บทที่ 8 หวาดกลัว ข้าหวาดกลัวจริงๆ
บทที่ 8 หวาดกลัว ข้าหวาดกลัวจริงๆ
เมื่อมองลงไปยังเจียงเปี๋ยเฮ่อที่นอนอยู่บนพื้น ไร้ซึ่งพลังลมปราณ ด้วยเหตุใดมิทราบ เจียงอวี้เยี่ยนมิได้รู้สึกหวาดกลัว ตรงกันข้าม กลับรู้สึกถึงความสะใจที่ท่วมท้น
ความกดดัน ความเจ็บปวด และความแค้นที่สะสมมาหลายปี บัดนี้ได้รับการปลดปล่อยออกมาจนหมดสิ้น
พลัง... อำนาจ... มีเพียงพลังที่ไร้เทียมทานและอำนาจสูงสุดเท่านั้น ที่จะทำให้ชีวิตของนางสุขสบายยิ่งขึ้น นางไม่ต้องการเป็นเจียงอวี้เยี่ยนที่ถูกผู้อื่นรังแกอีกต่อไป ในภายภาคหน้า จะมีเพียงนางที่รังแกผู้อื่นเท่านั้น
ในที่สุด นางก็เหลือบมองไปยังเจียงเปี๋ยเฮ่อที่อยู่ในภวังค์ โดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย ก้าวเท้าเดินออกจากประตู
ขณะที่กำลังจะจากไป ราวกับนึกอะไรขึ้นมาได้ เจียงอวี้เยี่ยนจึงชักกระบี่ปรภพ สังหารทุกคนในคฤหาสน์ราวกับผักปลา จากนั้นก็จุดไฟเผา สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยความทรงจำอันเจ็บปวดและความแค้น เผาให้สิ้นซาก
……
“ช่างเป็นสตรีที่โหดเหี้ยม!”
“วันนี้ข้าได้เห็นกับตาแล้ว!”
เมื่อมองดูร่างที่จากไปอย่างเด็ดเดี่ยว สองร่างที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืดก็ค่อยๆ เดินออกมา
“ลู่เสี่ยวฟ่ง โชคดีที่เจ้าไม่เคยยั่วยุสตรีเช่นนี้ มิฉะนั้น วันนี้ข้าคงไม่ได้เห็นเจ้าแล้ว”
“ท่านจอมโจร ยังห่วงตัวเองจะดีกว่า”
ลู่เสี่ยวฟ่ง
ชอลิ้วเฮียง
บุคคลที่มีชื่อเสียงโด่งดังในยุทธภพต้าหมิง เป็นผู้ที่แข็งแกร่ง และมีสหายมากมาย พวกเขาปรากฏตัวขึ้นที่นี่โดยบังเอิญ ได้เห็นเหตุการณ์ที่เจียงอวี้เยี่ยนสังหารผู้คนทั้งหมด แต่ด้วยเหตุใดมิทราบ พวกเขากลับไม่ได้ออกมาห้ามปราม
“ท่านจอมโจร ด้วยนิสัยของท่าน เหตุใดเมื่อครู่ถึงไม่ห้ามปรามนางสังหารผู้คน?”
ชอลิ้วเฮียงได้ยินดังนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่น
“ลู่เสี่ยวฟ่ง พูดตามตรง ข้าลังเลอยู่เหมือนกัน”
“เมื่อข้าเห็นนาง ไม่ทราบเหตุใด จู่ๆ ก็รู้สึกหวาดกลัว ราวกับกำลังเผชิญหน้ากับหายนะ”
“หากยั่วยุนาง ข้าจะต้องเสียใจภายหลังเป็นแน่”
“แม้แต่ซุ่ยบ้ออิมฮีและเจียกวนอิมก็ไม่เคยทำให้ข้ารู้สึกเช่นนี้ ช่างน่าประหลาด”
ลู่เสี่ยวฟ่งได้ยินดังนั้น ก็หัวเราะออกมาดังๆ
“ท่านจอมโจร อย่าว่าแต่ท่านเลย เมื่อครู่ข้าก็รู้สึกเช่นเดียวกัน”
“สตรีผู้นี้ หากไม่คิดจะสังหารนางให้ตายในดาบเดียว ก็อย่าได้ยั่วยุนางเป็นอันขาด”
“โหดเหี้ยมเกินไปแล้ว!”
“ข้าเคยเห็นสตรีที่โหดเหี้ยมมามาก แต่โหดเหี้ยมและเด็ดเดี่ยวเช่นนาง ข้าเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก”
“ไปเถอะ รีบออกจากสถานที่แห่งนี้”
“เดิมทีคิดว่าเจียงอวี้เยี่ยนเป็นเพียงกระต่ายน้อยไร้พิษสง แต่ไม่คิดเลยว่านางจะเป็นปีศาจกินคนที่น่าสะพรึงกลัว”
เมื่อได้เห็นการแปรเปลี่ยนของเจียงอวี้เยี่ยนด้วยตาตนเอง มีหรือที่พวกเขาจะยังกล้าดูแคลนนางอีก? ตอนนี้พวกเขาแทบจะหลบหนีให้ทันเสียด้วยซ้ำ แม้แต่คนใจกล้าอย่างลู่เสี่ยวฟ่งและชอลิ้วเฮียง ก็ยังไม่กล้าที่จะยั่วยุภัยพิบัติเช่นนี้
"ย้ายบุปผาเทียมไม้ ไม่คิดเลยว่าจะมีพลังในการดูดซับพลังภายในของผู้อื่น นี่คือความลับของลูกเต๋าเทพหกหยินหรือนี่? ยุทธภพในภายภาคหน้า คงจะคึกคักยิ่งขึ้น!"
"เฮ้อ ตั้งแต่บัญชีทองคำปรากฏ โลกเก้าแคว้นก็ปั่นป่วนอยู่แล้ว ไม่ต้องพูดถึงยุทธภพเลย รีบกระจายข่าวนี้ออกไป ให้ผู้คนระวังตัวเสีย"
“ขันทีหลิวสี่แห่งสำนักบูรพาคงไม่ปล่อยนางไปแน่”
“จอมยุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งกังหนำ เจียงเปี๋ยเฮ่อ แท้จริงแล้วเป็นคนเสแสร้ง ข้าไม่น่าชื่นชมเขาเลย”
เมื่อทั้งสองจากไป เรื่องราวของเจียงอวี้เยี่ยนก็แพร่กระจายไปทั่วยุทธภพแคว้นหมิงอย่างรวดเร็ว
โดยเฉพาะความโหดเหี้ยมของนาง สร้างความตื่นตะลึงให้กับทุกคน
ดูดซับลมปราณผู้อื่น ทำให้บิดาแท้ๆ ไร้ค่า สังหารล้างตระกูล……
แต่ละเรื่อง ล้วนกระตุ้นขีดจำกัดทางจิตใจของผู้คน
แต่เมื่อคิดว่าเจียงอวี้เยี่ยนเป็นเพียงนักสู้ปราณปฐพี แต่กลับครอบครองลูกเต๋าเทพหกหยิน
ผู้ที่มีจิตใจชั่วร้ายต่างก็เคลื่อนไหว
แต่เจียงอวี้เยี่ยนเป็นใครกัน?
นางมารที่สังหารตัวละครในเรื่องจนเหลือเพียงชื่อเรื่อง มีหรือที่ภูตผีปีศาจจะต่อกรได้
มีแต่จะกลายเป็นอาหาร
กลายเป็นพลังให้เจียงอวี้เยี่ยนแข็งแกร่งขึ้น
และนับจากนี้ไป
ทั่วทั้งยุทธภพแคว้นหมิง ก็เริ่มให้ความสำคัญกับบัญชีมังกรซ่อนกาย
สิบอันดับสุดท้ายที่เป็นนักสู้ปราณปฐพียังน่ากลัวเพียงนี้
แล้วยี่สิบอันดับที่เป็นจอมยุทธ์ขั้นปรมาจารย์ สิบอันดับแรกที่เป็นจอมยุทธ์ขั้นราชันย์ จะร้ายกาจเพียงใด?!!
……
เมืองหลวง หุบเขาเทพพิทักษ์
“ไห่ถัง ลูกเต๋าเทพหกหยินปรากฏแล้ว หลิวสี่แห่งสำนักบูรพาก็เคลื่อนไหวแล้ว เจ้าต้องชิงลูกเต๋าเทพหกหยินและวิชา ‘ย้ายบุปผาเทียมหยก’ มาให้ได้ก่อนสำนักบูรพา!”
“ท่านพ่อ วิชา ‘ย้ายบุปผาเทียมหยก’ เป็นวิชาที่สาบสูญไปของวังบุปผา หากพวกเราทำเช่นนี้ จะไม่เป็นการสร้างศัตรูกับวังบุปผา?”
"ไม่ต้องห่วง วังบุปผาแม้จะแข็งแกร่ง แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าทางราชสำนัก ก็ไม่นับเป็นอะไร หากพวกมันกล้ากำเริบ ข้าก็ไม่รังเกียจที่จะกวาดล้างพวกมัน"
"ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ลูกจะรีบไปดำเนินการ แล้วเจียงอวี้เยี่ยนเล่าพ่ะย่ะค่ะ ควรจัดการอย่างไร?"
“ฆ่า!”
จูอู๋ซื่อเอ่ยอย่างเย็นชา
……
ไม่เพียงแต่หุบเขาเทพพิทักษ์ สำนักและตระกูลใหญ่ในยุทธภพ ต่างก็ส่งยอดฝีมือออกตามหาเจียงอวี้เยี่ยน
เป้าหมายคือลูกเต๋าเทพหกหยินในมือนาง
ไม่ว่าจะฝึกฝนวิชา ‘ย้ายบุปผาเทียมหยก’ เอง
หรือจะมอบให้วังบุปผา เพื่อผูกมิตร
……
ราชวงศ์แคว้นหมิง
พระราชวัง
จูโฮ่วเจามองดูเฉาเจิ้งชุนที่คุกเข่าอยู่เบื้องล่างด้วยสายตาเย็นชา
“ท่านเฉา ปกติแล้วข้าใจดีกับท่านเกินไปหรือไม่?”
“สำนักบูรพาของข้า กำลังจะกลายเป็นกองกำลังส่วนตัวของพวกท่านแล้วกระมัง!”
“ต่อไป พวกท่านคงจะคิดก่อกบฏ?”
จูโฮ่วเจาเอ่ยอย่างเรียบเฉย สีหน้าไร้อารมณ์
ราวกับกำลังพูดถึงเรื่องที่ไม่สำคัญ
แต่คำพูดเหล่านี้ เมื่อเฉาเจิ้งชุนได้ยิน หัวใจก็พลันสั่นสะท้าน
หน้าซีดเผือด
ความหวาดกลัวแล่นขึ้นมาจากปลายเท้า
เหงื่อกาฬไหลท่วมหลัง
ผู้อื่นอาจไม่รู้ แต่เฉาเจิ้งชุนรู้ซึ้งถึงความน่ากลัวของฮ่องเต้พระองค์นี้
แม้ว่าปกติจะไม่ค่อยทำอะไร แต่ไม่มีเรื่องใดรอดพ้นสายตาเขาไปได้
เมื่อใดที่ล้ำเส้น เมื่อนั้นจะพบกับจุดจบ
เขา เฉาเจิ้งชุน เป็นเช่นนี้
เทพผู้พิทักษ์บัลลังก์ จูอู๋ซื่อ ก็เป็นเช่นนี้
เหล่าอ๋องในแคว้นหมิง ก็เป็นเช่นนี้
“ฝ่าบาททรงโปรดอภัย ได้โปรดประทานโอกาสให้ข้าน้อยอีกสักครั้ง ข้าน้อยจะถวายคำอธิบายที่น่าพอใจแก่พระองค์!”
เฉาเจิ้งชุนโขกศีรษะ ร้องขอชีวิต
“หลิวสี่ เพื่อฝึกวิชา มันถึงกับกล้าแตะต้องนางสนมของข้า”
“ท่านเฉา ท่านรู้ใช่หรือไม่ว่าต้องทำอย่างไร?”
“เจ็ดวัน ข้าให้เวลาเพียงเจ็ดวัน ข้าไม่อยากได้ยินว่าเขายังมีชีวิตอยู่”
“หากเขายังอยู่ ท่านก็ไม่จำเป็นต้องอยู่”
น้ำเสียงของจูโฮ่วเจาไร้ซึ่งความโกรธ
แต่ยิ่งเป็นเช่นนี้ ยิ่งทำให้เฉาเจิ้งชุนหวาดกลัว
หากฮ่องเต้แสดงความโกรธออกมาบ้าง เขายังจะรู้สึกวางใจ
แต่ความจริงก็คือ
ฮ่องเต้ทรงน่าเกรงขามกว่าที่เขาคิดไว้มาก
ทรงเก็บซ่อนอารมณ์ไว้ภายใน
**จบ***
ตัวละครที่ปรากฎในตอนนี้มีตัวตนในนิยายในละครหมด ลองเอาชื่อไปเซิดกูเกิ้ลดูได้ครับ อธิบายหมดยาวเพราะมันหลายตัวและมาจากหลายเรื่อง 555+
***แนะนำหรือติชมด้วยครับ จะได้แปลบทต่อไปดีขึ้น***