ตอนที่แล้วตอนที่ 69 การแข่งขันในหอโอสถ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 71 ปรมาจารย์หลอมโอสถแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เดินทางสู่ชิงหยุน

ตอนที่ 70 แดนศักดิ์สิทธิ์ยอมสวามิภักดิ์ ชื่อเสียงสะท้านทั่วแคว้นซวนโจว


ตอนที่ 70 แดนศักดิ์สิทธิ์ยอมสวามิภักดิ์ ชื่อเสียงสะท้านทั่วแคว้นซวนโจว

หลงเสียในตอนนี้จับจ้องไปที่ชายชราซึ่งยืนอยู่เบื้องหลังท่านเจ้าสำนัก

ลึกลับอย่างยิ่ง มองไม่ทะลุเลยแม้แต่น้อย!

นี่ต้องเป็นยอดฝีมืออันดับต้นๆของสำนักแน่นอน!

เมื่อเฟิงชิงหยางพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต โม่เวิ้นจึงก้าวออกมาข้างหน้า

“ข้ารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับความไว้วางใจจากท่านเจ้าสำนัก มอบหมายให้ข้ารับตำแหน่งผู้อาวุโสแห่งหอโอสถ บัดนี้หอโอสถจะอยู่ภายใต้การดูแลของข้าชั่วคราว”

ผู้อาวุโส!

ผู้อาวุโสแห่งหอโอสถ!

ไม่น่าแปลกใจที่มองไม่ออก

เมื่อได้ยินดังนั้น หลงเสียและหลี่เยียนจือก็พลันเข้าใจทันที

“ที่แท้ก็เป็นผู้อาวุโส!”

“ขอคารวะท่านผู้อาวุโส!”

หลงเสียยิ้มพลางก้าวไปข้างหน้าเล็กน้อย เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร

“ข้าคือ หลงเสีย ผู้เป็นอาวุโสฝ่ายพิทักษ์ ไม่ทราบว่าท่านอาวุโสมีนามว่าอย่างไร?”

ในเมื่อทำงานในสำนักเดียวกัน ก็ต้องสร้างสัมพันธ์อันดีไว้

“โม่เวิ้น”

อาวุโสโม่เวิ้นตอบอย่างเรียบง่าย

“โม่เวิ้น?”

หมายความว่าไม่ให้ถามอะไรเลยหรือ?!

คำพูดนี้ทำเอาหลงเสียถึงกับไปไม่ถูก

(โม่เวิ้น แปลว่า ห้ามถาม)

ขณะเดียวกัน ตานชิง ที่กำลังยุ่งอยู่กับการหลอมโอสถอย่างขะมักเขม้นในหอ ก็ได้ยินเสียงสนทนาจากทางนี้เช่นกัน

เขาอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นและหยุดชั่วครู่เพื่อตั้งใจฟัง

“ดูเหมือนจะพูดถึงอะไรเกี่ยวกับอาวุโส…หรือท่านเจ้าสำนักนี่แหละ?”

ตานชิงที่กำลังยุ่งอยู่กับการหลอมโอสถ เงยหน้าขึ้นอย่างสงสัย

“ท่านเจ้าสำนักงั้นหรือ!”

เมื่อคิดดังนั้น เขาก็เร่งมือหลอมโอสถในเตาหลอมให้เสร็จโดยเร็ว

ทันทีที่โอสถเตานั้นเสร็จสมบูรณ์ เขาก็รีบรุดออกจากหออย่างไม่รอช้า

“ข้าน้อย ตานชิง ขอคารวะท่านเจ้าสำนัก”

ตานชิงรีบก้มศีรษะคำนับทันทีที่มาถึงหน้าโถง

“อืม”

เฟิงชิงหยางพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง

“ข้าได้ยินมาว่าช่วงนี้เจ้าทำผลงานได้ดีทีเดียว

จงพยายามต่อไป หากเจ้าทำได้ดี สำนักจะช่วยเจ้าฟื้นฟูร่างกาย สร้างร่างใหม่ให้เจ้า”

คำพูดของเฟิงชิงหยางเปรียบเสมือนตั๋วสัญญาปากเปล่า แต่ก็เพียงพอที่จะกระตุ้นความมุ่งมั่น

“ขอบพระคุณท่านเจ้าสำนัก”

ตานชิงได้ยินดังนั้น ก็ยินดีจนแทบกลั้นอารมณ์ไม่อยู่

เขาทำงานหนักเพื่อสิ่งใด?

เพื่อศิลาวิญญาณหรือ?

เพื่อสมบัติล้ำค่าหรือ?

หรือเพื่อหาคู่วิถีกันเล่า?

ไม่ใช่เลย!

เขาทุ่มเททุกสิ่งเพื่อฟื้นฟูร่างกายนี้ต่างหาก!

และตอนนี้ เมื่อได้ยินคำรับประกันจากท่านเจ้าสำนัก แม้จะเป็นเพียงคำพูด แต่ก็ทำให้เขารู้สึกมั่นคงและมีกำลังใจมากยิ่งขึ้น

ยิ่งทำยิ่งมีแรงฮึกเหิม!

“เอาล่ะ ที่นี่ข้ามอบหมายให้อาวุโสโม่เวิ้นดูแลแล้ว”

เมื่อเฟิงชิงหยางพูดจบ เขาก็หันหลังเดินจากไปทันที

หลี่เยียนจือที่อยู่ในหอ รู้สึกผิดหวังเล็กน้อยที่ท่านเจ้าสำนักไม่แม้แต่จะมองนางเลย

แต่แล้วนางก็นึกขึ้นได้ ใช่สิ นางก็เป็นเพียงศิษย์รุ่นเยาว์ธรรมดา ท่านเจ้าสำนักผู้สูงส่งเหตุใดจึงต้องมาสนใจนาง?

แม้ท่านเจ้าสำนักจะดูหนุ่มแน่น แต่การควบคุมสำนักอันยิ่งใหญ่เช่นนี้ ย่อมต้องมีพลังบ่มเพาะสูงส่งอย่างหาที่เปรียบมิได้

อายุขัยของเขาอาจยืนยาวนัก และอาจมากกว่าบรรพชนของนางรวมกันเสียอีก

“ไม่ได้! ข้าต้องพยายามสร้างผลงานให้มากขึ้น ต้องไต่เต้าขึ้นไปให้ได้

ข้าต้องทำให้ท่านเจ้าสำนักหันมาสนใจข้า!”

หลี่เยียนจือกัดริมฝีปากเบาๆ และพูดกับตัวเองในใจ

“ขอส่งท่านเจ้าสำนัก”

ภายใต้เสียงส่งท่านเจ้าสำนักของทั้งสี่คน เฟิงชิงหยางจึงเดินออกจากหอโอสถไป

หลงเสียพึมพำกับตัวเองอย่างรู้สึกผิด

“อาวุโสโม่เวิ้น? ที่แท้ก็แซ่โม่ ชื่อเวิ้นนี่เอง

ที่แท้ก็ไม่ได้หมายความว่า ‘ห้ามถาม’ แต่เป็นข้าที่เข้าใจผิดไปเอง”

“เช่นนั้น อาวุโสโม่เวิ้น ข้าขอตัวลาก่อน”

หลงเสียกล่าวอำลาก่อนจะก้าวเท้าจากหอโอสถไป

“เอาล่ะ หากมีเรื่องใด เจ้าสามารถมาถามข้าได้”

อาวุโสโม่เวิ้นกล่าวแก่ศิษย์ทั้งสอง

“ขอบพระคุณท่านผู้อาวุโส”

ตานชิงตอบกลับ แต่เขาเองก็ไม่ได้มีอะไรจะถาม

ด้วยความที่เขาเคยเป็นจ้าวปราชญ์โอสถมาก่อน ความรู้เรื่องการหลอมโอสถของเขาแทบไม่มีอะไรต้องศึกษาเพิ่มเติมแล้ว

สิ่งที่จำกัดเขาในตอนนี้มีเพียงแค่ร่างวิญญาณเท่านั้น หากไม่เช่นนั้น เขาคงเริ่มหลอมโอสถศักดิ์สิทธิ์ไปแล้ว

ในทางกลับกัน หลี่เยียนจือกลับมีคำถามมากมาย

การเรียนรู้นั้นเหมือนการพายเรือทวนน้ำ หากไม่ก้าวหน้า ก็ย่อมถอยหลัง

นางยังต้องศึกษาและถามไถ่ในวิถีแห่งโอสถอีกมาก

หลังจากนั้นไม่นาน อาวุโสโม่เวิ้นนำเตาหลอมมหาวิถีออกมา

เขาต้องการลองหลอมโอสถเพื่อทดสอบประสิทธิภาพของสมบัติราชันเซียนนี้

เขาให้หลี่เยียนจือไปที่คลังสมุนไพร เพื่อหยิบยกสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์มาให้

“ท่านผู้อาวุโส กำลังจะหลอมโอสถศักดิ์สิทธิ์ ใช่หรือไม่?”

หลี่เยียนจือถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

ณ แดนศักดิ์สิทธิ์หยู้ตาน

ห้องโถงใหญ่

หลี่ชิงซวน เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์หยู้ตาน และ บรรพชนแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ ได้เรียกประชุมเหล่าอาวุโสทั้งหมดมายังห้องโถงใหญ่

เหตุการณ์ครั้งนี้ถูกจัดขึ้นเพราะข่าวที่ หลี่เยียนจือ บุตรสาวของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ ส่งมาถึงพวกเขา

“มหากระแสไม่อาจขัดขวาง เดินตามกระแสสู่ฟ้า ชิงหยุนทะยานสู่เก้าแผ่นฟ้า” – หลี่เยียนจือศิษย์แห่งหอโอสถ สำนักชิงหยุน

เพียงสองประโยคสั้นๆ แต่กลับทำให้ทั้งห้องโถงใหญ่ตกอยู่ในความเงียบงัน

ทุกคนล้วนตกตะลึงในข้อความนี้

สิ่งที่ผู้อาวุโสผู้พิทักษ์แห่งชิงหยุน เคยกล่าวไว้กลับกลายเป็นความจริง

สำนักชิงหยุนแข็งแกร่งถึงขั้นนั้น!

มีผู้แข็งแกร่งนับไม่ถ้วน!

แม้แต่ปรมาจารย์หลอมโอสถระดับจ้าวปราชญ์โอสถแห่งสำนักโอสถยังเป็นเพียงศิษย์ในสายตาของพวกเขา

หลี่ชิงซวนนั่งเงียบอยู่บนที่นั่งสูงสุด หันมองบรรดาอาวุโสเบื้องล่าง แต่กลับไม่เอ่ยวาจาใดๆ

บรรยากาศในห้องโถงใหญ่หนักอึ้งจนแทบหายใจไม่ออก

สุดท้าย เขาจึงเป็นฝ่ายเปิดปากขึ้นก่อน

“พวกท่านคิดเห็นเช่นไร จงพูดมาเถิด ไม่ต้องเกรงใจ”

เขาหันไปทางอาวุโสใหญ่ และเอ่ยต่อ

“อาวุโสใหญ่ ท่านว่ากระไร?”

อาวุโสใหญ่เมื่อถูกเรียก ก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนตอบด้วยน้ำเสียงอึดอัด

“ท่านเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์… ข้า… ข้าไม่ถนัดกล่าววาจาใดๆ”

ในใจเขาคิดว่า

หรือจะให้พูดตรงๆว่า “ท่านเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เลิกเป็นผู้นำเถิด พวกเรายอมสวามิภักดิ์ต่อสำนักชิงหยุนกันทั้งหมดกัน?”

อาวุโสอีกคนหนึ่งลุกขึ้นกล่าว

“ท่านเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ ข้อความที่เยี่ยนจือส่งมานั้นชัดเจนอยู่แล้ว ข้าก็เห็นด้วยว่าเราควรตามกระแส เพื่อความอยู่รอด”

“นี่แหละคือความยิ่งใหญ่ของสำนักอันแท้จริง!”

ผู้ที่เชื่อฟังเจริญรุ่งเรือง ผู้ที่ขัดขวางย่อมล่มสลาย!

อาวุโสสองกล่าวขึ้น พร้อมได้รับการสนับสนุนจากอาวุโสคนอื่นๆอย่างรวดเร็ว

“บัดนี้ ขอท่านเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์และท่านบรรพชน จงตัดสินใจเถิด”

เหล่าอาวุโสทั้งหมดก้มศีรษะ กล่าวพร้อมเพรียงไปยังสองร่างที่นั่งอยู่บนตำแหน่งสูงสุดในห้องโถงใหญ่

พวกเขาเองก็ไม่มีอะไรให้ถกเถียงต่อแล้ว

เมื่อสำนักชิงหยุนเพียงส่งผู้อาวุโสผู้พิทักษ์มาเพียงผู้เดียว ก็สามารถกดข่มพวกเขาทั้งสถานศักดิ์สิทธิ์ได้

พวกเขาจะเอาอะไรมาต่อกรกับอีกฝ่ายได้เล่า?

ยิ่งไปกว่านั้น…แม้แต่บุตรสาวของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ยังเห็นด้วย นางย่อมต้องได้พบเห็นความยิ่งใหญ่ของสำนักชิงหยุนอย่างแน่นอน จึงส่งข้อความนั้นกลับมา

“เช่นนั้น ข้าขอตัดสินใจ!”

หลี่ชิงซวน เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ประกาศด้วยเสียงหนักแน่น

“ข้าขอให้แดนศักดิ์สิทธิ์หยู้ตาน ยอมสวามิภักดิ์ต่อสำนักชิงหยุน และกลายเป็นขุมอำนาจในสังกัดของพวกเขา!”

“จงส่งปรมาจารย์หลอมโอสถระดับสี่ขึ้นไปทั้งหมด เดินทางพร้อมกับข้าไปยังสำนักชิงหยุน!”

คำพูดนี้ของหลี่ชิงซวนเป็นดั่งการปิดผนึกอนาคตของแดนศักดิ์สิทธิ์หยู้ตาน เขาเชื่อมั่นว่าข่าวที่เยี่ยนจือส่งมาไม่มีผิดแน่

การยอมสวามิภักดิ์คือทางเลือกเดียวของพวกเขา

“เดินตามกระแส ชิงหยุนทะยานสู่เก้าแผ่นฟ้า…”

หลี่ชิงซวนพึมพำกับตัวเอง

บางทีนี่อาจเป็นโอกาสครั้งใหญ่สำหรับแดนศักดิ์สิทธิ์หยู้ตาน

หลายหมื่นปีให้หลัง เมื่อมองย้อนกลับมา เขาจะยอมรับว่านี่คือการตัดสินใจที่ชาญฉลาดที่สุดในชีวิตของเขา

…แน่นอน เรื่องนี้ยังเป็นเรื่องของอนาคต

แต่สิ่งที่ทำให้เขาตกใจคือ ข้อความที่เยี่ยนจือส่งมาเผยว่าสำนักชิงหยุนตั้งอยู่ในแคว้นหลิงโจว

สำนักลับยิ่งใหญ่ที่เร้นตัวมาเนิ่นนาน…กำลังจะปรากฏตัวต่อโลกแล้วอย่างนั้นหรือ?

สองวันครึ่งต่อมา

ข่าวคลื่นอสูรแพร่สะพัดไปทั่วแคว้นซวนโจว ผู้คนทั่วทั้งแคว้นต่างพากันตกตะลึง!

สำนักเล็กๆที่แทบไม่มีผู้ใดรู้จัก กลับสามารถส่งเพียงผู้แข็งแกร่งคนเดียวไปสยบสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ได้!

และยังเหนือกว่าสามแดนศักดิ์สิทธิ์อีกด้วย!

ชื่อเสียงของสำนักชิงหยุนสั่นสะเทือนทั่วทั้งสี่แคว้น!

เดี๋ยวก่อน…

ดูเหมือนเมื่อสองวันก่อน ผู้แข็งแกร่งที่บุกเดี่ยวเข้าไปในแดนศักดิ์สิทธิ์หยู้ตานจะเป็นคนของสำนักชิงหยุน ไม่ใช่หรือ?

สุดท้ายไม่ทราบว่าพวกเขาได้ตกลงอะไรกันไว้ ผู้แข็งแกร่งจากสำนักชิงหยุนคนนั้นถึงได้พาบุตรสาวของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์กลับไปด้วย

แต่… ตั้งแต่เมื่อไรที่ในดินแดนภาคตะวันตกปรากฏสำนักอันทรงพลังเช่นนี้ขึ้นมา?

เพียงแค่ลงมือครั้งเดียว ก็สามารถกดดันสี่แดนศักดิ์สิทธิ์ได้

ดูเหมือนดินแดนภาคตะวันออกกำลังจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่!

แต่แล้ว…ข่าวที่หนักหน่วงยิ่งกว่าก็แพร่สะพัดออกมาในไม่ช้า

แดนศักดิ์สิทธิ์หยู้ตาน ประกาศโดยเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ หลี่ชิงซวน ว่า

“บัดนี้ แดนศักดิ์สิทธิ์หยู้ตานทั้งหมด ยอมสวามิภักดิ์ต่อสำนักชิงหยุนแห่งหลิงโจว และกลายเป็นขุมอำนาจในสังกัดของพวกเขา

ผู้ใดที่คิดท้าทายสำนักชิงหยุน ก็เท่ากับท้าทายเกียรติยศของแดนศักดิ์สิทธิ์หยู้ตาน หากคิดทำเช่นนั้น…จงผ่านด่านของพวกเราให้ได้เสียก่อน”

ข่าวนี้ราวกับฟ้าผ่าลงกลางวันแสกๆ!

สี่แคว้นอาจอยู่ไกลเกินไปจนไม่อาจสัมผัสถึง แต่แดนศักดิ์สิทธิ์หยู้ตาน คือสิ่งที่ใกล้ตัวที่สุดสำหรับคนในแคว้นซวนโจว

แดนศักดิ์สิทธิ์หยู้ตาน

แดนศักดิ์สิทธิ์เก่าแก่ ผู้ครองอำนาจในซวนโจวมานับแสนปี!

บัดนี้กลับยอมสวามิภักดิ์ต่อสำนักชิงหยุนอย่างนั้นหรือ?

ในสายตาของผู้คนแห่งซวนโจว แดนศักดิ์สิทธิ์หยู้ตานคือ ท้องฟ้าของซวนโจว

แต่ดูเหมือนว่า…ท้องฟ้านั้นได้เปลี่ยนไปแล้ว!

ณ โรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งในซวนโจว

“พี่ชาย นี่เรื่องจริงหรือ? ข่าวนี้เชื่อถือได้หรือไม่?”

ชายคนหนึ่งเอ่ยถามด้วยความตื่นเต้น

“เรื่องจริงสิ! ข้าได้ยินมากับหู หลานชายของข้าเป็นคนกวาดลานในแดนศักดิ์สิทธิ์หยู้ตาน เขาบอกข้าเอง จะมีผิดได้อย่างไร?”

ข่าวที่สั่นสะเทือนซวนโจวนี้ ค่อยๆแพร่กระจายออกไป

และในที่สุด ทุกคนก็ได้รู้ว่า…

สำนักชิงหยุนกำลังจะทะยานขึ้นสู่ฟ้า!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด