ตอนที่แล้วบทที่ 335: อวิ๋นอวิ๋น
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 337: ความหุนหันคือปีศาจ

บทที่ 336: สัตว์อสูรมายา


ร่างของเฉียวซางแข็งทื่อ เธอค่อยๆหันหลังกลับไปอย่างเชื่องช้า

เห็นเป็นจางหรงถังที่ยืนอยู่ ดวงตาของเขากวาดมองมาและสบสายตากับเธอ มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย รอยยิ้มที่แสดงออกนั้นไม่ใช่ความสุภาพเหมือนลุงใจดีในตอนแรกแต่เต็มไปด้วยความเย็นชา

กระแสความเย็นยะเยือกพุ่งจากกระดูกสันหลังขึ้นสู่กระหม่อม เฉียวซางรู้สึกเหมือนแมวที่ถูกขู่จนขนลุก เธอหลุดเสียงสบถออกมา ก่อนจะถอยหลังไปหนึ่งก้าวอย่างรวดเร็ว

ไม่ใช่เพราะจางหรงถังที่ทำให้เธอตกใจจนต้องถอยหลัง แต่เป็นสัตว์อสูรขนาดมหึมาที่สูงเกิน 4 เมตรซึ่งยืนอยู่ข้างเขา!

อันที่จริงแล้วสัตว์อสูรไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้นและสัตว์อสูรประเภทผีก็ไม่ได้น่ากลัวเสมอไป แต่ในสถานการณ์แบบนี้ที่เธอต้องเจอสัตว์อสูรขนาดใหญ่ที่กลืนตัวเองไปกับความมืด มีดวงตาสีแดงเลือดจ้องมาที่เธอพร้อมกับแสยะยิ้ม และน้ำลายที่หยดลงมาจากมุมปาก—นั่นมันน่ากลัวโคตรๆเลยล่ะ!

เพียงแค่การสบตา เธอแทบจะหัวใจวายตายตรงนั้น

นี่มันเปิดตัวแบบอะไรเนี่ย?!

แล้วยิ้มก็ยิ้มไปสิ จะจ้องมาพร้อมน้ำลายไหลทำไม?!

ดูเหมือนความกลัวของเฉียวซางจะชัดเจนเกินไป สัตว์อสูรประเภทผีที่มีดวงตาแดงฉาน "สูดปาก" ดึงน้ำลายที่เกือบหยดลงคางกลับเข้าไป

เฉียวซาง: "!!!"

ด้านอู๋ซางที่เคยมาที่สุสานบ่อยจนชินกับบรรยากาศที่ชวนขนลุก ไม่ได้ตกใจเหมือนเฉียวซางและหยาเป่า แต่สีหน้าของเขายังคงเต็มไปด้วยความสับสน

เขามองจางหรงถังที่กลับมาพร้อมสัตว์อสูรขนาดใหญ่ แล้วคิดถึงคำพูดที่เขาเพิ่งได้ยิน

"วิญญาณประทานโชค...ในที่สุดฉันก็ได้เจอแกสักที"

ความคิดต่างๆปะติดปะต่อกันในหัว เขารู้สึกปั่นป่วนและสับสน แต่เขาไม่ใช่คนโง่

"ลุงจาง...ทำไมลุงถึงกลับมาอีก?" อู๋ซางพยายามฝืนยิ้มแม้ว่ามันจะดูเหมือนร้องไห้มากกว่า "แล้วสัตว์อสูรภูตมารพูดพล่อยตัวนั้นที่ยืนอยู่ข้างลุงคืออะไร?"

ถึงแม้เขาจะเริ่มเดาได้บ้างแล้ว แต่ลึกๆเขายังอยากได้ยินคำตอบจากจางหรงถังเอง

ขอแค่ลุงพูดอะไรออกมา...ไม่ว่าจะพูดอะไร เขาก็อยากเชื่อคำพูดของลุงอยู่ดี

ในอดีตอู๋ซางเคยรู้สึกว่าตัวเองเป็นแค่คนที่ไม่มีใครต้องการ ถูกพ่อแม่ส่งต่อไปมาเหมือนลูกบอลเน่าๆลูกนึง เขาไม่เคยเข้าใจว่าทำไมพ่อแม่ถึงให้เขาเกิดมา...

อู๋ซางนึกถึงช่วงเวลาที่เขาอยู่กับคุณปู่ แม้ว่าคุณปู่จะดูแลเขาอย่างดี แต่เขากลับรู้สึกว่าเหตุผลที่แท้จริงที่คุณปู่เก็บเขาไว้ เพราะต้องการเพียงใครสักคนมาคอยเป็นเพื่อน

คนคนนั้นอาจจะเป็นใครก็ได้… อู๋อี, อู๋เอ้อร์, อู๋ซาน, อู๋ซื่อ ไม่จำเป็นต้องเป็นเขา อู๋ซาง

จนกระทั่งเขาได้พบกับจางหรงถัง

จางหรงถังเหมือนพ่อคนหนึ่งในแบบที่เขาไม่เคยมี เขาจะคอยปั่นจักรยานพาอู๋ซางไปตกปลา สังเกตเห็นทันทีเมื่ออู๋ซางไม่สบายแล้วรีบพาไปโรงพยาบาล ตอนเลือกสัตว์อสูร เขาก็ให้คำแนะนำ และยังคอยเตือนให้อู๋ซางทำการบ้าน

ทุกครั้งที่กลับบ้าน เขามักจะได้กลิ่นอาหารที่หอมอบอวลต้อนรับ

เขายังจำครั้งแรกที่พบจางหรงถังได้เสมอ ตอนนั้นลุงยิ้มและพูดว่า

"เด็กน้อย ผมหน้าม้านายยาวเกินไปแล้ว ควรจะตัดนะไม่งั้นมันจะไม่ดีต่อสายตา"

จางหรงถังทำให้อู๋ซางรู้สึกว่าตัวเองไม่ใช่คนที่ถูกทิ้งหรือคนเกินอีกต่อไป

เป็นเวลานานที่อู๋ซางเคยคิดว่า ทำไมเขาถึงไม่ใช่ลูกของจางหรงถังกันนะ?

ลุงจางที่เขารู้จัก...จะเป็นตัวปลอมได้ยังไง?

อู๋ซางมองจางหรงถังด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความหวัง

แต่สิ่งที่เขาได้รับตอบกลับกลับเป็น...

อุปกรณ์ทรงกลมโปร่งแสงชิ้นหนึ่งร่วงลงมาจากฟ้า

มันตกลงครอบวิญญาณประทานโชคเอาไว้อย่างแม่นยำและช่องเปิดของอุปกรณ์นั้นปิดสนิทโดยอัตโนมัติในพริบตา

ทันใดนั้น เสียงแหวกอากาศก็ดังขึ้นจากเหนือหัว

อู๋ซางและเฉียวซางเงยหน้ามองทันที เห็นนกยักษ์ตัวหนึ่งนักล่าปีกเหล็กพุ่งลงมาเหมือนกระสุนปืนใหญ่ มันใช้กรงเล็บอันแข็งแรงคว้าอุปกรณ์ที่ครอบวิญญาณประทานโชคไว้ แล้วบินทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว

"อวิ๋นอวิ๋น!" อู๋ซางตะโกนด้วยความตกใจ ขณะที่สถานการณ์ตรงหน้าทำให้หัวใจของเขาแทบแตกสลาย

นักล่าปีกเหล็กที่จับวิญญาณประทานโชคไม่ได้บินหนีไปไหนแต่กลับกระพือปีกลอยตัวหยุดอยู่ข้างๆจางหรงถัง

"อวิ๋นอวิ๋น!" วิญญาณประทานโชคที่ถูกคลุมด้วยผ้าคลุมสีขาวพยายามเคาะและโจมตีอุปกรณ์ทรงกลมที่กักขังมันไว้ แต่ไม่ว่ามันจะพยายามแค่ไหน อุปกรณ์นั้นกลับไม่เป็นรอยแม้แต่น้อย

จางหรงถังพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“เดิมทีฉันไม่อยากลงมืออะไรต่อหน้านาย แต่ใครใช้ให้นายพาเด็กที่มีสัตว์อสูรประเภทผีมาด้วยล่ะ”

เขามองซุนเป่าที่ลอยอยู่ข้างเฉียวซางด้วยสายตาราวกับตำหนิ ก่อนจะพูดต่อ

"มันคงเห็นภูตมารพูดพล่อยที่อยู่ข้างฉันแล้วใช่ไหมล่ะ เพราะงี้ไงฉันถึงไม่มีทางเลือก"

"ซุน?!" ซุนเป่าถึงกับนิ่งค้าง มันมองไปรอบๆแล้วชี้กรงเล็บมาที่ตัวเองด้วยความงุนงง

นี่มาเกี่ยวอะไรกับมันอีกล่ะ?!

แม้ว่าจางหรงถังจะไม่ได้ตอบคำถามของอู๋ซางโดยตรง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือคำตอบในตัวแล้ว อู๋ซางยืนมองด้วยดวงตาที่แดงก่ำ น้ำตาเอ่อคลอในขณะที่เขาพยายามสะกดไม่ให้มันไหลออกมา

"ลุงจาง...ลุงจับมันทำไม?" เขาถามด้วยเสียงสั่นเครือ

จะทำไมอีกล่ะ?! ก็ต้องการทำพันธสัญญาสิ! เฉียวซางคำรามในใจ

ให้ตายเถอะ!

นี่มันวิญญาณประทานโชค! สัตว์อสูรมายา!

สัตว์อสูรมายาเป็นสัตว์อสูรที่หายากยิ่งกว่าสัตว์อสูรระดับเทพซะอีก

สัตว์อสูรระดับเทพยังสามารถวิวัฒนาการจากสายพันธุ์ทั่วไปผ่านการวิจัยและการเลี้ยงดูจนบรรลุถึงระดับเทพได้ แต่สัตว์อสูรมายาไม่ใช่แบบนั้น

สัตว์อสูรมายาแต่ละตัวมีทักษะและลักษณะเฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร และด้วยความหายากสุดขีดของมัน ทำให้ในบางแง่ มันถูกยกย่องว่ายิ่งใหญ่กว่าสัตว์อสูรระดับเทพเสียอีก!

วิญญาณประทานโชคเป็นสัตว์อสูรมายาที่สามารถทำให้ผู้คนได้รับโชคดี

ตามตำนานเล่าว่า หากใครได้รับพรจากมัน สิ่งที่คนผู้นั้นคิดในใจหรืออยากทำจะมีทั้งโลกช่วยสนับสนุนให้สำเร็จ

มีภาพยนตร์เรื่องหนึ่งเล่าเรื่องชายคนหนึ่งที่สิ้นหวังในชีวิต ทั้งการงานและความรัก จนคิดสั้นไปกระโดดหน้าผา แต่กลับได้พบกับวิญญาณประทานโชคและได้รับพรจากมัน หลังจากนั้นเขาก็พบสัตว์อสูรที่มีขีดจำกัดสายพันธุ์จนถึงระดับเทพที่บาดเจ็บโดยบังเอิญและนำไปฝึกฝนจนสำเร็จ ชีวิตพลิกผันจนได้แต่งงานกับหญิงสาวในฝันและก้าวสู่จุดสูงสุดของชีวิต

ถ้าไม่ใช่เพราะผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องนั้นศึกษาข้อมูลมามากจนสร้างวิญญาณประทานโชคที่มีลักษณะโปร่งแสงและมีหูสามเหลี่ยมสองข้างที่เป็นเอกลักษณ์ เฉียวซางคงไม่กล้าเชื่อว่าสัตว์อสูรที่อยู่ตรงหน้าภายใต้ผ้าขาวผืนนั้นจะเป็นสัตว์อสูรมายาตัวเดียวกัน

สัตว์อสูรที่ทรงพลังและหายากขนาดนี้ การจับมันก็แน่นอนว่าต้องเป็นเพื่อทำพันธสัญญา ไม่มีทางทำแค่ถ่ายรูปลงโซเชียลแล้วปล่อยกลับไปแน่ๆ

เสียดายจริงๆ… ถ้าไม่มีจางหรงถัง เธออาจจะขอแค่ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกสักครั้งในชีวิต เพราะไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้เจอสัตว์อสูรมายาอีกหรือไม่

เฉียวซางไม่ได้คิดจะเข้าไปยุ่งกับเรื่องที่จางหรงถังจับวิญญาณประทานโชค เพราะการที่ผู้ฝึกสัตว์อสูรจับสัตว์อสูรมาทำสัญญาถือเป็นเรื่องปกติ เพียงแต่มักเกิดขึ้นในอาณาเขตลึกลับ เนื่องจากในเมืองใหญ่ๆไม่ค่อยมีสัตว์อสูรที่เหมาะจะทำพันธสัญญาปรากฏตัว

ส่วนตัวเธอเองนั้นไม่ได้คิดถึงการทำพันธสัญญากับวิญญาณประทานโชคเลยแม้แต่น้อย

เธอรู้ดีว่าอะไรเหมาะหรือไม่เหมาะกับตัวเอง แถมตอนนี้ตำราผู้ฝึกสัตว์อสูรของเธอยังไม่มีหน้าที่สี่เลย ลำพังตอนนี้แค่เลี้ยงหยาเป่ากับลู่เป่ายังแบกภาระค่าใช้จ่ายแทบไม่ไหวแล้วเลย

ในกรณีของลู่เป่าที่เธอทำสัญญากับมันนั้น เพราะมันร่อนเร่หลบหนีจนมาอยู่ในสระน้ำบ้านเธอ จนมีโอกาสได้ผูกมิตรและสานสัมพันธ์

แต่วิญญาณประทานโชคไม่ใช่แบบนั้น เธอไม่เคยพูดคุยหรือสร้างความสัมพันธ์กับมันเลยแม้แต่นิดเดียว

ที่สำคัญแม้ว่าเธออยากจะช่วยมันจริงๆก็ไม่มีทางสู้ได้อยู่ดี เฉียวซางรู้ตัวว่าเธอไม่มีความเป็นเจ้าชายขี่ม้าขาวในตัวเลยสักนิดเดียว

"จับมันเหรอ?" จางหรงถังหัวเราะเบาๆเขารับอุปกรณ์ทรงกลมจากกรงเล็บของนักล่าปีกเหล็กมาถือไว้ในมือ มองดูวิญญาณประทานโชคภายในอย่างพินิจ

"ฉันก็ไม่อยากจัดการมันด้วยวิธีนี้หรอก แต่ทำไงได้ มันเอาแต่หลบหน้าฉัน ฉันเลยต้องทำแบบนี้"

"อวิ๋นอวิ๋น!" วิญญาณประทานโชคตะโกนอย่างโกรธแค้น มันพยายามโจมตีอุปกรณ์อีกครั้ง แต่ทุกครั้งมันก็ไร้ผล

จางหรงถังมองดูมันด้วยสายตาเหมือนกำลังมองเด็กดื้อคนหนึ่ง

"ไม่มีประโยชน์หรอก นี่เป็นอุปกรณ์ที่ฉันลงทุน…"

คำพูดของเขาถูกขัดจังหวะด้วยเปลวไฟร้อนแรงที่พุ่งเข้ามาอย่างกะทันหัน

"ย่าห์!"

โดยไม่มีคำสั่งของเฉียวซาง หยาเป่าเปิดศึกและทำการโจมตีโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด