ตอนที่แล้วตอนที่ 24 เก็บเกี่ยวเล็กน้อย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 26 เปิดเทอม

ตอนที่ 25 สุ่ยอวิ๋นจวี


หลังจากโน้มน้าวครอบครัว โดยเฉพาะการที่แม่ยอมตกลง หลินจือไป๋ก็รู้สึกโล่งใจเสียที เขาตัดสินใจแน่วแน่ว่าต้องเช่าหอพักอยู่นอกมหาวิทยาลัย

ประการแรก หลินจือไป๋ต้องเขียนนิยายและบทภาพยนตร์

ถ้าเขียนในหอพักล่ะก็ เพื่อนร่วมห้องคงจะอดไม่ได้ที่จะเข้ามาดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น

แม้ว่าหลินจือไป๋จะไม่เคยอยู่หอพัก แต่เขาก็รู้ดีว่าหอพักเป็นที่ที่มีความเป็นส่วนตัวค่อนข้างน้อย

ยังไม่ต้องพูดถึงการทำเดโมเพลงต่าง ๆ ของเขา ซึ่งนอกจากจะดึงดูดความสนใจเกินไปแล้ว ยังอาจรบกวนการพักผ่อนของคนอื่นอีกด้วย

พี่ชายหลินเซิ่งเทียนจัดการเรื่องนี้ได้อย่างรวดเร็ว

วันต่อมา เขาก็พาหลินจือไป๋ไปยังสถานที่หนึ่งด้วยท่าทีลึกลับ

นี่คือเขตหมู่บ้านชื่อ “สุ่ยอวิ๋นจวี” ซึ่งภายในมีแต่บ้านเดี่ยวทั้งหมด

สภาพแวดล้อมในหมู่บ้านนี้ดีมาก มีการดูแลพื้นที่สีเขียวอยู่เสมอ ถนนก็กว้างขวาง เมื่อหลินจือไป๋มองดูรอบ ๆ ก็รู้สึกพอใจอยู่ไม่น้อย

ไม่กี่นาทีต่อมา

หลินเซิ่งเทียนจอดรถหน้าบ้านเดี่ยวหลังหนึ่ง

“ตามฉันเข้ามาเลย”

หลินเซิ่งเทียนเปิดประตูบ้านและแนะนำว่า “ระบบล็อกประตูด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ยังใช้ได้อยู่ เพิ่งเปลี่ยนใหม่เมื่อครึ่งเดือนก่อน เดี๋ยวนายก็แค่ลงทะเบียนใบหน้าและลายนิ้วมือก็พอ”

“ครึ่งเดือน?”

หลินจือไป๋อึ้งเล็กน้อย แล้วก็ตกใจถามว่า “บ้านหลังนี้เป็นของพี่เองเหรอ?”

“อย่าบอกใครเชียว!”

หลินเซิ่งเทียนกระแอมเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ช่วงหนึ่งฉันอยากย้ายออกมาอยู่เอง ก็เลยซื้อบ้านหลังนี้ แต่แม่ของเราก็อย่างที่นายรู้ ไม่ค่อยอยากให้ฉันแยกออกมาก่อนแต่งงาน ดังนั้นบ้านนี้จึงถูกทิ้งไว้เฉย ๆ แต่ภายในบ้านทุกอย่างตกแต่งเสร็จเรียบร้อยแล้ว ไม่ต้องห่วงเรื่องสารเคมีตกค้างในเฟอร์นิเจอร์อะไรทั้งนั้น”

“ที่นี่ก็อยู่ใกล้กับโรงเรียนมาก”

หลินจือไป๋มองดูระยะทาง บ้านหลังนี้ห่างจากโรงเรียนไม่ถึงสามกิโลเมตร

หลินเซิ่งเทียนหัวเราะ “ตอนที่ฉันซื้อไม่ได้คิดอะไรเยอะ แต่แบบนี้ก็ดี นายจะได้เดินทางไปเรียนสะดวก”

พูดจบ

ทั้งสองก็เดินเข้าไปในบ้าน

การตกแต่งภายในบ้านไม่แพ้บ้านหลังใหญ่ของพวกเขาเลย เพียงแต่อาจมีขนาดเล็กกว่าเล็กน้อย บ้านนี้มีสามชั้น พื้นที่รวมกันราว ๆ สามร้อยตารางเมตรกว่า ๆ เฟอร์นิเจอร์ก็ถูกจัดเตรียมไว้ครบแล้ว

โดยเฉพาะชั้นสอง

มีห้องทำงานด้านดนตรีด้วย

หลินเซิ่งเทียนอธิบายว่า “สตูดิโอนี้พึ่งเตรียมเสร็จเมื่อคืน ส่วนใหญ่เอาไว้ให้นายทำเพลง ถ้ามีอะไรขาดเหลือก็จัดการเองละกัน อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะว่านายมีเงินสดติดตัวอยู่ไม่น้อยเลย”

ทุกคนในบ้านรู้ดีว่าหลินจือไป๋คือ “ไป๋ตี้”

สำหรับการที่หลินจือไป๋ทำเพลง คนในครอบครัวไม่มีใครคัดค้านเลย กลับยินดีด้วยซ้ำ

“ขอบคุณพี่ชายมาก” หลินจือไป๋ยิ้มพลางพูด

“จะขอบคุณอะไรล่ะ ฉันเองก็ไม่คิดว่าบ้านหลังนี้จะมาตกเป็นของนายนะ อยู่ที่นี่อย่างสบายใจเถอะ ห้องแม่บ้านอยู่ที่ชั้นหนึ่ง จะได้ไม่รบกวนนาย”

“ตกลง”

หลินจือไป๋พยักหน้า

หลินเซิ่งเทียนอดไม่ได้ที่จะพูดอีกว่า “แม้ว่าต่อไปจะอยู่ข้างนอกแล้ว แต่ถ้ามีเวลา ก็อย่าลืมกลับบ้านบ้างนะ อีกอย่าง ห้องแต่งตัวนายยังไม่ได้เปิดดูใช่ไหม? เสื้อผ้าทุกอย่างในนั้นก็เตรียมไว้หมดแล้ว เป็นยี่ห้อที่นายชอบใส่ ส่วนชั้นใต้ดินก็ทำเป็นโฮมเธียเตอร์ ถ้านายเบื่อและอยากดูหนัง ก็ลองใช้ดูได้ อุปกรณ์ทั้งหมดฉันเลือกมาอย่างดีแล้ว…”

“รู้แล้วน่า”

“ตอนนี้ก็คงใกล้เวลาพอสมควรแล้ว พรุ่งนี้นายต้องเปิดเทอม คืนนี้ก็นอนที่นี่เลยก็แล้วกัน รู้ว่านายเป็นพวกชอบความสะอาด ที่นอนในห้องนอนถึงจะซื้อมานานแล้ว แต่ยังไม่เคยมีใครนอน ผ้าห่มก็ของใหม่ หรือจะพูดอีกอย่างว่า ทุกอย่างที่นี่คือของใหม่หมด นายไม่ต้องห่วงเลย”

“ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก”

หลินจือไป๋รู้สึกเขินเล็กน้อย “งั้นคืนนี้ผมจะนอนที่นี่เลยแล้วกัน”

พออยู่กับพี่ชายก็ไม่ต้องพูดถึงเรื่องค่าเช่า จะได้ไม่ต้องยุ่งกับการคุยกับเจ้าของบ้าน ถ้าไม่ใช่เพราะการซื้อบ้านแพงเกินไป หลินจือไป๋ก็คงคิดจะซื้อบ้านเองไปแล้ว

“งั้นฉันกลับก่อนนะ”

หลินเซิ่งเทียนหัวเราะและพูดว่า “หลังจากนี้นี่คือที่ของนายแล้ว”

หลินจือไป๋ถามว่า “บ้านข้าง ๆ ดูเหมือนยังไม่มีคนอยู่เลยใช่ไหม?”

หลินเซิ่งเทียนรู้ว่าน้องชายเป็นห่วงอะไร “ฉันถามทางนิติฯ แล้ว บ้านข้าง ๆ น่ะตกแต่งเสร็จแล้ว ไม่ต้องห่วงเรื่องเสียงรบกวนเวลานอนหรอก เดี๋ยวฉันจะส่งหมายเลขเฟยซิ่นของนิติฯ กับผู้ดูแลบ้านมาให้นาย ถ้ามีปัญหาอะไร ก็คุยกับพวกเขาได้เลย ส่วนเรื่องการไปเปิดเทอมพรุ่งนี้ นายคงไม่ต้องให้ใครไปส่งใช่ไหม?”

“ไม่ต้องครับ”

“งั้นฉันกลับแล้วนะ”

หลินเซิ่งเทียนไม่ได้อยู่ต่อ

หลินจือไป๋ส่งพี่ชายขึ้นรถกลับไป จากนั้นก็เดินกลับมาเดินดูบ้านอีกครั้ง และพบว่าแทบไม่มีอะไรที่ต้องดูแลเพิ่มเติมอีก เขารู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาก เลยตรงไปยังห้องนอนใหญ่บนชั้นสามที่เหมือนจะเป็นการรวมสองห้องเข้าด้วยกัน และเปิดผ้าม่านบานใหญ่ที่อยู่ติดพื้นขึ้น

ฟึ่บ

เมื่อม่านถูกเปิดออก

หลินจือไป๋ก็พบว่ามีแม่น้ำสายหนึ่งอยู่ข้างนอก กว้างประมาณสามเมตร ใสแจ๋ววาววับท่ามกลางแสงแดด เขายังมองเห็นปลาทองบางตัวว่ายอยู่ในน้ำอีกด้วย

ไม่ไกลจากหน้าต่างมีโต๊ะเขียนหนังสือตั้งอยู่

บนโต๊ะมีคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่าง ๆ ครบถ้วน หลินจือไป๋คิดว่าการเขียนนิยายที่นี่ น่าจะสบายกว่าการอยู่ในห้องทำงาน

เมื่อเขานั่งลงที่โต๊ะเขียนหนังสือ

หลินจือไป๋ก็เริ่มวางแผนสิ่งที่ต้องทำต่อไปในใจ

“ฉันมีบทภาพยนตร์เรื่อง”The Knockout“อยู่แล้ว บทนี้ยังไม่ต้องรีบเขียน สามารถเขียนต่อไปได้เรื่อย ๆ”

“ส่วนเรื่องสั้น เก้าอี้มนุษย์ คืนนี้ก็เขียนเสร็จได้”

“สำหรับหนังสั้นสี่เรื่องนั้น ฉันจะไปหานักศึกษาภาควิชาผู้กำกับให้มาร่วมงานกันหลังจากเปิดเทอม”

“สิ่งเดียวที่น่าเสียดายคือตอนนี้ฉันยังไม่มีเพลงใหม่ จึงยังช่วยพี่สาวไม่ได้ แต่ฉันยังมีโอกาสจับรางวัลอีกหนึ่งครั้ง ถ้าสะสมชื่อเสียงมากพอ อาจจะได้แต่งเพลงสักเพลงหนึ่ง”

“สิ่งสำคัญที่สุดต่อไปก็คือขั้นตอนที่สองของแผน!”

“ฉันต้องหาคนมาช่วยจัดการกับเรื่องที่ไม่สะดวกที่ฉันจะทำเอง”

นี่เป็นนิสัยของหลินจือไป๋

เวลามีเรื่องต้องทำมากมาย เขาจะวางแผนสิ่งต่าง ๆ ในหัวอย่างเป็นระบบ

และเมื่อแผนงานเริ่มชัดเจน

เสียงระบบก็ดังขึ้นในหัวของหลินจือไป๋ทันที: “ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ที่เปิดภารกิจใหม่”

ทันใดนั้นข้อความหลายบรรทัดก็ปรากฏขึ้นในหัวของหลินจือไป๋

【ชื่อภารกิจ: ค้นหาตัวแทน】

【เนื้อหาภารกิจ: คุณต้องการตัวแทนมาช่วยจัดการกับปัญหาที่ยุ่งยาก โปรดทำการประกาศรับสมัครงาน และหาคนที่เหมาะสมให้ได้ก่อนเปิดเทอม】

【หมายเหตุภารกิจ: นี่แหละคือ “แม่บ้าน” ที่โฮสต์ต้องการจริง ๆ】

โอ้โห

หลินจือไป๋พบว่าระบบชอบยื่นสิ่งที่เขาต้องการมาให้เสมอ

เขาเพิ่งคิดจะหาคนช่วย ระบบก็ส่งภารกิจมาให้พอดี

ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือ เขาตั้งใจจะค่อย ๆ หาคน แต่ระบบกลับกำหนดเวลามาให้

พรุ่งนี้เหรอ?

เวลาดูจะแน่นสักหน่อย แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะทำไม่ได้

โอกาสดี ๆ ที่จะได้แต้มทักษะแบบนี้ไม่ควรปล่อยผ่านไป แม้ว่าระบบจะมอบภารกิจให้บ่อย ๆ ก็ตาม แต่ความต้องการแต้มทักษะของหลินจือไป๋ก็ยังสูงอยู่

เขาจึงตัดสินใจรับภารกิจโดยไม่ลังเล

จากนั้นก็เริ่มโพสต์หาคนผ่านทางอินเทอร์เน็ต

เพื่อให้มั่นใจว่าจะดึงดูดผู้สมัครได้มากพอ หลินจือไป๋ตั้งเงินเดือนขั้นต่ำไว้ที่หนึ่งแสนหยวนต่อเดือน ถ้าทำงานได้ดี จะมีโบนัสและค่าแรงพิเศษเพิ่มเติม ซึ่งจะพิจารณาตามผลงาน เพราะตัวแทนคนนี้จะต้องมีความสามารถสูง ดังนั้นเขาจะไม่จ่ายน้อย ๆ เด็ดขาด

แน่นอน

หลินจือไป๋ไม่ได้ระบุว่าเป็นงานอะไร เพียงแต่ระบุข้อกำหนดบางอย่าง

เช่น ผู้สมัครต้องจบการศึกษาด้านการเงิน ระดับการศึกษาต้องไม่ต่ำเกินไป และต้องมีใบประกาศนียบัตรที่เกี่ยวข้องด้วย ยิ่งถ้าเคยทำงานด้านกองทุนหรือมีประสบการณ์ด้านการจัดการกองทุนส่วนบุคคลมาก็ยิ่งดี เพราะหลินจือไป๋ต้องการทำการลงทุนในอนาคต

เขากำหนดสถานที่สัมภาษณ์ไว้ที่ร้านกาแฟใกล้มหาวิทยาลัย

หลังสัมภาษณ์วันพรุ่งนี้ หลินจือไป๋ซึ่งเป็นนักศึกษาปีหนึ่งก็ต้องไปลงทะเบียนเรียนที่มหาวิทยาลัยด้วย

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด