บทที่ 18 เมืองไป่เยวี่ย ซูเยว่
บทที่ 18 เมืองไป่เยวี่ย ซูเยว่
แคว้นไป่เยวี่ย
ย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อน มีบุรุษผู้หนึ่งลึกลับยิ่งนัก เดินทางมายังแคว้นไป่เยวี่ย ใช้พลังและทรัพย์สมบัติมากมาย สร้างเมืองขนาดใหญ่ขึ้นมา
ตั้งชื่อว่า เมืองไป่เยวี่ย
ผู้คนมากมายที่ไร้ที่อยู่อาศัย อันเนื่องมาจากการที่แคว้นฉินรุกรานหกแคว้น ต่างพากันอพยพมาพึ่งพิงยังที่แห่งนี้
ภายในไม่กี่ปี เมืองแห่งนี้ก็เจริญรุ่งเรืองอย่างไม่เคยมีมาก่อน
อีกทั้งเมืองไป่เยวี่ยไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างแคว้นต่างๆ
ประกอบกับราชินีแห่งไป่เยวี่ยและเหล่าพี่น้องของนางมีวรยุทธ์สูงส่ง อิ้งเจิ้งจึงไม่กล้าบีบบังคับมากนัก
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เมืองไป่เยวี่ยจึงสงบสุขร่มเย็น
บางทีในราชสำนักแคว้นฉิน อาจจะไม่ได้ให้ความสำคัญกับเมืองไป่เยวี่ยมากนัก
แต่ในยุทธภพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหล่าปรัชญาเมธีผู้ทรงอำนาจ ต่างไม่กล้าดูแคลน
แม้แต่สำนักหยินหยาง สำนักเต๋า สำนักปรัชญา สำนักชาวนา ที่ทรงอำนาจ ก็ยังไม่คิดจะสร้างศัตรูด้วย
เพียงแค่ปรมาจารย์ยุทธ์ที่ปรากฏ ก็มีหลายคนแล้ว
ใครจะรู้ว่าเบื้องหลังจะมีเซียนปฐพีซ่อนอยู่อีกหรือไม่
และบัดนี้
การปรากฏของบัญชีทองคำแห่งเก้าแคว้น ทำให้สายตาของผู้คนหันกลับมามองพวกนางอีกครั้ง
ซูเยว่ ในฐานะองค์หญิงแห่งเมืองไป่เยวี่ย ย่อมมีสถานะสูงส่ง
บางทีอาจจะไม่เกี่ยวข้องกับตงจวินแห่งสำนักหยินหยาง
แต่แน่นอนว่าต้องมีความสัมพันธ์กับเซียนกระบี่ชิงเหลียนอย่างแน่นอน
บางที บุคคลผู้สร้างเมืองไป่เยวี่ย อาจจะเป็นเซียนกระบี่ชิงเหลียนก็เป็นได้
เมืองไป่เยวี่ย พระราชวังหลวง สวนหลวง
เสียงพิณไพเราะกังวาน ดังก้องไปทั่วบริเวณ
นกน้อยใหญ่นับไม่ถ้วนบินมาเกาะอยู่บนกิ่งไม้และหลังคาบ้าน
เงียบสงบ ฟังเสียงพิณอย่างตั้งใจ
เสียงพิณดังก้องราวกับสายน้ำไหลผ่านขุนเขา เมฆลอยล่องไปตามสายลม
นำพาผู้คนเข้าสู่ห้วงแห่งความสงบสุข
ทำให้จิตใจเบิกบาน
“น้าเหนียงนู่ยวี่ เสียงพิณของเยว่เอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง?”
เด็กหญิงตัวน้อยน่ารักน่าเอ็นดู ใบหน้าจิ้มลิ้ม มองไปยังหญิงสาวผู้สง่างามข้างกายด้วยแววตาคาดหวัง
“เยว่เอ๋อร์ฉลาดมาก เพียงแค่สามเดือน ก็สามารถบรรเลงเพลงเสียงนกในหุบเขาได้อย่างไพเราะขนาดนี้ เทียบเท่ากับข้าแล้ว”
“ดูนกน้อยเหล่านั้นสิ แม้แต่พวกมันก็ยังชอบฟัง”
นู่ยวี่ยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน ดวงตาเต็มไปด้วยความรักและเอ็นดู
“แน่นอนอยู่แล้ว เยว่เอ๋อร์ฉลาดมาตั้งแต่เด็ก เรียนรู้อะไรก็รวดเร็ว”
เด็กหญิงตัวน้อยเชิดหน้าอกอย่างภาคภูมิใจ
ดูเหมือนว่าจะพอใจกับคำชมมาก
ในขณะนั้นเอง ก็มีหญิงสาวอีกหลายคน เดินทางมาถึง
ราวกับก้าวออกมาจากภาพวาด
“น้าเยี่ยนหลิงจี น้าจื่อหนี่ว์!”
“เจ้าเด็กน้อยคนนี้ บอกกี่ครั้งแล้ว ให้เรียกพี่สาว เรียกน้าๆ เดี๋ยวก็แก่กันพอดี”
เยี่ยนหลิงจีในชุดราชินีสีแดงทอง เอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“น้าๆ ยังสาวอยู่เลย สวยมากๆ”
“เจ้าตัวน้อย ปากหวานเหมือนพ่อไม่มีผิด พูดจาเอาใจเก่ง”
ทันใดนั้น บัญชีทองคำก็อัพเดท
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นชื่อของซูเยว่ปรากฏขึ้น ทุกคนก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป
“เยว่เอ๋อร์ติดอันดับด้วย!?”
“ก็จริง แม้จะอายุเพียงห้าขวบ แต่ก็คู่ควรกับอันดับหนึ่ง”
“อายุแค่ห้าขวบ ก็มีพลังเทียบเท่าปรมาจารย์ยุทธ์ หากพวกเราไม่ได้ช่วยกันกดพลังไว้ ตอนนี้นางคงทะลวงสู่ขั้นปรมาจารย์แล้ว”
จื่อหนี่ว์ส่ายหน้า เอ่ยด้วยความเสียดาย
“น้าจื่อหนี่ว์ นี่คือโอสถที่สวรรค์ประทานให้เยว่เอ๋อร์ ท่านจะรับหรือไม่?”
ในขณะนั้น เด็กหญิงตัวน้อยก็หยิบโอสถที่ส่งกลิ่นหอมออกมา พูดด้วยความสงสัย
เพียงได้กลิ่น ก็รู้สึกสดชื่น
แน่นอนว่าต้องเป็นโอสถชั้นยอด
“มันเป็นของเจ้า รีบกินเข้าไป พวกเราจะคอยคุ้มกันให้”
จื่อหนี่ว์รีบเร่ง
ซูเยว่พยักหน้า ไม่ปฏิเสธ รีบกลืนโอสถลงไป
ทันใดนั้น กลิ่นหอมก็ฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ
จื่อหนี่ว์ เยี่ยนหลิงจี และนู่ยวี่ ต่างมองดูด้วยความประหลาดใจ
ดอกบัวสีขาวนวล ปรากฏขึ้น โอบล้อมร่างของซูเยว่ไว้
ปรับปรุงกายาและจิตใจของนางอย่างรวดเร็ว
“เมื่อกินโอสถเสริมสร้างกายเข้าไป อนาคตของเยว่เอ๋อร์ คงจะเกินกว่าที่พวกเราจะจินตนาการได้”
“ใช่แล้ว เมืองไป่เยวี่ยเล็กๆ แห่งนี้ คงกักขังนางไว้ไม่ได้”
“ไม่รู้ว่าคนใจร้ายคนนั้น ทำไมถึงไม่กลับมา”
“ทิ้งลูกสาวที่น่ารักไว้ที่นี่ ไม่สนใจใยดี”
“บางที เขาอาจจะยังไม่รู้ว่ามีลูกสาวก็ได้”
“คิดว่าสร้างเมืองไว้ให้พวกเราแล้วก็จบกัน?”
“ไม่มีทาง ตอนนั้นมาเกาะแกะพวกเรา แล้วก็หนีหายไป คิดว่าจะง่ายขนาดนั้นรึ?”
“ผู้ชายคนนั้น ชั่วช้าเกินเยียวยา”
“หลายปีผ่านไป ไม่รู้ว่าไปทำร้ายสตรีอื่นอีกกี่คนแล้ว”
“เมื่อครู่มีข่าวมาว่า ตงจวินแห่งสำนักหยินหยางหลุดพ้นจากค่ายกลแล้ว คาดว่าคงทะลวงสู่ขั้นเซียนปฐพีแล้ว”
“ต่อไป ตงหวงไท่อีก็ทำอะไรนางไม่ได้”
“ตอนนั้นที่นางฝากเยว่เอ๋อร์ไว้กับพวกเรา พวกเราก็ไม่ได้ทำให้ผิดหวัง”
“ดูสิ เยว่เอ๋อร์ตื่นแล้ว!”
ทั้งสามมองไปยังซูเยว่ด้วยความสนใจ
โอสถเสริมสร้างกาย สามารถมอบกายาที่เหมาะสมให้กับผู้ใช้
มีประโยชน์อย่างมากต่อการบ่มเพาะพลัง
แม้แต่เซียนปฐพี ก็ยังได้รับประโยชน์
“หอมจัง!”
“กลิ่นดอกบัว กลิ่นเดียวกับคนใจร้ายคนนั้นเลย!”
“หรือว่ากายาของเยว่เอ๋อร์ จะเหมือนกับเขา”
เยี่ยนหลิงจีเอ่ยด้วยความประหลาดใจ
กลิ่นนี้ พวกนางคุ้นเคยเป็นอย่างดี
ทันใดนั้น ซูเยว่ที่อยู่ไม่ไกลก็ลืมตาขึ้น
ทั้งสามมองดูด้วยความตื่นตะลึง
เด็กหญิงตรงหน้า ราวกับถูกสวรรค์สรรค์สร้างขึ้นมาอย่างประณีต
แม้ว่าใบหน้าจะไม่เปลี่ยนแปลงไปมากนัก แต่รัศมีที่แผ่ออกมา ทำให้ผู้คนไม่อาจลืมเลือน
เมื่อเติบโตขึ้น ต้องเป็นหญิงงามล่มเมืองอย่างแน่นอน
“เยว่เอ๋อร์ ตอนนี้เจ้ามีกายาแบบไหน?”
“กายามรกตค่ะ น้าจื่อหนี่ว์ สิ่งที่ท่านเคยสอน ตอนนี้ข้าเข้าใจหมดแล้ว”
“เพลงกระบี่มรกตที่ท่านแม่ทิ้งไว้ให้ ข้าก็ฝึกฝนจนสำเร็จแล้ว”
“ตอนนี้ ข้าสามารถทะลวงสู่ขั้นปรมาจารย์ได้ทุกเมื่อ”
เมื่อได้ยินคำตอบของซูเยว่ ทั้งสามก็มองหน้ากัน
ดวงตาเต็มไปด้วยความตกใจ
คนใจร้ายคนนั้น ก็มีกายามรกตจริงๆ ด้วย
“เยว่เอ๋อร์ อย่าเพิ่งรีบทะลวง รอให้เข้าใจกฎของบัญชีทองคำก่อน”
“หากทะลวงไปแล้ว กายาของเจ้าอาจจะถูกยึดคืนก็ได้”
เด็กหญิงตัวน้อยทำหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นมาว่า
“ในบัญชีมังกรซ่อนกายบอกว่า ท่านพ่อของข้าคือเซียนกระบี่ชิงเหลียน เขาเป็นคนแบบไหนกัน?”
“ทำไมเขาถึงไม่เคยมาเยี่ยมข้าเลย?”
“หรือว่าเขาไม่รักเยว่เอ๋อร์?”
จื่อหนี่ว์เดินเข้าไปลูบหัวเด็กน้อย
“เยว่เอ๋อร์น่ารักขนาดนี้ ใครจะไม่รักกัน”
“ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเจ้าได้อันดับหนึ่ง คงจะรีบมาพบเจ้าแล้ว”