ตอนที่แล้ว(อ่านฟรีชั่วคราว) บทที่ 1326 พลาดโอกาส
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป(อ่านฟรีชั่วคราว) บทที่ 1328 การเปลี่ยนแปลงรายนามอันดับสวรรค์

(อ่านฟรีชั่วคราว) บทที่ 1327 ผู้บุกรุกบุกเข้าสู่ช่องเขาเฉาเทียน


สำนักอมตะ

หลังจากดูดซับพลังไม้จากป่าเจี้ยนมู่และป่าไม้อมตะจนหมดสิ้น เหวินผิงก็ไม่ลืมส่งเสียงผ่านจิตไปยังจื่อหรัน เพื่อเตรียมแผนภาพวังวนเจ็ดเกลียววังวนสำหรับครั้งต่อไป

จากนั้นเขารีบรุดไปยังหอปรุงโอสถในยามค่ำคืน มุ่งตรงไปยังเขตไฟวิญญาณ เพราะนับจากครั้งล่าสุดที่เขาเข้าสู่หอปรุงโอสถ เวลาก็ผ่านไปกว่าหนึ่งเดือนแล้ว

เขตไฟวิญญาณของหอปรุงโอสถสามารถเข้าสู่ได้เพียงเดือนละครั้งเท่านั้น! ทุกครั้งที่ดูดซับไฟวิญญาณระดับสวรรค์ขั้นต่ำหรือขั้นกลาง เทียบเท่ากับการบำเพ็ญเพียรมาหลายปี เหวินผิงจึงไม่มีทางพลาดโอกาสนี้ และทุกครั้งที่เขาดูดซับไฟวิญญาณ เจตจำนงของกระบี่บัวเขียวแห่งชิงเหลียนก็จะแข็งแกร่งขึ้นด้วย

อย่างไรก็ตาม ครั้งนี้เป้าหมายของเขาไม่ใช่ไฟวิญญาณระดับสวรรค์ขั้นกลาง แต่เป็นขั้นสูงสุด ไฟวิญญาณที่ดีที่สุดในเขตไฟวิญญาณ

ครั้งก่อนเขาเข้าสู่หอปรุงโอสถและสามารถควบคุมไฟวิญญาณระดับสวรรค์ขั้นกลางได้สำเร็จ ด้วยพลังจิตวิญญาณในขั้นที่สามและบัวเขียวปรโลกฐานขอบเขตขั้นสูงสุดที่มั่นคง

ในปัจจุบัน แม้ว่าพลังจิตวิญญาณของเขาจะไม่พัฒนาขึ้น แต่บัวเขียวปรโลกของเขาได้พัฒนาสู่กายาบัวเขียวสวรรค์ และบรรลุถึงขั้นสมบูรณ์แล้ว

ดังนั้น การควบคุมไฟวิญญาณระดับสวรรค์ขั้นสูงสุดจึงไม่น่าจะมีปัญหาใด ๆ

หลังจากเวลาผ่านไปครึ่งชั่วยาม เหวินผิงเดินออกจากหอปรุงโอสถด้วยรอยยิ้ม

เขาประสบความสำเร็จในการควบคุมไฟวิญญาณระดับสวรรค์ขั้นสูงสุด "เปลวไฟแห่งสายธารทอง" ซึ่งไม่เพียงเพิ่มพูนกายาวิญญาณของเขา แต่ยังเสริมพลังการทะลุทะลวงของกระบี่บัวเขียวชิงเหลียนให้มากขึ้นอีกด้วย

เมื่อพิจารณาภาพรวม เหวินผิงคาดว่าน่าจะเทียบเท่ากับการหลอมพลังหยวนหยางถึงสิบสาย

“เวลาที่เหลือต่อจากนี้ ข้าคงแค่ต้องค่อย ๆ ฝึกฝนในหอปรุงโอสถไปเรื่อย ๆ” อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าเสียดายเพียงอย่างเดียวก็คือ ไฟวิญญาณแต่ละชนิดสามารถดูดซับได้เพียงครั้งเดียว

มิฉะนั้น เขาคงฝึกฝนในหอปรุงโอสถทุกเดือนเป็นเวลาร้อยปีแล้ว

หลังจากออกจากหอปรุงโอสถ เหวินผิงมองดูหน้าจอระบบ เขตหอพักได้อัปเกรดเสร็จสิ้นไปแล้ว และเพิ่มเขตใหม่อีกสิบแห่ง ครอบคลุมสิบยอดเขาในสำนักอมตะ แม้ต้องรองรับผู้คนกว่าพันหรือหมื่นคนก็ไม่มีปัญหาใด ๆ

ร้านค้าภายในเขตหอพักที่อัปเกรดใหม่นั้นโชคดีที่มีสิ่งของใหม่ ๆ มาเพิ่มอีกหนึ่งหรือสองอย่าง แต่ล้วนเป็นสิ่งที่เขาไม่จำเป็นต้องใช้แล้ว

สิ่งเดียวที่น่าสนใจคือ ร้านค้าภายในเขตหอพักมีบัฟเพิ่มพลังจิตวิญญาณ

เพียงแค่นอนหรืออยู่ในเขตหอพัก พลังจิตวิญญาณก็จะเพิ่มขึ้นโดยธรรมชาติ แม้ว่าจะไม่มีผลต่อเหวินผิงหรือหยุนเลี่ยวมากนัก แต่สำหรับศิษย์ที่พลังจิตวิญญาณยังไม่ถึงขั้นที่สอง ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีมาก

ตามที่ระบบคำนวณไว้ หากผู้มีพรสวรรค์ด้านพลังจิตวิญญาณอยู่ในเขตหอพักนี้เป็นเวลาห้าปี พลังจิตวิญญาณของพวกเขาจะบรรลุถึงขั้นที่สอง

สำหรับผู้ที่ไม่มีพรสวรรค์ด้านพลังจิตวิญญาณ ภายในเวลายี่สิบปีก็จะสามารถบรรลุถึงขั้นที่สองได้เช่นกัน

เมื่อพลังจิตวิญญาณเข้าสู่ขั้นที่สอง พวกเขาจะสามารถใช้เวทมนตร์ระดับสี่ได้อย่างแท้จริง ซึ่งเป็นพลังระดับปฐพีไร้ขอบเขต

ราคาของระบบนี้คือ หินวิญญาณสามร้อยล้านก้อน เหวินผิงไม่ลังเลที่จะซื้อทันที เพราะหินวิญญาณในตอนนี้ไม่มีความสำคัญมากสำหรับเขาแล้ว

จากนั้น เหวินผิงส่งข้อความถึงหลงเยว่ ให้จัดศิษย์ใหม่ระดับเริ่มต้นทั้งหมดไปยังเขตหอพักแห่งอื่น

อาคารหลักของเขตหอพักสงวนไว้ให้เฉพาะผู้อาวุโสและศิษย์กลุ่มแรก ๆ ที่ผ่านเขาวงกตแห่งปรมาจารย์เท่านั้น ส่วนศิษย์ที่รับมาในภายหลังทั้งหมดจะถูกจัดให้อยู่ในยอดเขาอื่น

ปัจจุบัน สมาชิกในสำนักมีเกือบพันคน การให้ทุกคนอาศัยอยู่ที่ยอดเขาหลักเพียงแห่งเดียวคงไม่เหมาะสม

พร้อมกันนั้น เหวินผิงสั่งให้หลงเยว่เดินทางไปเมืองชางอู๋ เพื่อนำเด็กทารกที่ยังไม่ครบเดือนและบิดามารดาของนางมายังเขตหอพัก

เด็กน้อยคนนี้จะอาศัยอยู่ในเขตหอพักไม่กี่ปี และด้วยการฝึกฝนจากหอไห่เนี่ยน คาดว่าไม่เกินสองปีพลังจิตวิญญาณของนางก็จะเข้าสู่ขั้นที่สองได้

หลังจากจัดการเรื่องทั้งหมดนี้เสร็จ เหวินผิงเปิดรายการสิ่งก่อสร้างในระบบอีกครั้ง และทำการอัปเกรดหอถ่ายทอดขึ้นไปถึงห้าระดับติดต่อกัน เนื่องจากจำนวนคนในสำนักมีมาก หอถ่ายทอดจึงเต็มไปด้วยผู้คนจนแออัด หลงเยว่เล่าว่าผู้ที่ต้องการเข้าไปในหอถ่ายทอดจำเป็นต้องรอคิวกันอย่างยาวนาน

เมื่อการอัปเกรดเริ่มต้น เหวินผิงปิดหน้าต่างระบบ และสอบถามเฉินเซี่ยถึงสถานการณ์สงครามระหว่างอาณาจักรเกิ้นและหอปกฟ้า

ผลที่ได้คือ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนัก เพียงแต่ขุมกำลังของหอปกฟ้าที่ต้องการเข้าร่วมกับอาณาจักรเกิ้นและหอจิ้นจือมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ขุมกำลังที่มีความแค้นกับอาณาจักรเกิ้นอย่างลึกซึ้ง จักรพรรดิหลงหยางก็ยอมรับไว้เกือบทั้งหมด แต่หอจิ้นจือกลับปฏิเสธไม่รับใครเลย

นั่นเป็นเพราะหอจิ้นจือไม่ได้ต้องการพึ่งพาขุมกำลังที่ไร้เสถียรภาพ แม้ว่าผู้ที่เปลี่ยนข้างจะมีประโยชน์ในบางกรณี แต่หอจิ้นจือในตอนนี้ไม่ได้ขาดแคลนคน

“ท่านเจ้าสำนัก เมื่อวานอู๋จิ้นเทียนเสวียนออกมาจากเขตเทพรำพันสวรรค์ แต่เขาออกมาเพียงคนเดียว ดูเหมือนว่าเขาจะหาผู้ช่วยไม่พบ” เฉินเซี่ยรายงานเพิ่มเติม

“นอกจากนี้ ผู้อาวุโสจอมมารดาบยังบอกว่าจะมอบของขวัญชิ้นหนึ่งให้ท่านด้วย”

“ของขวัญ?”

เหวินผิงเปิดระบบด้วยความสงสัย และตรวจสอบสถานะของจอมมารดาบ

【กำลังหลอมพลังหยวนหยาง…】

【ความคืบหน้า: 88%】

นี่คือของขวัญที่จอมมารดาบเตรียมไว้

ต้องยอมรับว่า ร่างกึ่งมารเติบโตอย่างรวดเร็วมาก ถึงขนาดสามารถบรรลุถึงระดับสวรรค์ไร้ขอบเขตขั้นสูงสุดได้ในเวลาไม่นาน ยิ่งไปกว่านั้น เขายังไม่ทราบว่าจอมมารดาบไปหาพลังหยวนหยางมาจากที่ใด แต่ก็ถือว่าโชคดีมาก

หลังจากปิดหน้าต่างระบบ เหวินผิงแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง และกล่าวตอบรับเฉินเซี่ยสองสามคำก่อนจะตัดการติดต่อผ่านหินส่งเสียง

ในขณะเดียวกัน ระบบได้แสดงหน้าต่างเตือนขึ้นมา เป็นข้อมูลเกี่ยวกับบิดามารดาของเขา

เหวินผิงได้ตั้งค่าให้ระบบแจ้งเตือนทันทีหากมีเหตุการณ์ใดที่เกี่ยวข้องกับบิดามารดาของเขา

【เหวินเหยียนพบขุมกำลังหกดาวที่ค้าขายมนุษย์มาเป็นเวลาร้อยปี เขาสืบสวนเป็นเวลาเจ็ดวัน ก่อนจะใช้พิษในเม็ดยาระดับห้าสังหารคนทั้งสำนักกว่า 341,000 คน รวมถึงระดับปฐพีไร้ขอบเขตที่เป็นผู้อาวุโสในสำนัก ถูกอสูรรับใช้สังหารด้วยเช่นกัน ยกเว้นเพียงผู้อาวุโสระดับสวรรค์ไร้ขอบเขตที่ไม่อยู่ในสำนัก ผู้คนในสำนักทั้งหมดถูกสังหารภายในคืนเดียว ที่ตั้งของสำนักกลายเป็นพื้นที่อันตราย ไร้สิ่งมีชีวิตใดงอกเงยได้ในสิบปี】

“ท่านพ่อช่างมีพรสวรรค์ในเส้นทางของนักปรุงโอสถพิษโดยแท้ เม็ดยาระดับห้าสามารถสังหารคนทั้งสำนักได้เช่นนี้”

นักปรุงโอสถพิษแห่งความตาย!

ไม่มีใครเหมาะสมเท่าท่านพ่ออีกแล้ว

สำหรับการกระทำของท่านพ่อที่สังหารคนกว่า 300,000 คนในครั้งนี้ เหวินผิงได้ตรวจสอบข้อมูลของสำนักนั้น และเห็นด้วยอย่างเต็มที่ ขุมกำลังนี้ได้รับรายได้ถึง 70% จากการค้าขายมนุษย์ แม้ว่าหอปกฟ้าจะรับรู้ แต่ก็เลือกที่จะเมินเฉย เพราะทั้งสองฝ่ายมักทำการค้าร่วมกัน

ขุมกำลังหกดาวที่สามารถหาประโยชน์จากวิธีอื่นได้ แต่กลับเลือกใช้การค้าขายมนุษย์ สมควรถูกทำลายล้าง หากเป็นเหวินผิงที่พบเจอ เขาก็จะทำเช่นเดียวกัน

ส่วนคนในสำนักที่อ้างว่าไร้ความผิด เหวินผิงไม่เชื่อว่าจะมีใครบริสุทธิ์อย่างแท้จริง

หากทรัพยากรของสำนักกว่า 70% มาจากการค้าขายมนุษย์ การที่บุคคลนั้นจะไม่ใช้ทรัพยากรเหล่านี้หรือไม่รับงานใดจากสำนักเลยคงเป็นไปไม่ได้ และผู้ที่บริสุทธิ์จริง ๆ ก็คงออกจากสำนักไปนานแล้ว

“ข้าเสียอารมณ์ไปหน่อย…”

เหวินผิงรับรู้ถึงความรู้สึกโกรธที่พลุ่งพล่านเมื่อครู่ และส่ายศีรษะด้วยความจนใจ แม้ว่าเขาจะมายังโลกนี้แล้ว แต่ก็ยังคงเกลียดชังพวกค้าขายมนุษย์อย่างรุนแรง

...

...

...

ยามราตรี เงียบสงัดราวกับสรรพสิ่งหยุดนิ่ง

ในความว่างเปล่านอกช่องเขาเฉาเทียน

เวลาสิบวันได้ผ่านไปครึ่งหนึ่งแล้ว หัวหน้ากลุ่มเริ่มมีความกังวลว่าหากไม่สามารถค้นพบโลกหยวนหยางที่ซ่อนเร้นได้ภายในสองวันนี้ เขาจะไม่มีเวลาเหลือพอที่จะตามหาโลกขอบเขตหยวนหยางและเคล็ดวิชาอันล้ำค่าได้เลย

เช่นเดียวกันกับคนอื่นอีกแปดคนที่อยู่ในสถานการณ์เดียวกัน เพราะความหวังที่จะทะลวงขอบเขตอยู่ตรงหน้า ไม่มีใครต้องการพลาดโอกาสนี้

ในขณะนั้นเอง แผ่นชะตาของชายในชุดเกราะดำเกิดการสั่นไหว ข้อความหนึ่งปรากฏขึ้น ทำให้เขาดีใจจนแทบคลั่ง

“นายท่าน ข้าพบแล้ว!”

ชายชุดเกราะดำยินดีจนแทบกระโดด เขาหยิบคริสตัลโลหิตขึ้นมาและส่งสัญญาณผ่านแผ่นชะตาไปยังอีกแปดคนที่ยังคงค้นหาอยู่

เมื่อทั้งแปดคนได้ยินข่าว ต่างดีใจจนเกือบเสียอาการ รีบหันหัวและมุ่งหน้าสู่ทิศทางของชายชุดเกราะดำทันที

ไม่นานนัก ทั้งเก้าคนมารวมตัวกันในจุดที่อยู่ห่างจากช่องเขาเฉาเทียนหนึ่งแสนลี้ หลังจากสบตากันครู่หนึ่ง ทั้งหมดก็พุ่งไปข้างหน้าอย่างไม่รอช้า

ผ่านไปเพียงสิบลมหายใจ สภาพแวดล้อมก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง

เมื่อพวกเขาก้าวเข้าสู่ระยะหนึ่งแสนลี้รอบช่องเขาเฉาเทียน ความว่างเปล่าที่มืดมิดพลันหายไป ถูกแทนที่ด้วยโลกหยวนหยางอันกว้างใหญ่และงดงามที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้า ราวกับเนื้อสดอันเย้ายวนใจ

“ในที่สุดเราก็พบแล้ว!” ชายชุดเกราะดำถึงกับร้องไห้ด้วยความดีใจ แต่หลังจากความปลื้มปริ่มนั้น ความเย็นชาก็กลับคืนมา

“โลกหยวนหยางถูกค้นพบแล้ว ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะรักษาคำพูด ไม่เช่นนั้นอย่าหาว่าข้า มู่ฉีเฉียง จะเปลี่ยนท่าทีจนพวกเจ้าคาดไม่ถึง”

อีกแปดคนรีบพยักหน้าพร้อมกัน

“วางใจเถอะ พี่เฉียง ในหมู่พวกเรา ท่านมีพลังแข็งแกร่งที่สุด อีกทั้งยังเป็นผู้นำที่ค้นพบโลกหยวนหยางแห่งนี้ การแบ่งส่วนของท่านสองส่วนถือว่าสมควรแล้ว”

“ใช่…สมควรแล้ว!”

“พี่เฉียง หากพบเคล็ดวิชาหยวนหยางระดับสูง ข้ายอมไม่เอาสิ่งอื่นเลย”

“ข้าก็เช่นกัน”

หลังจากทุกคนแสดงความเห็นพ้องต้องกัน มู่ฉีเฉียงพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ ก่อนกล่าวอีกครั้ง

“หลังจากนี้ ทุกการกระทำต้องปฏิบัติตามคำสั่งของข้า เรามีเวลาอย่างน้อยห้าวัน เพียงพอที่จะค้นหาโลกหยวนหยางแห่งนี้จนทั่ว”

ทั้งแปดคนพยักหน้าอีกครั้ง หัวใจที่เต้นรัวอย่างตื่นเต้นเริ่มเร่งเร้าความเร็วในการลงไปสำรวจ

ในขณะเดียวกันนั้นเอง เหวินผิงที่กำลังตรวจสอบดินแดนปรโลกวิญญาณจากศาลาทิงอี่ ได้ถอนพลังจิตวิญญาณออกทันที เพราะหน้าต่างแจ้งเตือนปรากฏขึ้นต่อหน้าเขา

【ตรวจพบผู้บุกรุกครึ่งก้าวหยวนหยางจำนวนเก้าคนผ่านค่ายกลซ่อนเร้น กำลังมุ่งหน้าสู่ช่องเขาเฉาเทียน คาดว่าจะถึงภายในครึ่งเค่อ】

“ผู้บุกรุก?”

เหวินผิงครุ่นคิด “ข้าไม่ได้สร้างหอปิดฟ้าไว้แล้วหรือ ทำไมถึงยังถูกพบได้เร็วเช่นนี้?”

“ระบบ?”

ระบบตอบกลับ [ไม่เกี่ยวกับหอปิดฟ้า]

“เช่นนั้นเป็นเพราะอะไร?” เหวินผิงเริ่มตกอยู่ในความคิด

ในสถานการณ์ปกติ หากไม่เข้าใกล้ระยะหนึ่งแสนลี้รอบช่องเขาเฉาเทียน ย่อมไม่อาจค้นพบได้ ความว่างเปล่าภายนอกช่องเขาเฉาเทียนกว้างใหญ่เพียงนั้น ไม่มีผู้ใดจะมาป้วนเปี้ยนโดยไม่มีเหตุ และทันทีที่มา กลับมาเป็นจำนวนถึงเก้าคน?

อีกทั้งหอทมิฬก็ยังคงทำงานอย่างต่อเนื่อง เหตุใดจึงปรากฏผู้บุกรุกครึ่งก้าวหยวนหยางถึงเก้าคนในคราเดียว?

เหวินผิงเดา “หรือเป็นเพราะสิ่งที่สวรรค์ไร้ใจเคยกล่าวไว้ หอทมิฬอาจหยุดทำงานชั่วคราวในช่วงหนึ่งและเป็นเหตุให้เกิดการบุกรุกนี้?”

หลังจากคาดเดาได้ชั่วครู่ เหวินผิงรีบถาม “สามารถดึงข้อมูลพื้นฐานของพวกเขาได้หรือไม่?”

ระบบตอบรับ [สามารถทำได้]

【มู่ฉีเฉียง】

【เพศ: ชาย】

【อายุ: 874 ปี】

【ขอบเขตพลัง: ครึ่งก้าวหยวนหยาง】

【จำนวนพลังหยวนหยางที่หลอม: 872 สาย】

....

【ลั่วเฟิงซานเชียน】

【เพศ: ชาย】

【อายุ: 1,037 ปี】

【ฐานขอบเขต: ครึ่งก้าวหยวนหยาง】

【พลังหยวนหยางที่หลอม: 753 สาย】

...

เหวินผิงมองข้อมูลพื้นฐานของพวกเขาทั้งหมด ก่อนจะหยุดที่ข้อมูลของคนสุดท้าย ซึ่งเป็นผู้ที่อ่อนแอที่สุดในกลุ่ม

【เทียนเหอ】

【เพศ: ชาย】

【อายุ: 765 ปี】

【ฐานขอบเขต: ครึ่งก้าวหยวนหยาง】

【พลังหยวนหยางที่หลอม: 633 สาย】

“แม้แต่คนที่อ่อนแอที่สุดยังหลอมพลังหยวนหยางได้มากกว่า 600 สาย พวกนี้ช่างมั่งคั่งเสียจริง” เหวินผิงยิ้มกว้าง

“สิ่งที่ข้าขาดอยู่ก็มีผู้ส่งมาให้ถึงที่”

ตราบใดที่พวกเขาไม่ใช่ยอดฝีมือระดับฐานขอบเขตหยวนหยาง ข้าก็ไม่มีอะไรต้องกังวล

ก่อนหน้านี้เหวินผิงเคยดูข้อมูลผู้ฝึกตนครึ่งก้าวหยวนหยางในเมืองเทียนฉี แม้กระทั่งหลิวเยว่ผิงชา ผู้ที่หลอมพลังหยวนหยางได้มากที่สุด ก็เพียง 600 สายเศษ ซึ่งแทบไม่ต่างจากเทียนเหอเลย

ผู้ฝึกตนส่วนใหญ่อื่น ๆ ในเมืองนั้น หลอมพลังหยวนหยางได้เพียง 100-200 สาย หรือไม่ก็ 300 สาย และผู้ที่มากที่สุดก็อยู่ในระดับเดียวกับสวรรค์ไร้ใจ

“ระบบ เมื่อพวกเขาลงถึงพื้นแล้ว แจ้งพิกัดให้ข้าทราบทันที” เหวินผิงสั่งการ “ถ้าสามารถจัดการพวกเขาได้ทั้งหมด ข้าจะได้พลังหยวนหยางนับร้อยสายอย่างแน่นอน”

เวลาผ่านไปไม่นาน ระบบแจ้งเตือน

[ตรวจพบพิกัดของทั้งเก้าคน เหนือเมืองอู้ในเขตหอปกฟ้า]

ทันทีที่ระบบกล่าวจบ แผนที่ก็ปรากฏขึ้นพร้อมพิกัดของทั้งเก้าคน ซึ่งอยู่ในส่วนลึกของหอปกฟ้า

วงเวทย์เคลื่อนย้ายมิติไม่สามารถไปถึงจุดนั้นได้ หากต้องการไปคงต้องเดินทางด้วยตนเอง

แต่ก่อนที่เหวินผิงจะออกเดินทาง จุดแดงทั้งเก้าจุดกลับแยกตัวออกไปในทิศทางต่าง ๆ ราวกับพลุ

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” เหวินผิงนิ่งคิด ไม่รีบเคลื่อนไหว เพราะเขาคาดเดาว่าพวกนั้นน่าจะมีเครื่องมือตรวจสอบข้อมูลชีวิตของกันและกัน หากมีใครตาย คนที่เหลือจะได้รับแจ้งทันที

พวกนี้มีกายาวิญญาณแข็งแกร่งถึงขั้นเดินข้ามความว่างเปล่าได้ ดังนั้นการสังหารใครสักคน อาจทำให้คนอื่นหลบหนีได้ทันที

“ดูเหมือนว่าข้าต้องหาวิธีรวบรวมพวกเขาให้มารวมกัน”

เหวินผิงหยิบหินส่งเสียงขึ้นมา และสั่งให้เฉินเซี่ยนำเงามืดทั้งหมดที่เกิดจากการเปลี่ยนร่างศพระดับปฐพีไร้ขอบเขตชั้นสูงมาว่างไว้

“ท่านเจ้าสำนัก เกิดอะไรขึ้น?” เฉินเซี่ยถามด้วยน้ำเสียงตื่นตัวเมื่อได้ยินคำสั่ง

“ไม่มีอะไรมาก แค่ต้องการเฝ้าสังเกตบางคน เงามืดที่เปลี่ยนจากศพระดับปฐพีไร้ขอบเขตชั้นสูง ตอนนี้มีอยู่เท่าใด?”

“มีอยู่สิบเจ็ดตัว”

“ดี”

หลังจากสนทนาจบ เหวินผิงตัดการติดต่อผ่านหินส่งเสียง ก่อนจะเดินทางไปยังหอจิ้นจือ เพื่อส่งเงามืดทั้งสิบเจ็ดตัวไปยังตำแหน่งของทั้งเก้าคน

แม้ว่าทั้งเก้าคนจะเคลื่อนที่ผ่านมิติบิดเบือนตลอดเวลา การติดตามอาจทำได้ยาก แต่ก็ยังดีกว่าการไม่รู้ว่าพวกเขากำลังทำอะไร

จากนั้น เหวินผิงนึกถึงรายนามสวรรค์ ซึ่งมีรางวัลเป็นเคล็ดวิชาหยวนหยางระดับสูง

เคล็ดวิชาหยวนหยางระดับสูงนี้ หากอยู่นอกช่องเขาเฉาเทียน ย่อมถูกควบคุมอย่างเข้มงวด

พวกผู้ฝึกตนครึ่งก้าวหยวนหยางที่หลอมพลังหยวนหยางหลายร้อยสายเหล่านี้ คงต้องการเคล็ดวิชานี้เพื่อทะลวงเข้าสู่ฐานขอบเขตหยวนหยางเป็นแน่

ยิ่งผู้ฝึกตนครึ่งก้าวหยวนหยางที่หลอมพลังหยวนหยางได้มากเท่าใด พวกเขายิ่งกระหายเคล็ดวิชาหยวนหยางระดับสูงมากเท่านั้น

เนื่องจากแม้ว่าจำนวนพลังหยวนหยางที่หลอมได้จะมีขีดจำกัด แต่ในทางทฤษฎี ยิ่งหลอมพลังหยวนหยางได้มาก โอกาสในการทะลวงขอบเขตยิ่งเพิ่มขึ้น

เหวินผิงส่งเสียงผ่านจิตถึงเฉินเซี่ยอีกครั้ง “ให้แก้หัวข้อข่าวของหนังสือพิมพ์อมตะในวันพรุ่งนี้ มะรืนนี้ และวันถัด ๆ ไป เปลี่ยนเป็นว่าผู้ที่อยู่ในรายนามสวรรค์สามอันดับแรกครบหนึ่งปี จะได้รับสิทธิ์เลือกหนึ่งในสามรางวัล ได้แก่ พลังหยวนหยางหนึ่งสาย เคล็ดวิชาหยวนหยางระดับสูงหนึ่งเล่ม หรือเคล็ดวิชาลมปราณประจำสายระดับหยวนหยางหนึ่งเล่ม”

“รับทราบ ท่านเจ้าสำนัก!”

เฉินเซี่ยเข้าใจทันทีว่าน่าจะมีเหตุการณ์สำคัญบางอย่างกำลังจะเกิดขึ้น หลังจากจบการสื่อสารกับเจ้าสำนัก เฉินเซี่ยรีบสั่งให้หอจิ้นจือหยุดการเคลื่อนไหวทั้งหมด ให้ทุกคนพักอยู่ในที่ตั้ง และเรียกยอดนักรบทั้งหมดกลับมา

เขาใช้ข้ออ้างว่าเป็นการประชุม และจัดให้ทั้งหมดรวมตัวกันในอาณาจักรมืด เนื่องจากอาณาจักรมืดอยู่ในเขตที่ครอบคลุมโดยวงเวทย์เคลื่อนย้ายมิติ

ต่อมา เฉินเซี่ยรีบสั่งให้ลูกน้องตรวจสอบสถานการณ์ในเขตหอปกฟ้า เพื่อดูว่ามีผู้ฝึกตนครึ่งก้าวหยวนหยางแปลกหน้าปรากฏตัวหรือไม่

“หากช่องเขาเฉาเทียนไม่มีผู้ฝึกตนครึ่งก้าวหยวนหยางแปลกหน้า เจ้าสำนักคงไม่เน้นเรื่องรายนามสวรรค์อันดับสามขนาดนี้” เฉินเซี่ยกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง และบอกข้อมูลนี้ให้หลงเค่อที่ยังสับสนฟัง

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด