ตอนที่แล้วตอนที่ 79 มหาอำนาจของภาคใต้เคลื่อนไหว พายุใหญ่ใกล้ก่อตัว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 81 สังหารยอดฝีมือของแดนศักดิ์สิทธิ์ พายุก่อตัวขึ้นในภาคตะวันออก

ตอนที่ 80 ศึกแห่งปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์


ตอนที่ 80 ศึกแห่งปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์

สำหรับเรื่องที่สำนักชิงหยุนสามารถครอบงำสามแดนศักดิ์สิทธิ์ และส่งผู้แข็งแกร่งไปกำจัดอสูรศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่

พวกเขาไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้มากนักเลย

เพียงแค่รู้สึกแปลกใจเล็กน้อยว่าสำนักอันทรงพลังเช่นนี้เกิดขึ้นในหลิงโจว โดยไม่มีการบอกกล่าวหรือข่าวลือใดๆ

แต่ก็เท่านั้นเอง

สำหรับพวกเขา แดนศักดิ์สิทธิ์อีกสามแห่งนั้น แม้แต่จะถือรองเท้าให้แดนศักดิ์สิทธิ์เทียนเซิ่ง ยังไม่คู่ควรด้วยซ้ำ

การที่ชื่อเสียงของแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนเซิ่งถูกจัดอยู่ในระดับเดียวกับพวกนั้น ถือเป็นการดูหมิ่นอย่างยิ่ง!

มีเพียงแดนศักดิ์สิทธิ์หยู้ตานในแคว้นซวนโจวเท่านั้น ที่พวกเขาให้ความสำคัญอยู่บ้าง

เพราะไม่ว่าจะแข็งแกร่งเพียงใด ก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงการพึ่งพา โอสถได้

แดนศักดิ์สิทธิ์หยู้ตานมีรากฐานที่ลึกซึ้ง และที่สำคัญ เบื้องหลังพวกเขาอาจได้รับการสนับสนุนจากสำนักโอสถ ซึ่งเป็นมหาอำนาจจากภาคกลาง

เพียงแต่ว่าเขายังไม่รู้ว่าหากได้รับรู้ว่าแดนศักดิ์สิทธิ์หยู้ตาน ก็ได้ยอมสวามิภักดิ์ต่อสำนักชิงหยุนแล้ว พวกเขาจะรู้สึกเช่นไร

“ช่างน่าขัน! สหายของคุณหนูตระกูลข้า ย่อมถือเป็นสหายของ ตระกูลซูด้วย

แล้วถ้าข้าต้องการพาพวกเขาทั้งหมดไปเล่า?”

เย่ชุยเสวี่ย หัวเราะเย็นชา ก่อนจะปลดปล่อยพลังบ่มเพาะขอบเขตปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นกลาง ออกมาอย่างเต็มที่

ดาบใหญ่ในมือเขาเปล่งแสงคมกล้า ราวกับมันกระหายการต่อสู้มานาน

ชายชราผู้มีผมขาวพลิ้วไหวไปตามลม บวกกับแรงกดดันอันน่าเกรงขามของเขา ทำให้เขาดูราวกับ ปราชญ์แห่งดาบที่กลับชาติมาเกิด

ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาได้แอบคุ้มครองซูเหยาเหยาในเงามืด

และได้เห็นว่าศิษย์อีกสามคนของนางช่วยเหลือกันและกันเสมอ

พวกเขาสี่คนเดินทางฝ่าฟันอุปสรรคด้วยกัน ได้ผลลัพธ์อันยิ่งใหญ่มากมาย

สิ่งเหล่านี้ เขาเห็นทุกอย่างด้วยตาตัวเอง

ที่ทำให้เขาประหลาดใจยิ่งกว่า คือพรสวรรค์ของศิษย์ทั้งสาม

เพียงแค่เวลาเดือนกว่าๆ ระดับพลังและความแข็งแกร่งของพวกเขาก็พุ่งทะยานราวกับนั่งเรือเหาะสู่สวรรค์

เป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมายจนไม่อาจเชื่อได้!

สำนักเช่นไรถึงสามารถบ่มเพาะอัจฉริยะผู้เลิศล้ำได้ถึงเพียงนี้?และสำนักนั้นต้องทรงพลังเพียงใดกัน?

แต่ช่างเถิดตระกูลซูของข้ามิได้เกรงกลัว แดนศักดิ์สิทธิ์ใดๆเลยแม้แต่น้อย

“อืม? เช่นนั้นหมายความว่า วันนี้คงไม่อาจจบลงอย่างสงบสินะ?”

ผู้นำกลุ่มผู้อาวุโสของแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนเซิ่ง เอ่ยพลางทำสีหน้าเยือกเย็น

“ช่างไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง! ไม่รู้เลยหรือว่านี่คือเขตแดนของผู้ใด?

มีเหล่าผู้บ่มเพาะจากโลกภายนอกมากมายกำลังเฝ้ามองอยู่ พวกเจ้าไม่คิดให้เกียรติข้าบ้างหรือ?

“หึ! แม้ตระกูลซูแห่งภาคใต้ เจ้าจะยิ่งใหญ่เพียงใด ข้าก็มิได้กล่าวว่าข้าจะทำอะไรพวกเจ้าได้

แต่เรื่องของสำนักชิงหยุนนั้น เป็นเรื่องของภาคตะวันออกโดยตรง พวกเจ้ามีสิทธิ์อะไรมาแทรกแซงเรื่องของเรา?

ถึงตอนนั้น หากแดนศักดิ์สิทธิ์ของข้าต้องการลบสำนักชิงหยุนออกจากโลก ก็แค่คำพูดคำเดียวเท่านั้น

ในภาคตะวันออกแห่งนี้ ใครเล่าจะกล้าขัดคำสั่งของข้า!”

เมื่อได้ยินถ้อยคำเช่นนี้ สือฮ่าว และพรรคพวกทั้งสามก็ก้าวเดินออกมาข้างหน้าอย่างไม่ลังเล

การดูหมิ่นพวกเขาอาจยอมรับได้ แต่การดูหมิ่นสำนักชิงหยุน นั้นไม่มีทางยอม!

“เฮ้! เจ้าแก่นั่น หยุดโวยวายใส่พวกเราเสียที

หากคิดว่าตัวเองมีฝีมือจริง ก็ลองไปเยือนสำนักชิงหยุนดูเสียหน่อยสิ

พวกกบในกะลา ยังคิดว่าภาคตะวันออกทั้งหมดอยู่ใต้คำสั่งของแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนเซิ่งพวกเจ้าอีกหรือ?”

แม้พวกเขาเองจะไม่ทราบว่าภายในสำนักชิงหยุน มีผู้แข็งแกร่งมากเพียงใด

แต่ท่านอาจารย์ เคยบอกไว้ว่าผู้แข็งแกร่งของสำนักส่วนใหญ่กำลังเดินทางฝึกฝนหรือหลับใหลอยู่

ตราบใดที่ท่านอาจารย์ออกคำสั่ง เพียงเสียงเดียวก็สามารถรวบรวมผู้แข็งแกร่งนับไม่ถ้วนให้มารวมตัวกัน

เหยียบย่ำทั่วดินแดนภาคตะวันออกทุกแคว้น พร้อมข่มขวัญ สามแดนศักดิ์สิทธิ์

ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่นเพียงแค่บรรพชนของสำนักเพียงคนเดียว

ก็น่าจะเพียงพอที่จะทำให้แดนศักดิ์สิทธิ์เทียนเซิ่ง ต้องทนทุกข์ทรมาน

ด้วยพลังเพียงเล็กน้อยของเขา ก็สามารถบดขยี้ตัวแทนของสำนักเทียนจี ได้โดยไม่ต้องออกแรงเลยแม้แต่น้อย

ด้วยการมีสำนักอันยิ่งใหญ่เช่นนี้อยู่เบื้องหลัง พวกเขาไม่เกรงกลัวผู้ใดหรืออำนาจใดในภาคตะวันออก

"ฮ่าฮ่าฮ่า! สำนักชิงหยุนของพวกเจ้ามันนับเป็นอะไรได้?

แค่สามตัวมดปลวก กล้าดีมาพูดจาโอหังกับข้า!

ตอนนี้ข้าจะสังหารพวกเจ้าทั้งหมด แล้วให้เจ้าสำนักของ

พวกเจ้า มากราบกรานหน้าประตูแดนศักดิ์สิทธิ์ของข้าเอง เพื่อชดใช้ให้กับการตายของบุตรศักดิ์สิทธิ์!"

หลังจากพูดจบ ผู้อาวุโสของแดนศักดิ์สิทธิ์ ก็ปลดปล่อย

พลังบ่มเพาะขอบเขตปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์ ออกมา

ระดับพลังของเขาเทียบเคียงได้กับเย่ชุยเสวี่ย เช่นกัน ทั้งสองต่างเป็นผู้แข็งแกร่งขอบเขตปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นกลาง

การที่เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนเซิ่งส่งเขามาในครั้งนี้ ก็เพื่อบดขยี้ ผู้ที่ลอบสังหารบุตรศักดิ์สิทธิ์อย่างเด็ดขาด

"กล้าดูหมิ่นท่านอาจารย์ของข้า! ไอ้แก่นั่น ต่อให้ใครก็ช่วยเจ้า

ไม่ได้แล้ว!"

สือฮ่าว กล่าวด้วยความโกรธจัด ฟันบดแน่นด้วยความเคียดแค้น

ห้าข้อนิ้วบีบแน่นจนเกิดเสียงกรอบแกรบ เส้นเลือดปูดโปนขึ้นบนหน้าผาก

ท่านอาจารย์ คือผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตเขาไว้ อีกทั้งยังถ่ายทอด

วิชาอันล้ำเลิศให้

เขาไม่มีวันยอมให้ผู้ใดมาดูหมิ่นท่านอาจารย์ของเขาได้!

สือฮ่าว และศิษย์น้องทั้งสองสบตากัน พวกเขาต่างหยิบไพ่ตาย ที่ผู้อาวุโสมู่ซุยเชียนมอบให้ขึ้นมา

วันนี้มีเพียงทางเลือกเดียวเท่านั้น "ฆ่าหรือถูกฆ่า"

"ฮ่าฮ่าฮ่า! เช่นนั้นก็ไม่ต้องพูดจาให้เสียเวลา ข้ากำลังอยากลองฝีมืออยู่พอดี มาเป็นหินลับดาบให้ข้าสักหน่อยแล้วกัน!"

"คุณหนู ระวังตัวด้วย!"

เย่ชุยเสวี่ยตะโกนบอก ขณะที่เขารู้ว่าคุณหนูของเขามี ไพ่ตายที่ผู้นำตระกูลมอบให้

ดังนั้น สิ่งที่เขาต้องทำมีเพียงอย่างเดียวคือ ฆ่า ฆ่า และ ฆ่า!

เย่ชุยเสวี่ยทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าปะทะกับ ผู้นำกลุ่มผู้อาวุโสของแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนเซิ่ง

การปะทะของพวกเขารุนแรงเกินไป พลังสะเทือนนั้นสามารถทำลายล้างทุกสิ่งในบริเวณนี้

ไม่มีผู้ใดในที่นี้สามารถต้านทานผลกระทบจากการต่อสู้อันน่าสะพรึงกลัวนี้ได้

การปะทะกันของพลังนั้นรุนแรงจนสะเทือนเลื่อนลั่นไปทั่วเก้าชั้นฟ้า

พลังแห่งปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์ พุ่งชนกันอย่างต่อเนื่อง ราวกับมหันตภัยครั้งใหญ่กำลังจะมาถึง

เพียงชั่วพริบตาเดียว ฟ้าดินก็ปั่นป่วน ลมแรงพัดโหมกระหน่ำ ก้อนเมฆหมุนวนคล้ายพายุโหม

การต่อสู้ของผู้แข็งแกร่งขอบเขตปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์ในภาคตะวันออกนับว่าไม่เกิดขึ้นบ่อยนัก

ครั้งสุดท้ายที่มีการปะทะกันในระดับนี้ ต้องย้อนกลับไปเมื่อหลายพันปีก่อน

ในสงครามที่ทำลายล้างแดนศักดิ์สิทธิ์อู่หลาน

สงครามครั้งนั้นฟ้าดินร่ำไห้ ถูกขนานนามว่า “วันแห่งการล่มสลายของปราชญ์”

และในวันนี้ การต่อสู้อันดุเดือดของเหล่าปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์ก็กลับมาอีกครั้ง

เมฆดำหนาทึบ ปกคลุมทั่วทั้งท้องฟ้า ก้อนเมฆแห่งเก้าชั้นฟ้าถูกแรงปะทะทำลายกระจัดกระจาย

เสียงของอวกาศที่แตกกระจาย ดังสะท้อนออกมาอย่างต่อเนื่อง

พลังอันยิ่งใหญ่และน่าสะพรึงกลัว แผ่ขยายออกไปไกลนับหมื่นลี้

“นี่มันอะไรกัน! วันนี้ข้าได้เห็นการต่อสู้ของผู้แข็งแกร่งขอบเขตปราชญ์ ข้าคงคุยโวเรื่องนี้ไปได้ทั้งชีวิต!”

“ตระกูลซูถึงกับส่งผู้แข็งแกร่งมาเพื่อปกป้องคนของสำนักชิงหยุน ถึงขั้นเปิดศึกกับแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนเซิ่ง หรือว่าทั้งสองฝ่ายมีความเกี่ยวข้องกัน?”

“ข้าเกรงว่าคงใช่ เจ้าดูไม่ออกหรือว่าทายาทสายตรงของตระกูลซู อยู่กับคนของสำนักชิงหยุนตลอดเวลา หรือว่า… นางอาจจะเป็นคู่วิถีของหนึ่งในนั้น?”

“สหาย เจ้ามองโลกเล็กเกินไป!

อาจเป็นไปได้ว่านางอาจจะเป็น คู่หมั้นของเจ้าสำนักชิงหยุน เองต่างหาก!”

เหล่าผู้บ่มเพาะที่เฝ้ามองอยู่ภายนอกต่างพากันคาดเดาเหตุการณ์ไปต่างๆนาๆ

ไม่ว่าจะเป็นความเกี่ยวข้องหรือเบื้องลึกเบื้องหลังอย่างไรแต่สิ่งที่ชัดเจนคือ พวกเขาไม่มีวันกล้าเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับอำนาจเหล่านี้เด็ดขาด

"ฆ่าพวกมันซะ!"

เหล่าผู้แข็งแกร่งแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนเชิ่ง เมื่อเห็นว่า บัดนี้เหลือเพียงเด็กหนุ่มไม่กี่คน

ต่างพุ่งเข้าโจมตีด้วยพลังมหาศาล อันทรงอานุภาพจนไม่มีใครสามารถต้านทานได้

เมื่อเห็นเช่นนั้น สือฮ่าว และพรรคพวกต่างหยิบไพ่ตายที่มีออกมา

สองกระบี่ขนาดเล็กงดงาม และ ม้วนคัมภีร์หนึ่งผืน

เสียง "ชิ้ว!" ดังขึ้นในทันที

สองกระบี่เล็กกลายเป็นกระบี่ยักษ์สองเล่ม พุ่งขึ้นฟ้าด้วย

ความรวดเร็ว

ในขณะเดียวกัน ร่างจำแลงของมู่ซุยเซียนก็ปรากฏตัวออกมาจากมัวนคัมภีร์

นางยืนอยู่บนกระบี่ยักษ์ทั้งสอง พร้อมเผชิญหน้าศัตรู

"ผู้ใดกล้าลงมือกับคนของสำนักชิงหยุน ผู้นั้น... จงตกสู่

วัฏจักรแห่งความตายชั่วนิรันดร์!"

ผู้ที่ไม่แสดงความเคารพต่อมหาจักรพรรดินี จะถือว่าดวงชะตาได้สิ้นสุดลงแล้ว

ผู้อาวุโสมู่ซุยเซียนเคยบอกไว้ว่ากระบี่เล็กทั้งสองเล่มนี้ แท้จริงแล้วเป็นการหลอมรวมพลังจาก เขตแดนกระบี่ของนาง

พลังนั้นไม่อาจต้านทานได้ สามารถผ่าฟ้าทำลายดิน

ส่วนร่างจำแลงของนาง ยิ่งไม่ต้องพูดถึง

สือฮ่าว และพรรคพวกเคยเห็นพลังของมันมาก่อนแล้วในแดนลับ เพียงหนึ่งกระบี่ก็สามารถทำลายคู่ต่อสู้ให้แหลกสลาย

นี่คือสิ่งที่ทำให้พวกเขามั่นใจ

ด้วยไพ่ตายทั้งสามนี้ พวกเขาจะสามารถรอดพ้นจากวิกฤตในวันนี้ได้อย่างปลอดภัย

“มหาจักรพรรดินีซุยเซียน!”

เมื่อจักรพรรดิทมิฬได้เห็นร่างจำแลงของมิตรสหายเก่าอีกครั้ง ก็ถึงกับตื่นเต้นจนยากจะควบคุม

พลังมหาจักรพรรดิของเขาปะทุออกมาในชั่วพริบตาโดยไม่ทันระวัง

แรงกดดันมหาศาลทำให้ สือฮ่าว และพรรคพวกถึงกับถูกซัดกระเด็นออกไป

จักรพรรดิทมิฬไม่รอช้า ทะยานขึ้นฟ้าตามร่างจำแลงของมู่ซุยเซียนไป

“มิตรสหายในวันวาน หนึ่งแสนปีไม่พานพบ เจ้าอยู่ดีหรือไม่?

วันนี้ จักรพรรดิผู้นี้จะร่วมรบเคียงข้างเจ้าสักครั้งอีก!”

สือฮ่าว และพรรคพวกลุกขึ้นจากที่ไกลออกไปในสภาพที่ดูไม่จืด

“แค่กๆ!”

หลินไป๋ กล่าวขึ้นเป็นคนแรก

“นี่มันเรื่องอะไรกัน! ไอ้จักรพรรดิทมิฬนี่มันคิดอะไรอยู่?

พอโมโหขึ้นมา ถึงกับไม่เว้นแม้แต่พวกเดียวกันเอง!”

“ช่างเป็นคนที่เด็ดขาดจริงๆ!”

เขาพึมพำพลางสงสัยกับพฤติกรรมของจักรพรรดิทมิฬ

ทำไมพลังของเขาถึงดูเหมือนจะ อ่อนแอเมื่อเจอคนอ่อนแอ แต่แข็งแกร่งเมื่อเจอคนแข็งแกร่ง ได้เช่นนี้?

“พี่สือฮ่าว ไม่ต้องกังวลไปหรอกค่ะ”

ซูเหยาเหยา เอ่ยขึ้นขณะลุกขึ้นยืนเช่นกัน

“ไพ่ตายของข้ายังไม่ได้ใช้เลย อีกทั้งผู้อาวุโสเย่ ก็อยู่กับพวกเรา วันนี้เราต้องปลอดภัยกลับไปได้แน่นอนค่ะ”

นางกล่าวด้วยความมั่นใจ เพราะนางรู้ดีถึงความแข็งแกร่งของเย่ชุยเสวี่ย

ในตระกูลซูของนางเอง เย่ชุยเสวี่ยก็ถือว่าเป็นหนึ่งในผู้แข็งแกร่งที่สุด

วิชาดาบอันสมบูรณ์แบบของเขา รวมถึงดาบสังหารมังกร ที่เคยสังหารมังกรปีศาจในระดับเดียวกันมาก่อน

หากไม่มีความสามารถเช่นนี้ บิดาของนางก็คงไม่มอบหมายให้เขามาปกป้องนางอย่างแน่นอน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด