ตอนที่ 97 คนที่มีเส้นสายอีกแล้ว
เช้าวันรุ่งขึ้น หลินอวี้เพิ่งมาถึงบริษัทเซิ่งคง เสวี่ยไคก็คว้าคอหลินอวี้ ลากเขาไปที่มุมหนึ่ง“นายเก่งจริงๆนะ พี่สาวเสี่ยวเจวียนกับหัวหน้าหนานกงทะเลาะกันในที่ประชุมผู้บริหารตอนเช้า ได้ยินว่าดุเดือดมาก ถ้าไม่ใช่เพราะมีผู้จัดการหลี่กับผู้บริหารหลายคนอยู่ คงจะตีกันแน่ๆ” เสวี่ยไคหัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์
หลินอวี้มองเสวี่ยไคอย่างสงบ รู้สึกว่าคำพูดของเสวี่ยไคเว่อร์ไปหน่อย โอวเสี่ยวเจวียนกับหนานกงหยางมีสถานะแบบไหน คงไม่ทะเลาะกันต่อหน้าผู้บริหารเพราะคนธรรมดาๆอย่างเขาหรอก
เสวี่ยไครู้ว่าหนานกงหยางอยากได้หลินอวี้ไปอยู่ฝ่ายดนตรี เพราะตอนนี้หลินอวี้พัฒนาไปไกลมาก มีประโยชน์ต่อฝ่ายดนตรีมากกว่า และสามารถทำงานได้ดีกว่าในฝ่ายดนตรี
แต่ไม่รู้ว่าหัวหน้าหนานกงที่ชอบทำอะไรลับๆหลังนั้นพูดอะไรในที่ประชุมผู้บริหาร ถึงกับทะเลาะกัน
หลินอวี้นึกถึงข้อความที่ทั้งสองคนส่งมาเมื่อวาน ก็พอจะเดาได้ว่าทำไมถึงทะเลาะกัน
หลังจากฟังเสวี่ยไคพูดจบ หลินอวี้ก็ไปหาโอวเสี่ยวเจวียน
เรื่องการแสดงที่ฮอลล์คอนเสิร์ตฉินไถ เคยบอกโอวเสี่ยวเจวียนแล้ว เธอไม่ขัดขวาง และบอกว่าถ้าไม่กระทบต่อผลประโยชน์ของบริษัท หลินอวี้รับงานส่วนตัวได้ และเป็นเวลาส่วนตัวด้วย
แต่เรื่องการซ้อม หลินอวี้คิดว่าควรจะบอกโอวเสี่ยวเจวียนด้วย เพราะการซ้อมในเวลาทำงานก็ไม่ค่อยดี
หลินอวี้เพิ่งมาถึงหน้าห้องทำงานของโอวเสี่ยวเจวียน ก็รู้สึกถึงบรรยากาศที่แปลกๆ
เหมือนมีหลายคนมองมาที่เขา แต่พอหลินอวี้หันไป ทุกคนก็ทำงานของตัวเอง ไม่มีใครมองเขา
หลินอวี้กำลังจะเคาะประตู ประตูห้องทำงานก็เปิดออก
หนานกงหยางเดินออกมาจากห้องทำงานด้วยสีหน้าโกรธ สบตากับหลินอวี้พอดี กำลังจะพูด โอวเสี่ยวเจวียนก็เดินออกมาจากห้องทำงาน
หนานกงหยางพยายามยิ้ม แล้วก็เดินออกไปอย่างรวดเร็ว
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก หลินอวี้ถึงกับทำอะไรไม่ถูก
หนานกงหยางคิดว่าโอวเสี่ยวเจวียนน่าจะยอม เพราะตั้งแต่เซ็นสัญญามา หลินอวี้ก็ไม่ได้สร้างผลประโยชน์อะไรให้ฝ่ายศิลปิน ออกอัลบั้มเจ็ดอัลบั้ม มีแค่เพลงเดียวที่เขาเป็นคนร้อง และไม่ยอมร่วมกิจกรรมของบริษัท เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่สเปคของโอวเสี่ยวเจวียน
โอวเสี่ยวเจวียนเกลียดศิลปินที่ไม่เชื่อฟัง
ก่อนหน้านี้ หนานกงหยางคิดว่าโอวเสี่ยวเจวียนแค่ทำตัวหยิ่ง อยากได้ทรัพยากรที่ดีกว่าจากผู้บริหาร จึงไม่ยอมปล่อยหลินอวี้
ดังนั้นหนานกงหยางจึงไม่ได้ขอความช่วยเหลือจากโอวเสี่ยวเจวียน เขาคิดว่าถ้าหลินอวี้ยอม โอวเสี่ยวเจวียนก็จะปล่อยคน
แต่ไม่คิดว่าในที่ประชุมผู้บริหาร โอวเสี่ยวเจวียนจะพูดเรื่องการเพิ่มส่วนแบ่งของหลินอวี้ก่อน
นี่เป็นไพ่ตายของหนานกงหยางที่ใช้ดึงดูดหลินอวี้ ไพ่ตายถูกคนอื่นใช้ไป อารมณ์เสียทันที
หนานกงหยางโกรธมาก เพราะโอวเสี่ยวเจวียนจงใจหลอกเขา
ถ้าตกลงเพิ่มส่วนแบ่งให้หลินอวี้ ก็เหมือนกับทำบุญให้โอวเสี่ยวเจวียน นี่เป็น“ของขวัญ”ที่เขาอยากจะมอบให้หลินอวี้
แต่ถ้าไม่ตกลง โอวเสี่ยวเจวียนก็จะบอกหลินอวี้ หลินอวี้ก็จะเกลียดเขา หนานกงหยางรักษาคนมีความสามารถ ไม่อยากทะเลาะกับหลินอวี้
หนานกงหยางจึงด่าโอวเสี่ยวเจวียนในใจ ผู้หญิงคนนี้เจ้าเล่ห์ ใจร้าย
จึงพูดในที่ประชุมผู้บริหารเลย ขอให้ผู้จัดการหลี่ย้ายหลินอวี้ไปฝ่ายดนตรี แล้วก็พูดถึงข้อดีของการให้หลินอวี้เข้าฝ่ายดนตรี และการที่หลินอวี้ไม่ได้รับการใช้งานในฝ่ายศิลปิน
หลังจากที่หนานกงหยางเริ่มต้น โอวเสี่ยวเจวียนก็ไม่ยอมแพ้ ทั้งสองคนจึงเริ่มโต้เถียงกัน
คนอื่นๆบอกว่าทะเลาะกัน ดุเดือดมาก จริงๆแล้วเป็นการโต้เถียงกัน ทั้งสองคนใช้คำพูดประชดประชันกันในที่ประชุมผู้บริหาร
สุดท้ายเรื่องนี้ก็จบลง
หลี่หลินเซินไม่สนใจว่าหลินอวี้จะอยู่แผนกไหน บริษัทมีศิลปินเยอะแยะ ขอแค่สร้างรายได้ก็พอ แต่เขาก็ประทับใจหลินอวี้ เพราะแต่งเพลงเด็กหนุ่มให้เขา ด้วยเพลงนี้ หลี่หลินเซินก็ได้หน้าต่อหน้าผู้บริหารของบริษัทต่างๆ
ดังนั้นหลินอวี้จะอยู่ฝ่ายศิลปินหรือย้ายไปฝ่ายดนตรี หลี่หลินเซินไม่สนใจ แต่เรื่องการเพิ่มส่วนแบ่งของหลินอวี้ เขาก็อนุมัติ
แบบนี้ ไพ่ตายของหนานกงหยางก็หมดไป
ดูเหมือนจะไม่ทำอะไร แต่จริงๆแล้วก็แพ้ เว้นแต่หลินอวี้จะอยู่ฝ่ายศิลปินไม่ได้ อยากย้ายไปฝ่ายดนตรีเอง
โอวเสี่ยวเจวียนทำหน้าเครียด มองหนานกงหยางเดินออกไป แล้วก็หันมายิ้มให้หลินอวี้อย่างอ่อนโยน “มีอะไรเหรอ?”
ตอนนี้หลินอวี้รู้สึกงง ถ้าไม่เห็นโอวเสี่ยวเจวียนเปลี่ยนสีหน้า คงคิดว่าเป็นคนละคน
หลินอวี้ไอเบาๆ “คุณปู่เหยียนให้ผมไปซ้อมตอนสิบโมงครับ”
“ไปสิ นี่เป็นเรื่องดี ถ้ามีประโยชน์ต่ออาชีพ ก็ทำเลย ข้อห้ามเดียวคือห้ามกระทบต่อผลประโยชน์ของบริษัท อย่างอื่นทำได้ตามใจ” โอวเสี่ยวเจวียนพูดอย่างสบายๆ
นี่เป็นนโยบายของโอวเสี่ยวเจวียน การไม่กระทบต่อผลประโยชน์ของบริษัท ไม่ใช่แค่กับหลินอวี้ แต่กับทุกคน
การกระทบต่อผลประโยชน์ รวมถึง ห้ามรับงานจากคู่แข่ง ห้ามเลือกแบรนด์ที่ขัดแย้งกับบริษัท ห้ามมีปัญหาเรื่องพฤติกรรมส่วนตัว รวมถึงเรื่องความรัก นิสัยเสีย ฯลฯ
หลังจากเหตุการณ์นี้ หลินอวี้ก็ไม่ใช่คนธรรมดาๆในบริษัทอีกต่อไป ก่อนหน้านี้ มีแค่คนในวงการดนตรีที่รู้จักหลินอวี้ เพราะเขาออกอัลบั้มฮิตเจ็ดอัลบั้มภายในสามเดือน
ตอนนี้พนักงานฝ่ายภาพยนตร์ก็สนใจหลินอวี้
พวกเขาอยากรู้ว่าผู้ชายแบบไหนถึงทำให้พี่สาวเสี่ยวเจวียนกับหนานกงหยางทะเลาะกัน
…
หลินอวี้เรียกรถแท็กซี่ ไปถึงฮอลล์คอนเสิร์ตฉินไถอย่างรวดเร็ว
คนอื่นๆซ้อมในห้องซ้อม แต่พวกเขามีคนเยอะ จึงซ้อมในหอประชุม
ใช้เวลาที่ฮอลล์คอนเสิร์ตฉินไถไม่มีการแสดงซ้อม
ชายชราเหยียนค่อนข้างเข้มงวดกับการจัดการวงออร์เคสตรา ถึงแม้ว่าจะเริ่มซ้อมตอนสิบโมง แต่ทุกคนก็มาถึงตอนเก้าโมงครึ่ง
เพราะต้องปรับเสียงเครื่องดนตรี จึงมาถึงก่อนเวลา
“ได้ยินว่าอาจารย์เหยียนจะพานักเปียโนคนหนึ่งมา”
“นักเปียโนคนไหนเหรอครับ? ได้ยินว่าเป็นนักเปียโนสมัครเล่น”
“สมัครเล่นเหรอครับ? ทำไมต้องให้พวกเราซ้อมกับเขาด้วยล่ะ”
“อาจจะมีคนใหญ่คนโตช่วยเหลือ คุณไม่เห็นเหรอครับอาจารย์เหยียนไปรับเอง คนธรรมดาไม่มีสิทธิ์แบบนี้หรอก ในวงการดนตรี ไม่มีใครเก่งกว่าอาจารย์เหยียนหรอก”
“เชอะ อีกแล้ว คนมีเส้นสาย ปักกิ่งเต็มไปด้วยคนมีเส้นสาย เล่นไม่เก่ง ยังจะขึ้นเวที ทำให้พวกเราเสียหน้าด้วย”
"เฮ้อ ไม่มีทางหรอก อาจารย์เหยียนก็ทำเพื่อสปอนเซอร์ ทัวร์คอนเสิร์ตก็ต้องใช้เงินนั่นแหละ คนที่มีเส้นสายอยากจะสนุกตามใจตัวเอง เราก็แค่ต้องไปด้วยก็พอ"
นักดนตรีต่างก็กระซิบกระซาบกัน