ตอนที่ 210
ตอนที่ 210
ตกลงกันแล้ว ทั้งสามคนก็จะออกไป แต่จู่ๆก็มีร่างเล็กๆ วิ่งผ่านหน้ามา
เป็นผู้หญิงคนนั้น พอเห็น อู๋อี้ก็หยุดเดิน
เทียนเต๋าก็สงสัย ถามว่า “เธอเปลี่ยนอาชีพสำเร็จแล้วเหรอ?”
“น่าจะใช่!” อู๋อี้ชี้ไปทางที่เธอวิ่งไป ก็คือห้องเปลี่ยนอาชีพที่เขาเคยไป
“เร็วมาก!” หลี่ฉางหลินอุทาน
การแข่งขันรอบที่แล้วเพิ่งจะจบไปไม่ถึงสิบนาที
ดูท่าการแข่งขันรอบสองจะไม่มีลุ้น คู่แข่งคงยอมแพ้
อู๋อี้ได้ยินดังนั้นก็ยิ้ม “ก็ใช่น่ะสิ ถ้าไม่เจอผม...”
“ยังไง นายจะรอเธออยู่ที่นี่เลยไหม?” เทียนเต๋าเห็นเขามีใจ ก็เลยแซว
“หา?” อู๋อี้ อึ้งไป
“พวกเราไปกันเถอะพี่เทียนนน” หลี่ฉางหลินเห็นดังนั้นก็รีบดึงเทียนเต๋า
“โอกาสของนายมาถึงแล้ว นายต้องคว้าไว้ให้ได้นะ!”
พูดจบ ทั้งสองคนก็ออกไป อู๋อี้ก็ทั้งโกรธทั้งขำ แต่สุดท้ายก็อยู่ต่อ
พอออกจากสมาคมอาชีพ หลี่ฉางหลินก็มีธุระ เลยกลับไปก่อน
เทียนเต๋าก็นึกขึ้นได้ว่ามีอีกเรื่องต้องทำ เลยตรงไปที่ประตูเมืองตะวันตก
สิบห้านาที เทียนเต๋าก็มาถึงนอกประตูเมืองตะวันตก แล้วหยิบโทรศัพท์ออกมา
“ฮัลโหล ผมมาถึงแล้ว นายอยู่ไหน?”
“อยู่ข้างหลังนาย” เสียงเย็นๆ ดังมาจากข้างหลัง
เทียนเต๋าตกใจ รีบหันไปมอง ก็เห็นว่าอีกฝ่ายมาอยู่ข้างหลังเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
เลยอดบ่นไม่ได้ “พวกนักฆ่าชอบลอบมาข้างหลังแบบนี้กันหมดเลยเหรอ?”
“อะไรคือพวกนักฆ่า?” ลู่คังยิ้ม “ฉันไม่ใช่นักฆ่า”
“อ๋อ… หรอ…” เทียนเต๋ากลอกตา
ลู่คังไม่ใช่นักฆ่าจริงๆ จะพูดให้ถูกก็คือนักฆ่าขั้นสูง... อาชีพไนท์แมร์-ฝันร้าย
แน่นอนว่า ไนท์แมร์ก็เป็นชื่ออาชีพก่อนเปลี่ยนอาชีพ
พอเปลี่ยนอาชีพแล้วก็ไม่รู้ว่าชื่ออะไร
คิดได้ดังนั้น เทียนเต๋าก็อดถามไม่ได้ “ยังไม่รู้เลยว่านายเปลี่ยนอาชีพแล้วชื่ออะไร”
“จอมราชันย์!” ลู่คังพูด
“โห ฟังดูเท่จัง” เทียนเต๋ายกคิ้ว ยิ้ม “ดูท่าการแข่งขันประลองยุทธร้อยเมืองครั้งนี้ต้องพึ่งนายแล้ว”
“ฉันไม่เข้าร่วม” ลู่คังส่ายหน้า
“ทำไม?” เทียนเต๋าขมวดคิ้ว
“ไม่สนใจ” ลู่คังพูดตรงๆ “เสียเวลา สู้เอาเวลาไปพัฒนาตัวเองดีกว่า”
“นี่มันเกี่ยวกับโควต้าเข้ามหาวิทยาลัยนะ” เทียนเต๋าไม่เข้าใจ “นายไม่อยากเข้ามหาวิทยาลัยแล้วเหรอ?”
“ฉันไม่ต้องสอบก็เข้ามหาวิทยาลัยได้” ลู่คังพูดอย่างใจเย็น
“เวร! ฉันล่ะอิจฉาคนอย่างพวกนายชะมัด” เทียนเต๋าอดบ่นไม่ได้
“เอาแต่พึ่งพาอำนาจ สนใจแต่ตัวเอง ไม่สนใจเมืองนิรันดร์”
“ถ้าครั้งนี้ยังได้ผลไม่ดี เมืองนิรันดร์ก็ไม่มีโอกาสพลิกเกมแล้ว”
“แล้วไง?” ลู่คังหันมามองเขา ถามอย่างจริงจัง “ฉันไม่ใช่คนแรก แล้วก็ไม่ใช่คนสุดท้าย เกี่ยวอะไรกับฉัน?”
“ก็จริง” สำหรับคำตอบของลู่คัง เทียนเต๋าเถียงไม่ออก
อัจฉริยะอย่างลู่คัง เมืองนิรันดร์ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มี
แต่ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร เพราะคนที่มีความสามารถหน่อย ก็ไม่อยากจะอยู่ที่นี่...
แค่ได้ออกไปเรียนมหาวิทยาลัย ก็อยู่ข้างนอกหมด ไม่มีใครอยากกลับมา
ลู่คังพูดถูก เขาไม่ใช่คนแรก แล้วก็ไม่ใช่คนสุดท้าย
“แต่...” ลู่คังมองเขาแล้วยิ้ม
“แต่อะไร?” เทียนเต๋าขมวดคิ้ว
ลู่คังยิ้ม พูดต่อ “แต่ ถ้านายอยากจะพนันกับฉัน ฉันก็จะเข้าร่วมการแข่งขันประลองยุทธร้อยเมือง”
“พนันอะไร?”
“ก็แข่งคะแนนเดี่ยว” ลู่คังตอบ
“ถ้านายได้คะแนนมากกว่าฉัน ฉันก็จะร่วมทีมกับนาย ถ้าคะแนนนายน้อยกว่าฉัน ก็เสียใจด้วย...”
“ตกลง!” พอได้ยินแบบนั้น เทียนเต๋าก็ตกลงทันที เรื่องคะแนน เขายังไม่เคยกลัวใคร
“งั้นตกลงตามนี้นะ!” ลู่คังพูด ยกมือขวา
“ตกลงตามนี้!” เทียนเต๋ายื่นมือขวาไป ตบมือกับเขา
“แต่ พวกเรามีแค่สองคน จะเข้าร่วมทีมได้ไง?”
“สองคนยังไม่พออีกเหรอ?” ลู่คังถามกลับ
“การแข่งขันทีมมีห้าคน พวกเราเป็นสายโจมตี ยังขาดซัพพอร์ตกับฮีลเลอร์”
“ฉันไม่ต้องการซัพพอร์ตกับฮีลเลอร์” ลู่คังพูดอย่างมั่นใจ
“อย่าบอกนะว่านายต้องใช้น่ะ?”
“…” เทียนเต๋าฟังแล้วก็พูดไม่ออก พูดอย่างไม่พอใจ “ฉัน ต้อง ใช้ !!”
“งั้นนายก็ไปร่วมทีมกับคนอื่นสิ” ลู่คังโบกมือ ทำท่ารังเกียจ “ฉันไม่ร่วมทีมกับคนอ่อนแอ”
“วะเห้ยย!” เทียนเต๋า พูดอย่างไม่พอใจ
“นายคงไม่ใช่พวก ฮิคิโคโมริ หรอกใช่ไหม ? ถึงไม่กล้าร่วมทีมกับคนอื่นน่ะ?”
“ไม่ใช่เฟ้ย!” ลู่คังโกรธ รีบแย้ง “ฉันแค่ไม่อยากให้ใครมาเป็นตัวถ่วงต่างหาก!”
“เหอะ! งั้นก็ช่างเถอะ” เทียนเต๋าครุ่นคิด ส่ายหน้า
“ฉันไม่มีทางรวมทีมกับนายแค่สองคนแน่ ฉันต้องการซัพพอร์ต ต้องการทีม !”
หลังจากผ่านดันเจี้ยน “สนามรบทดสอบ”
เทียนเต๋าก็เข้าใจความสำคัญของทีม
ต่อให้คนๆ เดียวจะเก่งแค่ไหน ก็ต้องมีเวลาที่ต้องการความช่วยเหลือ
สู้คนเดียว ไม่มีทางจบสวย
ในเมื่อลู่คังไม่ยอม ก็ช่างเถอะ
ยังไงคะแนนของเมืองนิรันดร์ก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขามาก...
เมืองนิรันดร์เป็นของทุกคน ไม่ใช่ของเขาคนเดียว
อีกอย่างเทียนเต๋าเองก็ไม่ได้มีหน้าที่ต้องรับผิดชอบคะแนนนี้เหมือนกัน!
“งั้นฉันไปล่ะ” พอโดนปฏิเสธ ลู่คังก็พูดอย่างเย็นชา แล้วก็หายวับไป
เทียนเต๋ามองซ้ายมองขวา เห็นว่าอีกฝ่ายไปแล้วจริงๆ ก็เลยไปบ้าง
ระหว่างทางกลับ เขาก็โทรหาหลี่เม่ยเม่ย
“ฮัลโหล ในที่สุดนายก็ติดต่อมา” ปลายสาย หลี่เม่ยเม่ยพูดอย่างไม่พอใจ
“ถ้าอีกครึ่งวันนายยังไม่ติดต่อมา ฉันจะไปหานายแล้วนะ”
“ฉันคิดดีแล้ว” เทียนเต๋ายิ้ม พยักหน้า “ฉันตกลง ร่วมทีมกับพวกเธอ”
“เยี่ยม งั้นก็ร่วมทีมกัน!” หลี่เม่ยเม่ยตื่นเต้น กำโทรศัพท์แน่น
พอวางสาย เธอก็รีบไปหาเหลียงเมี่ยวหลิงกับคนอื่นๆ บอกข่าวดี
พอรู้ว่าเทียนเต๋าตกลงร่วมทีม ทุกคนก็ดีใจ
“แบบนี้คะแนนการแข่งขันทีมก็ไม่ต้องห่วงแล้ว”
“ใช่ ปีนี้ต้องเอาคะคะแนนดีๆมาล้างอายให้ได้!”
“กอบกู้ชื่อเสียงของเมืองนิรันดร์...”
“พวกเราจะไม่ยอมแพ้!”
“พุ!” หลี่เม่ยเม่ยถึงกับหลุดขำ
“พวกเราอย่าเพิ่งดีใจไป ถึงจะเป็นการแข่งขันทีม
แต่ความสามารถส่วนบุคคลก็สำคัญ
ไม่งั้นต่อให้ได้โควต้าเข้ามหาวิทยาลัยดีๆ
แต่ถ้าคะแนนไม่ถึง ก็เข้าไม่ได้นะ”
“แบบนั้นก็เสียแรงเปล่านั่นแหละ”