ตอนที่แล้วตอนที่ 27 ปู๋เย่โหว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 29 เก้าอี้มนุษย์

ตอนที่ 28 เป็นทั้งพ่อและแม่


เจียงเฉิงให้ความสำคัญกับงานใหม่มาก หลังจากกลับบ้านเขาก็อดหลับอดนอนเพื่อทำข้อมูลอ้างอิง แน่นอนว่าไม่ได้เขียนยืดยาวเหมือนวิทยานิพนธ์ แต่ได้สรุปวิเคราะห์สำนักพิมพ์ของสามยักษ์ใหญ่และสำนักพิมพ์ขนาดกลางที่มีอิทธิพลพอสมควร แล้วส่งให้หลินจือไป๋

หลินจือไป๋ตื่นตอนหกโมงเช้า

นี่เป็นเวลาตื่นนอนประจำทุกเช้าของเขา

หลังตื่นนอน หลินจือไป๋ก็เห็นข้อมูลที่เจียงเฉิงส่งมา

ข้อมูลถูกส่งมาตอนตีสาม ดูท่าว่าเจียงเฉิงคงอดหลับอดนอนเพื่อค้นคว้า ข้อมูลถูกนำเสนออย่างกระชับและมีระเบียบ หลินจือไป๋พอใจมาก เห็นได้ชัดว่าเงินเดือนหลักแสนที่จ่ายไปคุ้มค่า หลายครั้งเพียงแค่เรื่องเล็ก ๆ ก็สามารถบอกได้ถึงความสามารถและทัศนคติในการทำงานของคนคนนั้น

หลินจือไป๋ดูข้อมูลไปพลางเดินลงบันไดไปพลาง

ป้าหลิว แม่บ้านก็ตื่นพอดี เมื่อเห็นหลินจือไป๋ เธอก็รู้สึกเก้อเขินเล็กน้อย “ไม่คิดเลยว่าคุณจะตื่นเช้าขนาดนี้ ฉันยังไม่ได้ทำอาหารเช้าเลย...”

"ไม่เป็นไร"

หลินจือไป๋คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "หลังจากนี้ทำอาหารเช้าให้เสร็จก่อนหกโมงครึ่งก็พอ ไม่ต้องเรียกผม ผมจะลงมากินเองเมื่อถึงเวลา"

“ได้ค่ะ!”

หลิวอี๋รีบพูด "งั้นเดี๋ยวฉันจะรีบทำ อาหารเช้าอยากทานอะไรดีคะ?"

หลินจือไป๋ตอบง่าย ๆ ว่า "อาหารเช้าปกติครับ ผมไม่ได้เรื่องมากอะไร แค่เปลี่ยนเมนูบ้างเป็นครั้งคราวก็พอ"

“ได้ค่ะ รอสักครู่นะคะ!”

หลิวอี๋เข้าไปในครัวและเริ่มทำงาน

ยี่สิบนาทีต่อมา หลินจือไป๋นั่งที่โต๊ะอาหาร ทานขนมปังปิ้งกับไข่ดาวและนมหนึ่งแก้ว ขณะดูข้อมูลที่เจียงเฉิงทำไว้จนจบ

“เลือกน่าเซินบุ๊คเฮ้าส์ก็แล้วกัน”

สุดท้ายหลินจือไป๋ก็เลือกน่าเซินบุ๊คเฮ้าส์

เพราะ “เก้าอี้มนุษย์” ของหลินจือไป๋เป็นนิยายขนาดสั้นที่มีองค์ประกอบของการสืบสวนและความลึกลับ

ภายใต้การดูแลของน่าเซินบุ๊คเฮ้าส์ มีนิตยสารชื่อดังชื่อว่า “จื๋อเจี้ยนสือ” ซึ่งเน้นเผยแพร่นิยายประเภทนี้โดยเฉพาะ

อะไรนะ? หักหลังเฉินฮวา?

หลินจือไป๋หาตัวแทนเพราะต้องการแยกตัวออกจากเฉินฮวาและสร้างสถาบันการลงทุนของตัวเองขึ้นมา

สถาบันการลงทุนที่เขากำลังจะสร้างนี้ สามารถร่วมงานกับน่าเซิน เทียนกวง หรือแม้แต่เฉินฮวาก็ได้ ขึ้นอยู่กับว่าอะไรจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาของหลินจือไป๋มากที่สุด

แน่นอนว่า

ในตอนนี้พลังส่วนตัวของหลินจือไป๋ยังเล็กเกินไป

ถึงแม้จะอยากหักหลังเฉินฮวาจริง ๆ แต่เขาก็ยังไม่มีความสามารถพอที่จะทำได้

ส่วนเรื่องที่ว่า “เก้าอี้มนุษย์” จะผ่านการพิจารณาของกองบรรณาธิการหรือไม่ หลินจือไป๋ไม่เคยกังวลเลย

ต้องรู้ว่า “เก้าอี้มนุษย์” เป็นผลงานของ “เอโดงาวะ รัมโป” บรรณาธิการของน่าเซินบุ๊คเฮ้าส์คงไม่ถึงกับไม่มีสายตาแหลมคมพอที่จะมองไม่ออก

ในชาติก่อนมีมังงะเรื่องดังเรื่องหนึ่งชื่อ “นักสืบตายแล้ว”

อ้อ ดูเหมือนจะจำผิดไป มังงะเรื่องนั้นน่าจะชื่อ “ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน”

ชื่อเต็มของตัวเอกคือ “เอโดงาวะ โคนัน” ซึ่งคำว่า “โคนัน” มาจากการยกย่องผู้เขียน “เชอร์ล็อก โฮมส์” ซึ่งก็คือ เซอร์อาเธอร์ โคนัน ดอยล์

ส่วนคำว่า “เอโดงาวะ” มาจากการยกย่อง “เอโดงาวะ รัมโป”

ในญี่ปุ่นยังมีรางวัลการสืบสวนอันทรงเกียรติที่เรียกว่า “รางวัลรัมโป” ซึ่งตั้งขึ้นเพื่อระลึกถึงเอโดงาวะ รัมโปะ ผู้เป็นตำนานแห่งวงการนิยายสืบสวน

ด้วยอิทธิพลของเอโดงาวะ รัมโปจึงไม่ต้องสงสัยเลย

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้

หลินจือไป๋ก็ส่งต้นฉบับ “เก้าอี้มนุษย์” ให้เจียงเฉิง พร้อมกับบอกถึงการตัดสินใจของเขาว่า “ส่งต้นฉบับไปให้นิตยสารสืบสวนของน่าเซินเฮ้าส์ ดูเนื้อหาก่อนได้”

จากนั้น

หลินจือไป๋ก็ตรวจสอบอันดับชาร์ตประจำฤดูกาล

หลังจากที่ “เพลงที่เขียนให้ตัวเอง” ขึ้นอันดับหนึ่ง มันก็อยู่ในตำแหน่งนี้อย่างมั่นคง และยังทิ้งห่างอันดับสองไปเรื่อย ๆ

หลินจือไป๋จึงวางใจ

แต่สิ่งที่หลินจือไป๋ไม่รู้คือ ตอนนี้เขาได้กลายเป็นที่จับตามองของเทียนกวงแล้ว

หัวหน้าคนหนึ่งในแผนกดนตรีของเทียนกวงกำลังมองชาร์ตประจำฤดูกาลอย่างเคร่งเครียดและกล่าวว่า “พวกเราแพ้ให้เขาสองเดือนติดต่อกันแล้ว อย่าประมาทไป๋ตี้คนนี้ ต้องจับตาดูเขาไว้!”

“เดือนที่แล้วพวกเรายังพอไหว”

หัวหน้าอีกคนหนึ่งกล่าว “เพราะเดือนที่แล้วอันดับหนึ่งยังเป็นของเทียนกวง เขาแค่เบียดเอาเพลงของเฉียนออกจากท็อปเท็นเท่านั้น”

“แต่มันก็ยังเป็นการเสียตำแหน่งหนึ่งในท็อปเท็นอยู่ดี”

“แต่เมื่อเทียบกับความเสียหายของเดือนนี้ เดือนที่แล้วถือว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย”

เพราะเดือนนี้เทียนกวงเสียอันดับหนึ่งไปแล้ว

มีคนถามเบา ๆ ว่า “ยังมีโอกาสเอาอันดับหนึ่งกลับมาได้ไหม?”

หัวหน้าที่อยู่ข้าง ๆ ส่ายหัว “จางซีหยางกลับมาอย่างยิ่งใหญ่แล้ว เดือนนี้ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปสู้กับเฉินฮวาอีก พวกเราเอาไว้ล้างตาในอนาคตดีกว่า และไม่ต้องกังวลเรื่องไป๋ตี้มากนัก ชาร์ตประจำฤดูกาลเป็นอะไรที่คาดเดาไม่ได้ และเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้นบ่อยครั้ง คนนี้ต่อให้ไม่ใช่แค่สายลมวูบเดียว แต่ก็ยังไม่ถือว่าเป็นคู่แข่งที่แท้จริงของเทียนกวง”

“ก็ได้”

เทียนกวงจึงล้มเลิกการแย่งชิงอันดับ

และแน่นอนว่าไม่ใช่แค่เทียนกวงที่กำลังจับตาดูไป๋ตี้อยู่

เมื่อ "เพลงที่เขียนให่ตัวเอง" ขึ้นสู่จุดสูงสุดในชาร์ตประจำฤดูกาลและยังคงตำแหน่งไว้อย่างแน่นหนา ไป๋ตี้ก็กลายเป็นนักแต่งเพลงหน้าใหม่ที่ทั้งวงการเพลงของฉินโจวต้องจับตามองในทันที และในเวลาเดียวกันก็มีสายตานับไม่ถ้วนจับจ้องมาที่เขา

“ไม่ใช่แค่สายลมวูบเดียวอีกต่อไปแล้ว”

“สองฤดูกาลติดต่อกันที่เขาเปล่งประกายขนาดนี้ ไม่ค่อยมีหน้าใหม่คนไหนทำได้แบบนี้เลย ดูท่าเฉินฮวาจะได้อีกหนึ่งนักแต่งเพลงทองคำแล้ว”

“ถ้านับเรื่องแต่งเพลงละก็ ฉันว่าน่าจะนับเรื่องแต่งเนื้อเพลงด้วยนะ”

“ตอนนี้สองเพลงของเขา เนื้อเพลงนั้นโดดเด่นมาก จนแทบจะกลบความสำคัญของทำนองไปเลย ต่อให้เขาเป็นแค่นักแต่งเนื้อเพลงในอนาคต เขาก็น่าจะหาที่หาทางในวงการได้”

“ฉันก็เห็นด้วย เรื่องแต่งเนื้อเพลงเป็นสิ่งที่เขาถนัดที่สุด”

“ถ้าลองไม่พูดถึงเนื้อเพลงละก็ ทำนองของสองเพลงนี้จะดูด้อยลงไปมาก รวมถึงเดือนนี้ถ้าจางซีหยางไม่ได้ร้องสดได้ระดับเทพจริง ๆ อันดับก็คงอยู่แถว ๆ ที่แปดสิบถึงเก้าสิบ”

“พูดตามตรงมันมีเรื่องโชคเข้ามาเกี่ยวด้วย”

“ควรพูดว่ามันเป็นเพราะจางซีหยางมากกว่า”

“ฉันรู้สึกเหมือนพวกคุณกำลังอิจฉานะ การที่เนื้อเพลงกับทำนองเข้ากันได้ดีเป็นเรื่องของการเสริมพลังกันจนได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าเดิมด้วยซ้ำ แม้แต่นักแต่งเพลงใหญ่ ๆ บางคนก็ยังไม่ค่อยแต่งเนื้อเพลงเอง และต้องร่วมงานกับนักแต่งเนื้อเพลงชั้นนำด้วยซ้ำ”

“ใช่”

“ในเมื่อไป๋ตี้สามารถแต่งทั้งเนื้อเพลงและทำนองเอง แล้วยังสามารถหานักร้องที่เหมาะสมที่สุดมาร่วมงานได้ นั่นก็เป็นความสามารถของเขาเอง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเขายังทำเรียบเรียงเพลงเองอีกด้วย ความสามารถของเขาจึงถือว่าครบเครื่องและสมดุลมาก”

ในวงการเพลงของบลูสตาร์มันก็เป็นเช่นนี้

การแต่งเนื้อเพลงและทำนองกับการร้องแยกออกจากกัน

นักแต่งเพลงมักจะทำหน้าที่เรียบเรียงเพลงไปด้วย แต่ไม่ค่อยมีใครทำหน้าที่แต่งเนื้อเพลงไปพร้อมกัน การที่ทำได้ครบทุกอย่างเหมือนไป๋ตี้นั้นพบเห็นได้ยากมาก

มีคำพูดหนึ่งในวงการว่า

การทำแบบนี้เรียกว่า “เป็นทั้งพ่อและแม่ให้กับนักร้อง”

......

อีกด้านหนึ่ง

เจียงเฉิงตื่นนอนตอนเจ็ดโมงเช้า

แม้ว่าเมื่อคืนเขาจะได้นอนแค่ไม่ถึงสี่ชั่วโมง

ตอนทำงานที่ฉีโจว เจียงเฉิงก็ต้องทำงานล่วงเวลาเป็นประจำ ร่างกายของเขายังทนไหว และในวัยสามสิบห้าปีก็ยังถือว่ากำลังอยู่ในช่วงอายุที่แข็งแรง

เมื่อเปิดโทรศัพท์

เจียงเฉิงเห็นข้อความและนิยายที่หลินจือไป๋ส่งมา

“เก้าอี้มนุษย์?”

เจียงเฉิงอ่านชื่อเรื่องเบา ๆ

หรือว่าบอสคนนี้เป็นนักเขียนจริง ๆ ?

เมื่อนึกถึงว่าบอสของเขาดูเหมือนจะตั้งนามปากกาแบบฉุกละหุก เจียงเฉิงก็อดขำไม่ได้ คาดว่าบอสหนุ่มลึกลับของเขาน่าจะเพิ่งเขียนนิยายเป็นครั้งแรกใช่ไหม?

เป็นการทำตามอารมณ์ชั่ววูบหรือเปล่านะ?

ไม่รู้ว่าฝีมือการเขียนของบอสจะเป็นยังไง

เมื่อคืนตัวเองก็อดนอนทำข้อมูลมา หวังว่าจะไม่ใช่แค่เหนื่อยฟรีนะ แต่ถึงอย่างไรก็คงไม่ได้ลำบากอะไรมากนัก

เดี๋ยวลองอ่านดูหน่อย บอสบอกว่าตนเองสามารถดูได้ก่อน แสดงว่าเขาน่าจะมั่นใจพอตัว

เจียงเฉิงลุกขึ้นล้างหน้าแปรงฟัน ทานอาหารเช้าแบบง่าย ๆ แล้วก็นั่งลงที่เก้าอี้ เริ่มอ่านนิยายที่บอสส่งมา...

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด