ตอนที่ 59 ไม่สามารถไปได้ไกลกว่านี้อีกแล้ว
หลินอวี้รับโทรศัพท์ เสียงของเวินหลิงดังขึ้นมาแม้ว่าเขาจะไม่มีเบอร์ของเธอ
“อาจารย์หลินอวี้คะ เราชนะแล้วค่ะ เราฝ่าฟันมาได้ในเดือนธันวาคม”
หลินอวี้ถามกลับไปว่า “ติดสิบอันดับแรกหรือเปล่า?” เพราะเคยได้ยินโอเสี่ยวเจวียนพูดถึงอันดับเก้า
เวินหลิงแทบจะพูดไม่ออกด้วยความประหลาดใจและขำกลิ้ง “อาจารย์หลินอวี้คะ คุณไม่รู้เหรอคะว่าตอนนี้อันดับเท่าไหร่”
“ครั้งที่แล้วได้ยินว่าอันดับเก้า”
“บ้านคุณใช้เน็ต 2G หรือเปล่าคะ นั่นเป็นอันดับเมื่อหลายวันก่อนแล้วค่ะ”
หลินอวี้ไม่รู้จริงๆ ถ้าไม่ใช่โอวเสี่ยวเจวียนโทรมาบอก เขาก็คงไม่รู้เรื่องอันดับนี้
เมื่อเห็นว่าหลินอวี้เงียบไป เวินหลิงจึงรีบอธิบาย “ฉันล้อเล่นค่ะ ตอนนี้อันดับขึ้นมาเป็นที่ 6 แล้วค่ะ อันดับ 9 นั่นเป็นผลคะแนนหลังจากปล่อยเพลงได้ 48 ชั่วโมงแล้วค่ะ”
เวินหลิงหยุดพูดเพื่อรอคำชมและกำลังใจจากหลินอวี้ แต่รอไปหลายวินาทีก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองดูไม่ค่อยมีประสบการณ์
การติดสิบอันดับแรกในเดือนธันวาคมนั้นถือเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมมากสำหรับนักร้องหน้าใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ได้อันดับ 6 น่าจะได้รับคำชมและกำลังใจเพื่อก้าวไปข้างหน้า
เวินหลิงยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกน้อยใจ รู้สึกว่าความรู้สึกดีๆ ที่ได้รับคำชมมาทั้งสัปดาห์นี้หายไปหมด
“อาจารย์หลินอวี้คะ คุณไม่มีอะไรจะพูดเกี่ยวกับผลงานเพลงใหม่ของฉันบ้างเหรอคะ?”
“พูดอะไรล่ะ?” ในความคิดของหลินอวี้ เพลงก็ให้ไปแล้ว จะพูดอะไรอีก รอรับเงินก็พอแล้ว
เวินหลิงไอเบาๆ “พูดอะไรเกี่ยวกับ...ผลงานเพลงของฉันหน่อยค่ะ”
เธอยังพูดตรงๆ ไม่ได้ เขินที่จะขอให้หลินอวี้ชม
หลินอวี้ “อ้อ” เหมือนจะเข้าใจ
เวินหลิงตาเป็นประกาย รอคำชมจากผู้แต่งเพลง
“เพลง ‘ตัวหมาก’ ก็ประมาณนี้น่ะแหละ จะขึ้นไปมากกว่านี้ยากแล้ว” หลินอวี้คิดว่าตัวเองพูดตรงไปตรงมา
เวินหลิงแทบจะอ้วกเลือดออกมา
เธอไม่ได้ทะเยอทะยานอยากติดห้าอันดับแรก แต่ก็ไม่ควรพูดแบบนี้ ปกติคนอื่นก็จะให้กำลังใจกัน ควรจะพูดดีๆ สิ
“อาจารย์หลินอวี้ ลาก่อนค่ะ”
เวินหลิงรู้สึกว่าไม่ควรพูดอะไรอีกแล้ว เธอต้องพักผ่อน
หลินอวี้วางสายโดยไม่รู้ถึงความรู้สึกของเวินหลิง รู้สึกงงๆ
เขาพูดความจริง สมัยนี้พูดความจริงยากจริงๆ
ถึงแม้เขาจะไม่ได้ฟังเพลงอื่นๆ ในชาร์ต แต่เพลง ‘ตัวหมาก’ สิบอันดับแรกไม่ใช่เรื่องยาก เขาเคยคาดการณ์ว่าน่าจะอยู่ที่อันดับเจ็ด แม้ว่าจะเป็นเดือนที่ศิลปินระดับแนวหน้าปล่อยเพลงออกมาเยอะก็ตาม
แต่บริษัทใหญ่ห้าแห่งก็คงจะโปรโมทศิลปินคนใดคนหนึ่งเป็นพิเศษ ไม่น่าจะลงทุนโปรโมทศิลปินระดับแนวหน้าทุกคนที่ปล่อยเพลงใหม่
น่าจะเน้นไปที่คนใดคนหนึ่ง แล้วพยายามให้ศิลปินคนอื่นๆ สิบอันดับแรกให้ได้มากที่สุด
ดังนั้น เพลง ‘ตัวหมาก’ จึงสามารถติดสิบอันดับแรกได้ด้วยคุณภาพของเพลงและฝีมือการร้องของเวินหลิง
แต่การติดห้าอันดับแรกจะยากกว่า เพราะบริษัทเซิ่งคง คงมีศิลปินระดับแนวหน้าคนอื่นๆ ปล่อยเพลงใหม่ ห้าอันดับแรกคงมีศิลปินร่วมค่ายกับเวินหลิงอยู่ด้วย เป็นไปไม่ได้ที่จะให้ทั้งคู่ติดห้าอันดับแรก อย่างน้อยก็ไม่ใช่ด้วยเพลง ‘ตัวหมาก’
เวินหลิงบอกว่าได้อันดับหกซึ่งเกินความคาดหมายของหลินอวี้ น่าจะเป็นเพราะบริษัทลงทุนโปรโมท
เวินหลิงเริ่มเกลียดตัวเอง ไปดูแฟนๆ ชมว่าเธอสวยและร้องเพลงเพราะดีกว่าไหม ทำไมต้องโทรไปหาหลินอวี้ คนเก่งๆ มักจะมีนิสัยแปลกๆ
ภาพยนตร์เรื่อง ‘มิติวิญญาณมหัศจรรย์’ เข้าฉายมาหนึ่งเดือนแล้ว และได้ขยายเวลาฉายอีกหนึ่งสัปดาห์
อัตราการเข้าชมยังคงดีอยู่
มีหลายคนที่ดูซ้ำหลายรอบ
ผลงานของหลินอวี้บนเว็บไซต์ลิขสิทธิ์จะแสดงในข้อมูลส่วนตัวของเขาเมื่อขายได้แล้ว
วงการเขียนบทไม่ใหญ่และไม่เล็ก
เมื่อคุณไม่มีชื่อเสียง วงการนี้จะดูใหญ่โตมาก เพราะไม่มีใครรู้จักคุณ
แต่เมื่อคุณมีชื่อเสียง วงการนี้จะดูเล็กมาก เพราะทุกคนรู้จักคุณ ทุกคนอยากจะรู้จักคุณ
ข้อความส่วนตัวเต็มไปด้วยข้อเสนอการร่วมงาน
หลินอวี้ตอนนี้เป็นคนทำงาน ยิ่งได้เงินมากยิ่งดี ยิ่งได้เงินโดยไม่ต้องออกหน้าออกตาได้มากเท่าไหร่ยิ่งดี
แต่เขาก็ต้องคิดให้ดีว่าจะร่วมงานกับใคร
เพราะบางบริษัทมีข้อกำหนดให้ร่วมโปรโมท
หลินอวี้ไม่ต้องการเปิดเผยตัวตน จึงไม่ต้องการร่วมโปรโมท
ก่อนหน้านี้หลู่ชิงทำได้ดีมาก ภาพยนตร์เรื่อง ‘มิติวิญญาณมหัศจรรย์’ ดังมาก เมื่อนักข่าวถามถึงผู้เขียนต้นฉบับ เขาก็แค่พูดถึงชื่อ ‘อ้ายหมิง’ แล้วก็ให้ทุกคนสนใจในผลงาน ไม่พูดตามคำถามของนักข่าว
เขามีหลักการและรักษาคำมั่นสัญญา
หลินอวี้อ่านข้อความส่วนตัวบางส่วน ก่อนจะออกจากเว็บไซต์ เขาก็เห็นชื่อที่คุ้นเคย
ผู้ส่งคือหลู่ชิง
“อาจารย์อ้ายหมิง ไม่ทราบว่าคุณได้ดูภาพยนตร์เรื่อง ‘มิติวิญญาณมหัศจรรย์’ แล้วหรือยัง หวังว่าจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง ภาพยนตร์เรื่องนี้ให้ความหวังครั้งที่สองกับฉัน หวังว่าเราจะได้ร่วมงานกันอีก ฉันรู้ว่าการสร้างสรรค์ต้องใช้เวลา ถ้าคุณไม่รังเกียจ เราสามารถติดต่อกันได้ ถ้าสะดวก คุณจะให้เบอร์ติดต่อฉันได้ไหม”
หลินอวี้ต้องการเงิน แต่เขาก็หวังว่าภาพยนตร์จะออกมาดี เขาเคยร่วมงานกับหลู่ชิงมาแล้ว เขารู้ว่าทั้งความสามารถและนิสัยของคนๆ นี้เชื่อถือได้
การร่วมงานกับคนเดิมดีกว่าการไปรู้จักบริษัทใหม่
หลินอวี้พิมพ์ข้อความ “ได้ครับ ไว้ติดต่อกันอีกนะครับ เบอร์โทรของฉันคือ...”
เนื่องจากภาพยนตร์เรื่อง ‘มิติวิญญาณมหัศจรรย์’ ประสบความสำเร็จอย่างมาก หลู่ชิงก็กลายเป็นผู้กำกับชื่อดัง มีการสัมภาษณ์ รายการต่างๆ ติดต่อมาอย่างต่อเนื่อง
นี่เป็นจุดสูงสุดในชีวิตของเขา แต่หลู่ชิงกลับคิดอย่างมีสติ ทำไมเขาถึงดังขึ้นมาได้
เพราะความสามารถของเขาเพิ่มขึ้นหรือเปล่า?
เพราะเขามีเบื้องหลังหรือเปล่า?
เพราะเขาโชคดีหรือเปล่า?
ไม่ใช่เลย
เขาก็ยังเป็นเขาเหมือนเดิม ฝีมือการทำแอนิเมชั่นก็ไม่เปลี่ยนแปลง
ทำไมภาพยนตร์แอนิเมชั่นก่อนหน้านี้ถึงไม่มีใครยอมรับ?
เพราะไม่มีบทที่ดีไง
ไม่มีผู้ร่วมงานที่เขียนเรื่องราวได้ดี
หลู่ชิงเคยนัดเจอ อ้ายหมิง แต่ถูกปฏิเสธ และอีกฝ่ายบอกว่าไม่ต้องการมีส่วนร่วมในการโปรโมทภาพยนตร์
หลู่ชิงรู้ว่า อ้ายหมิง เป็นคนเก็บตัวมาก
คนเก่งๆ
มักจะมีนิสัยแปลกๆ
โดยเฉพาะคนทำงานสร้างสรรค์ มักไม่ชอบอยู่ใต้แสงไฟ
ดังนั้น หลังจากภาพยนตร์เรื่อง ‘มิติวิญญาณมหัศจรรย์’ เข้าฉาย เขาก็จะเข้าเว็บไซต์ทุกคืน หวังว่าจะได้ติดต่อกับ อ้ายหมิง อีกครั้ง
เมื่อหลู่ชิงเห็นข้อความตอบกลับ เขาก็ลุกขึ้นยืนด้วยความตื่นเต้น