ตอนที่แล้วตอนที่ 30 วันแรกของการฆ่าหมู
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 32 สุดแสนจะตื่นเต้น

ตอนที่ 31 ชีวิตการฆ่าหมูอันแสนสุข


ตอนที่ 31 ชีวิตการฆ่าหมูอันแสนสุข

หลังจากโจวหยวนหลอมโอสถชั้นหนึ่งไปสองเม็ด เสียงของไป๋อวิ๋นซิ่วที่เรียกให้เขาไปกินข้าวก็ดังขึ้น

"พี่ใหญ่โจว ท่านออกมากินข้าวได้แล้ว!"

เมื่อโจวหยวนได้ยินเช่นนั้น เขารีบลุกขึ้น เดินออกจากลานบ้านของตน และตามไป๋อวิ๋นซิ่วไปยังลานของครอบครัวนาง

ไป๋ชิงกังผู้เป็นบิดาของไป๋อวิ๋นซิ่ว ทำหน้าบึ้งตึง แสดงท่าทีไม่ค่อยพอใจที่โจวหยวนมาร่วมกินข้าวด้วย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา

อาหารในมื้อนี้ต้องบอกว่ายอดเยี่ยมมาก ข้าววิญญาณ ผักวิญญาณ เนื้อวิญญาณ รวมถึงสี่กับข้าวและหนึ่งซุป ทำให้โจวหยวนตาเป็นประกายด้วยความตื่นเต้น

"แม่สาวไป๋ ฝีมือท่านยอดเยี่ยมจริง ๆ ใครได้แต่งงานกับท่านในอนาคตคงโชคดีมากแน่ ๆ!" โจวหยวนเอ่ยชมพลางกินอาหาร

เมื่อไป๋อวิ๋นซิ่วได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของนางก็แดงระเรื่อทันที ราวกับคำพูดนี้มีความหมายอื่นแฝงอยู่

ไป๋ชิงกังได้ยินคำพูดของโจวหยวน สีหน้าก็มืดมนลงไปอีก เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา "เจ้าหนุ่ม ห้ามคิดอะไรกับลูกสาวข้าเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นข้าจะจัดการเจ้า!"

ไป๋อวิ๋นซิ่วได้ยินเช่นนั้น นางรีบกระทืบเท้าด้วยความเขินอาย พลางกล่าวขึ้น "ท่านพ่อ!"

เมื่อโจวหยวนได้ยินสิ่งที่ไป๋ชิงกังพูด เขาถึงกับพูดอะไรไม่ออก "ข้าก็แค่ชมเท่านั้นเอง ไม่มีความคิดเช่นนั้นเลย!"

แต่เมื่อมองไปยังใบหน้าที่แดงระเรื่อของไป๋อวิ๋นซิ่ว โจวหยวนก็อดคิดในใจไม่ได้ว่า นางช่างงดงามจริง ๆ

จากนั้นโจวหยวนเหลือบมองไปยังไป๋ชิงกังในใจเขาก็แอบคิด ‘เมียเจ้าอาจจะแอบไปมีคนอื่นหรือเปล่า? ไม่อย่างนั้นด้วยสายเลือดของเจ้า ไม่น่าจะให้กำเนิดลูกสาวที่สวยขนาดนี้ได้!’

แน่นอนว่าโจวหยวนไม่กล้าพูดความคิดนี้ออกมา เพราะไม่อย่างนั้นไป๋ชิงกังคงจะเดือดดาลแน่นอน

แม้บรรยากาศในมื้ออาหารจะดูอึดอัดไปบ้าง แต่โจวหยวนกลับกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อยจนหมด แม้แต่ซุปก็ไม่เหลือ

ไป๋อวิ๋นซิ่วเห็นเช่นนั้น นางก็ดีใจจนเผลอยิ้มออกมา ส่วนใบหน้าของไป๋ชิงกังก็มืดมนลงไปอีก

ในสามวันถัดมา โจวหยวนฆ่าหมูวันละสี่ตัว เขาเริ่มปรับตัวเข้ากับชีวิตของผู้ขับไล่วิญญาณได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ ระดับพลังและอายุขัยของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ทุกเย็นเมื่อกลับมา โจวหยวนจะขายสัตว์วิญญาณให้ไป๋อวิ๋นซิ่วตัวหนึ่ง สิ่งนี้ทำให้ไป๋อวิ๋นซิ่วประทับใจในตัวเขามาก

ต้องรู้ว่าในนครป่าเขียวมีผู้ฝึกยุทธ์พเนจรมากมายที่ออกล่าสัตว์วิญญาณเป็นประจำ แต่ส่วนใหญ่มักกลับมามือเปล่า

"พี่ใหญ่โจว ข้าว่าท่านควรหาที่เปิดร้านในนครป่าเขียวเพื่อขายอะไรสักอย่าง แม้อาจจะไม่ได้กำไรมาก แต่ก็ปลอดภัยกว่าแน่นอน!" ไป๋อวิ๋นซิ่วแนะนำด้วยรอยยิ้มและน้ำเสียงจริงใจ

เมื่อโจวหยวนได้ยิน เขาพยักหน้ารับ โดยไม่ได้บอกความจริงกับนางว่าสัตว์วิญญาณเหล่านี้เขาฆ่าไว้ก่อนหน้านี้แล้ว

"เจ้าพูดถูก ข้าก็คิดเช่นนั้น อีกไม่กี่วันจะลองไปหาดูว่ามีที่ไหนเหมาะสมบ้าง" โจวหยวนตอบด้วยรอยยิ้ม แน่นอนว่าเขาไม่สามารถบอกไป๋อวิ๋นซิ่วได้ว่าเขาเป็นผู้ขับไล่วิญญาณ

หากเรื่องนี้ถูกเพชฌฆาตดำล่วงรู้ เกรงว่าเขาอาจถูกไล่ออกไปจากที่นี่โดยตรง

ในนครป่าเขียว ผู้ขับไล่วิญญาณไม่ได้มีสถานะสูงส่งอะไร หลายคนรู้สึกเกลียดชังผู้ขับไล่วิญญาณ เนื่องจากพวกเขามักมีกลิ่นอายแห่งความตายลอยอบอวลรอบตัว

จริง ๆ แล้วโจวหยวนก็แปลกใจอยู่ไม่น้อย ว่าเหตุใดเพชฌฆาตดำจึงไม่อยู่บ้านในช่วงเย็นของทุกวัน แต่เนื่องจากพวกเขายังไม่ได้สนิทกันมาก โจวหยวนจึงไม่กล้าถาม

ในช่วงเย็นระหว่างมื้ออาหาร เพชฌฆาตดำกลับมาถึงบ้าน โจวหยวนสังเกตเห็นว่าใบหน้าของเขาดูอ่อนล้าเล็กน้อย

ทั้งสามคนนั่งกินข้าวอย่างเงียบ ๆ ไม่มีใครพูดอะไร บรรยากาศจึงค่อนข้างอึดอัด

จนกระทั่งเพชฌฆาตดำพูดขึ้นขณะกินอาหาร "เจ้าหนุ่มโจว ช่วงนี้อย่าออกไปนอกเมือง ข้างนอกอันตรายมาก!"

เมื่อได้ยินเช่นนั้น โจวหยวนถึงกับงงเล็กน้อย ไม่เข้าใจความหมายของคำพูดนี้นัก แต่เนื่องจากเขาเองก็ไม่มีความคิดจะออกไปนอกเมืองอยู่แล้ว จึงพยักหน้าตอบ "ขอบคุณที่เตือนขอรับ ท่านไป๋ ข้าตั้งใจว่าจะเดินเล่นในเมือง หาอะไรทำที่เหมาะสมในช่วงนี้"

เพชฌฆาตดำพยักหน้า ไม่พูดอะไรต่อ

หลังมื้ออาหาร โจวหยวนกลับมายังลานบ้านของตนพร้อมกับขมวดคิ้วเล็กน้อย เขารู้สึกว่านครป่าเขียวน่าจะกำลังเกิดเรื่องบางอย่าง

แต่หลังจากคิดว่าในนครป่าเขียวมีผู้ฝึกตนขอบเขตแก่นทองคำหลายคน เขาก็รู้สึกสบายใจขึ้น “ฟ้าจะถล่มก็ยังมีคนที่ใหญ่กว่าเรารับไว้”

โจวหยวนที่ไม่ได้รู้เรื่องราวในนครป่าเขียวมากนัก เลิกคิดเรื่องนี้แล้วเริ่มปิดตาฝึกฝน

ในขณะนั้น ดาบเล็กในจุดตันเถียนของเขาเริ่มสั่นไหว เสียงฮัมเบา ๆ ดังออกมา พลังอาฆาตที่เหลือค้างในร่างเขาหลั่งไหลเข้าสู่ดาบเล็กในจุดตันเถียนเหมือนกระแสน้ำ ดาบเล็กเริ่มเปล่งพลังออกมาและมีหมอกดำเล็กน้อยลอยขึ้นรอบตัวมัน

เหตุการณ์เช่นนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดขึ้น โจวหยวนไม่รู้ว่ามันเป็นเรื่องดีหรือร้าย

แม้ว่าเขาจะไม่ถูกพลังอาฆาตทำร้ายโดยตรงหลังจากฆ่าหมูแต่ละครั้ง แต่พลังอาฆาตเหล่านั้นยังคงสะสมรอบตัวเขา

หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป โจวหยวนจะต้องถูกพลังอาฆาตเหล่านั้นครอบงำ และเกิดความเกลียดชังในจิตใจ

โชคดีที่ดาบเล็กในจุดตันเถียนของเขาสามารถดูดซับพลังอาฆาตเหล่านั้นได้ นับว่าเป็นตัวช่วยสำคัญที่ทำให้เขาไม่ต้องเผชิญปัญหาใหญ่

เช้าวันถัดมา เมื่อโจวหยวนไปถึงเรือนจำ ‘ภพใหม่’ เขาสัมผัสถึงบรรยากาศที่ผิดปกติ

หลี่รุ่ยเห็นโจวหยวนมาถึงจึงเรียกเขาไปหา และพูดขึ้นว่า "โจวหยวน ตั้งแต่วันนี้ไป เจ้าต้องทำให้คุกว่างสิบห้องขึ้นไปในแต่ละวัน ยิ่งมากยิ่งดี!"

โจวหยวนถึงกับอึ้งไป และนึกถึงคำพูดของเพชฌฆาตดำเมื่อคืนที่เตือนว่าอย่าออกนอกเมืองในช่วงนี้

"เข้าใจแล้ว ท่านหัวหน้า!" โจวหยวนไม่ได้ถามเหตุผลใด ๆ และตอบตกลงทันที

หลี่รุ่ยหยิบโอสถเม็ดหนึ่งส่งให้โจวหยวนพร้อมกล่าว "นี่คือโอสถพลังชีพ ตั้งแต่วันนี้ เจ้าสามารถมารับโอสถที่ข้าทุกวัน จนกว่าสถานการณ์จะกลับมาเป็นปกติ วันนี้เจ้าจัดการคุกตั้งแต่ห้อง 981 เป็นต้นไปให้หมด!"

โจวหยวนรับโอสถพลังชีพจากมือของหลี่รุ่ยพลางรู้สึกตกใจในใจ นี่หมายความว่าเขาต้องฆ่าถึงเกือบยี่สิบคนในวันนี้

อย่างไรก็ตาม โจวหยวนรู้ดีว่าเขาไม่มีเหตุผลหรือความสามารถที่จะปฏิเสธ จึงตอบตกลงโดยไม่ลังเล

หลี่รุ่ยมองแผ่นหลังของโจวหยวนที่เดินจากไปด้วยความหนักใจ ก่อนถอนหายใจเบา ๆ "คงต้องหาทางชดเชยให้เขาในภายหลังแล้ว ในคุกนี้มีปีศาจระดับขอบเขตสร้างรากฐานขั้นสูงสุดอยู่ด้วย คนประเภทนี้มีพลังอาฆาตมหาศาลจนผู้ขับไล่วิญญาณส่วนใหญ่ไม่อยากยุ่งเกี่ยวเลย"

ในขณะเดียวกัน โจวหยวนกลับรู้สึกยินดีอย่างยิ่ง เดิมทีเขาก็อยากฆ่ามากกว่านี้อยู่แล้ว แต่ที่ผ่านมาไม่มีข้ออ้างที่เหมาะสม

ตอนนี้เขามีเหตุผลเพียงพอที่จะลงมือได้เต็มที่ ทำให้เขาอดดีใจจนแทบกลั้นรอยยิ้มไม่ได้ โจวหยวนเองก็ไม่รู้ว่าในกลุ่มนักโทษนี้จะมี "ปลาตัวใหญ่" อยู่หรือไม่ หากมี บางทีเขาอาจมีโอกาสหลอมรวมเมล็ดขอบเขตสร้างรากฐานเมล็ดที่สองได้ในวันนี้

ด้วยอารมณ์ที่เบิกบาน โจวหยวนมุ่งหน้าไปยังเรือนจำชั้นล่างสุด เริ่มงานจากห้องหมายเลข 981 และภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วยาม เขาก็เดินมาถึงห้องหมายเลข 999 ซึ่งเป็นห้องสุดท้าย

ในตอนนี้ โจวหยวนแทบจะดีใจจนเก็บอารมณ์ไม่อยู่ เพราะในระหว่างทาง เขาเจอนักโทษที่มีพลังขอบเขตหลอมปราณขั้นแปดถึงสองคน และขอบเขตหลอมปราณขั้นเจ็ดอีกสี่คน!

แม้แต่นักโทษที่อ่อนแอที่สุดยังมีพลังอยู่ที่ขอบเขตหลอมปราณขั้นสาม ซึ่งมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่อยู่ในระดับนี้ ทำให้โจวหยวนยิ่งมีความสุข

เมื่อมองค่าระดับพลังและอายุขัยที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โจวหยวนไม่ลังเลแม้แต่น้อย เขาเปิดประตูห้องขังสุดท้ายและก้าวเข้าไป

ทันทีที่ประตูถูกเปิดออก โจวหยวนก็ขมวดคิ้ว เขารู้สึกได้ถึงกลิ่นอับชื้นรุนแรงในห้อง เห็นได้ชัดว่าห้องนี้ไม่ได้รับการทำความสะอาดมาเป็นเวลานาน

จากฝุ่นหนาที่เกาะอยู่ทุกหนแห่งในห้อง โจวหยวนสามารถคาดเดาได้ว่าห้องขังนี้คงไม่มีใครเข้าไปใช้งานมาเป็นเวลานานมากแล้ว

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด