ตอนที่แล้วตอนที่ 76 บุตรศักดิ์สิทธิ์กู่ฉางเกอ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 78 เจ้ากล้าลงมือกับคนของสำนักชิงหยุนหรือ?

ตอนที่ 77 ไว้หน้าจักรพรรดิผู้นี้


ตอนที่ 77 ไว้หน้าจักรพรรดิผู้นี้

ทุกสายตาพุ่งจับจ้องไปที่สระโลหิต

แม้สมุนไพรศักดิ์สิทธิ์นี้จะไม่อาจตกเป็นของพวกเขาได้ แต่การได้เห็นด้วยตาตนเองก็ถือเป็นวาสนา

นี่คือดอกไม้ที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวในหมื่นปี

และในชั่วชีวิตนี้ พวกเขาจะได้เห็นมันเพียงครั้งเดียว

เพราะเงื่อนไขในการเข้าสู่แดนลับเซิ่งเสวียน คือผู้ที่มีอายุไม่เกิน 25 ปี และพลังบ่มเพาะต้องอยู่ในขอบเขตแก่นทองคำขั้นปลายขึ้นไปเท่านั้นจึงจะมีสิทธิ์เข้าสู่ที่นี่

ในสระโลหิต น้ำที่เคยเดือดพล่านบัดนี้พลันเริ่มเหือดแห้งไป

หมอกบางๆถูกพ่นออกมาอย่างต่อเนื่อง

พลังวิญญาณโลหิตสีแดงจำนวนมหาศาลเริ่มรวมตัวและพุ่งขึ้นสู่ผิวน้ำ

จนกระทั่งน้ำในสระทั้งหมดถูกดูดออกไปจนแห้งสนิท

เมื่อหมอกจางลง เผยให้เห็นดอกไม้ประหลาดที่งอกขึ้นมาจากก้นสระ

กลิ่นหอมอันแปลกประหลาด แผ่ซ่านออกมา

ดอกไม้นั้นมีสีแดงเข้ม แฝงไปด้วยความลึกลับและน่าเกรงขาม

“เร็วเข้า! ปิดกั้นพลังจิตสำนึกของพวกเจ้า!”

เหล่าผู้คนต่างตื่นตัว รีบระงับพลังจิตสำนึกของตนเองเพื่อป้องกันผลกระทบจากกลิ่นหอมและพลังของดอกไม้ศักดิ์สิทธิ์นี้

ผู้คนต่างเคยได้ยินคำเตือนว่าสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้ มักสร้างภาพมายา

มันจะทำให้ผู้คนเข้าสู่ความวิปลาส จนสุดท้ายต้องฆ่าฟันกันเอง

สมุนไพรศักดิ์สิทธิ์นี้จึงมักตกเป็นของผู้ที่เหลือรอดเพียงคนเดียว

ประสบการณ์เหล่านี้ล้วนถูกแลกมาด้วยบทเรียนที่ชุ่มโชกไปด้วยเลือดจากรุ่นก่อน

“นำสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์มานี่!”

เมื่อเห็นดอกบัวโลหิตปรากฏขึ้น กู่ฉางเกอก็ออกคำสั่งเสียงดัง

เหล่าผู้ติดตามของเขากระโจนออกไปทันที พลังบ่มเพาะขอบเขตวิญญาณแรกกำเนิด ของพวกเขาปะทุออกมา

ฝูงชนที่อยู่รอบๆ ต่างหวาดกลัวและรีบหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว

“ของของบุตรศักดิ์สิทธิ์ พวกเราคงได้แต่ยืนดูเท่านั้นสินะ”

“เฮ้อ… ทำได้แค่มองแต่ใช้งานไม่ได้จริงๆ”

แต่ทันใดนั้น เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น

“สมุนไพรศักดิ์สิทธิ์นี้ ไม่ใช่ของที่ถูกกำหนดให้เป็นของพวกเจ้า!”

สือฮ่าว และกลุ่มของเขากระโจนออกมาอย่างรวดเร็ว ลงสู่ก้นสระโลหิตอย่างมั่นคง

“ศิษย์น้องหญิง รีบถอนมันออกมา!”

สือฮ่าวกล่าวพร้อมกับพุ่งตัวขึ้นไปในอากาศเพื่อปกป้อง

“เจ้าหนุ่มมาจากไหน กล้าดียังไงมาขัดขวางบุตรศักดิ์สิทธิ์?”

เหล่าผู้ติดตามของกู่ฉางเกอเห็นดังนั้น จึงพุ่งเข้าโจมตีโดยไม่ลังเล

เดิมที กู่ฉางเกอคิดว่าด้วยอำนาจบารมีของบุตรศักดิ์สิทธิ์ การเก็บสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์จะเป็นเพียงเรื่องง่ายดาย

แต่เขากลับไม่คาดคิดว่าจะมีคนกล้าหาญโง่เขลาเข้ามาขัดขวาง

“น่าสนใจจริงๆ”

เขายังคงยิ้ม แต่ในแววตากลับเย็นยะเยือกดั่งน้ำแข็ง

“พวกเจ้านี่กล้าดีถึงเพียงนี้ กล้ามาแย่งของของข้า!”

“นี่มันคือการท้าทายอำนาจของข้าชัดๆ

ถ้าเช่นนี้ ข้าจะรักษาบารมีในดินแดนภาคตะวันออกได้อย่างไร!”

เสียงกระซิบกระซาบดังขึ้นในหมู่ผู้ชม

“พวกนั้นเป็นใครกัน? กล้าแข่งแย่งกับบุตรศักดิ์สิทธิ์!”

“ไม่รู้เหมือนกัน… แต่ดูท่าพวกเขาน่าจะซวยแล้ว”

ต้องรู้ว่า กู่ฉางเกอเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์น่าเกรงขาม

ในวัยเพียง 23 ปี เขาได้บรรลุถึงขอบเขตแปรวิญญาณขั้นปลาย ซึ่งเปรียบได้กับเจ้าสำนักของบางสำนักระดับหนึ่ง

พรสวรรค์เช่นนี้ทำให้เขาได้รับการยกย่องว่าเป็นบุคคลที่มีอนาคตไร้ขีดจำกัด

“ครั้งนี้พวกคนกล้าบ้าบิ่นเหล่านี้ คงหนีไม่พ้นเคราะห์ร้ายแน่”

“คนพวกนี้คงมาจากดินแดนอื่น หากกล้าล่วงเกินบุตรศักดิ์สิทธิ์ เกรงว่าขุมอำนาจเบื้องหลังพวกเขาคงไม่รอด”

เสียงซุบซิบดังขึ้นรอบๆ พร้อมสายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดหวั่น

ในขณะที่ สือฮ่าวยืนหยัดอยู่กลางสมรภูมิ พลางหัวเราะเยาะ

“แค่พลังระดับนี้ ยังคิดจะครอบครองสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์?”

เขาพูดจบก็กำหมัดแน่น พลังวิญญาณอันทรงพลังแผ่กระจายออกมาพร้อมหมัดที่พุ่งเข้าใส่เหล่าผู้ติดตามของกู่ฉางเกอ

หมัดที่รุนแรงดั่งพายุ ส่งพวกเขาลอยกระเด็นออกไปทีละคน

ร่างของพวกเขาร่วงหล่นกระแทกพื้นอย่างรุนแรงจนเกิดเสียงดังสนั่น

“ซึ่ด!”

ฝูงชนที่มองดูอยู่ถึงกับอุทานด้วยความตกตะลึง

สายตาทุกคู่จับจ้องไปที่สือฮ่าว ซึ่งลอยเด่นอยู่กลางอากาศ

“คนที่กล้าออกหน้าท้าทายบุตรศักดิ์สิทธิ์ได้แบบนี้ สมควรไม่ธรรมดา”

ต้องรู้ว่า ผู้ติดตามของกู่ฉางเกอ แต่ละคนล้วนมีพลังบ่มเพาะขอบเขตวิญญาณแรกกำเนิดขึ้นไป

แต่พวกเขากลับไม่สามารถต้านทานหมัดของชายหนุ่มคนนี้ได้แม้แต่กระบวนท่าเดียว!

“หมัดเดียวก็รับไม่ได้?”

นี่ทำเอาคนอื่นๆ พากันคิดว่า ถ้าเป็นข้าลงมือเองก็คงทำได้เหมือนกัน”

“ขอบเขตแปรวิญญาณ?”

“ดินแดนภาคตะวันออกยังมีผู้ที่อายุน้อยถึงเพียงนี้ แต่บรรลุถึงขอบเขตแปรวิญญาณได้อีกหรือ?”

กู่ฉางเกอ ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย

เขาพยายามคิดถึงรายชื่ออัจฉริยะในทำเนียบอัจฉริยะของดินแดนภาคตะวันออก แต่กลับไม่พบชื่อหรือข้อมูลของชายหนุ่มคนนี้เลย

“เจ้าเป็นใคร? มาจากขุมอำนาจใด?”

กู่ฉางเกอถามด้วยน้ำเสียงแฝงอำนาจ

เพราะอัจฉริยะที่อายุน้อยและแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ ย่อมไม่ใช่ผู้คนธรรมดา

“หรือว่าเจ้าอาจมาจากดินแดนอื่น และขุมอำนาจเบื้องหลังเจ้าก็อาจไม่อ่อนแอไปกว่าแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนเซิ่งของพวกเรา”

สายตาของเขามองไปยังสือฮ่าว พลางประเมินศัตรูอย่างละเอียดถี่ถ้วน

“เจ้าก็มีค่าพอที่จะรู้จักสำนักของข้าด้วยหรือ?”

สือฮ่าวกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา

ในขณะนั้นเอง หลินไป๋ และจักรพรรดิทมิฬ ก็เดินเข้ามาจากทางเข้าถ้ำ

“โอ้โห! ช่างคึกคักเสียจริง!”

หลินไป๋พูดพลางมองไปยังสถานการณ์ตรงหน้า

“เฮ้ ศิษย์พี่ เป็นอย่างไรบ้าง? ได้สมุนไพรศักดิ์สิทธิ์มาหรือยัง?”

สายตาของจักรพรรดิทมิฬจับจ้องไปที่สมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ในมือของฮวาชิงหยู

“สมุนไพรศักดิ์สิทธิ์!”

เมื่อเห็นสมุนไพรที่ยังคงส่งไอร้อนออกมา มันก็รีบวิ่งตรงเข้าไปทันที

“ถ้าเป็นเมื่อก่อนนะ ข้าคงไม่แม้แต่จะชายตามองสมุนไพรพรรค์นี้ มันก็แค่ของธรรมดาที่พวกข้ากินเป็นมื้อเที่ยงอยู่แล้ว”

“อย่าว่าแต่แย่งเลย แค่หมาก็ไม่ชายตาดูด้วยซ้ำ”

แต่ในตอนนี้ สถานการณ์ต่างออกไป

“สมุนไพรนี้ ยังพอช่วยฟื้นฟูสภาพข้าได้บ้าง”

เมื่อเห็น หนึ่งคนหนึ่งสุนัข เดินออกมาอย่างไม่เกรงกลัว ผู้คนรอบๆ รวมถึงกู่ฉางเกอและผู้ติดตามต่างตกใจ

“ยังมีผู้ช่วยอีกหรือ?”

สายตาของพวกเขาจับจ้องไปที่หลินไป๋และจักรพรรดิทมิฬ ซึ่งดูไม่ธรรมดาแม้แต่น้อย

กู่ฉางเกอ ขมวดคิ้วอีกครั้ง แต่เมื่อมองดูหลินไป๋ชัดๆ เขาก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก

"แค่ขอบเขตวิญญาณแรกกำเนิดขั้นกลาง? คงสู้ลูกน้องข้าไม่ได้ด้วยซ้ำ"

เขาคิดในใจ "ไม่มีอะไรน่ากังวล"

จากนั้นเขาหันกลับมามองสือฮ่าวด้วยสายตาเย็นชา

"ข้าบุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนเซิ่ง ไม่มีค่าพอจะรู้จักสำนักของเจ้า? เจ้าช่างกล้าพูดจริงๆ!

ในเมื่อพวกเจ้าไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง เช่นนั้นจงอยู่ที่นี่ตลอดไปเถิด!"

แววตาของเขาแฝงไปด้วยความอำมหิต

"ฆ่าพวกมันทั้งหมด และฆ่าทุกคนที่นี่ด้วย จะได้ไม่มีพยานรู้เห็นว่าข้าลงมือเอง"

"ขุมอำนาจที่แข็งแกร่งจากดินแดนอื่นจะทำไมเล่า? พวกมันจะข้ามแดนมาเปิดศึกกับแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนเซิ่งเพียงเพราะอัจฉริยะคนเดียวที่ตายไปหรือ?"

ในขณะที่สถานการณ์เริ่มตึงเครียด หลินไป๋หันไปมอง จักรพรรดิทมิฬ และรีบพูดขึ้น

"จักรพรรดิทมิฬ! ท่านยังรออะไรอยู่เล่า? ลงมือเสียที!"

หลังจากได้เห็นพลังอันน่าทึ่งของจักรพรรดิทมิฬก่อนหน้านี้ หลินไป๋ถึงกับยอมรับและเชื่อมั่นในตัวมันทันที

สายตาของเขาเต็มไปด้วยความคาดหวัง ราวกับฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่มัน

ในสถานการณ์เช่นนี้ จำเป็นต้องมีผู้แข็งแกร่งอย่างจักรพรรดิทมิฬ ออกหน้ามาสร้างอำนาจ

“เจ้าหนุ่มนั่นคงไม่พอจะรับมือหรอก”

จักรพรรดิทมิฬกระโดดขึ้นมายืนกลางสนาม เชิดหน้าอย่างองอาจ มองตรงไปยังกู่ฉางเกอ

“เจ้าหนุ่ม จงไว้หน้าจักรพรรดิผู้นี้ สมุนไพรศักดิ์สิทธิ์นี้ต้องเป็นของข้า!”

เสียงของมันดังหนักแน่น

ต้องรู้ว่า เกียรติของจักรพรรดิทมิฬ แม้แต่ผู้นำตระกูลจักรพรรดิแห่งดินแดนภาคกลาง ยังไม่กล้าละเมิด

แต่เมื่อกู่ฉางเกอเห็นว่า ผู้ที่ตะโกนต่อกรกับเขาคือสุนัขดำตัวเล็กๆ เขาก็โกรธจนควันออกหู

“บ้าจริง! เพราะข้ามัวลังเลเกรงใจ เลยพูดดีกับพวกมันสินะ ถึงขั้นให้สุนัขมายืนตะโกนใส่หน้าข้าได้!”

“เจ้าสุนัขป่ามาจากไหน? ไปให้พ้นทางเดี๋ยวนี้!”

กู่ฉางเกอตะโกนลั่นด้วยความโกรธเกรี้ยว

กลิ่นอายที่ทรงพลังของเขาปะทุออกมา พลังบ่มเพาะขอบเขตแปรวิญญาณขั้นปลาย ทำให้ทุกคนรอบข้างรู้สึกกดดันราวกับถูกภูเขาทับ

ที่ด้านหลังกู่ฉางเกอ ปรากฏถ้ำวิญญาณทั้งเจ็ด ที่ลอยเด่นอยู่

พลังวิญญาณมหาศาลหลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของเขาอย่างไม่ขาดสาย

“เจ็ดถ้ำวิญญาณ!”

“ช่างแข็งแกร่งนัก สมแล้วที่เป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์!”

เสียงอุทานด้วยความตกตะลึงดังขึ้นจากผู้คนรอบๆ

ในขอบเขตแปรวิญญาณ การเปิดถ้ำวิญญาณ เป็นสิ่งที่แสดงถึงพรสวรรค์ของผู้บ่มเพาะ

โดยทั่วไป หากสามารถเปิดได้ห้าถ้ำ ก็เพียงพอที่จะถูกยกย่องว่าเป็นอัจฉริยะแล้ว

แต่การเปิดถึง เจ็ดถ้ำวิญญาณ นั้นแทบจะหาได้ยากยิ่งในยุคนี้

“นี่มันพรสวรรค์ระดับมหาปราชญ์! เป็นผู้ที่มีวาสนาแห่งปราชญ์ชัดๆ!”

ในขณะที่บรรยากาศรอบตัวเต็มไปด้วยแรงกดดันอันมหาศาล จักรพรรดิทมิฬ กลับแสดงสีหน้ามืดมน

“เจ้ากล้าปฏิเสธที่จะไว้หน้าจักรพรรดิอย่างข้า?”

เสียงของมันเย็นเยียบ ราวกับแฝงด้วยความโกรธ

แต่เพราะใบหน้าของมันเดิมทีก็เป็นสีดำสนิทอยู่แล้ว จึงมองไม่ออกว่ามืดมนขึ้นแค่ไหน

จักรพรรดิทมิฬ พยายามรวบรวมพลังจิตสำนึกระดับมหาจักรพรรดิ อีกครั้ง

"จงพินาศ!"

เสียงของมันดังก้องไปทั่ว

1...

2...

3...

แต่หลังจากผ่านไปสามวินาที กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย

ทุกคนในที่นั้นเงียบไปชั่วขณะ ก่อนที่เสียงหัวเราะจะระเบิดออกมา

แม้แต่หลินไป๋ยังมองจักรพรรดิทมิฬด้วยความงุนงง

"พี่ใหญ่ ท่านเคยแสดงพลังสุดยอดก่อนหน้านี้ไปไหนแล้ว? ท่านจะกลายเป็นหมาที่หมดแรงในไม่กี่นาทีแบบนี้ไม่ได้สิ!"

"ตอนเริ่มต้นดูแข็งแกร่งยิ่งใหญ่ แต่พอเวลาผ่านไปกลับอ่อนแอซะงั้น?"

กู่ฉางเกอ หัวเราะลั่น

"ฮ่าๆๆ เจ้าสุนัขป่าเถื่อนนี่ยังกล้าคิดจะข่มขู่ข้าบุตรศักดิ์สิทธิ์อีกหรือ?

ข้าจะฆ่าพวกเจ้าทุกคนให้สิ้น!"

เขาปลดปล่อยพลังมหาศาล พุ่งตรงเข้าหากลุ่มของสือฮ่าวและจักรพรรดิทมิฬด้วยความดุดัน

พลังมหาศาลของกู่ฉางเกอ ถูกปลดปล่อยออกมา ราวกับภูเขาลูกใหญ่ที่บดขยี้ทุกสิ่ง

“บ้าจริง! เมื่อครู่ใช้พลังหนักเกินไป ตอนนี้เข้าสู่ช่วงอ่อนแอแล้ว!”

จักรพรรดิทมิฬ รู้สึกถึงความผิดปกติทันที

“บ้าจริง! ข้าควรจะรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าไม่ควรอวดพลังต่อหน้าเด็กหนุ่มนั่น! ดูสิ ตอนนี้ต้องมาเจอสถานการณ์นี้เข้า!”

“จะต้องถูกเจ้าขอบเขตแปรวิญญาณกระจอกนี่อัดเละแน่ๆ!”

มันกัดฟันแน่น ขณะที่มองดูพลังอันน่าสะพรึงของกู่ฉางเกอที่กำลังพุ่งตรงเข้ามา

“ถ้าข้าฟื้นพลังได้เมื่อไหร่ เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์นี่แหละ ข้าจะเป็นคนแรกที่ลบมันออกจากแผนที่!”

ความโกรธในใจของจักรพรรดิทมิฬทวีความรุนแรงขึ้น แต่สภาพที่อ่อนแอทำให้มันทำอะไรไม่ได้มากนักในตอนนี้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด