EP.5 ความมุ่งมั่นของสเตรนจ์ (2)
EP.5 ความมุ่งมั่นของสเตรนจ์ (2)
[มุมมองบุคคลที่ 3]
2 วันต่อมา ในที่สุดสตีเฟนก็สามารถเรียกอีกาผีออกมาได้สำเร็จหลังจากระยะเวลาที่นาน แต่อีกาก็สมารุถ่ายทอดข้อมูลที่รวบรวมมาได้ ทำให้สตีเฟนเข้าใจถึงศักยภาพที่แท้จริงของคาถานี้ได้ เช่นเดียวกับคาถามายา สตีเฟนฝึกฝนต่อไปจนกระทั่งเรียกมันออกมาได้โดยไม่ต้องใช้ความพยายามใดๆ ต่างจากคาถามายาที่ต้องใช้เวลาถึง 10 เดือนในการฝึกฝนจนเชี่ยวชาญ เขาสามารถฝึกฝนคาถาอีกาให้สมบูรณ์แบบได้ภายในเวลาเพียง 6 เดือน ซึ่งใช้เวลาเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น
กลับมาที่ป่า สตีเฟนกำลังฝึกซ้อมกับแอสต้า “ถึงแม้ตอนนี้นายจะใช้เวทมนตร์ไม่ได้ แต่อย่างน้อยนายก็ควรจะต่อสู้ได้ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมนายกับชั้นจะประลองฝีมือกันตลอดเวลา” สตีเฟนพูดขณะที่พวกเขากำลังเผชิญหน้ากัน
“นายจะสอนยูโนะต่อสู้ด้วยไหม” แอสต้าถามด้วยความอยากรู้
"ด้วยความที่ชั้นพึ่งเวทมนตร์มากขนาดนั้น สไตล์การต่อสู้ของยูโนะจึงเหมาะกับเวทมนตร์มากกว่า" สตีเฟนอธิบายในขณะที่พวกเขาเริ่มเซสชันการต่อสู้ โดยทั้งคู่ถอดเสื้อและเล็งโจมตีกันไปมา
“หมัดและท่าต่อสู้ที่พวกเราใช้จะไม่ได้รับการพัฒนา เพราะพวกเราเป็นเพียงมือใหม่ แต่รูปแบบการต่อสู้ทุกรูปแบบเริ่มต้นจากศูนย์และค่อยๆ พัฒนาด้วยการฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง พวกเราเหมือนกัน พวกเรานั้นไม่มีครูมาสอนพวกเราว่าอะไรถูกหรือผิด” สตีเฟนกล่าวเสริม
"นายบอกว่านายนั้นเป็นมือใหม่ แต่นายกลับเตะก้นชั้นซะเละเลย!" แอสต้าคร่ำครวญขณะหลบการโจมตีของสตีเฟน
“นั่นเป็นเพราะชั้นจำทุกอย่างที่ทำและปรับแต่งมันทุกครั้งที่ใช้ ชั้นได้เรียนรู้วิธีขจัดการเคลื่อนไหวที่ไม่จำเป็นออกไป ทำให้ตัวชั้นเองมีประสิทธิภาพมากขึ้น และลดการกระทำของชั้นลง ชั้นใช้เวลาหลายปีในการต่อสู้อย่างต่อเนื่อง- โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับตัวเอง- เพื่อมาถึงระดับนี้ นายโชคดีนะ นายไม่จำเป็นต้องผ่านสิ่งเหล่านั้นทั้งหมดเพราะชั้นสอนนายอยู่”
แอสต้าตะโกนด้วยน้ำตาแห่งความขอบคุณว่า "นายเก่งที่สุด สตีเฟน สอนมาวิชาหนักๆของนายมาให้ชั้นให้หมดเลย!"
“ใช่ ใช่ ชั้นรู้แล้ว ตอนนี้ต้องยืนในท่าที่ถูกต้องเหมือนที่ชั้นบอก” สตีเฟนตอบอย่างขบขัน
ในขณะที่พวกเขายังคงต่อสู้กันต่อไป สตีเฟนก็สังเกตเห็นว่าแอสต้าได้เรียนรู้เทคนิคการต่อสู้ทางกายภาพได้อย่างรวดเร็ว 'ดูเหมือนว่าการที่เขาไม่มีเวทมนตร์ได้ถ่ายโอนศักยภาพทั้งหมดของเขาไปสู่ความสามารถทางกายภาพ' เขาคิด
“บ้าเอ๊ย แอสต้า พวกเราอาจจะพบสิ่งที่นายต้องการแล้วก็ได้ นายกับยูโนะเป็นขั้วตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิง เขาเก่งเรื่องเวทมนตร์ ส่วนเธอเก่งเรื่องการต่อสู้ ยูโนะนั้นมีพรสวรรค์โดยธรรมชาติ แต่นายนั้นชดเชยด้วยการฝึกหนักและมุ่งมั่น นายเป็นคนเสียงดังและอารมณ์ดี ส่วนยูโนะพูดจาอ่อนหวานกว่า”
“เฮ้ย! ส่วนสุดท้ายนั่นจำเป็นจริงๆเหรอ ?!” แอสต้าตะโกนประท้วง
สตีเฟนไม่สนใจแอสต้า แต่กลับยิ้มเยาะและถามว่า "พวกเราจะไปต่อหรือเปล่า ?"
“มาทำกันเถอะ!” แอสต้าตะโกนอย่างตื่นเต้น “บางทีด้วยการฝึกฝนครั้งนี้ ชั้นอาจจะปลดล็อกเวทมนตร์ได้ในที่สุดก็ได้!”
...
หลังจากประลองฝีมือกับทั้งยูโนะและแอสต้าแล้ว สตีเฟนก็นั่งลงและคิดว่าจะเรียนคาถาใดต่อไป ชีเบิร์ดนั้นก็เกาะไหล่ของเขาขณะที่เขาวาดคาถาบนพื้นด้วยไม้ โดยวนคำสามคำคือ รุก รุกและรับ และเสริม
“เอาล่ะ ชั้นมีคาถาแต่ละประเภทให้ฝึกฝนอย่างละ 1 คาถา ชีเบิร์ด เธอดูเป็นสาวน้อยที่ฉลาดมาก ชั้นควรจะเน้นคาถาประเภทไหนต่อไปดี”
ชีเบิร์ดกระโดดเข้าไปในวงกลมป้องกันโดยไม่ลังเล เมื่อเธอเงยหน้าขึ้น สตีเฟนก็ยิ้มเยาะเย้ยหยัน “เธอคงเป็นห่วงชั้นมากสินะ เธอเลยอยากให้ชั้นเรียนคาถาป้องกันเพื่อให้ปลอดภัยใช่ไหม”
ชีเบิร์ดถอนหายใจแรงและบินขึ้นไปบนกิ่งไม้ใกล้ๆ เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ต้องการแกล้งใคร สตีเฟนหัวเราะเบาๆ “อย่ากังวล ชั้นก็เป็นห่วงเธอเหมือนกัน”
เขาจึงยืนขึ้น ยืดแขน และพึมพำกับตัวเองว่า "มาดูกัน... ว่าเป็นยังไงบ้างอีกครั้ง..."
เขาจดจ่อ และปลายนิ้วชี้และนิ้วกลางของเขาก็เริ่มเรืองแสงด้วยเวทมนตร์แห่งเอลด์ริช โดยเริ่มจากมือข้างนึงที่ด้านล่างและอีกข้างนึงที่ด้านบน เขาเคลื่อนมือทั้ง 2 ไปในทิศทางตรงข้ามกัน ทำให้เกิดวงกลมเรืองแสงในอากาศ วงกลมอีก 2 วงซ้อนทับกับวงแรกอย่างรวดเร็ว จากนั้น เขาก็เคาะข้อมืออย่างรวดเร็วเพื่อเรียกโล่ขนาดใหญ่ที่เต็มวงกลมตรงกลาง จากนั้นก็เคาะข้อมืออีกครั้งเพื่อเรียกโล่ขนาดเล็ก 2 อันซึ่งเขาต่อยเข้าไปในวงกลมด้านนอก
สตีเฟนเริ่มยกมนตร์คาถาขึ้นเหนือศีรษะโดยกางกำปั้นทั้ง 2 ข้างออก ก่อนที่เขายกเว้นนิ้วหัวแม่มือ โดยประกบนิ้วทั้งหมดไว้ตรงหน้าอกของเขา จากนั้นเขาค่อยๆกางแขนออกจนกว้าง ทำให้มนตร์ของคาถาขยายออกและสร้างโดมป้องกันรอบตัวเขา ตลอดกระบวนการ เขาท่องมนตร์คาถาซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยตั้งใจอย่างหนักว่า "Aetheris sanctum me protegat"
แต่เมื่อโดมเริ่มก่อตัวขึ้น มันก็สั่นเล็กน้อย สตีเฟนขมวดคิ้วและหลับตาลงด้วยสมาธิ แม้จะพยายามแล้ว แต่มนตร์ก็แตกสลายทำให้เกิดฝนถ่านไฟจากเอลดริชรอบตัวเขา
สตีเฟนถอนหายใจแล้วนั่งลง “เพื่อให้ชัดเจน ถ้าชั้นลองทำแบบนั้นในสนามรบ ชั้นคงตายไปแล้วก่อนที่ชั้นจะพูดพยางค์แรกจบ ใช่ มันยาวเกินความจำเป็น แต่นั่นคือเหตุผลที่พวกเราฝึกฝนเพื่อให้คาถาสั้นลง ผลลัพธ์ก็คุ้มค่า คาถานี้ Aetheris Sanctum- สถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งอีเธอร์- สร้างโดมป้องกันรอบตัวชั้นและทุกคนที่อยู่ใกล้ๆ มันปกป้องพวกเราจากการโจมตีทั้งทางกายภาพและเวทมนตร์ ส่วนที่ยากคือการมีสมาธิเพียงพอที่จะรักษามันไว้”
สตีเฟนสามารถฝึกฝนคาถาได้สำเร็จภายในเวลาเพียง 5 เดือน ซึ่งเร็วกว่าที่คาดไว้มาก ความสามารถในการควบคุมพลังเอลด์ริชของเขานั้นเฉียบคมขึ้นเรื่อยๆ ในแต่ละครั้งที่ฝึกฝน และยิ่งชำนาญมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกครั้งที่ร่ายคาถาใหม่
...
สตีเฟนไม่ได้เรียนรู้คาถาใหม่เลยนับตั้งแต่เขาอายุได้ 10 ขวบ
เมื่ออายุได้ 10 ขวบ เขาอยากเริ่มฝึกคาถาเสริมมาก ชีเบิร์ดยืนกรานที่จะเก็บคาถาโจมตีไว้ใช้ตอนท้าย เพราะเชื่อว่าอาจเป็นอันตราย และต้องการให้สตีเฟนเตรียมตัวให้พร้อมก่อนที่จะฝึก
“อันที่จริงแล้วนี่เป็นคาถาที่เรียบง่ายมาก” เชเบิร์ดอธิบาย “มันเรียกว่าดาร์ควิงส์”
“จงอย่ายอมแพ้ง่ายๆ!” สตีเฟนอุทานขณะไขว้แขนเลียนแบบท่าทางการบิน ในทันใดนั้น เขาก็กางแขนออกอย่างรวดเร็ว จนกลายเป็นฝูงนกในเงามืด
เมื่อฝูงสัตว์กลับคืนสู่สภาพเดิม สตีเฟนก็ยิ้มอย่างพึงพอใจ "ชั้นทำได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ลอง…”
ความประหลาดใจที่แท้จริงมาถึงเมื่อเขาสามารถเชี่ยวชาญคาถานี้ได้ภายในเวลาเพียงหนึ่งเดือน
หลังจากประสบความสำเร็จแล้ว สตีเฟนก็ไม่เสียเวลาและมุ่งไปที่คาถาสุดท้ายที่เขาจำได้ทันที ซึ่งเป็นคาถาโจมตีที่ครั้งนึงเคยใช้โดยด็อกเตอร์สเตรนจ์ออริจินอล เมื่อสตีเฟนพบคาถานี้ในหนังสือคาถาที่เขาซื้อมา ซึ่งมันร่วมกับคาถา ภาพของไอคอน เขาก็สันนิษฐานว่าใครก็ตามที่รวบรวมหนังสือเล่มนี้ต้องเป็นแฟนตัวยงของคอมมิค โดยบันทึกคาถาทั้งหมดที่พวกเขาเห็นไว้ราวกับเป็นเอกสารเวทมนตร์ประเภทนึง
“By the Bolts of Balthakk (ด้วยสายฟ้าของบัลทัค)!” สตีเฟนตะโกนพร้อมกับยื่นมือออกไปด้านข้าง ลูกบอลขนาดใหญ่ที่แตกกระจายพร้อมสายฟ้าปรากฏขึ้นรอบๆมือของเขา
สตีเฟนยื่นแขนออกไปอย่างรวดเร็ว ส่งสายฟ้าฟาดออกจากปลายนิ้ว โดยมันนั้นทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้า
รอยยิ้มกว้างและตื่นเต้นปรากฏบนใบหน้าของเขาขณะที่เขามองดูมือที่โดนไฟฟ้าช็อต เขาหัวเราะอย่างมีความสุขและประหลาดใจกับพลังมหาศาลที่พุ่งพล่านผ่านตัวเขา
ในที่สุด สตีเฟนก็เชี่ยวชาญคาถาทั้ง 5 แล้ว เขาไม่เสียเวลาแม้แต่นาทีเดียว เขาฝึกฝนอย่างไม่ลดละ ฝึกฝนแต่ละคาถาอย่างไม่เหน็ดเหนื่อยเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพการต่อสู้ของเขา
เขาฝึกฝนวันแล้ววันเล่า ก่อนที่เขาจะรู้ตัว เวลาก็ผ่านไปห้าปีแล้ว และตอนนี้เขาอายุ 15 ปีแล้ว
โปรดติดตามตอนต่อไป.
_______________