EP.3 สเตรนจ์เลี้ยงนก
EP.3 สเตรนจ์เลี้ยงนก
[มุมมองบุคคลที่ 3]
“ดูสิ ยูโนะ สตีเฟนเอาอาหารกลางวันมา!” แอสต้าตะโกนพร้อมชี้ไปที่สตีเฟนที่กำลังถือนกอ้วนๆตัวนึงอยู่ในมือด้วยความตื่นเต้น
นกจ้องมองไปที่แอสต้าก่อนที่จะหันไปมองสตีเฟนด้วยสายตาสงสัย
“ขอโทษนะ แอสต้า แต่เจ้าตัวอ้วนกลมเล็กๆตัวนี้กินไม่ได้หรอกนะ” สตีเฟนตอบพร้อมกับส่ายหัว
“แล้วมันคืออะไร” แอสต้าถามพร้อมเอียงหัวด้วยความสับสน
“มันจะเป็นสัตว์วิเศษรับใช้ของชั้นนะ!” สตีเฟนพูดอย่างมีอารมณ์
“เจ๋งมาก!” แอสต้าอุทานออกมา โดยมีดวงดาวส่องประกายในดวงตาของเขา “นายคิดว่าชั้นจะได้สัตว์รับใช้ของตัวเองบ้างไหม!”
“แน่นอน นายทำได้! ถ้านายหาไม่ได้ ชั้นจะช่วย” สตีเฟนพูดอย่างมั่นใจพร้อมตบหลังแอสต้า
“ดูเหมือนมันจะบาดเจ็บนะ…” ยูโนะพูดเบาๆ เมื่อสังเกตเห็นนกที่พันผ้าพันแผลอยู่ในมือของสตีเฟน
“นั่นเพราะว่า... ชั้นจะเอามันมาเลี้ยง-” สตีเฟนหยุดชะงัก จากนั้นก็มองลงไปที่นก “เดี๋ยวนะ แกเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง ?”
นกกะพริบตาไปที่เขา
“พยักหน้าครั้งหนึ่งสำหรับผู้ชาย พยักหน้า 2 ครั้งสำหรับผู้หญิง เข้าใจไหม” สตีเฟนชี้แจง
นกพยักหน้าครั้งนึง
“ว้าว! มันเข้าใจคุณจริงๆ!” แอสต้าอุทานด้วยความประหลาดใจ
“แล้วเป็นเด็กผู้ชายเหรอ” ยูโนะถาม
“ชั้นคิดว่ามันคงแค่ตอบคำถามของชั้นถ้ามันเข้าใจ… โอเค เชิญเลย พยักหน้า 1 ครั้งสำหรับผู้ชาย 2 ครั้งสำหรับผู้หญิง”
พวกเขาทั้งหมดจ้องมองไปที่นกซึ่งมันพยักหน้า 2 ครั้ง
สตีเฟนยกมือขึ้นอย่างชัยชนะ “และเธอก็พูดแล้ว!”
“แล้วเธอชื่ออะไร” ยูโนะถาม
“นกชีเบิร์ด” สตีเฟนพูดอย่างภาคภูมิใจก่อนจะเดินออกไปดูแลเธอจนหายดี
ชีเบิร์ดจ้องมองสตีเฟนราวกับว่าเขาเป็นคนโง่ จากนั้นจึงเอาปีกข้างที่ยังดีๆของเธอปิดหน้าเธอด้วยความหงุดหงิด
...
วันต่อมา…
สตีเฟนกลับไปยังจุดฝึกของเขาในป่าโดยทำท่าร่ายโล่ซ้ำๆ เกราะเวทมนตร์สั่นไหวก่อนจะสลายไปอีกครั้ง สตีเฟนยิ้มอย่างพอใจกับความก้าวหน้าของตัวเอง ก่อนจะหันไปมองชีเบิร์ดที่กำลังพักผ่อนในรังชั่วคราว โดยมีปีกที่พันผ้าพันแผลอยู่
"เท่มากใช่ไหมล่ะ" สตีเฟนผายอกอย่างภาคภูมิใจ
ชีเบิร์ดจ้องมองเขาอย่างว่างเปล่า
“เธอหมายความว่า ‘แค่นั้นเองเหรอ’ ได้ยังไง ชั้นทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเพื่อจะทำแบบนั้นได้!” สตีเฟนถอนหายใจและไขว้แขน “เธอไม่จำเป็นต้องพูดอะไรเลย เธอแสดงออกได้ดีมากสำหรับนก”
ชีเบิร์ดเพียงกระพริบตาไปที่เขา แสดงความไม่ประทับใจอย่างเห็นได้ชัด
สตีเฟนเยาะเย้ย “เธอมันโง่” เขาบ่นพึมพำก่อนจะหันกลับไปสนใจเวทมนตร์ของเขาอีกครั้ง
มันกลายเป็นกิจวัตรประจำวันของพวกเขา : สตีเฟนช่วยทำงานบ้าน จับชีเบิร์ด และออกไปฝึกเวทมนตร์ในป่า ในแต่ละวัน โล่ของเขาจะสดใสและมั่นคงมากขึ้น หลังจากฝึกฝนมา 1 สัปดาห์ ในที่สุดโล่ก็แข็งแรง
“เยี่ยมมากเลยใช่ไหม” สตีเฟนพูดพร้อมยิ้ม “ตอนนี้ชั้นเชี่ยวชาญการใช้โล่ขึ้นมาบ้างแล้ว ถึงเวลาที่จะเปลี่ยนไปใช้รูปแบบอื่นและควบคุมเวทมนตร์ของชั้นบ้างแล้ว”
ตอนนี้ชีเบิร์ดดูมีสุขภาพแข็งแรงมากขึ้น และดูเหมือนจะเห็นด้วยโดยพยักหน้าเล็กน้อย
ประกายไฟพุ่งออกมาจากมือของสตีเฟนขณะที่เขาตบมือทั้ง 2 ข้างเข้าด้วยกัน เขาค่อยๆแยกมือทั้ง 2 ออกจากกันโดยพยายามสร้างแส้เวทย์มนต์ขณะที่เขายืดพลังงานเวทย์มนตร์ แต่มันก็ขาดตรงกลางทำให้เขาต้องดีดลิ้นด้วยความหงุดหงิด
แต่สตีเฟนไม่ใช่คนที่จะยอมแพ้ง่ายๆ เขาไม่ได้มาไกลถึงขนาดนี้ด้วยการเลิกทำ ดังนั้นเขาจึงเริ่มใหม่อีกครั้ง และอีกครั้ง และอีกครั้ง
ชีเบิร์ดเพียงเฝ้าดู แต่ก็รู้สึกประทับใจกับความทุ่มเทที่ไม่ลดละของเขา แม้ว่าเธอจะพบว่าเวทมนตร์ของเขาดูแปลกไปเล็กน้อย
“ชั้นทำได้แล้ว!” สตีเฟนอุทานขึ้นอย่างกะทันหัน “ทุกครั้งที่ชั้นทำคาถาไม่สำเร็จชั้นจะลงโทษตัวเองด้วยการออกกำลังกาย ด้วยวิธีนี้ เมื่อชั้นไม่อยากออกกำลังกายอีกต่อไปร่างกายของชั้นจะร่ายเวทย์ได้ตามสัญชาตญาณ!” สตีเฟนพูดอย่างภาคภูมิใจ ราวกับว่าเขาได้ค้นพบความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่มีอยู่
“เนื่องจากชั้นล้มเหลว…มาเริ่มกันที่สิ่งเล็กๆน้อยๆจากการวิดพื้นก่อนดีกว่า…”
หลังจากวิดพื้นได้ไม่ถึง 5 ครั้ง สตีเฟนก็หายใจไม่ออก "โอเค ว้าว... แย่จังนะ"
ชีเบิร์ดจ้องมองเขา ราวกับจะบอกว่า “ใช่แล้ว เป็นอย่างนั้น”
“เธอไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย” สตีเฟนบ่นพึมพำขณะหายใจเข้าลึกๆ “เพื่อฝึกเวทมนตร์ ชั้นจะต้องฝึกภาชนะที่มันอยู่ด้วย” เขาพึมพำกับตัวเอง
...
วันต่อมา…
สตีเฟนอัปเดตตารางงานของเขา : ช่วยทำงานบ้าน ออกไปวิ่ง และฝึกฝนเวทมนตร์ ระหว่างที่เขาวิ่ง เขาฝึกชีเบิร์ดให้บินได้อีกครั้งด้วยปีกที่หายดีแล้ว โดยให้กายภาพบำบัดที่จำเป็นมากแก่เธอ หลังจากนั้น เขาก็กลับไปที่ป่าเพื่อฝึกฝนเวทมนตร์ ทุกครั้งที่เขาร่ายมนตร์ไม่สำเร็จ เขาจะฝึกฝนร่างกายของเขา แต่ไม่ถึงขั้นหมดแรง
เมื่อเขากลับบ้านมาทานอาหารเย็น เขาก็เหนื่อยล้าทางร่างกาย ไม่สามารถฝึกเวทมนตร์ตอนดึกได้เหมือนแต่ก่อน
...
1 สัปดาห์ต่อมา…
สตีเฟนปรบมือทั้ง 2 เข้าด้วยกันแล้วแยกออกจากกัน แส้เวทย์มนต์ปรากฏขึ้นระหว่างพวกเขา แส้นั้นบางแต่แข็งแกร่ง พลังเวทย์มนตร์สั่นไหวที่ขอบ สตีเฟนหมุนมันไปมาเพื่อทดสอบความยืดหยุ่นของมันก่อนจะปลดปล่อยคาถาด้วยการชกหมัดอย่างชัยชนะ
“ใช่แล้ว! ชั้นทำได้แล้ว!” สตีเฟนตะโกนด้วยความตื่นเต้น เขาวิ่งไปหาชีเบิร์ดและอุ้มเธอขึ้นมาและจูบร่างอ้วนกลมของเธอ “เธอเป็นเครื่องรางนำโชคของชั้น!”
ชีเบิร์ดกลอกตาไปมาเมื่อเห็นความรักที่เกินเหตุ อย่างไรก็ตาม ปีกของเธอได้สมานตัวเต็มที่แล้ว และเธอก็จูบหัวเขาเบาๆก่อนจะกระโดดขึ้นไปบนไหล่ของเขา
ขณะที่สตีเฟนกำลังเฉลิมฉลอง ชีเบิร์ดก็สะกิดเขาเบาๆ จากนั้นก็บินไปที่ต้นไม้ใกล้ๆแล้วมองไปยังเส้นขอบฟ้า ที่นั่น มีกะโหลกปีศาจขนาดยักษ์ยืนอยู่ไกลๆพร้อมรูปปั้นจักรพรรดิเวทย์มนต์องค์แรก ซึ่งเป็นตำแหน่งที่มอบให้กับผู้ใช้เวทย์มนต์ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในบรรดาผู้ใช้เวทย์ทั้งหมด
สตีเฟนหน้าซีดลง “เดี๋ยวนะ เธอจะไปแล้วเหรอ” เขาถามเบาๆ
ชีเบิร์ดจ้องมองเขาครู่หนึ่งก่อนจะเอียงศีรษะไปทางกะโหลกศีรษะ ซึ่งเป็นการบ่งชี้ถึงบ้านใหม่ของเธอ
“อ๋อ... งั้นเธอก็ไปอยู่ที่นั่นสินะ... งั้นเธอก็จะไม่จากไปจริงๆสินะ” สตีเฟนพูดโดยพยายามซ่อนความผิดหวังของเขา
ชีเบิร์ดแกว่งปีกไปมา
“งั้น... พวกเราคงจะเป็นเหมือนเพื่อนบ้านมากกว่าเพื่อนร่วมห้อง” สตีเฟนหัวเราะอย่างเก้ๆกังๆขณะเข้าใจสิ่งที่เธอหมายถึงผ่านภาษากายของเธอ
สตีเฟนรู้สึกเขินอาย จึงลังเลก่อนจะถามว่า "พวกเราจะ... นอนค้างคืนกันไหม"
ใบหูของเขาแดงก่ำเมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าว เขารีบเอามือปิดหน้าด้วยความเขินอาย เสียใจที่ถามคำถามโง่ๆเช่นนี้
ชีเบิร์ดดูจะขบขันกับความเก้ๆกังๆของเขาและพูดเบาๆ เธอเอนตัวเข้าไปถูหัวกับแก้มของเขา เป็นการแสดงความรู้สึกขอบคุณสำหรับทุกสิ่งที่เขาทำ ก่อนจะบินตรงไปที่รูปปั้น
แม้ว่าสตีเฟนจะคิดถึงที่ได้พบเธอตลอดเวลา แต่เขาก็ยิ้ม เพราะรู้ว่าเธอจะยังอยู่แถวๆนี้
...
อายุ 6 ปี :
สตีเฟนเสกโล่ขึ้นมาแล้วสลายมันไปอย่างรวดเร็ว มันกลายเป็นแส้ในทันที เขาแสร้งทำเป็นป้องกันการโจมตีที่มองไม่เห็นก่อนจะหันกลับไปหาโล่แล้วขว้างมันไปที่ต้นไม้ใกล้ๆ โล่นั้นแตกสลายเมื่อกระทบ แต่ยังคงมีรอยเล็กๆเหลืออยู่ มันแสดงให้เห็นว่าแม้จะสลายไปแล้วแต่ก็ยังสร้างความเสียหายได้บ้าง
สตีเฟนหยุดชะงักและหายใจออกอย่างแรงในขณะที่ลมหายใจของเขาปรากฏให้เห็นในอากาศหนาวเย็น หิมะที่โปรยปรายลงมาเบาๆรอบตัวเขา
‘ชั้นคิดว่าชั้นพร้อมที่จะลองคาถาแรกที่ชั้นท่องจำแล้ว... แม้ว่าชั้นจะเลือกคาถานี้เพราะมันจะช่วยในการฝึกของชั้นก็ตาม’ สตีเฟนคิดกับตัวเอง
ทันใดนั้น เขาก็รู้สึกว่ามีบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่บนหัวของเขา ทำให้เขาถอนหายใจอีกครั้ง "สำหรับคนที่วางแผนจะบินหนีไป เธอนี่ช่างเป็นคนขี้แยจริงๆ"
ใช่เจ้านกอ้วนกลม ซึ่งบัดนี้รู้จักกันในชื่อ นกชีเบิร์ด กำลังซุกตัวเข้าไปในผมของเขาและส่งเสียงเจื้อยแจ้วอย่างพึงพอใจ
“แล้วสำหรับชั้น ชั้นก็เป็นได้แค่เครื่องคำความอุ่นจากร่างกายงั้นเหรอ ชั้นผิดหวังในความสัมพันธ์ของพวกเรานะ” สตีเฟนพูดหยอกล้อด้วยรอยยิ้มเยาะ
เมื่อเงยหน้าขึ้นมอง เขาก็รู้ว่ามันสายแล้ว “โอ้ ไม่นะ หลวงพ่อออร์ซีคงจะโกรธมาก…”
สตีเฟนวิ่งผ่านป่าที่เต็มไปด้วยหิมะโดยไม่พูดอะไรอีก และวิ่งลงเนินไปยังโบสถ์ ขณะที่เขาเดินเข้าไปใกล้ เขาก็เห็นหลวงพ่อออร์ซีเดินอยู่ข้างนอกด้วยความกังวล
“อย่ากังวลเลยหลวงพ่อ ผมอยู่ที่นี่! ขอโทษที่ทำให้หลวงพ่อต้องกังวล”
“ชั้นไม่ได้กังวลเรื่องเธอ”
“โอ๊ย… ผมก็คิดว่าอย่างนั้น” สตีเฟนผงะถอย
หลวงพ่อออร์ซีถอนหายใจ “ชั้นไม่ได้หมายความอย่างนั้น แค่ยูโนะออกไปทำธุระ แล้วแอสต้าก็ตามเขาไป พวกเขาควรจะกลับมาแล้ว ชั้นอดเป็นห่วงพวกเขาไม่ได้”
“ผมจะไปหาพวกเขาให้พบ ชีเบิร์ดสามารถช่วยผมได้ เพราเธอมองเห็นจากบนท้องฟ้าได้!” สตีเฟนประกาศพลางวิ่งเข้าไปในเมืองพร้อมกับชีเบิร์ดที่บินอยู่เหนือเขา
“รอก่อน!” บาทหลวงออร์ซีเรียก แต่สตีเฟนก็อยู่ไกลเกินกว่าจะได้ยิน
โปรดติดตามตอนต่อไป.
_______________