บทที่ 230 คำสารภาพอันทรงพลังที่ส่งผลกระทบต่อหัวใจ
บทที่ 230 คำสารภาพอันทรงพลังที่ส่งผลกระทบต่อหัวใจ
"ไม่ใช่สิ...ที่หนึ่งของจังหวัดเนี่ยนะ? ล้อเล่นกันหรือเปล่า?"
"จะโกหกไปทำไม? ทั้งเลขที่นั่งสอบและโรงเรียนก็ตรงกันเป๊ะ"
"งั้นก็แปลว่าเขาคือคนที่แข็งแกร่งที่สุดรองจากระดับประเทศเลยสิเนี่ย?"
"ต่อให้เข้าร่วมการสอบรอบสอง คะแนนเฉลี่ยออกมา อันดับในเมืองก็คงไม่ต่ำหรอก"
ก่อนเวลาเรียนตอนเย็น รายชื่อผู้ได้รับรางวัลการแข่งขันคณิตศาสตร์ของโรงเรียนก็ถูกประกาศออกมา เนื่องจาก 115 เป็นคะแนนสูงสุดของโรงเรียนหมายเลข 11 ชื่อเสียงของเฉินหยวนจึงโด่งดังขึ้นอีกครั้ง และกลุ่มคนที่ตกใจที่สุดก็คือห้อง 18
ก็เพื่อนที่เคยเล่น CS เล่นบาส กินเหล้า ร้องคาราโอเกะด้วยกันทุกวัน ทันใดนั้นก็เหมือนกับถูกเปิดสวิตช์ กลายเป็นคนที่เก่งกาจขนาดนี้ พวกเขาจะไม่รู้สึกช็อกได้ยังไง
แต่หลังจากความตกใจ ก็คือพฤติกรรมตีสองหน้าที่แท้จริง
"เฉินหยวน นี่เพื่อนฉันเอง ฉันเคยช่วยเขาเปิดกล่องสมบัติด้วยนะ!" โจวหยูโอบไหล่เฉินหยวนทันที จู่ๆ ก็ดึงระดับความอาวุโสให้เท่ากัน เพื่อที่จะได้มีส่วนร่วมในแสงแห่งเกียรติยศอันไร้ขีดจำกัดของเขา... แม้จะเป็นแค่แสงสะท้อนก็ตาม
ห้อง 18 ไม่เคยเล่นเกมที่เสียเปรียบ
"หมอนี่เคยเป็นเพื่อนร่วมโต๊ะฉันด้วยนะ ไม่คิดเลยว่าจะประสบความสำเร็จขนาดนี้ ฮ่าๆ " เหอซือเจียวลุกขึ้นยืน ตบหลังเฉินหยวนแรงๆ พร้อมกับหัวเราะและอ้างความสัมพันธ์
"เฮ้... ดูนั่นสิ..."
เฉินหยวนจนใจ จึงหันไปบ่นกับโจวฟู่
"เฉินหยวนน่ะเหรอ? ฉันเคยอุ้มเขาด้วยนะ"
โจวฟู่ยิ้มอย่างอ่อนโยน พร้อมกับเริ่มแต่งเติมประวัติศาสตร์อย่างหน้าด้านๆ
อ๊ะ ไม่สิ เคยอุ้มจริงๆด้วย!
"พอได้แล้ว หยุดเถอะ"
เฉินหยวนกำหมัดแน่น หวังว่าพวกเธอจะหยุด
"แบบนี้ก็แปลว่านายยังไม่ต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัย ก็ได้คะแนนเพิ่มไปแล้วสิบคะแนนเลยสิ?" เหอซือเจียวถามด้วยความประหลาดใจ
"ถังซือเหวินก็ได้เหมือนกัน" เฉินหยวนเตือน
"ทั้งโรงเรียนหมายเลข 11 มีแค่สิบเอ็ดคนเท่านั้นที่ได้คะแนนพิเศษ ในนั้นห้อง 18 ก็มีตั้งสองคน แถมยังส่งแค่สองคนไปแข่งอีก" โจวหยูนึกถึงท่าทีของหลาวโม๋วันนี้ ก็เข้าใจขึ้นมาทันที "มิน่าล่ะถึงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่จนบุคลิกพังทลายหมด หลาวโม๋ต้องโดนอาจารย์เหอชมแน่ๆเลย"
"ดีจังเลยนะ" เหอซือเจียวพูดด้วยความอิจฉา "ได้ทั้งคะแนนพิเศษ แถมยังได้เป็นลูกรักของหลาวโม๋ด้วย ไม่ได้การละ ฉันต้องตั้งใจเรียนบ้างแล้ว"
"ฉันด้วย" โจวหยูพูดอย่างไม่ยอมแพ้ "ไม่มีเหตุผลที่เขาทำได้ แต่ฉันจะทำไม่ได้"
"สู้ๆ ขอให้น้ำเงินที่มาจากคราม เก่งกว่าครามนะ" เฉินหยวนตบไหล่ให้กำลังใจ
[น้ำเงินมาจากคราม=ศิษย์ย่อมเก่งกว่าอาจารย์ ที่จริงคำว่าครามแปลไปทางทะลึ่งได้ด้วย คราม=หนังโป๊ แต่ผมหาคำแปลไม่เจอจะใช้แบบไหนดี]
"ฉันต้องเก่งกว่าครามอยู่แล้ว..."
โจวหยูพูดได้ครึ่งทางก็เอะใจ ชี้มาที่เฉินหยวน "เฮ้ย! แกนี่มัน..."
"อย่าดื้อสิ รู้แบบนี้ตอนนั้นเอาแกไปโบกปูนติดกำแพงซะก็ดี"
"อี้!" พอได้ยินแบบนั้น โจวฟู่ก็เอามือปิดหูทันที พูดด้วยสีหน้ารังเกียจ "พูดจาลามกกันจังเลยนะ พวกนายเนี่ย"
"เธอน่ะรู้ทันทุกอย่าง ไม่ยิ่งกว่าพวกเราเหรอ?"
เฉินหยวนถามกลับ
"น่ารำคาญ" โจวฟู่ผลักเฉินหยวนเบาๆ ปฏิเสธที่จะยอมรับ
"ฉันนึกภาพออกเลย เซี่ยซินหยู่ผู้แสนบริสุทธิ์จะโดนไอ้หัวกุ้งนี่คุกคามด้วยมุกตลกลามกยังไง" เหอซือเจียวทำสีหน้าพิลึกพิลั่นตอนจินตนาการภาพทั้งสองคนอยู่ด้วยกัน
ส่วนโจวหยู กลับตรงกันข้าม
ก่อนหน้านี้ เหอซือเจียวคิดว่าเฉินหยวนน่าจะมีนิสัยซื่อตรง สดใส ส่วนโจวหยูน่าจะเป็นฝ่ายลามก
แต่หลังจากคบกับโจวหยู เหอซือเจียวก็พบว่าไม่ใช่เลย
โจวหยูค่อนข้างเป็นสุภาพบุรุษ
ปกติก็ไม่เคยเล่นมุกตลกลามกกับเธอ
แถมยังขี้อายง่ายอีกต่างหาก
กลับกัน เฉินหยวนนี่แหละ ตัวอย่างของไอ้คนหัวกุ้ง...
"เธอไม่เข้าใจเฉินหยวน แล้วก็ด่วนตัดสิน" เฉินหยวนปฏิเสธ "ฉันไม่เคยเล่นมุกแบบนั้นกับซินหยู่หรอก"
"งั้นก็เลยมากวนพวกเราแทนสินะ?" โจวฟู่มองเฉียงๆ พูดลอยๆ
"เปล่า ฉันกำลังคุยกับโจวหยูอยู่นี่... ช่างเถอะ นางฟ้าตัวน้อยสู้ไม่ไหวหรอก"
เฉินหยวนไม่อยากคุยต่อ จึงเปิดหนังสือ ก่อนเริ่มเรียนก็ตั้งใจจะทำโจทย์ฟิสิกส์อีกสองข้อ ตอนนั้นเอง โทรศัพท์ในลิ้นชักก็สั่นขึ้นมา
เนื่องจากตอนนี้ยังเป็นเวลาพัก ห้อง 18 ก็ไม่ได้เข้มงวดเรื่องโทรศัพท์มากนัก เขาจึงเอาโทรศัพท์ใส่ในหนังสือ ยกด้านหนึ่งขึ้น แล้วเปิดดู ก็พบว่าตัวเองถูกดึงเข้ากลุ่มแชท
ชื่อกลุ่มคือ 'สามคน'
ในกลุ่มมีสามคน คือ หลิวเฉิงซี สืออี๋ และตัวเขาเอง
พอเห็นชื่อนี้ เฉินหยวนก็ตกใจสุดขีด
เฉินหยวน: โอ้โห ชื่อกลุ่มบ้าบออะไรเนี่ย? เปลี่ยนหน่อยได้ไหม?
หลิวเฉิงซี: ย่อมาจากในสุภาษิตขงจื๊อไง ในกลุ่มคนสามคน ย่อมมีหนึ่งคนเป็นอาจารย์ของเรา ชื่อนี้มันบ้าบอตรงไหน?
หลิวเฉิงซี: นายน่ะ เข้าใจว่า 'สามคน' หมายถึงอะไร?
ก็หมายถึง... ก็หมายถึง...
เฉินหยวน: ฉันรู้อยู่แล้วว่าหมายถึง หนึ่งในกลุ่มคนสามคน ย่อมมีหนึ่งคนเป็นอาจารย์ของเรา อะไรง่ายๆ แบบนี้ ใครๆก็รู้
หลิวเฉิงซี: ไหงมาลอกข้อความกันล่ะเนี่ย
ลอกอะไรกันเล่า!
เฉินหยวน: โรงเรียนพวกนายเล่นโทรศัพท์ได้ด้วยเหรอ?
หลิวเฉิงซี: แน่นอนว่าไม่ได้ ฉันแอบเล่นในห้องน้ำ
เฉินหยวน: สร้างกลุ่มนี้ขึ้นมาทำไม? พี่เฉิงซีเป็นคนหยิ่งขนาดนั้น ทำไมถึงยอมมีอาจารย์ด้วยล่ะ?
เฉินหยวน: ถ่อมตัวแบบผิดปกติเลยนะ
หลิวเฉิงซี: ก็เพราะฉันแพ้ไงล่ะ! ใช่ ฉันแพ้พวกนายสองคนราบคาบ
เฉินหยวน: ไม่ขนาดนั้นหรอก พี่ใหญ่ชนะ ฉันกับนายก็ไม่ต่างกัน แค่คะแนนเดียวเอง
หลิวเฉิงซี: ต่างกันแค่คะแนนเดียว ก็ตัดสินจวงหยวนในการสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้เลยนะ!
เฉินหยวน: ไม่ต้องห่วง พอถึงตอนนั้นต่างกันมากกว่าคะแนนเดียวแน่
หลิวเฉิงซี: ดูถูกฉันเหรอ?
หลิวเฉิงซี: อาทิตย์หน้าก็สอบรวมแล้ว รอดูฉันคว้าที่หนึ่งของเมืองให้ได้เลย
เฉินหยวน: เก่งๆๆๆ
หลิวเฉิงซี: ว่าแต่ นายดูหรือยัง อันดับคะแนนน่ะ
หลิวเฉิงซี: มีที่หนึ่งของจังหวัดมากกว่าสืออี๋อีกหนึ่งคะแนน
เฉินหยวนเองก็เคยเห็นอันดับคะแนนคร่าวๆในห้องทำงานของหลาวโม๋ ทั้งแบบที่สอบรอบเดียว และแบบเฉลี่ยคะแนนสอบทั้งสองรอบ
พูดตามตรง เขาไม่ได้แปลกใจที่สืออี๋ได้ที่สอง
แม้ว่าเซี่ยงไฮ้จะเป็นเมืองหลวงของมณฑลไห่ตง แต่ประชากรก็แค่ประมาณหนึ่งในหกของจังหวัดเท่านั้น
ช่วงปีมานี้ โอกาสที่เซี่ยงไฮ้จะได้จวงหยวนก็ประมาณ 50% ซึ่งถือว่าเก่งมากแล้ว
อีกอย่างจวงหยวนกับเขาพูดถึงกัน ก็หมายถึงระดับเมืองมาตลอด
โรงเรียนไห่จง โรงเรียนฝูจง และโรงเรียนแข็งแกร่งอื่นๆในจังหวัด ก็มีโอกาสคว้าชัยชนะได้เหมือนกัน
พูดแบบนี้ก็ได้
จวงหยวนของจังหวัด ต่อให้โรงเรียนหมายเลข 1 กับโรงเรียนหมายเลข 4 รวมกันมีโอกาสที่จะได้เป็น 50%
โรงเรียนไห่จงกับโรงเรียนฝูจงรวมกัน มีโอกาส 40%
โรงเรียนทั้ง 4 แห่งนี้ ครองโอกาสไปแล้ว 90%
ส่วนอีก 10% ที่เหลือ เป็นโอกาสที่โรงเรียนมัธยมปลาย 627 แห่ง รวมถึงโรงเรียนหมายเลข 11 จะได้จวงหยวน
หรือจะพูดว่า โรงเรียนทั้ง 4 แห่งนี้ แค่โรงเรียนเดียว โอกาสที่จะมีจวงหยวนของจังหวัด ก็เป็นสองเท่าของโรงเรียนมัธยมปลายอีก 627 แห่งรวมกัน
ดังนั้น การที่เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคน จึงเป็นเรื่องปกติมาก
สืออี๋ได้ที่สองของจังหวัด ก็ถือว่าเจ๋งมากๆแล้ว
แน่นอนว่า ความฝันสูงสุดของโรงเรียนทั้ง 4 แห่งนี้ ก็คือจวงหยวนของจังหวัด
แต่ความฝันสูงสุด ไม่สามารถนำมาเป็นเป้าหมายการสอนได้
โรงเรียนหมายเลข 1 กับโรงเรียนหมายเลข 4 ที่แข่งกัน สิ่งแรกก็คือจวงหยวนระดับเมือง
เฉินหยวน: คน ๆ นั้น เขาอาจจะแค่เก่งบางวิชา อาจจะไม่แน่นอนเท่าพี่สืออี๋หรอก
หลิวเฉิงซี: นั่นสินะ จะว่าไป อันดับหนึ่งของจังหวัด เขาได้แค่ 670 คะแนนเอง
นี่ นายพูดแบบนี้ได้ยังไง?
แต่ในระดับท็อปแบบพวกเขา 670 คะแนนก็ถือว่าน้อยจริงๆ
หลิวเฉิงซี: จริงสิ คนนั้นน่ะเขาเหมือนกับนายด้วยนะ
เฉินหยวน: จะยกยอฉันอีกแล้วเหรอ? ว่าแต่คนเราจะไปเหมือนกันอะไรได้ขนาดนั้น
คะแนนรวมต่างกันตั้งห้าหกสิบ ความสามารถในการแข่งขันก็ต่างกันราวฟ้ากับดิน
หลิวเฉิงซี: ฉันหมายถึง เขาเป็นแบบเดียวกับนาย
แบบเดียวกันยังไง?
เขาก็เป็นหนุ่มหล่อ สูง 183 เหมือนกันเหรอ?
ตอนที่เฉินหยวนกำลังดูแคลนอยู่นั้น ข้อความของหลิวเฉิงซีก็ทำให้บุหรี่ในมือเขาสั่นเทาเล็กน้อย
ทั้งๆที่เขาไม่ได้ถือบุหรี่ด้วยซ้ำ
หลิวเฉิงซี: จาก 570 เป็น 670 ใช้เวลาแค่สามเดือน
"..."
ดวงตาเบิกกว้างทันที
เฉินหยวนตกใจสุดขีด
การพัฒนาขึ้นร้อยคะแนนนี้ ทำให้เขาตกใจจริงๆ
ไม่ใช่การพัฒนาแบบไร้สาระ จากสองร้อยเป็นสามร้อย สามร้อยเป็นสี่ร้อย สี่ร้อยเป็นห้าร้อย
เขา...โหดกว่าฉันอีก
จุดเริ่มต้นของเขาก็เป็นคะแนนที่ดีอยู่แล้ว
บ้าเอ๊ย นายก็มีสูตรโกงเหมือนกันเหรอ?!
เป็นไปไม่ได้
คนทั่วไปคงไม่เอาสูตรโกงมาใช้กับการเรียนหรอก คนประหลาดแบบเขาคงมีน้อยมาก
มองไปทั่วทั้งโลกจะหาเจอสักกี่คน
ดังนั้น บนโลกนี้ก็ยังมีอัจฉริยะที่บรรลุธรรมขั้นสูงในชั่วข้ามคืนอยู่จริงๆ
นี่ก็แสดงให้เห็นว่า ตัวเองช่างเกียจคร้านและขาดพรสวรรค์จริงๆ
ทั้งๆที่มีพลังพิเศษ แต่การพัฒนาของเขาก็แค่เท่านี้!
เมื่อได้ยินเรื่องนี้ มันก็ทำให้เขาเงียบไปพักใหญ่
แต่ในขณะเดียวกัน ก็เพิ่มความมั่นใจขึ้นมาบ้าง
อันดับหนึ่งของจังหวัด ชื่อไป๋หมิงเจ๋อสินะ?
ขอบคุณนะพี่ชาย
อย่างน้อยนายก็ทำให้ฉันรู้ว่า ต่อให้เริ่มจากตอนนี้ ก็ยังไม่สายเกินไป
เฉินหยวน: งั้นเรื่องสืออี๋ฝากนายละ ฉันจะจัดการไป๋หมิงเจ๋อเอง
หลิวเฉิงซี: ได้ ฉันจะกำจัดสืออี๋ให้ได้คราวนี้
ทันใดนั้น สืออี๋ก็ส่งสติกเกอร์ [น้องหมาน่ารักเอียงหัว: หา?]
ฉันจะเรียน! ตั้งใจเรียนสุดๆไปเลย!
หลังจากโดนโจมตี เฉินหยวนก็ตรงไปหาหัวหน้าวิชาฟิสิกส์ของห้อง ผู้ชายที่เก่งฟิสิกส์ที่สุดในห้อง ยืมหนังสือเสริมของเขามา
จากนั้นก็เทียบกับของตัวเอง
ทุกครั้งที่เจอโจทย์ที่ทำไม่ได้ ก็เหมือนกับปากกาอ่านหนังสืออัจฉริยะ จิ้มตรงไหนก็อ่านตรงนั้น
แล้วก็เห็นภาพหัวหน้าวิชาฟิสิกส์ทำโจทย์ไปด้วย เขียนวิธีทำลงบนกระดาษทดไปด้วย
พลังพิเศษ เปิดใช้งาน!
มาเลย!!!
………
หลังจากตั้งใจเรียนในช่วงเย็นเป็นเวลาหนึ่งคาบเรียนเต็มๆ เฉินหยวนก็คืนหนังสือเสริมให้หัวหน้าวิชา จากนั้นก็กลับบ้านพร้อมกับโจวฟู่
ตอนออกจากโรงเรียน เซี่ยซินหยู่ก็ส่งข้อความมาบอกว่าเธอกลับไปก่อนแล้ว มีธุระนิดหน่อย คืนนี้จะเจอกันช้าหน่อย
เฉินหยวนรู้สึกงงๆ แต่ก็คิดได้ทันที ว่าเป็นความลับนี่เอง
ซินหยู่กำลังเตรียมเซอร์ไพรส์อยู่นี่เอง
ดีๆๆ
ชอบเซอร์ไพรส์ที่สุดเลย
"ถึงซินหยู่จะรับฟังคำแนะนำของฉัน แต่เธอก็บอกเขาแบบกระทันหันเกินไป ไม่รู้ว่าจะทำได้ตามที่นายคาดหวังไว้หรือเปล่านะ" ตอนอยู่บนรถเมล์ โจวฟู่ก็บอกไว้ล่วงหน้า
"ไม่เป็นไร เธอพยายามเต็มที่แล้ว"
เฉินหยวนไม่ได้ยึดติดกับถุงน่องสีขาว
ถึงจะไม่มีถุงน่องสีขาว ถุงน่องสีดำ ถุงน่องตาข่าย ถุงเท้ายาว ถุงเท้าสั้น หรือเท้าเปล่า ก็ไม่เป็นไร
ฉันน่ะ ไม่เรื่องมากหรอก
"แล้วก็ เรื่องกางเกงเลกกิ้ง ฉันพูดไม่ออกหรอกนะ" โจวฟู่เตือนอีกครั้ง เพื่อแสดงให้เห็นว่าถึงแม้เธอจะอยู่ข้างเฉินหยวน แต่ก็มีมุมมองที่ถูกต้อง
"ก็ได้"
"เห้อ ผู้ชายนี่นะ" โจวฟู่มองเฉินหยวน หลังจากเห็นธาตุแท้ของเขาแล้ว ไอ้ฟิลเตอร์นั่น หรือความหลงใหล ก็หายไปหมด
แน่นอนว่า ไม่ใช่ว่ามองเขาไม่ดีแล้ว
แค่เฉินหยวนไม่ได้ถูกยกย่องให้เป็นเทพเจ้าในใจเธออีกต่อไป
เขาก็เป็นแค่เด็กวัยรุ่นธรรมดาๆคนหนึ่ง
อีกอย่าง ผู้ชายจะเจ้าชู้หน่อยๆ...ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย อย่างน้อยก็ทำให้ผู้หญิงรู้สึกว่าตัวเองมีเสน่ห์จริงๆ
ตอนที่เฉินหยวนยังไม่ได้คบกับเซี่ยซินหยู่ เขาเคยล้อเล่นกับโจวหยู ทั้งสองคนบอกว่าโจวฟู่มองเขา บอกว่าเธอชอบพวกเขา...
เพราะพวกเขาล้อเล่นไม่เกินเลย โจวฟู่จึงไม่โกรธ แถมยังแอบพอใจเล็กน้อย
แต่ตอนนี้เฉินหยวนมีแฟนแล้ว เรื่องตลกแบบนี้ก็พูดไม่ได้อีก
ไม่งั้น เรื่องราวของโจวฟู่กับเฉินหยวนก็คงจะน่าสนใจมากทีเดียว
"ว่าแต่ นายเป็นอัจฉริยะจริงๆนะ..." พอนึกถึงเรื่องการแข่งขันคณิตศาสตร์ โจวฟู่ก็มองเฉินหยวนด้วยความชื่นชม แล้วถามอย่างสงสัย "ก่อนหน้านี้ นาย..."
"ไม่ได้เรียนเลยใช่ไหม?"
"นายรู้ได้ไงว่าฉันจะพูดอะไร?"
โจวฟู่ตกใจ
"ไม่รู้สิ แต่รู้สึกว่าประโยคนี้จะโผล่มาไม่ต่ำกว่าหนึ่งครั้ง"
ก็ไม่มีทางเลือก การที่ผลการเรียนพัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดดในเวลาสั้นๆ มีความเป็นไปได้แค่สองอย่าง
หนึ่ง ลอก
สอง ก่อนหน้านี้ไม่ได้เรียนเลย
ลอกคงเป็นไปไม่ได้ เพราะการแข่งขันคณิตศาสตร์เข้มงวดไม่แพ้การสอบเข้ามหาวิทยาลัย ถ้าจะลอกได้ คงต้องมีตาสาม
งั้นก็เหลือความเป็นไปได้เดียว คือ ก่อนหน้านี้ไม่ได้เรียนเลย
โอเค ชอบมโน แถมยังช่วยให้ตรรกะของตัวเองสมเหตุสมผลอีก
"งั้นกลางภาคหน้า ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป นายก็ต้อง... แซงเซี่ยซินหยู่แบบขาดลอยเลยสิ?"
"ถ้าเธอไม่พัฒนา หรือพัฒนาไม่มาก ก็คงงั้นมั้ง?"
ตอนที่เฉินหยวนตอบอย่างเป็นธรรมชาติ โจวฟู่ก็ถามอย่างสงสัย "แล้วสมการซินหยวนล่ะ?"
"..."
แล้วสมการซินหยวนล่ะ?
คำถามสะเทือนใจนี้ ก้องอยู่ในหัวเฉินหยวน ไม่จางหายไปสักที
หลังจากกลับถึงบ้าน ตอนที่อยู่ในห้องคนเดียว เฉินหยวนก็ยังคงคิดถึงเรื่องนี้
ดังนั้น เขาจึงออกจากห้อง ไปเคาะประตูห้องเซี่ยซินหยู่
ไม่นาน ก็มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาใกล้ แล้วพูดขอโทษผ่านประตูว่า "ขอโทษนะ ยังไม่เสร็จอีกนิดหน่อย เสร็จแล้วจะโทรหา"
"โอเค"
เซี่ยซินหยู่น่าจะยังจัดการเซอร์ไพรส์เล็กๆของเธออยู่ เฉินหยวนจึงกลับไปที่ห้อง เอนหลังพิงเก้าอี้ เอาดินสอวางไว้ใต้จมูก เหนือคางขึ้นไป เงยหน้ามองเพดาน คิดอะไรเพลินๆ ...
ตัวเองเก่งขนาดนี้ สอบเข้ามหาวิทยาลัยต้องทิ้งเซี่ยซินหยู่ไปหลายคะแนนแน่ๆ
ถ้าได้เป็นจวงหยวนก็ยังพอต่อรองได้
แต่ถ้าไม่ได้ แถมเซี่ยซินหยู่ยังได้คะแนนน้อยกว่าเยอะ ก็คงไม่มีสิทธิ์ต่อรอง...
หรือจะยอมๆหน่อยก็ได้?
ช่างเถอะ ไม่คิดแล้ว
ตั้งใจเรียนก่อน!
เฉินหยวนก็เลยตั้งใจเรียนจนถึงสามทุ่มครึ่ง ตอนนั้นเอง เซี่ยซินหยู่ก็โทรมา "ตื๊ดๆๆ ฉันเสร็จแล้วนะ"
โอเคๆ
สาวน้อย ฉันมาแล้ว
"งั้นฉันไปนะ"
"ไม่ๆ นายลงมาข้างล่างเถอะ ฉันอยู่ตรงทางแยก ใต้เสาไฟ" เซี่ยซินหยู่อธิบาย
เล่นนอกสถานที่อีกแล้วเหรอ?
ก็ดีเหมือนกัน
"โอเค ฉันจะไปเดี๋ยวนี้"
เฉินหยวนวางสาย ก่อนออกจากบ้านก็เปลี่ยนเป็นกางเกงขายาวกับเสื้อแขนยาวคอกลมไม่มีฮู้ด แล้วก็ออกไป
ช่วงนี้อากาศยังค่อนข้างเย็น โดยเฉพาะตอนกลางคืน อุณหภูมิยิ่งต่ำลง คนบนถนนบางคนถึงขั้นใส่เสื้อกันหนาวบางๆแล้ว
เฉินหยวนเดินไปยังจุดที่เซี่ยซินหยู่บอก แล้วก็เห็นเด็กสาวผมยาวถึงเอว ใส่ผ้าพันคอสีแดง ยืนอยู่ใต้เสาไฟ อาบแสงไฟสีเหลืองนวล ท่อนบนเป็นเสื้อไหมพรมแขนยาวสีอบอุ่น กระโปรงสั้นก็สั้นสมชื่อ อยู่เหนือเข่าขึ้นมาหน่อยเดียว ถูกเสื้อไหมพรมคลุมจนเหลือแค่ชายระบาย
มองลงไป ก็เห็นถุงน่องสีขาวรัดขาเรียวงามเอาไว้ เผยสีผิวจางๆให้เห็นลางๆ แถมยังมีประกายเล็กน้อย เหมือนลูกอมนมกระต่ายขาวที่ห่อด้วยกระดาษข้าวเหนียวใสๆ ...
ชวนให้น้ำลายสอเลยทีเดียว
แต่ไม่มีรองเท้าหนังหัวมน เป็นรองเท้าผ้าใบสีขาวที่เซี่ยซินหยู่ใส่ประจำ ค่อนข้างเก่า แต่สะอาดมาก
นี่แหละซินหยู่ ถึงแม้จะเตรียมเซอร์ไพรส์ให้เขา แต่งตัวสวยๆ แต่ก็ยังคำนึงถึงงบประมาณอยู่บ้าง
เธอยืนอยู่ตรงนั้น พอเห็นเฉินหยวนก็ยิ้มกว้าง
เฉินหยวนเดินเข้าไปใกล้ แล้วมองดูเธอซ่อนมือไว้ข้างหลัง
"ก้มหัวหน่อยสิ" เซี่ยซินหยู่พูดพร้อมรอยยิ้มลึกลับ
เฉินหยวนทำตาม ก้มหัวลงช้าๆ
จากนั้น เซี่ยซินหยู่ก็เอาผ้าพันคอสีฟ้ามาพันคอให้เฉินหยวน แล้วก็พับอย่างเรียบร้อย
ผ้าพันคอสีฟ้าตัดกับสีแดงของเซี่ยซินหยู่อย่างชัดเจน
แดงกับฟ้านี่คู่กันมาแต่ไหนแต่ไรแล้วใช่ไหม?
เหมือนตุ๊กตาสองตัวที่เซี่ยซินหยู่เลือก ก็ใส่ผ้าพันคอแบบนี้เหมือนกัน
สมกับเป็นซินหยู่ ใส่ใจในรายละเอียดจริงๆ
"ฉันถักเองนะ ถ้าไม่สวยก็อย่าว่ากันล่ะ" เซี่ยซินหยู่พูดเตือน
เฉินหยวนเอามือลูบผ้าพันคอ ก้มลงไป ดมกลิ่นหอมอ่อนๆแบบเดียวกับเซี่ยซินหยู่ แล้วส่ายหัว "สวยกว่าของที่ซื้อมาเยอะเลย"
"นายยังไม่เห็นตัวเองตอนใส่ผ้าพันคอเลย"
เซี่ยซินหยู่ฟังออกว่าเฉินหยวนพูดเอาใจ จึงแฉออกมาตรงๆ
"ไม่หรอก ซินหยู่ทำอะไรก็ดีไปหมด" เฉินหยวนรู้สึกว่าความสามารถของเซี่ยซินหยู่ไม่ธรรมดา เป็นความเก่งกาจที่ผู้หญิงยุคนี้ไม่มี
ในขณะที่เธอยึดมั่นในมุมมองความรักแบบดั้งเดิม ก็มีความสามารถพิเศษของผู้หญิงแบบดั้งเดิมอยู่ด้วย
แล้วก็ยังมีบุคลิก "แหวกแนว" ของคนยุคใหม่อยู่บ้าง
เหมือนกับวิถีนินจาของเธอที่ชอบพูดตรงไปตรงมา
ดังนั้น เฉินหยวนก็อยากจะพูดตรงๆเช่นกัน
"ซินหยู่"
เฉินหยวนจ้องมองอีกฝ่ายแล้วพูดขึ้น "วันนี้คะแนนสอบออกแล้ว เธอน่าจะรู้แล้ว แล้วฉันก็คิดดูแล้ว ยังไงก็อยากเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกับเธอ..."
"ให้ฉันพูดนะ"
เซี่ยซินหยู่ขัดจังหวะเฉินหยวน พูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย "ที่ฉันคิดไว้ตอนแรกคือ พอได้คะแนนพิเศษแล้ว ฉันจะสารภาพรักกับนาย แล้วก็พูดว่า 'เอาล่ะ ฉันเป็นแฟนนายนะ' แต่ด้วยเหตุผลหลายๆอย่าง ทำให้เราจูบกันไปแล้ว สารภาพรักกันไปแล้ว ประกาศคบกันไปแล้ว ตอนนี้ฉันเลยรู้สึกว่าจะพูดอะไร... ก็ไม่ค่อยมีผลกระทบต่อนายเท่าไหร่"
"ไม่หรอก แค่สารภาพรักธรรมดาๆ ฉันก็ดีใจแล้ว" เฉินหยวนพูดอย่างจริงจัง
"ไม่ได้ แบบนั้นไม่โรแมนติกสำหรับฉัน"
เซี่ยซินหยู่ส่ายหัว แล้วพูดอย่างตรงไปตรงมา "นายตั้งใจเรียน ฉันก็ตั้งใจเรียน สอบได้คะแนนเท่าไหร่ก็ขึ้นอยู่กับความพยายามของแต่ละคน นายพยายามทำให้ดีที่สุด ฉันก็จะพยายามอย่างเต็มที่"
"แล้วถ้าไม่ได้อยู่มหาวิทยาลัยเดียวกันล่ะ?"
"ก็ค่อยว่ากันตอนนั้น"
เซี่ยซินหยู่ไม่ลังเลเลย พูดอย่างจริงจัง "ฉันก็มีศักยภาพไม่จำกัดเหมือนกัน!"
หลังจากพูดจบ เฉินหยวนจะทำยังไงได้อีกล่ะ?
ก็ต้องพยักหน้ายอมรับสิ
อืม ต่างคนต่างพยายามแล้วกัน
ลืมเรื่องอื่นๆไปก่อน
"ฉันรู้ว่าตอนนี้ฉันจะพูดอะไร นายก็คงไม่หวั่นไหวเท่าไหร่"
เซี่ยซินหยู่เงยหน้ามองเฉินหยวน แก้มแดงระเรื่อเล็กน้อย จากนั้นก็เหมือนกับเด็กประถมที่รวบรวมความกล้าจะไปแข่งกีฬา พูดด้วยน้ำเสียงน่ารัก "แต่ฉันก็ยังอยากลองดู"
"ไม่หรอก เธอแค่พูดอะไรเพราะๆ ฉันก็หวั่นไหวแล้ว" เฉินหยวนปลอบใจ ไม่อยากให้เธอเครียดมากเกินไป
"ก็นี่เป็นครั้งแรกของฉันนี่ ฉันอยากให้นายโดนฉันตก แล้วก็อยากอยู่กับฉันมากๆ " เซี่ยซินหยู่ยังคงยึดมั่นในแบบของเธอ
"ก็ได้ งั้นเธอจัดมาเลย"
ก็คงไม่พ้น ฉันชอบเธอนะ หยวนเป่า?
ไม่ว่าเธอจะพูดอะไร ฉันก็ต้องแสดงออกว่าดีใจมากๆ
เฉินหยวนยิ้มน้อยๆจ้องมองเซี่ยซินหยู่
จากนั้น อีกฝ่ายก็เขย่งปลายเท้าขึ้นมา กัดหูเขาเบาๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยอารมณ์
"ฉันรักนาย"