บทที่ 5 ทุกสิ่งล้วนอยู่ในกำมือ
ราชวงศ์ต้าหมิง
คฤหาสน์ว่านเหมย
“หญ้าดาบสามใบ!”
ซีเหมินชุยเสวี่ย จ้องมองบัญชีรายชื่อกลางอากาศ เอ่ยออกมาอย่างเย็นชา
นาม ซ่งอวี้จื่อ เขาจดจำไว้แล้ว
ทั่วทั้งเก้าแคว้น จอมยุทธ์ปราณปฐพีขั้นปลายมีมากมายนับไม่ถ้วน แต่นางกลับติดอันดับได้ด้วยปราณปฐพีขั้นกลางเท่านั้น
หากยังดูแคลนนาง นั่นช่างโง่เขลา
บางทีในอนาคต นางอาจกลายเป็นศัตรูตัวฉกาจบนเส้นทางกระบี่ของเขา
ดูเหมือนว่าเขาจะต้องฝึกฝนให้หนักขึ้น
มิเช่นนั้น อาจถูกคนรุ่นหลังแซงหน้าได้
(คือผมต้องแจ้งก่อนว่า คนตระกูลซ่ง นั้นไม่ใช่ดาบ ตามนิยายมังกรคู่สู้สิบทิศ ส่วนไอตัวละครนี้ ผมไม่ทราบจริงๆ มันใช่ดาบหรือกระบี่เลยให้เป็นกระบี่ไปก่อน)
……
แคว้นหมิง เขาบู๊ตึ๊ง โถงเต้าเจี๋ย
จางซานฟง และเหล่าศิษย์หลาน มองดูอีกหนึ่งรายชื่อบนบัญชีมังกรซ่อนกาย แต่ละคนจมดิ่งสู่ห้วงความคิด
“ซ่งอวี้จื่อผู้นี้ เป็นคนของสกุลซ่ง?” จางซานฟงเอ่ยถาม
"ท่านอาจารย์ นางเป็นบุตรสาวคนที่สามของซ่งเชวีย แห่งแคว้นสุย อายุยังน้อยกว่าชิงซูเสียอีก" ซ่งหยวนเฉียวตอบด้วยความรู้สึกหลากหลาย
จางซานฟงลูบเคราพลางถอนหายใจ "อายุยังน้อย แต่กลับมีวรยุทธ์สูงส่งเช่นนี้ ในอนาคตอาจก้าวขึ้นเป็นจอมยุทธ์ขั้นราชันย์ได้"
"ท่านอาจารย์ ท่านเคยได้ยินวิชาดาบหมอกมายาหรือไม่?" อินหลีถิงเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“อาจารย์ไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่เพียงแค่เพลงดาบสามกระบวนท่า ก็ทำให้นางติดอันดับได้ คาดว่าคงไม่ด้อยไปกว่าเพลงกระบี่ไท่เก๊กของอาจารย์”
เหล่าศิษย์ได้ยินดังนั้น ก็ตกตะลึง
เทียบเคียงเพลงกระบี่ไท่เก๊ก?
เช่นนั้นก็สามารถต่อกรกับจอมยุทธ์ขั้นราชันย์?
ทันใดนั้น ทุกคนก็ให้ความสำคัญกับซ่งอวี้จื่อมากขึ้น
ผู้ที่จางซานฟงให้ความสำคัญ จะไม่ให้ความสำคัญได้อย่างไร
……
พระราชวังต้าหมิง อุทยานหลวง
"ฝ่าบาท วิชาดาบหมอกมายาคือวิชาอะไร เหตุใดจึงดูน่าเกรงขามเช่นนี้"
ฮองเฮาซบอิงแอบในอ้อมกอดของจูโฮ่วเจาพลางมองบัญชีทองคำบนท้องฟ้าด้วยความสงสัย
"วิชาดาบที่เลื่องชื่อในเก้าแคว้น หม่อมฉันแม้จะไม่เคยเห็นทั้งหมด แต่ก็เคยได้ยินชื่อเสียง"
"ทว่า วิชาดาบหมอกมายานี้ หม่อมฉันไม่เคยได้ยินมาก่อน"
เมื่อจูโฮ่วเจาได้ยิน ก็หัวเราะเสียงดังด้วยความภาคภูมิใจ
เพราะวิชานี้มีเพียงเขาเท่านั้นที่ครอบครอง
แม้แต่ซ่งอวี้หัว ก็ได้เรียนรู้เพียงเก้ากระบวนท่า
"วิชาดาบหมอกมายา เป็นวิชาที่สามารถบรรลุถึงขั้นเซียนปฐพี มีทั้งหมดสิบสามกระบวนท่า"
"หากฝึกฝนแปดกระบวนท่าแรกจนเชี่ยวชาญ จะไร้ผู้ต่อต้านในระดับต่ำกว่าเซียนปฐพี"
"วิชานี้มีกระบวนท่าที่งดงามไร้ที่เปรียบ พลังทำลายล้างสูงส่ง ไร้รูปลักษณ์ ไร้ขอบเขต แปรเปลี่ยนได้นับพัน นับหมื่น"
"แต่มันก็เป็นวิชาที่เรียนรู้ง่าย แต่ฝึกฝนให้เชี่ยวชาญได้ยาก"
จูโฮ่วเจาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ
เขาสามารถฝึกฝนจนสำเร็จได้ ก็เพราะได้รับความช่วยเหลือจากระบบ
ผู้อื่นคงยากที่จะทำได้
ไม่รู้ว่าอวี้หัวจะสามารถฝึกฝนวิชาดาบหมอกมายาเก้ากระบวนท่าแรกจนสำเร็จหรือไม่
ฮองเฮาไม่ได้ซักถามถึงกระบวนท่าที่เหลือ แต่มองจูโฮ่วเจาด้วยความหลงใหล
นางคิดว่าตนเองมีความรู้มากมาย แต่เมื่อเทียบกับฝ่าบาทแล้ว ก็เหมือนมดปลวก
ประทับอยู่ในวังทุกวัน แต่กลับรอบรู้วิทยายุทธ์ทั่วหล้า
ฮองเฮาอดสงสัยไม่ได้ว่า บนโลกนี้มีสิ่งใดบ้างที่ฝ่าบาทไม่รู้!
……
ราชวงศ์แคว้นสุย
พระราชวัง
ต่างจากท่าทีเฉยเมยของจูโฮ่วเจา สีหน้าของหยางกว่างกลับไม่สู้ดีนัก
ซ่งอวี้จื่อ
บุตรีของซ่งเชวีย
เหตุใดเหล่าตระกูลใหญ่จึงมีบุตรหลานที่เปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์มากมาย ขณะที่โอรสของเขากลับไม่มีผู้ใดประสบความสำเร็จ?
แม้แต่บุตรีที่เขารักยิ่ง ก็ยังถูกหลี่ซื่อหมินโจรชั่วชิงตัวไป
แถมยังได้เป็นฮองเฮาแห่งต้าถัง
เช่นนี้จะให้เขาผู้เป็นบิดาอัปยศอดสูเพียงใด?
หลี่ซื่อหมิน โจรชั่วนั่น หมายมั่นจะรุกรานต้าสุยอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
แย่งชิงธิดาที่รักของข้าไป ตอนนี้ยังคิดจะแย่งชิงแผ่นดินของข้าอีก
ข้ากับเจ้า หลี่ซื่อหมิน ไม่อาจอยู่ร่วมโลกกันได้
เมื่อนึกถึงหลี่ซื่อหมิน ความแค้นในใจของหยางกว่างก็พลุ่งพล่าน
“อัครมหาเสนาบดีอวี่เหวิน ตอนนี้แคว้นสุยของเราทำศึกกับแคว้นถังมาอย่างต่อเนื่อง ยังคงไม่มีทีท่าว่าจะจบสิ้น”
"การปรากฏตัวของบัญชีทองคำในครั้งนี้ คือโอกาสอันยิ่งใหญ่ของแคว้นสุย"
"รีบออกราชโองการ ผู้ใดที่ติดอันดับบัญชีมังกรซ่อนกาย หากยอมเข้าร่วมกับแคว้นสุยะได้รับการแต่งตั้งบรรดาศักดิ์ ยี่สิบอันดับแรก เป็นอ๋องหมื่นครัวเรือน สิบอันดับแรก เลื่อนเป็นอ๋อง"
“หากยินยอมมอบรางวัลจากสวรรค์ให้ ข้าจะอนุญาตตามคำขอสามประการ”
“จริงสิ โค่วจงและสวีจื่อหลิง พวกเราสามารถลองดึงตัวมาได้”
"แม้จะไม่ได้มาเป็นพวกเดียวกับเรา ก็ไม่จำเป็นต้องสร้างศัตรู"
บางครั้งหยางกว่างก็เหลวแหลกไร้สาระ ลุ่มหลงในลาภยศ
แต่บางครั้งเขาก็ปรีชาสามารถยิ่งนัก
“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”
อวี่เหวินฮั่วจี๋ได้ยินดังนั้น แววตาเป็นประกาย
สุดท้าย ก็กลับสู่ความสงบนิ่ง
……
ไม่ใช่แค่แคว้นสุย แต่แคว้นฉิน แคว้นถัง แคว้นซ่ง แม้แต่แคว้นหมิงของจูโฮ่วเจา ต่างก็ออกราชโองการเพื่อชักชวนผู้ที่ติดอันดับ
เมื่อมีผู้ติดอันดับมากขึ้นเรื่อยๆ
ผู้ที่มีวิสัยทัศน์ก็ยิ่งรู้สึกถึงความพิเศษของบัญชีมังกรซ่อนกาย
แม้พวกเขาจะเป็นเพียงจอมยุทธ์ระดับปราณปฐพี ก็มิอาจประมาทได้
หากสามารถดึงตัวมาได้สักคนสองคน แล้วฝึกฝนอย่างดี ในอนาคตอาจกลายเป็นจอมยุทธ์ขั้นราชันย์
นั่นจะเป็นผลกำไรมหาศาล
……
ราชวงศ์ต้าหมิง
พระราชวัง อุทยานหลวง
“ฝ่าบาท เฉิงซื่อเฟย คนของจูอู๋ซื่อ ก่อกวนอวิ๋นหลัวอีกแล้ว พระองค์จะไม่จัดการหน่อยหรือ?”
“ข้าได้เตรียมวิชาไว้ให้อวิ๋นหลัวโดยเฉพาะ เฉิงซื่อเฟยไม่ใช่คู่มืออย่างแน่นอน”
จูโฮ่วเจาโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ
“หม่อมฉันกังวลว่า ทั้งหมดนี้จะเป็นแผนของจูอู๋ซื่อ ตอนนี้เขายิ่งล้ำเส้น กล้าส่งคนเข้ามาในวังหลัง”
เมื่อเอ่ยถึงจูอู๋ซื่อ ฮองเฮาเผยแววสังหาร
เทพผู้พิทักษ์บัลลังก์ผู้นี้ ทะเยอทะยาน หมายมั่นจะก่อกบฏอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
ผู้ใดที่อาจเป็นภัยต่อฝ่าบาท นางจะกำจัดทิ้ง
“ความคิดของเสด็จอา ข้าในฐานะรัชทายาท ย่อมรู้ดี”
“ที่ผ่านมา ทุกความเคลื่อนไหวของเขา ล้วนอยู่ในสายตาของข้า ไม่อาจหลุดรอดเงื้อมมือข้าไปได้”
“ยิ่งไปกว่านั้น เขายังเป็นผู้รับบาปที่ยอดเยี่ยมที่สุดในใจข้า”
“หากสังหารเขาไป การจะหาแพะรับบาปคนใหม่ ต้องเปลืองแรงไม่น้อย”
จูโฮ่วเจาแย้มยิ้มอย่างมีเลศนัย
“ดูนั่น บัญชีรายชื่อเปลี่ยนแปลงอีกแล้ว”
สิ้นเสียง
บนท้องฟ้า ตัวอักษรบนบัญชีรายชื่อก็เปลี่ยนแปลง
【บัญชีมังกรซ่อนกาย อันดับที่ 26!】
【ตี๋เหรินเจี๋ย】
【สถานะ: ศิษย์คนสุดท้ายของเหมยเนี่ยนเซิงแห่งต้าหมิง】
【ระดับ: ปราณปฐพีขั้นปลาย】
【วิชา: คัมภีร์เทพส่องแสง, วิชาดาบโลหิต, เพลงกระบี่เร้นกาย】
【รางวัล: ยาเม็ดระดับกลางขั้นต่ำ : ยาเม็ดเพิ่มพูนสติปัญญา หลังจากกินแล้วจะเพิ่มพูนสติปัญญาเป็นสิบเท่าภายในหนึ่งชั่วยาม】
—-------------------------------------------------------------
นามสกุลพระเอก คือ จู จูโฮว่เจา ฉะนั้น พวกญาติๆ ของแก่ ก็นามสกุล จู ครับ