ตอนที่แล้วบทที่ 11 คุณไม่เชื่อฉันเหรอ? ถ้าอย่างนั้น ฉันอยากจะชนะให้ดู
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 13 การดวลเริ่มขึ้น! บอร์ดอีเกิ้ล VS ซีโร่บลิซซาร์ด

บทที่ 12 ยานอวกาศของจางห่าวหราน ยานลาดตระเวนเบา T2 บอร์ดอีเกิ้ล


วันต่อมา

พื้นที่ดวลยานอวกาศหมายเลข 3 ภายใต้การดูแลของสถาบันทหารยานอวกาศดาวเหนือได้รับการจัดเตรียมไว้ล่วงหน้า

พื้นที่นี้ตั้งอยู่ที่ขอบนอกของสถาบันทหารยานอวกาศดาวเหนือ ซึ่งประกอบด้วยดาวเคราะห์น้อยนับสิบดวงที่ถูกทิ้งร้าง ไม่มีผู้คนอาศัยและรกร้าง

พื้นที่นี้ใช้โดยเฉพาะสำหรับการต่อสู้จำลองยานอวกาศที่สถาบันทหารยานอวกาศดาวเหนือ หรือการดวลยานอวกาศและโครงการอื่น ๆ

ในขณะนี้ การดวลทั้งหมดถูกถ่ายทอดบนเครือข่ายของสถาบัน ซึ่งเป็นแนวทางปฏิบัติทั่วไปสำหรับการดวลยานอวกาศ

ชั้นปีสาม ห้องแปด

มีคนปรับช่องออกอากาศเป็นพิเศษ และโฮโลแกรมถูกฉายที่กลางห้องเรียน

"การดวลระหว่างจ้าวเฉินและจางห่าวหรานจะเริ่มเมื่อใหร่"

"ฉันอ่านประกาศแล้ว ข้อตกลงคือเวลาสิบโมง แต่ตอนนี้สิบโมงแล้ว ตามกฎของการดวล ยานอวกาศของทั้งสองฝ่ายต้องมาถึงพื้นที่การรบภายในครึ่งชั่วโมงของเวลาที่กำหนด"

“ดูสิ นั่นมันยานอวกาศของจางห่าวหราน! จริงๆ แล้วมันคือยานลาดตระเวนเบา ระดับ T2 บอร์ดอีเกิ้ล!”

“นั่นคือยานลาดตระเวนระดับ T2 ที่ดีที่สุดในจักรวรรดิซีอาของเรา และความเร็วของมันเป็นรองเพียงยานฟริเกตในระดับเดียวกันเท่านั้น!”

“ฉันได้ยินมาว่าราคาปัจจุบันของยานลาดตระเวนเบา T2 บอร์ดอีเกิ้ล ลำนี้คืออย่างน้อย 7 ล้านเหรียญดาว และตอนนี้ก็หายากมาก ขายไปแล้วหมด อยากซื้อก็ไม่สามารถหาซื้อได้!”

"จบแล้วล่ะ ครั้งนี้จ้าวเฉินต้องแพ้แน่ๆ"

เมื่อเห็นยานอวกาศของจากห่าวหราน นักศึกษาในห้อง 8 ทุกคนต่างก็พากันมองในแง่ลบต่อจ้าวเฉิน จะต่อสู้กันได้อย่างไร?

จ้าวเฉินจะสามารถเอายานที่ดีกว่าไปสู้ได้ไหม?

หัวหน้าห้องเฉินปิงจ้องมองยานลาดตระเวนเบา ระดับ T2 บอร์ดอีเกิ้ล แต่เธอไม่ได้มีท่าทีอิจฉาเหมือนนักศึกษาคนอื่นๆ เพราะเธอเคยศึกษายานอวกาศลำนี้มาแล้วและมันเป็นสินค้าที่ "ดูดีแค่ภายนอก"

ข้อได้เปรียบเพียงอย่างเดียวคือความเร็ว ที่เหลือในส่วนของการติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ ถือเป็น "ยานอวกาศรุ่นปรับแต่งพิเศษ" มากกว่าที่จะเป็นยานระดับ T2 จริงๆ

เนื่องจากเป็นยานอวกาศเบา การติดตั้งเกราะหุ้มยานก็ไม่หนามาก และอาวุธก็ไม่ได้ถึงระดับมาตรฐานของยานอวกาศ T2

แต่ถ้าเป็นการดวลกันระหว่างยานลำเดียว มันสามารถใช้วิธี "บินหลบ" ด้วยความเร็วสูง ก็สามารถเอาชนะยานอวกาศส่วนใหญ่ได้

แต่ในสนามรบอวกาศจริงๆ เมื่อต้องเผชิญกับการต่อสู้ระดับกองยาน ยานแบบนี้ก็แทบจะไม่มีผลอะไรเลย

"หัวหน้าห้อง คิดว่า จ้าวเฉินยังมีโอกาสชนะไหม?" เพื่อนสนิทของเฉินปิงเข้ามาหาเธอและถามด้วยความอยากรู้

เฉินปิงได้รับเลือกให้หัวหน้าห้องไม่ใช่เพราะความสวยของเธอ แต่เป็นเพราะเธอเป็นนักศึกษาที่ดีที่สุดของห้อง 8

หากเธอไม่ได้มาจากครอบครัวธรรมดา เธอคงได้เข้าเรียนในห้องที่มีอันดับสูงกว่านี้

ถึงอย่างนั้นเฉินปิงก็อยู่ในสิบอันดับแรกของชั้นปีในการสอบทฤษฎีในช่วงสามปีที่ผ่านมา

เป็นที่รู้จักในฐานะปรมาจารย์ด้านวิชาการยานอวกาศ

"โอกาสน้อยมาก" เฉินปิงพูดอย่างไม่ใส่ใจ

"ถ้าเป็นฉันนะ คงหนีไปแล้ว กลับไปเป็นบารอนไร้ประโยชน์ที่บ้านเกิดดีกว่า" เพื่อนสนิทของเฉินปิงพูดเยาะเย้ยอย่างไม่เกรงใจ

ในห้องเรียนก็มีเสียงพูดเยาะเย้ยมากมาย

ห้องแปดเป็นห้องของนักศึกษาจากครอบครัวธรรมดาเป็นส่วนใหญ่ พวกเขามักจะมาจากครอบครัวธรรมดาหรือครอบครัวที่เกี่ยวข้องกับการค้าขายระหว่างดาวเคราะห์

มีเพียงจ้าวเฉินเท่านั้นที่พิเศษ

จ้าวเฉินในฐานะบารอนถูกดูถูกและถูกเยาะเย้ยจากพวกชนชั้นสูง

ในบรรดานักศึกษาจากครอบครัวธรรมดาเหล่านี้ เขาก็กลายเป็นตัวตลกที่ไม่เป็นที่ยอมรับ ทำให้ทุกคนเริ่มรังเกียจเขาโดยธรรมชาติ

เฉินปิงไม่พูดอะไร เธอจำสีหน้าของจ้าวเฉินเมื่อวานได้ เขาค่อนข้างมั่นใจในตัวเองมากในตอนนั้น

เป็นเพราะ 'ความเย่อหยิ่ง' ของเขาหรือเปล่า?

"ทำไมยานอวกาศของจ้าวเฉินยังไม่มาเลย เหลือเวลาไม่ถึงสิบห้านาทีก่อนหมดเวลาครึ่งชั่วโมง ไอ้หนูคนนั้นคงหนีไปแล้วแน่ๆ"

"บ้าเอ้ย ฉันไม่สนใจหรอกว่าเขาจะแพ้หรือเปล่า แต่นี่มันน่าอายสำหรับห้องแปดของเรา"

"ก็แล้วไปเถอะ ถ้าเขาแพ้ก็จะได้ไม่ต้องเห็นหน้าน่ารำคาญของเขาในเทอมหน้าแล้ว"

นักศึกษาห้องแปดพากันล้อเลียนและหัวเราะ

ป๊าป

เสียงดังขึ้น เป็นหลีเว่ย

เขาชกกำปั้นลงบนผนังและมองไปทั่วห้องเรียนด้วยสายตาเย็นชา

ใครก็ตามที่สบตากับหลีเว่ยต่างก็หลบสายตาของเขาทั้งนั้น

หลีเว่ยถือเป็นคนที่มีสถานะสูงสุดในห้องแปด เพราะเขามีพ่อที่เป็นนักธุรกิจที่ร่ำรวย

"ไม่ว่าจ้าวเฉินจะเป็นยังไง เขาก็ยังคือนักศึกษาของห้อง 8 พวกนายไม่สนับสนุนเพื่อนร่วมชั้นก็พอแล้ว แต่ทำไมถึงมานั่งเยาะเย้ยกันแบบนี้! มิตรภาพที่พวกนายเรียนรู้ในชั้นเรียนเกี่ยวกับความรู้ทางทหารหายไปไหน!” หลีเว่ยตะคอกอย่างโกรธเคือง

นักศึกษาในห้องเรียนไม่กล้าตอบกลับหลีเว่ยตรงๆ แต่ก็ยังมีบางคนกระซิบกันและพูดไม่ค่อยดีเท่าไหร่

“อะแฮ่ม...”

ในขณะนี้ เสียงหนึ่งดังขึ้นหลังจากหลีเว่ย ซึ่งเป็นอาจารย์ของคาบเรียนนี้

“เอาล่ะ ได้เวลาเรียนแล้ว ทุกคนกลับไปนั่งที่ของคุณ” อาจารย์เหลือบมองหลีเว่ย เดินเข้าไปในห้องเรียนและยืนบนโพเดียม เตรียมพร้อมสำหรับบทเรียนที่กำลังจะเริ่ม

หลีเว่ยกำหมัดและนั่งเงียบๆ บนที่นั่งของเขา

ในใจของเขาเป็นห่วงจ้าวเฉินมาก แต่ตั้งแต่เช้าเขาก็ไม่สามารถติดต่อจ้าวเฉินได้เลย

"ดูสิ! ยานอวกาศแปลกๆนั่น เป็นยานของจ้าวเฉินใช่ไหม?" อยู่ๆ ก็มีคนตะโกนออกมา

ทุกคนต่างจับจ้องไปที่หน้าจอถ่ายทอดสดแบบโฮโลแกรม ซึ่งก่อนหน้านี้มีเพียงยานลาดตระเวนเบา ระดับ T2 บอร์ดอีเกิ้ล เพียงลำเดียว ตอนนี้ยานอีกลำหนึ่งก็เริ่มเข้ามาในมุมมองของหน้าจอ

ตัวยานถูกทาสีด้วยสีเหล็กที่พบเห็นได้ทั่วไป และเมื่อเทียบกับยานยานลาดตระเวนเบา ระดับ T2 บอร์ดอีเกิ้ล ของจางห่าวหรานแล้ว ยานนี้ดูเก่ากว่ามาก รูปลักษณ์ของมันดูชำรุดจนถึงขั้นบางส่วนยังเห็นรอยซ่อมแซมที่ชัดเจน

“นี่มันยานอวกาศประเภทไหน ทำไมฉันถึงไม่รู้จักมัน”

“มันดูเหมือนยานประจัญบาน...แต่ว่าอาวุธ...มันไม่ใช่ขนาดที่ยานประจัญบานควรจะมีนะ”

"ยานโทรมๆแบบนี้ ถ้าจางห่าวหรานยิงแค่นัดเดียว ยานนี้คงแตกกระจายหมดแล้ว"

เมื่อเห็นยานอวกาศประหลาดลำนี้ นักศึกษาทุกคนในห้องแปด ต่างก็ถือว่ามันเป็นของไร้ค่า

“เฉินปิง เธอเรียนเก่ง ช่วยดูให้หน่อยสิ ว่ายานนี้มันยานอะไร?” เพื่อนสนิทของเฉินปิงถามขึ้น

เฉินปิงมองอย่างระมัดระวังแล้วขมวดคิ้ว “ยานลำนี้... มีลักษณะโครงสร้างของยานอวกาศสามลำ ยานพิฆาต T2 ไฮยีน่า ยานประจัญบาน T2 เดวิลคร็อกโคได และยานลาดตระเวนเบา T2 เกรย์วูล์ฟ... นี่เหมือนเป็นยานที่ประกอบขึ้นเอง”

“ยานอวกาศที่ประกอบขึ้นเอง จ้าวเฉินอยากใช้ยานอวกาศที่ประกอบขึ้นเองเพื่อเอาชนะบอร์ดอีเกิ้ล ระดับ T2 เขาคงฝันไปแล้วมั้ง” เพื่อนสนิทของเฉินปิงพูดอย่างประชดประชัน

เฉินปิงจ้องมองไปที่ยานเก่าที่ประกอบขึ้นมานี้ โดยที่ไม่ได้พูดอะไร

"มาเริ่มเรียนกันเถอะ ปิดทุกสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องซะ ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเรียน ไม่ใช่ไปทำเรื่องไร้สาระอะไร" อาจารย์พูดขึ้นระหว่างที่เดินเข้ามาในห้องเรียน

แต่คำพูดของอาจารย์เหมือนจะมีความหมายบางอย่างซ่อนอยู่

หลีเว่ยกำหมัดแน่นในใจรู้สึกไม่พอใจ

ภาพจากหน้าจอโฮโลแกรมในห้องเรียนถูกปิดไป

หลีเว่ยอยากรู้เรื่องผลการต่อสู้ระหว่างจ้าวเฉินกับจางห่าวหรานมาก แต่ผลการเรียนของเขาต่างจากจ้าวเฉิน จ้าวเฉินสามารถขาดเรียนได้เป็นเดือนโดยไม่ต้องกังวล แต่เขาต้องเข้าห้องเรียนทุกคาบ

สิ่งที่จ้าวเฉินเคยพูดทิ้งไว้ให้เขาคือ "ไม่ต้องห่วง เอาเวลาไปตั้งใจเรียนเถอะ เดี๋ยวจะมีข่าวดีให้ได้ยิน"

แต่ในสถานการณ์แบบนี้ใครจะไปตั้งใจเรียนได้

ไม่ใช่แค่เขาคนเดียว นักศึกษาในห้องแปด หลายคนก็รู้สึกเหมือนกัน พวกเขาอยากรู้ไม่ใช่ผลแพ้ชนะ แต่พวกเขากำลังอยากรู้ว่าจ้าวเฉินจะพ่ายแพ้อย่างไร

คงจะพ่ายแพ้ไปอย่างน่าอายใช่ไหมล่ะ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด