บทที่ 342: ฉันกลายเป็นเทพแห่งดวงชะตาไปแล้วงั้นเหรอ?!
แสงสีขาวที่ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน ส่องสว่างไปทั่วลานโล่งที่รกร้าง
เมื่อรวมเข้ากับแสงจันทร์และหิมะที่ปลิวมากับสายลมในยามค่ำคืน มันกลับให้ความรู้สึกงดงามจนไม่น่าเชื่อ
"แสง... แสงวิวัฒนาการ?!"
เฉียวซางถึงกับอึ้ง เธอเงยหน้าขึ้นมองแสงขาวนั้นด้วยอาการตะลึงงัน
เธอเคยเห็นสัตว์อสูรวิวัฒนาการมาหลายครั้งกับตาตัวเอง จึงรู้ดีว่าแสงแบบนี้หมายถึงอะไร
แต่....ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้!
เธอเพิ่งไม่ได้ใช้คะแนนเพิ่มค่าระดับให้หยาเป่าเลยนี่นา! และตามค่าระดับที่ระบุไว้ในตำราอสูร หยาเป่าควรต้องใช้เวลาอีกนานมากกว่าจะวิวัฒนาการได้!
แล้วทำไมจู่ๆถึงวิวัฒนาการขึ้นมาได้ล่ะ?!
เฉียวซางแทบอยากพุ่งจิตเข้าไปในตำราอสูรทันทีเพื่อค้นหาคำตอบ
แต่เธอก็รู้ดีว่าตอนนี้ไม่สามารถทำอะไรแบบนั้นได้
เฉียวซางหันมองไปที่ชายวัยกลางคนตรงหน้าอย่างระแวดระวัง พร้อมทั้งสัตว์อสูรระดับนายพลทั้งสามตัวของเขา หากอีกฝ่ายคิดโจมตีในจังหวะนี้จนการวิวัฒนาการของหยาเป่าเกิดความผิดพลาดขึ้นมา เธอคงได้แต่เข้าไปนั่งร้องไห้ในห้องน้ำแน่ๆ
"ลู่เป่า!" เฉียวซางเอ่ยเรียกด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"ลูลู่!"
ลู่เป่ากระโดดลงจากหลังของหยาเป่า หันหน้าประจันกับสัตว์อสูรระดับนายพลทั้งสามตัว พลางย่อร่างลงเล็กน้อยในท่าพร้อมต่อสู้
แม้ว่าร่างกายของลู่เป่าจะเล็กจิ๋ว แต่บรรยากาศและออร่าที่แผ่ออกมากลับแน่นเปรี๊ยะจนดูเหมือนมันไม่หวาดกลัวเลยสักนิด
แต่การโจมตีที่เธอคาดไว้นั้นกลับไม่เกิดขึ้น
เฉียวซางจ้องมองชายวัยกลางคนไม่วางตา และพบว่าเขายังยืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อนอยู่แบบนั้นมานานแล้ว
แท้จริงแล้วเวลาผ่านไปเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น แต่เพราะความกดดันและความตื่นเต้นที่เกินขีดจำกัด ทำให้แม้แต่เสี้ยววินาทีก็ดูเหมือนยาวนานเกินทน
มันวิวัฒนาการจริงๆงั้นเหรอ...
จางหรงถังอ้าปากค้างช้าๆดวงตาเบิกกว้างกับแสงสีขาวเจิดจ้าที่แทบทำให้เขาตาพร่ามัว
โดยปกติแล้วสัตว์อสูรระดับกลางวิวัฒนาการเป็นระดับสูงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร และไม่ถึงกับทำให้เขาควบคุมสีหน้าไม่ได้แบบนี้
แต่ถ้าเพิ่มปัจจัยอื่นเข้าไป มันก็กลายเป็นเรื่องที่ทำให้ตกใจจนเกินรับมือ
นี่คือสุนัขเพลิงเร้นลับตัวเดียวในโลกตอนนี้
ต้องรู้ว่าข่าวเกี่ยวกับการวิวัฒนาการใหม่ของสุนัขเขี้ยวเพลิงเพิ่งถูกเผยแพร่ออกมาเมื่อเดือนที่แล้วนี่เอง!
แล้วเจ้าของของมันล่ะ?
เด็กมัธยมปลายปีสาม! ยังไม่บรรลุนิติภาวะ! แต่ระดับกลุ่มดาวมาถึงสีเขียวแล้ว และมีสัตว์อสูรถึงสามตัว ซึ่งแต่ละตัวล้วนไม่ธรรมดา โดยเฉพาะสุนัขเพลิงเร้นลับตัวนี้และตอนนี้มันกำลังวิวัฒนาการเป็นระดับสูงอีก!
นี่มันตัวตึงชัดๆ!
ตอนที่เขาอายุเท่านี้ เขามีแค่สัตว์อสูรระดับต้นและระดับกลางคนอย่างละตัวเท่านั้นเอง!
บอกตามตรง ตอนนี้จางหรงถังไม่กล้าลงมือแล้ว
การวิวัฒนาการของสุนัขเพลิงเร้นลับนี้ห้ามถูกรบกวนเด็ดขาด หากวิวัฒนาการของสัตว์อสูรเพียงตัวเดียวในโลกถูกขัดจังหวะแล้วเกิดความเสียหาย ข่าวนี้คงกลายเป็นประเด็นร้อนที่ทำให้เขาถูกโจมตีทั่วอินเทอร์เน็ตแน่นอน
แล้วยังเด็กตรงหน้านี้อีก
ทั้งๆที่ยังเป็นแค่เด็กมัธยมปลายแต่เก่งกาจถึงขนาดนี้ ไม่ต้องพูดถึงอนาคตเลย ตอนนี้ก็คงมีคนจับตามองเต็มไปหมดแล้ว ถ้าพลาดทำร้ายเธอเข้า ผลลัพธ์คงเกินกว่าจะรับไหว แม้แต่จะคิดเขายังไม่กล้าเลย
อู๋ซางมันไปรู้จักกับเด็กอัจฉริยะขนาดนี้ได้ยังไง?
แต่ถึงอย่างนั้น ถ้าจะให้เขาถอยแล้วล้มเลิกเรื่องวิญญาณประทานโชคแบบนี้ ก็ไม่มีทางเหมือนกัน!
ในหัวของจางหรงถังเต็มไปด้วยความคิดหลากหลายที่วิ่งวนไปมา
เขาสูดลมหายใจลึกเพื่อรวบรวมสมาธิ ก่อนหันไปส่งสัญญาณทางสายตาให้ภูตมารพูดพล่อยที่เป็นคู่หูของเขา
ในฐานะที่ร่วมงานกันมานาน ทั้งสองย่อมเข้าใจกันได้โดยไม่ต้องพูดอะไร ภูตมารพูดพล่อยเข้าใจทันทีถึงความตั้งใจของผู้ฝึกสัตว์อสูรของตน มันจึงหายตัวไปในทันใด
ภูตมารพูดพล่อยหายตัวไปแล้ว…
เฉียวซางรู้สึกถึงความกดดันที่ไม่อาจควบคุมได้ ตัวเธอเริ่มตึงเครียดขึ้นมาทันที
ไม่นานนัก เธอรู้สึกว่าแสงขาวเหนือศีรษะได้หายไป
วิวัฒนาการของหยาเป่าสำเร็จแล้ว?!
หัวใจของเฉียวซางพองโตด้วยความยินดี
เธอเงยหน้าขึ้นมองโดยไม่รู้ตัว แต่กลับสบตาเข้ากับดวงตาสีม่วงคู่หนึ่งแทน
“สุ่ย สุ่ย”
สิ่งที่เธอเห็นคือรอยยิ้มแปลกประหลาดของภูตมารพูดพล่อยที่กำลังใช้ทักษะสะกดจิตใส่เธอ โดยที่น้ำลายของมันไหลย้อยลงมาเปรอะเปื้ิอน
บ้าชิบ! ใช้ลูกไม้เดิมอีกแล้ว!
เฉียวซางพยายามฝืนลืมตาและพยายามหันหน้าหนี แต่พบว่าร่างกายของเธอไม่สามารถขยับเขยื้อนอะไรได้เลย
ในความสับสนวุ่นวาย เธอเหลือบเห็นผู้พิทักษ์ดรุณที่อยู่ไม่ไกลกำลังส่งสายตาสีฟ้าสว่างจ้าจ้องมาที่เธอ
โธ่เว้ย… ให้สัตว์อสูรนายพลสองตัวรวมหัวกันมาเล่นงานคนๆเดียวแบบนี้ ช่างไร้ยางอายจริงๆ…
ความคิดนี้เป็นสิ่งสุดท้ายที่ผุดขึ้นในหัวของเธอก่อนที่สติจะดับวูบไป
แต่ในวินาทีถัดมา สายน้ำแรงดั่งปืนฉีดน้ำแรงดันสูงก็พุ่งตรงเข้าหน้าเธอ!
พรึ่บ!
เฉียวซางสะดุ้งตื่นจากสภาวะมึนงง ดวงตาที่เพิ่งปิดสนิทไปเมื่อครู่พลันเปิดขึ้นอีกครั้งอย่างรวดเร็ว
ความรู้สึกของการถูกน้ำพุ่งใส่หน้าแบบนี้มันคุ้นเคยเกินไป!
เฉียวซางก้มลงมองลู่เป่าด้วยความดีใจและเตรียมจะเอ่ยชมว่า "เยี่ยมมาก!" แต่ทันใดนั้นก็เห็นลู่เป่ากำลังพ่นน้ำปืนฉีดใส่ภูตมารพูดพล่อย
"!!!"
ภูตมารพูดพล่อยยืนนิ่งอย่างไม่สะทกสะท้าน มันแทบไม่ได้ขยับตัวเลยราวกับรู้สึกเพียงแค่คันๆเท่านั้น
มันก้มลงมองเจ้าตัวจิ๋วบนพื้น ก่อนเผยรอยยิ้มที่แปลกประหลาดยิ่งขึ้น พร้อมน้ำลายที่ไหลลงมาไม่หยุด มันค่อยๆยื่นกรงเล็บลงไปหาลู่เป่าช้าๆ
“ลูลู่!”
“ลูลู่!!”
“ลู่!!!”
ลู่เป่าพยายามตอบโต้สุดกำลังทั้งพ่นน้ำปืนฉีดใส่ ทั้งใช้ลมเยือกแข็ง และใช้หางน้ำตามมาติดๆแต่กรงเล็บของภูตมารพูดพล่อยกลับไม่ได้รับผลกระทบเลยแม้แต่น้อย และยังคงเข้ามาใกล้เรื่อยๆ
“ลูลู่!”
ลู่เป่าแสดงสีหน้าไม่ยอมแพ้ เตรียมที่จะโจมตีอีกครั้ง
แต่ทันใดนั้น กรงเล็บของภูตมารพูดพล่อยหยุดนิ่ง น้ำลายที่กำลังหยดลงมาก็พลันหยุดแข็งค้างในอากาศ
ตูม!
ร่างของมันถูกซัดปลิวกระเด็นออกไปอย่างรุนแรง
เฉียวซางและลู่เป่ามองหน้ากันก่อนจะเงยหน้าขึ้นพร้อมกัน
ภาพที่พวกเขาเห็นคือสัตว์อสูรตัวใหม่ที่เพิ่งปรากฏตัวจากแสงสีขาวที่จางหายไปในอากาศ
สัตว์อสูรตัวนี้มีดวงตาที่เปล่งประกายแสงสีฟ้า ใต้ดวงตาทั้งสองข้างมีลวดลายเส้นสีแดงสองเส้นเห็นเด่นชัด
มันมีเขี้ยวแหลมคมที่โผล่พ้นจากปาก รูปร่างใหญ่โตสูงประมาณสามเมตร ร่างกายส่วนใหญ่เป็นสีขาวสะอาดสะอ้าน หางที่ยาวและหนานุ่มดูหรูหราและลึกลับ ลวดลายสีแดงพาดจากจมูกยาวไปจนถึงด้านหลังศีรษะ
ที่ไหล่ทั้งสองข้างมีเปลวไฟเล็กๆ รูปร่างเหมือนปีกเล็กกำลังลุกไหม้ตลอดเวลา
มันทั้งดูสง่างามและลึกลับเกินคำบรรยาย!
ดวงตาของเฉียวซางเปล่งประกาย
เท่สุดๆ!
รูปลักษณ์ใหม่ของหยาเป่าทำให้เธอตื่นตาตื่นใจอย่างมาก
ราวกับหยาเป่ารับรู้ถึงสายตาของผู้ฝึกสัตว์อสูรของตัวเอง มันก้มลงมองเฉียวซาง ดวงตาสีฟ้ากลับคืนสู่สีแดงฉานเช่นเดิม
แต่ทันใดนั้น สีหน้าของเฉียวซางเปลี่ยนไปทันที
"แย่แล้ว!"
อุปกรณ์โปร่งแสงที่บรรจุวิญญาณประทานโชคอยู่ในมือเธอถูกพลังมหาศาลดึงออกไป
“หยาเป่า!” เฉียวซางตะโกน
“ย่าห์!”
หยาเป่าพุ่งตัวลงมาจากฟากฟ้า มันยกกรงเล็บขึ้นสูงก่อนกระแทกลงบนพื้นเต็มแรง
ตูม!
พลังมหาศาลแผ่กระจายออกมาจากพื้นดิน รอยแตกเผยให้เห็นเปลวเพลิงที่พวยพุ่งออกมาอย่างบ้าคลั่ง ไฟลุกท่วมพื้นที่รอบตัวราวกับคลื่นเพลิงขนาดยักษ์
"ย่าห์?"
หลังจากปล่อยทักษะนี้ออกไป หยาเป่ากลับนิ่งอึ้ง
นี่มัน...มันเก่งขนาดนี้เลยเหรอ?
ผู้พิทักษ์ดรุณที่กำลังใช้พลังจิตควบคุมอุปกรณ์อยู่จำต้องหยุดการกระทำทันที มันใช้เทเลพอร์ตเคลื่อนตัวขึ้นไปบนอากาศเพื่อหลบหนี
อุปกรณ์ร่วงลงสู่พื้น
ในเสี้ยววินาทีที่มันกำลังจะตกกระแทกพื้นนักล่าปีกเหล็กของจางหรงถังพุ่งมาคว้าไว้ได้ทัน
“ไม่ต้องเสียเวลาต่อแล้ว! แล้วเจอกันใหม่ถ้าโชคยังเข้าข้าง!” จางหรงถังกล่าวพร้อมคว้าอุปกรณ์ไว้ในมือ เขายืนอยู่บนหลังนักล่าปีกเหล็กเตรียมหนีออกจากพื้นที่
ในใจเขาเองก็รู้สึกว่าแผนการนี้ใช้เวลานานเกินคาดมาก
และตอนนี้สุนัขเพลิงเร้นลับของเด็กคนนี้เพิ่งวิวัฒนาการเสร็จ แต่พลังกลับเพิ่มขึ้นมหาศาลถึงขนาดที่ปล่อยทักษะขั้นสูง ออกมาได้ตั้งแต่แรกเลย!
แม้สัตว์อสูรจะได้เรียนรู้ทักษะใหม่ 1-2 อย่างทุกครั้งที่วิวัฒนาการ แต่โดยปกติก็ต้องใช้เวลาในการฝึกฝนและปรับตัว ไม่ใช่ว่าจะปล่อยออกมาได้อย่างราบรื่นในทันที
และนี่มันยังเป็นทักษะระดับสูงอีก!
ถ้ายังถูกถ่วงเวลาอยู่อีก เกรงว่าตำรวจอาจมาถึงจริงๆ
เมื่อคิดได้ดังนั้น จางหรงถังก็ก้มลงมองเด็กสาวข้างล่างอีกครั้งด้วยความรู้สึกที่ปนเปกัน
เด็กมัธยมปลายที่ทำให้เขาต้องเสียเวลาขนาดนี้ คงมีแค่คนนี้คนเดียวนี่แหละ
“อวิ๋นอวิ๋น!”
วิญญาณประทานโชคพยายามฟาดกรงเล็บของมันใส่อุปกรณ์อย่างบ้าคลั่ง
“เลิกดิ้นเถอะ เด็กคนนั้นตามมาไม่ทันหรอก” จางหรงถังเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
“ตามไปซะ!”
เฉียวซางกระโดดขึ้นหลังหยาเป่าพร้อมกับอุ้มลู่เป่าไว้แน่น
หยาเป่ากระโจนขึ้นฟ้า วิ่งได้เพียงไม่กี่ก้าว
“เปียวเปียว”
จู่ๆผู้พิทักษ์ดรุณก็ปรากฏตัวขึ้นขวางทาง
เวรเอ๊ย!
เฉียวซางสบถในใจ เธอเข้าใจทันทีว่าจางหรงถังกำลังใช้ผู้พิทักษ์ดรุณเพื่อถ่วงเวลาให้นักล่าปีกเหล็กบินหนีออกไปไกล ก่อนจะค่อยเรียกผู้พิทักษ์ดรุณกลับไปทีหลัง
เธอมองจางหรงถังที่ค่อยๆ ไกลออกไปด้วยดวงตาเต็มไปด้วยความโกรธ
ถ้านักล่าปีกเหล็กตัวนั้นบินไปแล้วปีกอ่อนแรงตกลงมากลางทางได้ก็ดีสิ...
ขณะที่เธอกำลังคิดแบบนั้น ภาพที่เห็นต่อหน้าก็ทำให้เธออึ้ง
นักล่าปีกเหล็กที่บินอยู่ไกลๆ จู่ๆก็หงายหัวตกลงมาในแนวดิ่ง!
"!!!"
นี่ฉันกลายเป็นเทพแห่งดวงชะตาไปแล้วงั้นเหรอ?!
เดี๋ยวนะ... แต่เหมือนจะมีอะไรบางอย่างหล่นลงมาพร้อมกับนักล่าปีกเหล็กด้วย?
เฉียวซางหรี่ตาเพ่งมอง และเมื่อเธอเห็นสิ่งที่ตกลงมาอย่างชัดเจน หัวใจของเธอก็แทบหยุดเต้น
เวรแล้ว! นั่นมันซุนเป่านี่?!
"ซุน..."