ตอนที่แล้วตอนที่ 80 ศึกแห่งปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 82 ปั่นป่วนทั่วภาคตะวันออก

ตอนที่ 81 สังหารยอดฝีมือของแดนศักดิ์สิทธิ์ พายุก่อตัวขึ้นในภาคตะวันออก


ตอนที่ 81 สังหารยอดฝีมือของแดนศักดิ์สิทธิ์ พายุก่อตัวขึ้นในภาคตะวันออก

อีกด้านหนึ่ง

ร่างจำแลงของมู่ซุยเซียนก้าวขึ้นพร้อมกระบี่ในมือ

กระบี่ยักษ์สองเล่มพลันพุ่งทะยานออกไปก่อน

เขตแดนกระบี่อันน่าสะพรึงแผ่ปกคลุมยอดฝีมือหลายสิบคนแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนเซิ่ง

“นี่มันอะไรกัน…!”

“อ๊าก! อย่าเข้ามา!”

พวกเขาราวกับได้เห็นภาพที่น่ากลัวที่สุดในชีวิตนี้

แม้แต่ท้องฟ้าที่เดิมทีถูกปกคลุมด้วยเมฆดำยังพอมีแสงลอดผ่าน ในชั่วพริบตากลับมืดมิดลง

บรรยากาศโดยรอบมืดมนและน่าสะพรึงกลัวดุจดั่งนรกโลกันตร์

กระบี่ยักษ์ทั้งสองเล่มจึงพุ่งเข้าโจมตี

เสียงคร่ำครวญดังระงมทั่วทุกทิศ

“โปรด…ไว้ชีวิตข้าด้วย!”

“น่าชังนัก! แดนศักดิ์สิทธิ์จะต้องล้างแค้นให้เรา…อ๊าก!”

กระบี่ยักษ์ฟาดฟันไปทั่วราวกับกำลังหั่นไก่ในครัว

เหล่ายอดฝีมือแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนเซิ่งราวกับทำจากกระดาษ บอบบางจนพังทลายลงในทันทีที่กระทบ

“ฮ่าๆๆ! จักรพรรดิผู้นี้จะปลดปล่อยการสังหารอีกครั้งแล้ว!”

จักรพรรดิทมิฬ พุ่งทะยานเข้ามา

ในชั่วพริบตา มันกลับคืนสู่ร่างเดิม

หัวมีเขาสองข้าง ดวงตาสาดแสงราวสายฟ้า ผิวหนังดำสนิทปกคลุมไปด้วยหนามแหลม รูปร่างขยายใหญ่โตจนไม่อาจประมาณการได้

หัวจรดฟ้า เท้าย่ำดิน

ราวกับอสูรร้ายแห่งยุคโบราณ

“เจ้าดำ?”

ร่างจำแลงของมู่ซุยเซียนหันมามองทางนี้

ความคิดของนางถูกดึงกลับไปยังแสนปีก่อนในทันที

ภาพแห่งอดีตที่มีเพียงคนและสุนัขตัวหนึ่งร่วมฝ่าฟันไปในโลกหล้า

เหตุใดเจ้าดำจึงมาอยู่ที่นี่?

เหตุใดมันจึงอยู่ร่วมกับศิษย์ของเจ้าสำนัก?

หัวใจของมู่ซุยเซียนสะท้าน นางไม่คาดคิดว่าเพื่อนเก่าในอดีตเมื่อแสนปีก่อน จะได้พบกันอีกครั้งในภาคตะวันออกในวันนี้

ไม่คิดลังเลอีกต่อไป

นางชูกระบี่ทะยานเข้าสู่เขตแดนกระบี่

เพียงหนึ่งกระบี่ก็ทำลายร่างนับหลายในพริบตา

เจ้าดำอ้าปากกว้าง กลืนกินผู้คนหลายสิบเข้าไปโดยตรง

อำนาจมหาจักรพรรดิอันมหาศาลแผ่สะท้านไปทั่ว

ในเวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจ ยอดฝีมือแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนเซิ่งล้วนถูกสังหารจนหมดสิ้น

"ปีศาจ.... คนกับสุนัขคู่นี้มันปีศาจชัดๆ!"

"เวรเอ๊ย! ไฉนบุตรศักดิ์สิทธิ์ถึงได้ไปล่วงเกินยอดฝีมือเช่นนี้เล่า!"

จิตใจของทุกคนแตกสลายโดยสิ้นเชิง

นี่ไม่ใช่ศัตรูที่พวกเขาจะรับมือได้แม้เพียงกระบวนท่า

เดียว!

เมื่อคนสุดท้ายถูกสังหาร มู่ซุยเชียนจึงหยุดมือ

"เจ้าดำ ใช่เจ้าหรือไม่? ไม่เจอกันเสียนาน"

เจ้าดำพยักหน้าเบาๆ

"ใช่แล้ว ผ่านมาแสนปีแล้วมิใช่หรือ ไม่คิดเลยว่าจะได้พบเจ้าที่นี่อีกครั้ง

เจ้าไม่ได้ถูกอู่เฉินลอบโจมตีหรือ? ไฉนถึง…“

เจ้าดำเอ่ยถามสิ่งที่มันสงสัยในใจออกมา

เจ้าดำคาดเดาว่า มหาจักรพรรดินีซุยเซียน อาจเป็นเพียงจิตวิญญาณที่รอดพ้นมาได้ จากนั้นพบเจอเหตุอัศจรรย์บางอย่างจนพลัดมาอยู่ที่นี่

“ตอนนี้เวลาไม่พอที่จะอธิบายให้ชัดเจน

ข้าอยู่ที่ สำนักชิงหยุน ในตอนนี้”

“พบกันที่สำนักชิงหยุน”

เมื่อมู่ซุยเซียนกล่าวจบ ร่างเงาของนางพลันเลือนหายไป

เจ้าดำคืนร่างเป็นสุนัขตัวเล็กอีกครั้งและบินลงมา

มันรู้สึกปวดเมื่อยไปทั้งตัว ราวกับพลังชีวิตทั้งหมดถูกสูบออกไป การระเบิดพลังอย่างรุนแรงก่อนหน้านี้ทำให้ต้องพักฟื้นไปอีกนาน

“สำนักชิงหยุน… มันเป็นสำนักแบบไหนกันแน่?

เหตุใดจักรพรรดิผู้นี้ถึงไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย?

หากเป็นสำนักที่มหาจักรพรรดินีซุยเซียนยอมเข้าร่วม คาดว่าคงไม่ใช่สำนักธรรมดาแน่”

ในที่สุดเจ้าดำก็มั่นใจได้แล้วว่า เพื่อนเก่าในอดีตของมันอยู่ที่สำนักชิงหยุนอย่างแน่นอน

ในใจของจักรพรรดิทมิฬพลันคิดเงียบๆ

“จักรพรรดิทมิฬที่พึ่งลงมานี่ ใช่ร่างที่แท้จริงของเจ้าหรือไม่?”

หลินไป๋รีบเอ่ยถามด้วยความตกตะลึง

ในหัวของเขายังคงวนเวียนกับภาพเมื่อครู่ ร่างอันมหึมาปกคลุมฟ้าดิน ดุจดั่งอสูรเทพแห่งยุคโบราณ

ยอดเยี่ยมเกินจะพรรณนา!

แต่จักรพรรดิทมิฬดูเหมือนจะรู้จักกับผู้อาวุโสมู่ซุยเซียน

แปลกนัก หรือว่าผู้อาวุโสมู่ซุยเซียนเคยมาเยือนแดนลับเซิ่งเสวียนนี้มาก่อน?

“จักรพรรดิผู้นี้บอกแล้วมิใช่หรือ ว่าช่วยพวกเจ้าจัดการเรื่องเล็กน้อยเหล่านี้ เรื่องเล็กๆเท่านั้น”

จักรพรรดิทมิฬแสร้งทำเป็นกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ

แต่ในใจกลับรู้ดีว่า ถ้าหากพลังของข้าคืนกลับมาครบถ้วนละก็…

เพียงแค่สายตาเดียวก็สามารถบดขยี้มดปลวกเหล่านี้จนสิ้นซาก

เหล่าผู้บ่มเพาะจากภายนอกต่างตกตะลึงอีกครั้ง

จนขนลุกเกรียวทั่วทั้งร่าง!

ยอดฝีมือแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์มากมายเช่นนั้น…หายไปหมดแล้ว?

หายไปจริงๆหรือ?

“ซื่ว!”

น่ากลัวเกินไปแล้ว!

เดิมทีพวกเขาคิดว่าเพียงได้เห็นการต่อสู้ระหว่างสองผู้ทรงพลังแห่งขอบเขตปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์ ก็ถือว่าโชคดีมหาศาลแล้ว

แต่ไม่คาดคิดว่าจะได้เห็นมหาศึกที่ไร้ผู้เทียมทานนี้ด้วยตาตนเอง

คนของสำนักชิงหยุน ช่างน่าสะพรึงกลัวเกินไป!

ต่อให้ตายก็ห้ามล่วงเกินพวกเขาเด็ดขาด!

ยอดฝีมือผู้แข็งแกร่งเช่นนี้ปรากฏตัว สำนักเช่นนี้เผยโฉมออกมา หรือว่ายุคที่ยิ่งใหญ่ของภาคตะวันออกกำลังจะมาถึง?

หลังจากที่เผ่าปีศาจ ได้สังหารผู้คนของภาคตะวันออกจนล่มสลายเมื่อยุคกลาง

ทั้งดินแดนก็ร่วงโรย ไม่อาจฟื้นตัวขึ้นมาได้

โลกแห่งการบ่มเพาะที่นี่อ่อนแอน่าสมเพช ยกเว้นเพียงแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนเซิ่งเท่านั้นที่ยังพอมีอำนาจ

นอกนั้นล้วนไม่คู่ควรจะแข่งขันกับสี่ภูมิภาคอื่นหรือว่าวันนี้ สำนักชิงหยุน จะนำพาภาคตะวันออกกลับมาผงาดอีกครั้ง?

เบื้องบนเก้าแผ่นฟ้า

ผู้นำกลุ่มผู้อาวุโสแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์กำลังตกเป็นฝ่ายเสีย

เปรียบเล็กน้อย

แต่เขากลับไม่แสดงอาการร้อนรนแม้แต่น้อย

ในดินแดนของเขาเอง คนของตระกูลชูจะทำอะไรเขาได้

เล่า?

เมื่อคำนวณเวลา ตอนนี้เหล่าผู้อาวุโสที่มาด้วยคงกำลังสังหารเด็กตัวน้อยพวกนั้นจนสิ้นซากแล้ว

"เจี๊ยก เจี๊ยก เจี๊ยก!"

เย่ชุยเสวี่ยมองอีกฝ่าย ที่จู่ๆก็หัวเราะออกมาท่ามกลางการต่อสู้

นี่มันเรื่องอะไรกัน?

เจ้าเป็นฝ่ายเสียเปรียบ แล้วยังกล้าหัวเราะออกมาได้อีกหรือ?

ความได้เปรียบอยู่ที่ข้าชัดๆ!

“ฮ่าๆๆ เจ้าแก่ เจ้าก็คงไม่อยากให้คุณหนูของตระกูลเจ้าประสบปัญหาใดๆ ใช่หรือไม่?

ถ้าเช่นนั้น เราเลิกกันตรงนี้เถอะ ข้าคาดว่าพวกของสำนักชิงหยุน น่าจะถูกบดขยี้จนหมดสิ้นแล้ว

แต่อย่ากังวลไป คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลซูของพวกเจ้า เราไม่แตะต้องแน่นอน

แต่หากไม่อยากให้คุณหนูของเจ้าต้องมีเรื่อง ก็ให้ผู้นำตระกูลของเจ้ามาเจรจากับเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ของเราเถิด”

พูดจบ เขาคิดในใจว่านี่ไม่เพียงทำตามคำสั่งของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ได้สำเร็จ แต่ยังหาโอกาสสร้างผลประโยชน์ให้ตัวเองอีกด้วย

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์จะต้องมอบรางวัลให้เขาแน่นอน

เย่ชุยเสวี่ยเมื่อได้ยินคำกล่าว ก็เก็บดาบกลับทันที

แม้ว่าคุณหนูจะมีไพ่ตายอยู่ในมือ แต่เขาก็เกรงว่าแดนศักดิ์สิทธิ์อาจมีแผนการซ่อนเร้นบางอย่าง

ถึงเขาจะเป็นฝ่ายได้เปรียบในตอนนี้ แต่หากอีกฝ่ายต้องการหลบหนีเขาก็คงขัดขวางไว้ไม่ได้

ทางที่ดีที่สุดคือรีบนำตัวคุณหนูและเพื่อนร่วมทางคนอื่นๆออกไปก่อน แล้วค่อยหาวิธีรับมือในภายหลัง

เมื่อมาถึงระดับนี้ หากไม่มีพลังที่เหนือชั้นกว่าอย่างท่วมทัน การจะสังหารอีกฝ่ายนั้นเป็นเรื่องยากยิ่ง

คิดได้เช่นนี้ เขาจึงไม่คิดต่อสู้ยึดเยื้ออีก

"ฮี! เรื่องในวันนี้ ข้าจะจำไว้ให้ขึ้นใจ หากคุณหนูของตระกูลข้าเกิดอันตรายใดๆ พวกเจ้าทั้งหมดในแดนศักดิ์สิทธิ์จะต้องจ่ายด้วยชีวิต!"

เหอะ เรื่องนี้ไม่ใช่โอกาสให้เจ้ามาข่มขู่ข้าได้หรอก

คุณหนูแห่งตระกูลชูถูกจับตัวไปตั้งแต่แรกแล้ว

แต่ความปั่นป่วนเมื่อครู่ช่างรุนแรงเสียจนแม้แต่อยู่ไกลถึงเก้าแผ่นฟ้าก็ยังรับรู้ได้

ยอดฝีมือแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์คิดเงียบๆในใจ

เย่ชุยเสวี่ยทะยานร่างลงสู่พื้น

เมื่อมาถึง เขาเห็นแต่ความพินาศย่อยยับไปทั่วบริเวณ

นอกจากนั้น ทุกสิ่งล้วนว่างเปล่า

แต่กลิ่นคาวเลือดที่อบอวลในอากาศนี่มันอะไรกัน?

คุณหนูเล่า? หรือว่าจะเกิดเรื่องขึ้นแล้ว?

ในใจของเขาเกิดความสะท้านขึ้นมาอย่างรุนแรง

หากคุณหนูเกิดเรื่องอะไรขึ้น ผู้นำตระกูลคงถล่มทั้งภาคตะวันออกจนพลิกฟ้าเป็นแน่

ในขณะนั้นเอง ตราสื่อสารก็ดังขึ้น

ซูเหยาเหยากล่าวว่าพวกนางปลอดภัยดี ตอนนี้อยู่ไกลจากที่นั่นแล้ว พร้อมทั้งบอกตำแหน่งปัจจุบันให้เขาทราบ

สือฮ่าวและพรรคพวกก็ไม่ใช่คนโง่ ที่นี่เป็นถิ่นของแดนศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าจะไม่มีคนอื่นกลับมา

ดังนั้น สามสิบหกกลยุทธ์ หนีคือกลยุทธ์ที่ดีที่สุด

ส่วนเรื่องที่จะสะสางในภายหลัง ค่อยว่ากันอีกที

เย่ชุยเสวี่ยเมื่อได้ยินข่าวก็รีบติดตามไปทันที

ในขณะเดียวกัน ผู้นำกลุ่มผู้อาวุโสแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ค่อยๆ ร่อนลงมาบนพื้น

“???”

คนหายไปไหนหมด?

เขารีบดึงผู้บ่มเพาะจากภายนอกคนหนึ่งมาถาม

“ข้าถามเจ้า เมื่อครู่คนที่อยู่ด้านล่างไปไหนหมด?”

ในใจของเขารู้สึกไม่สู้ดีนัก ความกังวลเริ่มคืบคลานเข้ามา

ผู้บ่มเพาะผู้นั้นตัวสั่นเทา พลางเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ให้ฟัง

ยอดฝีมือของแดนศักดิ์สิทธิ์ถูกสังหาร

คนของสำนักชิงหยุน ได้หนีไปแล้ว

“อะไรนะ!”

ยอดฝีมือของแดนศักดิ์สิทธิ์ร้องตวาดด้วยความโกรธเกรี้ยว

เพียงออกแรงเล็กน้อย ร่างของผู้บ่มเพาะที่เขาจับอยู่ก็ถูกบีบจนกลายเป็นหมอกเลือด

ในเวลาเดียวกัน

ในห้องโถงใหญ่ของแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนเซิ่ง

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์หยางจื้อไจ้ ใบหน้ามืดครึ้มอย่างน่ากลัว

โทสะอันลุกโชนปกคลุมไปทั่ว มากกว่าก่อนหน้านี้หลายเท่านัก

แรงกดดันอันมหาศาลจากอำนาจศักดิ์สิทธิ์ทำลายข้าวของทุกชิ้นในห้องโถงใหญ่จนกลายเป็นผุยผง

สำนัก…ชิง…หยุน!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด