร์ นี่คือเงินอั่งเปาของเจ้า เก็บไว้ให้ดีนะ หากเก็บไม่ได้ อย่ากลัวไป ย่ายังอยู่ตรงนี้ ย่าจะเก็บไว้ให้เจ้าใช้เป็นสินเดิมในอนาคต"
เจียอินกดหมอนของตัวเองแน่น ดวงตาเล็ก ๆ เปล่งประกายสดใส
ย่าหลี่หัวเราะพลางคลุมผ้าห่มให้หลานสาว
หลังจากเจียอินหลับสนิท ย่าหลี่จึงย่องเข้าไปตรวจดู และก็เป็นไปตามคาด ไม่มีอะไรอยู่ใต้หมอนเลย
นางถอนหายใจเบา ๆ พร้อมลูบอกคลายกังวล แล้วค่อย ๆ ลงจากเตียง
กลางดึก หม้อใบใหญ่ในครัวเดือดพล่าน เกี๊ยวถูกลวกจนสุกหอมกรุ่น
นอกบ้าน เสียงประทัดดังกรอบแกรบ เปิดฉากการต้อนรับปีใหม่
ความสุขของเด็กวัยสองขวบช่างเรียบง่าย นางจะได้กินอาหารอย่างอื่นนอกจากนมบ้างแล้วนะ แม้ว่าจริง ๆ แล้วเจียอินจะเพิ่งถือกำเนิดมาได้ไม่ถึงหกเดือน แต่เนื่องจากการนับอายุแบบจีน ทำให้ตอนนี้นางมีอายุสองขวบ ซึ่งได้เปลี่ยนแปลงเมนูอาหารของเด็กเล็กอย่างนางไปอย่างสิ้นเชิง
ไข่ตุ๋น โจ๊กอ่อน และน้ำผลไม้บด ทั้งหมดนี้นางสามารถกินได้อย่างเต็มปากเต็มคำ ทำให้ทุกวันเจียอินอารมณ์ดีจนยกขาถีบไปมา และไม่ยอมหลีกทางในเวลารับประทานอาหาร
วันตรุษจีนผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในวันขึ้นปีใหม่ ผู้คนมาอวยพร วันที่สองเป็นวันกลับไปเยี่ยมบ้านพ่อแม่ ส่วนวันที่ห้าเป็นวันส่งของไหว้ให้เทพเจ้า
ในพริบตาเดียว เทศกาลปีใหม่ก็สิ้นสุดลง
หลังตรุษจีน โต๊ะอาหารทุกบ้านไม่มีเนื้อให้เห็นอีกแล้ว และเด็ก ๆ หากดื้อก็อาจถูกตีก้นเบา ๆ สองที
วันนี้ ครอบครัวหลี่นั่งล้อมวงพูดคุยกัน
แม้ว่าก่อนหน้านี้หิมะจะตกหนัก แต่บ้านที่สร้างแข็งแรงก็ไม่ได้รับผลกระทบเลย แถมยังอบอุ่นสบาย
ย่าหลี่พูดด้วยความซาบซึ้ง "วันที่สิบห้าของเดือนนี้ ข้าจะส่งโคมไฟไปให้ถึงหน้าหลุมศพของลุงจาง และแม้ว่าบ้านฮูหยินซุนจะอยู่ไกลจนส่งของขวัญปีใหม่ไปไม่ได้ แต่ถ้าไม่มีความช่วยเหลือจากนาง ครอบครัวเราคงไม่มีโอกาสได้ซื้อบ้านดี ๆ แบบนี้แน่"
ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย
หลี่เหล่าซือกล่าวว่า "ถ้าในอนาคตเดินทางผ่านใกล้บ้านฮูหยินซุน เราคงต้องแวะไปเยี่ยมนางแน่"
ย่าหลี่ได้ยินดังนั้นก็พูดขึ้นมาอีกเรื่อง "ฤดูใบไม้ผลิมาถึงแล้ว เราต้องทำไร่กันที่บ้าน ปีนี้ ให้เจียอี้ไปช่วยงานกับขบวนคุ้มกัน ส่วนพวกเจ้าควรอยู่บ้านช่วยงานไถนา"
หลี่เหล่าซือรับคำทันที เขาเองก็รู้สึกกังวลกับการเตรียมตัวสำหรับการไถนาในฤดูใบไม้ผลิ
เจียอี้รู้สึกตื่นเต้นปนประหม่าเมื่อคิดถึงการต้องออกไปทำงานกับสำนักคุ้มกันเพียงลำพัง
เจียเหรินตบไหล่น้องชายเบา ๆ หลายครั้ง แม้จะอิจฉาเล็ก ๆ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาในฐานะพี่ชาย ยังคงได้รับการสนับสนุนให้เรียนหนังสือในสำนัก ส่วนเจียอี้ต้องออกไปทำงานหาเงิน
หลี่เหล่าซานซึ่งกำลังซ่อมบังเหียนม้า ถามขึ้นอย่างไม่ใส่ใจว่า "แม่ ฤดูใบไม้ผลินี้เราจะปลูกอะไรในที่ดินสิบหมู่ของเรา?"
หลี่เหล่าเออร์กล่าวว่า "คนในหมู่บ้านส่วนใหญ่ปลูกข้าวฟ่าง บ้านเราควรปลูกด้วยไหม?"
ย่าหลี่กล่าวด้วยน้ำเสียงมั่นใจ "ที่ดินสิบหมู่ ปลูกข้าวฟ่างหกหมู่ ข้าวฟ่างเหลืองสามหมู่ และมันเทศอีกหนึ่งหมู่"
ทุกคนเห็นด้วยโดยไม่มีข้อโต้แย้ง ข้าวฟ่างเป็นพืชที่ต้องเสียภาษี แต่ยังมีเหลือไว้กิน รวมกับข้าวฟ่างเหลืองและมันเทศก็เพียงพอเลี้ยงครอบครัวได้ทั้งปี
ถ้ามีรายได้เสริมเพิ่มขึ้น การซื้อข้าวเจ้าและแป้งสาลีดี ๆ มาเป็นอาหารพิเศษก็คงจะดีไม่น้อย
หลังจากวางแผนเรียบร้อย เจียอินก็เอนตัวในอ้อมกอดย่าหลี่ ฟังเรื่องเล่าในบ้านไปพลาง ทำงานในมิติของตนไปพลาง
นางไม่ได้เกียจคร้านเลยตลอดช่วงก่อนและหลังตรุษจีน ข้าวโพดและมันฝรั่งในสวนเล็ก ๆ ของนางเก็บเกี่ยวเสร็จแล้ว และตอนนี้นางกำลังพยายามบดข้าวโพดบางส่วนเป็นแป้ง
หมูสี่ตัวต้องการอาหาร และแม้แต่แกะ ลูกเป็ด และลูกห่านก็ต้องได้รับการให้อาหารเป็นครั้งคราว
งานพวกนี้ใช้พลังงานจิตอย่างมาก จนทำให้นางเผลอหลับไปในขณะที่กำลังยุ่งอยู่ในมิติของตัวเอง...
ย่าหลี่มองหลานสาวที่หลับปุ๋ยอยู่ในอ้อมกอด จึงคิดจะอุ้มนางเข้าไปในห้อง
แต่ยังไม่ทันลุกขึ้น อู๋ชุ่ยฮวาก็กลับมาจากนอกบ้านด้วยท่าทางลับ ๆ ล่อ ๆ
ย่าหลี่ขมวดคิ้วทันที ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
ในช่วงปีใหม่ ถือว่าเป็นสิ่งต้องห้ามที่จะทำให้เกิดเสียงดังหรือเสียน้ำตา แม้แต่เด็กซุกซนที่สุดก็ยังรอดพ้นไม้กวาดของแม่ในช่วงเวลานี้
แต่ตลอดช่วงเทศกาล อู๋ชุ่ยฮวาก็แสดงความเกียจคร้านอีกครั้ง ทั้งครอบครัวก็ยังทนต่อนางโดยไม่ปริปาก
ทว่า ตอนนี้ปีใหม่สิ้นสุดลงแล้ว และอู๋ชุ่ยฮวายังมีพฤติกรรมแบบเดิม นางช่างไร้สำนึกนัก...
ขณะเดียวกัน…
"เจียอี้ ลูกช่วยเก็บของให้พี่ชายหน่อยนะ พี่เขาจะไปเรียนในอีกสองวันแล้ว" หลี่เหล่าเออร์บอกพร้อมกับดึงหลี่เจียอี้เข้าไปในห้องทางตะวันตก ส่วนตัวเขาเดินกลับไปที่ห้องฝั่งตะวันออก
ทันทีที่เปิดประตูเข้าไป ก็พบอู๋ชุ่ยฮวากำลังรื้อค้นข้าวของในกล่องและตู้จนวุ่นวาย
หลี่เหล่าเออร์เดินเข้ามาอย่างเงียบ ๆ แต่แววตาเย็นชานัก เขาพูดเสียงหนักแน่น "อู๋เอ้อร์โกวกลับมาอีกแล้วสินะ"
อู๋ชุ่ยฮวาสะดุ้งรีบปิดซ่อน แต่ยิ่งทำให้ข้าวของในห่อยุ่งเหยิงกว่าเดิม
“ข้าไม่อยู่แล้ว! ฆ่าข้าให้ตายไปซะ! เขาเป็นน้องชายของข้า! เจ้ากินเนื้อดื่มเหล้าฉลองปีใหม่ ส่วนเขาหนาวจนแทบตายอยู่ข้างนอก ไม่มีบ้าน ไม่มีงานจะให้ข้านั่งดูเขาทรมานอย่างนี้หรือ!” อู๋ชุ่ยฮวาตะโกนลั่นร้องไห้โฮ ดึงผมตัวเองจนยุ่งเหยิง
หลี่เหล่าเออร์ถอนหายใจ ก่อนหยิบเงินสองตำลึงที่แม่ให้ไว้ช่วงปีใหม่ออกมาแล้วโยนให้ "เอาไปให้เขา และบอกเขาว่าถ้ากล้ากลับมาสร้างปัญหาอีก ข้าจะหักขาเขา!"
อู๋ชุ่ยฮวารีบคว้าเงินไว้ทันที เช็ดน้ำตาอย่างลวก ๆ แล้วเดินออกไปโดยไม่ลืมพึมพำ "หวังว่าเขาจะใช้เงินนี้เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่..."
“ข้าไม่สนหรอกว่าเขาจะทำอะไร แต่ถ้ากล้ามาอีก ข้าจะไม่ปล่อยไว้แน่!” หลี่เหล่าเออร์ตะโกนไล่หลัง
ในครัว เถาหงอิงและจ้าวอวี้หรูมองผ่านประตูแล้วถอนหายใจพร้อมกัน
“ชุ่ยฮวาแก้นิสัยไม่ได้เลย ถ้ายังเป็นแบบนี้ บ้านดี ๆ ก็อาจจะแตกสลาย” พวกนางพูดคุยกันเบา ๆ แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรมากในฐานะน้องสะใภ้
ทันใดนั้น มีเสียงกลองและฆ้องดังขึ้นที่หน้าหมู่บ้าน เด็ก ๆ รีบวิ่งมารายงานข่าว
“คุณย่า มีคนมาแสดงระบำหยางเกอที่หน้าหมู่บ้าน ไปดูกันเถอะ!”
คุณย่าหลี่ลังเล "งานแบบนี้ปีหนึ่งจะมีแค่ไม่กี่ครั้ง ถ้าพลาดไปก็น่าเสียดาย แต่เจียอินกำลังนอนหลับอยู่..."
เถาหงอิงกับจ้าวอวี้หรูรีบอาสาอยู่เฝ้าบ้าน แต่ย่าหลี่รู้สึกสงสารลูกสะใภ้ที่ทำงานหนักมาตลอดทั้งปี
สุดท้ายทุกคนก็ออกไปดูความสนุกที่หน้าหมู่บ้าน เหลือเพียงหลี่เจียเหรินที่นั่งอ่านหนังสืออยู่เงียบ ๆ
"ไม่ต้องห่วงขอรับ ย่า ข้าจะอ่านหนังสือไปพร้อมกับดูน้อง"
เจียเหรินรับปากอย่างหนักแน่น ขณะที่ทุกคนเดินออกไปชมการแสดงที่คึกคัก
ในป่าหลังหมู่บ้าน อู๋ชุ่ยฮวากำลังคุยกับอู๋เอ้อร์โกว "นี่เงินสองตำลึงที่ข่าต้องลำบากเอามาให้ เจ้าห้ามเอาไปเล่นการพนันอีกล่ะ รีบใช้หนี้แล้วหางานดี ๆ ทำซะ"
อู๋เออร์โกวรับเงินจากอู๋ชุ่ยฮวา และหัวเราะเยาะ "แค่สองตำลึงยังไม่พอจ่ายหนี้เลย หาเพิ่มมาให้ข้าอีกหน่อยสิ!"
“เจ้าจะทำให้ข้าโกรธตายจริง ๆ!” อู๋ชุ่ยฮวาตีน้องชายไปสองที แต่สุดท้ายก็ไม่กล้าทำอะไรต่อ
ขณะที่กำลังลังเล นางเหลือบไปเห็นความสนุกที่หน้าหมู่บ้านจากระยะไกล พอเห็นว่าบ้านเงียบสงัด นางจึงตัดสินใจกลับบ้านเงียบ ๆ