ตอนที่ 82 ปั่นป่วนทั่วภาคตะวันออก
ตอนที่ 82 ปั่นป่วนทั่วภาคตะวันออก
คำว่า สำนัก ชิง หยุน สามคำนี้ เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์หยางจื้อไจ้เอ่ยออกมาทีละคำด้วยความเดือดดาลจนฟันบดเข้าหากัน
อำนาจศักดิ์สิทธิ์อันน่าสะพรึงกลัวแผ่กระจายไปทั่วทั้งแดนศักดิ์สิทธิ์
เหล่าผู้อาวุโสในห้องโถงใหญ่ล้วนถูกแรงกดดันมหาศาลนี้บีบจนต้องหมอบกราบอยู่กับพื้น
แรงกดดันอันมหาศาลจากเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เติมเต็มอยู่ในห้องโถงใหญ่จนไม่มีใครกล้าหายใจแรง
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์โกรธา ท้องฟ้าดั่งจะถล่มลงมา!
โดยเฉพาะยอดฝีมือที่เป็นผู้นำกลุ่มเมื่อครู่
เขาคิดว่าแผน หนึ่งศรสองนก ของตนสำเร็จลุล่วง เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์จะต้องมอบรางวัลให้เขาอย่างงาม
แต่คาดไม่ถึงว่าเหล่าผู้เยาว์เหล่านั้นจะมีไพ่ตายที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้!
หรือคุณหนูสายตรงแห่งตระกูลซูจะไม่มีไพ่ตายที่ปกป้องชีวิตได้เชียวหรือ?
สำนักชิงหยุน ที่สามารถข่มขวัญแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามย่อมไม่ใช่เรื่องง่ายดาย
แต่เมื่อเปรียบเทียบกับพวกเขาแล้ว สำนักชิงหยุนก็ยังห่างไกลเกินไป
ครั้งนี้เขาประมาทเกินไป
ครานี้ดีนัก พลาดทั้งคนและเสียทั้งกำลัง
สำนักชิงหยุน สำนักเล็กๆกล้าสังหารยอดฝีมือของแดนศักดิ์สิทธิ์ไปนับร้อย
ยิ่งไปกว่านั้น คนของตระกูลชูก็ยังเข้ามาร่วมมือด้วย
หรือคิดว่าแดนศักดิ์สิทธิ์ของเขาเป็นเพียงดินโคลนที่ใครก็เหยียบย่ำได้?
เดิมทีแผนการมีเพียงกำจัดผู้ที่สังหารบุตรศักดิ์สิทธิ์ แล้วบีบให้ สำนักชิงหยุนต้องจ่ายค่าตอบแทนมหาศาล
สำนักชิงหยุน แม้จะด้อยกว่าพวกเขา แต่การที่สามารถข่ม
ขวัญแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งสาม ย่อมแสดงว่าต้องมีเบื้องหลังที่ไม่ธรรมดา
อยู่เงียบๆ แต่กลับทะยานขึ้นมาจนสะดุดตา ถ้าหากมีมหาอำนาจยืนหนุนอยู่เบื้องหลังล่ะ?
ดังที่บุตรศักดิ์สิทธิ์กู่ฉางเกอเคยกล่าวไว้ เจ้าจะเปิดศึกใหญ่เพียงเพื่ออัจฉริยะที่ตายไปแล้วหรือ?
แต่สิ่งที่เขาไม่เคยคิดมาก่อนคือ เรื่องเช่นนี้กลับเกิดขึ้นกับเขาเอง
หยางจื้อไจ้นั่งอยู่บนบัลลังก์ สีหน้าของเขานิ่งสงบปราศจากความสุขหรือความเศร้า
แต่แรงกดดันอันมหาศาลจากอำนาจศักดิ์สิทธิ์ ที่แผ่กระจายไปทั่วทุกมุม บ่งบอกถึงอารมณ์ที่แท้จริงของเขาในยามนี้
ในฐานะเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ เขาย่อมต้องคำนึงถึงหลายสิ่งอย่างรอบคอบ
แต่ในตอนนี้สถานการณ์ต่างออกไป คนของสำนักชิงหยุนไม่เพียงแต่สังหารบุตรศักดิ์สิทธิ์ แต่ยังสังหารยอดฝีมือของแดนศักดิ์สิทธิ์ไปหลายร้อยคน
หากไม่กวาดล้างสำนักนี้จนสิ้นชาก เกียรติของแดนศักดิ์สิทธิ์อันดับหนึ่งจะไปอยู่ที่ใด?
จากนั้นเขาเอ่ยคำพูดหนึ่งขึ้นเบาๆ พร้อมแค่นเสียงเย็นชา ก่อนจะหันหลังจากไป
"ในสิบวัน เหยียบสำนักชิงหยุนให้แหลกเป็นผุยผง"
ส่วนเรื่องของตระกูลชูแห่งภาคใต้ ค่อยสะสางในภายหลัง
ครั้งนี้ ยอดฝีมือจำนวนมากแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ต่างพา กันออกจากการปิดด่านอย่างพร้อมเพรียง
เงาร่างอันน่าสะพรึงกลัวปรากฏขึ้นจากภายนอก หลายร่างเป็นบรรพชนที่หลับใหลมายาวนาน ลุกขึ้นจากโลงศพของตน
หลังข่าวลือนี้แพร่กระจายไปได้เพียงหนึ่งวัน ดินแดนทั่วภาคตะวันออกก็เกิดความปั่นป่วน
แดนศักดิ์สิทธิ์เทียนเซิ่ง ซึ่งเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์อันดับหนึ่งของภาคตะวันออก ได้ประกาศข่าวว่าจะเหยียบสำนักชิงหยุนที่กำลังโด่งดังในขณะนี้จนพินาศ
และจากแหล่งข่าววงในเผยว่า
คนของสำนักชิงหยุน และคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลซูจากภาคใต้ ได้สังหารบุตรศักดิ์สิทธิ์ ของแดนศักดิ์สิทธิ์ในแดนลับเชิ่งเสวียน
จากนั้นเมื่อออกจากแดนลับ พวกเขาใช้ไพ่ตายสังหารยอด ฝีมือของแดนศักดิ์สิทธิ์ไปกว่าหลายร้อย
เหตุการณ์นั้นทำให้ผู้ที่ได้ยินข่าวต่างสั่นสะท้าน ส่วนผู้ที่ได้เห็นกับตาต่างเข่าทรุดด้วยความหวาดกลัว
มันน่ากลัวเกินไป!
มีร่างหนึ่งที่ลอยเด่นราวกับเซียน สองกระบี่ยักษ์กวาดฟ้าดิน ผ่าทำลายยอดฝีมือนับไม่ถ้วน ก่อนจากไปอย่างสง่างาม
อีกหนึ่งร่างที่ดุจอสูรร้ายแห่งยุคโบราณ อ้าปากกลืนยอดฝีมือจำนวนมาก และเพียงเหยียบลงไปหนึ่งครั้ง ก็สังหารคนของแดนศักดิ์สิทธิ์ไปนับสิบ
เมื่อข่าวนี้แพร่กระจายออกไป ทำให้ผู้บ่มเพาะในทุกแคว้นของภาคตะวันออกต่างตกตะลึง
“ช่างน่ากลัวนัก คิดไม่ถึงเลยว่าในแคว้นหลิงโจวจะมีสำนักที่น่าสะพรึงกลัวถึงเพียงนี้!”
“สามารถข่มขวัญแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามได้อยู่แล้ว แต่ไม่คาดคิดว่า สำนักชิงหยุนจะกล้าประจันหน้ากับแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนเซิ่ง!”
“ข่าวของเจ้าล้าหลังเกินไปแล้ว เคยได้ยินเรื่องแดนศักดิ์สิทธิ์หยู้ตานหรือไม่?”
“แดนศักดิ์สิทธิ์หยู้ตาน? แดนศักดิ์สิทธิ์หลอมโอสถในแคว้นซวนโจวที่มีสำนักโอสถหนุนหลังอยู่นั้นหรือ?”
“ใช่แล้ว เมื่อไม่นานมานี้เอง แดนศักดิ์สิทธิ์หยู้ตานได้ประกาศเข้าร่วมกับสำนักชิงหยุนอย่างเป็นทางการแล้ว!”
“ซื่ว!…!”
เมื่อข่าวนี้แพร่กระจายออกไปทั่ว
ทั้งภาคตะวันออกต่างตกตะลึง
แข็งแกร่ง! ช่างแข็งแกร่งเกินไปแล้ว!
หรือว่าสำนักชิงหยุนจะพึ่งพากำลังของตนเองเพื่อบดขยี้แดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งห้า?
“สำนักชิงหยุนนี้โผล่มาจากที่ใดกัน?
เหตุใดถึงได้พุ่งทะยานขึ้นมาเร็วปานนี้!”
“หากไม่ใช่หนึ่งในหกสำนักเก่าแก่ ก็คงเป็นสำนักใหญ่ที่เร้นกายอยู่ในโลก”
ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีผู้กล่าวอ้างว่าหลังผ่านไปนับสิบล้านปี ยุคอันเจิดจรัสแห่งดินแดนภาคตะวันออกกำลังกลับมาอีกครั้ง
สำนักใหญ่ทยอยผงาดขึ้น นำพาภาคตะวันออกทะยานฟ้าสะท้านสะเทือนอีกสี่ภูมิภาค
แต่ก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า “หรือว่า สำนักชิงหยุนจะหลงตนเองจนเกินไป? การเผชิญหน้ากับแดนศักดิ์สิทธิ์อันดับหนึ่ง จะไม่ใช่การหาเรื่องใส่ตัวหรือ?”
ณ สำนักแห่งหนึ่ง
“อู๊ว อู๊ว อู๊ว!
วันที่ภาคตะวันออกจะผงาดมาถึงแล้ว!
ทั้งสำนักฟังคำบัญชา!
ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป บูชาสำนักชิงหยุนเป็นสำนักฟ้าดินแห่งภาคตะวันออก ยกย่องเจ้าสำนักชิงหยุนเป็นมหาจักรพรรดิแห่งดินแดนภาคตะวันออก!”
อย่างไรก็ตาม ยังคงมีไม่น้อยที่สนับสนุนแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนเซิ่งอยู่เช่นกัน
ในสายตาของพวกเขา สำนักชิงหยุนผงาดขึ้นมาเร็วเกินไป ขาดรากฐานที่มั่นคง ทุกอย่างราวกับภาพลวงตาในสายหมอก ไม่เพียงพอที่จะเทียบชั้นกับแดนศักดิ์สิทธิ์อันดับหนึ่งแห่งภาคตะวันออก
หากในตอนนี้รีบแสดงความภักดีล่วงหน้า อาจได้รับผลประโยชน์บ้างในภายหลัง
ในขณะนี้
ณ ชายแดนแคว้นเซิ่งโจว
“สหายน้อยสือฮ่าว ขณะนี้สำนักชิงหยุนของพวกเจ้าได้ล่วงเกินแดนศักดิ์สิทธิ์ไปแล้ว ควรเตรียมตัวรับมือให้พร้อม
แม้ว่า ตระกูลซูของพวกเราจะไม่หวาดกลัวพวกเขา แต่สำนักชิงหยุนของพวกเจ้ายังอยู่ในเขตภาคตะวันออก ระยะทางห่างไกลจนช่วยเหลือได้ยากในทันที”
ดังที่ยอดฝีมือแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เคยกล่าวไว้ ตระกูลซูอยู่ไกลในภาคใต้ จะเปิดศึกข้ามเขตแดนกับแดนศักดิ์สิทธิ์ได้หรือ?
เย่ชุยเสวี่ยลูบเคราขาวพลางเอ่ยด้วยเสียงเรียบว่า
“การต่อสู้นั้นผ่านไปแล้วสองวันครึ่ง ตอนนี้เรามาถึงเขตชายแดนแคว้นเซิ่งโจว ซึ่งอยู่ห่างจากแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนเซิ่ง แล้ว
ถึงแม้ที่นี่จะยังคงอยู่ในเขตแดนของแดนศักดิ์สิทธิ์ แต่สุดท้าย มังกรผู้กล้า ก็ไม่ควรลุยเข้าไปในถิ่นศัตรูโดยไม่รอบคอบ”
ด้วยกำลังของพวกเขาเพียงหนึ่งคน หนึ่งสุนัข และสหายอีกสี่คน ย่อมไม่เพียงพอที่จะต่อกรกับแดนศักดิ์สิทธิ์ได้
“ขอบคุณผู้อาวุโสที่เมตตาให้ความช่วยเหลือ” สือฮ่าวและพรรคพวกทั้งสามประสานมือกล่าวขอบคุณ
เรื่องนี้เดิมทีไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลซูแห่งภาคใต้ แม้แต่ยอดฝีมือผู้นำจากแดนศักดิ์สิทธิ์ยังกล่าวว่าจะปล่อยพวกเขาไป
แต่ผู้อาวุโสท่านนี้กลับยื่นมือเข้าช่วยอย่างไม่ลังเล
ในยามทุกข์ยากเท่านั้นที่มิตรแท้ปรากฏ
“ไม่ต้องเกรงใจ เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น
แต่เรื่องของแดนศักดิ์สิทธิ์ต้องระวังให้มาก”
ในฐานะผู้อาวุโสระดับสูงของตระกูลซู เขาย่อมเข้าใจว่ากลุ่มอำนาจใหญ่ล้วนซ่อนรากฐานลึกลับที่คนทั่วไปไม่อาจหยั่งถึง
ความระมัดระวังย่อมเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
“ศิษย์พี่ เราต้องจบการฝึกฝนกลางทางและกลับสำนักก่อนเวลาแล้ว” หลินไป๋กล่าวด้วยน้ำเสียงกังวล
รู้สึกละอายยิ่งนัก
ตอนที่ออกมา เขาบอกท่านอาจารย์ว่าเพียงต้องการออกมาฝึกฝน แต่เวลาผ่านไปเพียงเดือนเศษ แม้ความสามารถและพลังบ่มเพาะจะเพิ่มพูนขึ้นมาก
แต่พวกเขากลับนำภัยใหญ่มาสู่สำนักโดยไม่ตั้งใจ
พวกเขาต้องกลับไปเผชิญหน้ากับศัตรูร่วมกับสำนักของตน!
กลับสู่สำนักชิงหยุน
บ่มเพาะกระบี่เทพของข้า หลั่งโลหิตร้อนแห่งข้า!
บุกสู่แดนศักดิ์สิทธิ์ สู้เพื่อสำนักชิงหยุน!
“ตกลง เช่นนั้นพวกเรากลับสู่สำนักก่อนเถิด”
“เรื่องนี้สำนักคงทราบแล้ว” สือฮ่าวกล่าวหลังจากครุ่นคิดเล็กน้อย
เรื่องนี้เกิดจากพวกเขาเอง พวกเขาย่อมต้องรับผิดชอบ
เป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์นั่นเองที่ใช้อำนาจข่มเหงก่อน จากนั้นเหล่ายอดฝีมือแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ยังกล้าดูหมิ่นท่านอาจารย์ และสำนักชิงหยุนอีก
พี่ชายยังพอทน แต่น้องสาวไม่อาจยอม!
ถึงเวลาแล้วที่พวกเขาจะต้องแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของสำนักชิงหยุน!
“สหายน้อยสือฮ่าว ไม่ทราบว่าพวกเราจะเดินทางไปเยี่ยมชมสำนักของเจ้าด้วยได้หรือไม่?
ถึงคราวที่แดนศักดิ์สิทธิ์มาโจมตี อย่างน้อยผู้อาวุโสคนนี้ก็พอช่วยเหลือได้บ้าง”
เย่ชุยเสวี่ยเอ่ยขึ้นขณะฟังพวกเขาพูดถึงการกลับสู่สำนัก
เขาเองก็อยากรู้เหมือนกันว่า สำนักชิงหยุนที่พวกเขาเล่าขานกันนั้น มีความยิ่งใหญ่เพียงใด
ถึงขั้นที่คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลซูยังอยากเข้าร่วม
ยอดฝีมือของตระกูลซู คงไม่สามารถมาถึงได้ในเวลาอันสั้น แต่ด้วยพลังบ่มเพาะขอบเขตปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นกลางของเย่ชุยเสวี่ย ก็น่าจะช่วยเหลือได้ไม่น้อย
แต่เขาก็อดสงสัยไม่ได้ว่า ด้วยระดับพลังนี้ เมื่อไปถึงสำนักชิงหยุนตนเองจะถูกนับเป็นยอดฝีมือในระดับใด
ซูเหยาเหยาที่อยู่ข้างๆ ก็พูดขึ้นด้วยรอยยิ้มว่า
“ใช่เลย พี่ชายสือฮ่าว ในเมื่อพวกท่านกลับสำนักก่อนเวลา พอดีเลยที่ เหยาเหยาจะได้ไปเยี่ยมชมสำนักชิงหยุนของพวกท่านด้วย”
แต่คนที่ตื่นเต้นที่สุดคงไม่พ้นจักรพรรดิทมิฬ
เพราะเพื่อนเก่าของมันอยู่ที่สำนักชิงหยุน
มันต้องถามให้กระจ่างชัด
“อู่เฉิน เจ้าหนู เจ้าเตรียมตัวไว้ให้ดี จักรพรรดิผู้นี้จะไปหาคำตอบจากเจ้าแน่!”