บทที่ 360: การแข่งรอบแบ่งกลุ่มจบลงอย่างสมบูรณ์
เฉียวซางในตอนนี้ยืนอึ้งอยู่กับที่อย่างสมบูรณ์แบบ
ในขณะที่คนอื่นๆถูกความสนใจดึงดูดไปยังหิมะที่ตกลงมาอย่างกะทันหัน เธอกลับมองแค่แวบเดียวก่อนจะหันกลับไปจ้องที่ลู่เป่าแทน
และนั่นก็ทำให้เธอถึงกับช็อก
เรียกหิมะ?
เมื่อครู่ลู่เป่ามันเพิ่งใช้ทักษะหิมะตกจริงๆน่ะเหรอ?!
ในวินาทีนั้น เฉียวซางเริ่มตั้งคำถามกับเนื้อหาในหนังสือเรียนที่เคยอ่านมา
หรือว่าทักษะระดับสูงมันไม่ได้เรียนยากอย่างที่คิด?
เมื่อลองนึกย้อนกลับไปจริงๆ สัตว์อสูรทั้งสามของเธอที่เคยเรียนทักษะระดับสูง เวลาที่ใช้ไปกับการเรียนทักษะที่ยากที่สุดและเหนื่อยที่สุดก็คงเป็นตอนที่หยาเป่าเรียนฝนดาวตกซึ่งใช้เวลาไปประมาณเดือนเดียวเอง
งั้นทักษะระดับสูงมันเรียนรู้ยากจริงๆเหรอ? หรือจะเป็นแค่ความคิดของคนเขียนหนังสือเรียน...
ความคิดมากมายแล่นผ่านหัวของเฉียวซางราวกับพายุ
ในขณะที่เธอกำลังจมอยู่กับความคิด ลู่เป่าก็เงยหน้าขึ้นมองหิมะที่มันเพิ่งร่ายออกมาเอง ดวงตาของมันเปล่งประกายด้วยความตื่นเต้น แต่ทันใดนั้นมันก็นึกอะไรขึ้นได้ รีบเก็บสีหน้าตื่นเต้นของตัวเองแล้วทำปากอ้าออก
ทันใดนั้น กลุ่มเมฆดำทะมึนก็ปรากฏขึ้นและกดทับลงมา
เสียงฟ้าร้องดังสนั่น สายฝนเย็นเฉียบเริ่มตกลงมาจากฟากฟ้าในทันที
หยดน้ำฝนที่ตกลงมาเรียกความสนใจของผู้ชมที่กำลังพูดคุยกันอยู่ให้หันกลับมาที่สนามแข่งอีกครั้ง ลืมไปหมดสิ้นกับเหตุการณ์ที่หิมะเพิ่งตกไป
ฝนตก?!
ผู้คนส่วนใหญ่นั่งนิ่งงันด้วยความตกใจ
หวังเว่ยโต่วถึงกับตาเป็นประกาย
“นี่…ฝนมันตกจริงๆเหรอ?!”
บนอัฒจันทร์ มีคนพึมพำออกมาเสียงเบา
เวลาผ่านไปเพียงชั่วครู่ ดังนั้นจึึงไม่มีใครลืมคำสั่งที่เฉียวซางเพิ่งให้ไปก่อนหน้านี้เลย
ดังนั้น…พรายเกล็ดน้ำค้างมันเรียกฝนได้จริงๆเหรอ?!
“เป็นสัตว์อสูรหายากก็ว่าเจ๋งแล้ว นี่ยังมีพรสวรรค์ขนาดนี้อีก ทำไมถึงไม่เป็นของฉันกันนะ…” ชายคนหนึ่งข้างๆพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความอิจฉา จนแทบจะรู้สึกว่าใจของเขาแตกเป็นเสี่ยงๆ
หญิงสาวที่อยู่ข้างขวาของเขาเหลือบมองด้วยสายตาเฉยชา ก่อนจะถามว่า
“คุณไม่เคยดูการแข่งขันก่อนหน้านี้ของเฉียวซางใช่ไหม?”
ชายคนนั้นชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้ารับ
เขาเป็นคนในเขตชนบทเล็กๆ แม้ว่าลูกสาวของเขาจะเรียนอยู่ที่โรงเรียนฝึกอสูรฮุ่ยเฉิง แต่ก็ไม่ได้เป็นสมาชิกของทีมโรงเรียน
ถ้าไม่ใช่เพราะรอบแบ่งกลุ่มของการแข่งขันผู้ฝึกสัตว์อสูรระดับมัธยมปลายแห่งชาติครั้งนี้จัดขึ้นที่โรงเรียนลูกสาวของเขา เขาคงไม่ได้สนใจการแข่งขันนี้เลยด้วยซ้ำ
ไม่ใช่ว่าการแข่งขันนี้ไม่มีความสำคัญ แต่เขารู้สึกว่ามันไกลตัวเกินไป ไม่จำเป็นต้องใส่ใจ
หญิงสาวข้างๆเอ่ยต่อ
“พรสวรรค์ของสัตว์อสูรสำคัญก็จริง แต่ต้องดูด้วยว่าผู้ฝึกสัตว์อสูรเป็นใคร ผู้ฝึกสัตว์อสูรที่ดีจะสามารถดึงศักยภาพของสัตว์อสูรออกมาได้เต็มที่ เฉียวซางไม่ได้มีแค่พรายเกล็ดน้ำค้างที่เก่ง สัตว์อสูรอีกตัวของเธออย่างอสูรล่าสมบัติยังเรียนทักษะระดับสูง อย่างควบคุมเงาได้อีกด้วย”
ควบคุมเงามืด?! ชายคนนั้นถึงกับตะลึง
หญิงสาวพูดต่อ
“ดังนั้นต่อให้พรายเกล็ดน้ำค้างเป็นสัตว์อสูรของคุณ คุณก็ไม่แน่ว่าจะทำให้มันเรียนทักษะเรียกฝนได้”
คำพูดนี้ทำให้ชายคนนั้นนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะขมวดคิ้วถามว่า
“คุณเป็นใคร?”
หญิงสาวในชุดโค้ทสีขาวยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย พร้อมรอยยิ้มบางๆ
“ฉันแม่ของเธอไง”
ชายคนนั้น: “???”
ในสนามแข่ง
เฉียวซางที่ไม่รู้เลยว่าแม่ของเธอมาถึงแล้วและกำลังแอบดูการแข่งของเธออยู่ สายตาเธอมองดูสายฝนที่ตกลงมา ก่อนจะเรียกสติกลับมา เธอปรับอารมณ์ให้มั่นคง และออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
“สายน้ำโรมรัน!”
“ลูลู่!”
ลู่เป่าจ้องไปที่เงาที่กำลังบินอยู่บนฟ้า ในนาทีถัดมา กระแสน้ำสีน้ำเงินห่อหุ้มร่างกายของมันเอาไว้ทั้งหมด!
ตูม!
ในชั่วพริบตา ลู่เป่ากลายเป็นกระแสน้ำสีฟ้าที่พุ่งทะยานขึ้นจากพื้นตรงไปยังท้องฟ้า
“ซือซือ!”
นกสายตามหัศจรรย์ที่กำลังบินอยู่เผลอก้มลงมาและเห็นเป็นกระแสน้ำสีฟ้าพุ่งเข้ามาหาตรงๆ จนมันต้องรีบกระพือปีกหลบไปด้านข้างด้วยความตกใจ
ทว่าความหวาดกลัวทำให้มันหลบเร็วเกินไปจนขนปีกหลุดออกมาหนึ่งเส้น
ลู่เป่าหมุนตัวกลับกลางอากาศ ก่อนพุ่งดิ่งลงมาจากที่สูง
ความเร็วของมันที่ว่ารวดเร็วอยู่แล้วกลับเพิ่มขึ้นไปอีกขั้น จนดูเหมือนหยดน้ำฝนรอบข้างชะลอตัวลงอย่างชัดเจน
นกสายตามหัศจรรย์เพิ่งกระพือปีกได้ครั้งเดียว ลู่เป่าที่ถูกห่อหุ้มด้วยกระแสน้ำก็พุ่งผ่านระยะทางแปดถึงเก้าเมตรเข้าไปชนเข้ากับแผ่นหลังของมัน
“ซือซือ!!!”
แรงปะทะส่งนกสายตามหัศจรรย์กระแทกลงสู่พื้น เกิดเป็นหลุมลึกบนพื้นสนาม
ในตอนนั้น ฝนที่ปะปนด้วยหิมะพลันหยุดลง สัตว์อสูรประเภทจักรกลที่เป็นกรรมการบินเข้ามาจากข้างสนามเพื่อสำรวจหลุมที่เกิดขึ้น
ปรี๊ด!!
หลังจากนั้นเพียงสามวินาที เสียงนกหวีดที่ประกาศจบการแข่งขันก็ดังขึ้น
อัฒจันทร์ระเบิดด้วยเสียงฮือฮา
“พรายเกล็ดน้ำค้างทำไมเร็วขนาดนั้นได้เนี่ย?”
“นั่นสิ! เห็นมันใช้สายน้ำโรมรันอยู่บ่อยๆ แต่ความเร็วที่เห็นวันนี้กับเมื่อวันก่อนต่างกันลิบลับ!”
“อู๋ซางเป็นอะไรไปล่ะนั่น? ตั้งแต่หิมะตกก็ยืนนิ่งเลย ไม่ได้สั่งอะไรอีกเลย!”
“เป็นฉันก็คงยืนงงแบบนั้นเหมือนกันนั่นแหละ! แค่กระพริบตาสองที การแข่งขันก็จบแล้ว?!”
“วันนี้พรายเกล็ดน้ำค้างโคตรเทพเลย!”
จากแถวหน้าของอัฒจันทร์ ซึ่งเป็นที่นั่งของกลุ่มผู้อำนวยการของโรงเรียน ชายวัยกลางคนคนหนึ่งพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“นั่นคือลักษณะเฉพาะตัวว่ายน้ำเร็็ว”
รองผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยมปลายฉงติงหัวเราะพร้อมกล่าว
“คราวนี้โรงเรียนมัธยมเซินซุ่ยของพวกคุณเหมือนจะได้เด็กอัจฉริยะที่เหนือกว่านักเรียนของโรงเรียนหลี่ตันไปเสียแล้ว”
“คนบอกกันว่าหางพฤกษาของติงเหยียนจิ่งแห่งโรงเรียนหลี่ตันมีความทนทานที่เหนือชั้น แต่พอเทียบกันแล้วเหมือนพรายเกล็ดน้ำค้างของเฉียวซางจะเหนือกว่าในหลายด้านจริงๆ”
ชายอีกคนพูดเสริมด้วยน้ำเสียงเจือความอิจฉา
“แสงแห่งการรักษา เรียกฝน ไหนจะลักษณะเฉพาะตัวอย่างว่ายน้ำเร็วอีก... ทั้งฟื้นฟู ความเร็ว และโจมตี ครบทุกด้านแบบนี้ใครจะไปสู้ไหว?”
หวังเว่ยโต่วหัวเราะหึหึ
“เฉียวซางเด็กคนนี้ ฉันเองยังไม่รู้เลยว่าเธอฝึกยังไงบ้าง ถึงได้พัฒนาฝีมือขึ้นมาทีละขั้นใหญ่ๆทุกครั้งที่เจอ!”
“เรื่องเหนือกว่าโรงเรียนหลี่ตันอย่าเพิ่งพูดถึงเลย เธอเพิ่งอยู่แค่มัธยมปลายปีหนึ่งเอง แต่กลับมาลงแข่งกับเด็กปีสาม แค่นี้ก็นับว่าเก่งมากแล้ว เด็กพวกนั้นอายุมากกว่าเธอสองปีทั้งนั้น”
พูดจบหวังเว่ยโต่วก็แหงนหน้าด้วยท่าทางภูมิใจเล็กน้อย
รองผู้อำนวยการโรงเรียนหมู่ติงถึงกับกระตุกมุมปาก
ไอ้เจ้าแก่คนนี้... ฉันพูดว่า ‘เหนือกว่า’ แต่แกพูดว่า ‘เหยียบ’ แบบนี้มันคนละความหมายเลยนะเว้ย!
ในสนามอู๋ซางสูดลมหายใจเข้าลึก ถ้าเขามองไม่ผิดล่ะก็พรายเกล็ดน้ำค้างของเฉียวซางไม่ได้ใช้แค่เรียกฝนแต่มันยังใช้เรียกหิมะตอนก่อนหน้านั้นด้วย…
สัตว์อสูรระดับกลาง แต่กลับน่ากลัวถึงขนาดนี้…
อู๋ซางมองเฉียวซางด้วยสายตาลึกซึ้ง
แม้คนอื่นอาจจะยังไม่รู้ แต่เขาแน่ใจว่าเด็กสาวตรงหน้าคนนี้มีความสามารถเพียงพอที่จะเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศของการแข่งขันผู้ฝึกสัตว์อสูรระดับมัธยมปลายแห่งชาติได้
เมื่อจบรอบแบ่งกลุ่มแล้ว ด้วยความต่างของระดับระหว่างเขากับเธอ เกรงว่าคงไม่มีโอกาสได้เจอกันอีก…
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง อู๋ซางก็ถามขึ้นมา
“เรามาแลกช่องทางติดต่อกันได้ไหม?”
“ได้สิ” เฉียวซางตอบรับอย่างง่ายดาย
...
หนึ่งชั่วโมงกว่าๆ หลังจากนั้น การแข่งขันรอบแบ่งกลุ่มที่ยาวนานถึงหนึ่งสัปดาห์ก็สิ้นสุดลง
บนจอเสมือนจริงเหนืออัฒจันทร์ได้ประกาศผลการแข่งขันและรายชื่อผู้ที่ผ่านเข้าสู่รอบต่อไปทันที
ในรายชื่อแถวแรกสุด เฉียวซางเห็นชื่อของตัวเองอยู่เป็นอันดับแรก
“พวกเธอทำได้ดีมาก ทั้งสามคนผ่านเข้ารอบทั้งหมด” ซุ่นปั๋วอวี้ยิ้มพลางกล่าว “แต่การแข่งขันรอบคัดออกในอีกสามวันข้างหน้านี่แหละที่สำคัญ โดยเฉพาะนายเห่อต้าเถากลับไปก็อย่าขี้เกียจล่ะ”
เห่อต้าเถาพึมพำเสียงเบาอยู่ข้างๆ
“ทำไมไม่พูดถึงเฉียว…”
เขาหยุดคำพูดไว้ครู่หนึ่ง เมื่อคิดถึงการวิวัฒนาการของสุนัขเพลิงเร้นลับของเฉียวซาง ก่อนจะเปลี่ยนชื่อ
“…สวี่อี้เสวียน”
“…” สวี่อี้เสวียนถึงกับพูดไม่ออก
ทันใดนั้น เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากด้านหลัง
“เฉียวซาง มานี่หน่อย มีคนที่ฉันอยากแนะนำให้รู้จัก”
เฉียวซางหันหลังกลับไปมอง ก็พบกับผู้อำนวยการของโรงเรียนที่ดูเปล่งประกายราวด้วยแสงสีทอง และชายวัยกลางคนคนหนึ่ง
“ฉันเป็นรองผู้อำนวยการของโรงเรียนมัธยมปลายฉงติง ยินดีที่ได้รู้จักนะ” ชายวัยกลางคนกล่าวด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร