ตอนที่แล้วตอนที่ 67 อัญเชิญผู้อาวุโสหลอมโอสถ เฟิงชิงหยางบรรลุขอบเขตปราชญ์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 69 การแข่งขันในหอโอสถ

ตอนที่ 68 เตาหลอมมหาวิถี


ตอนที่ 68 เตาหลอมมหาวิถี

【“ติ้ง! เตาหลอมมหาวิถี ได้ถูกสร้างสำเร็จแล้ว!”】

เสียงระบบดังขึ้น

ทันใดนั้น แสงศักดิ์สิทธิ์อันเจิดจ้าก็ปะทุขึ้นกลางหอ

แสงนั้นสาดส่องเจิดจ้าเสียจนเกือบทำให้ดวงตาของเฟิงชิงหยางและโม่เวิ้นพร่ามัว

ตามมาด้วยพลังบารมี อันมหาศาลของราชันเซียนที่แผ่ซ่านไปทั่ว

“ซี้! ซี้!”

เสียงแห่งมหาวิถีอันยิ่งใหญ่ดังก้อง

เสียงของการหลอมโอสถด้วยเปลวเพลิงของราชันเซียนดังสะท้อน

เสียงกระทบของเหล็กเซียน ก้องกังวาน

ทุกสิ่งหลอมรวมกันดุจเสียงดนตรีสวรรค์ที่ขับขาน

เหมือนดั่งได้ยินเสียงเซียนหูพลันกระจ่าง!

เสียงศักดิ์สิทธิ์ดังขึ้นไปทั่วทั้งหอ แต่ถึงแม้เตาหลอมมหาวิถี จะทรงพลังและน่าเกรงขามเพียงใด ก็เป็นสิ่งที่ระบบจัดหามาให้

และในตอนนี้ เฟิงชิงหยางได้กลายเป็นเจ้าของมันโดยสมบูรณ์

ด้วยการควบคุมของเขา พลังบารมีอันมหาศาลของสมบัติราชันเซียนจึงไม่ก่อให้เกิดอันตรายใดๆ

หากไม่เป็นเช่นนั้น ด้วยพลังที่รุนแรงเช่นนี้ ไม่เพียงสำนักชิงหยุน แม้แต่ทั้งโลกอาจไม่อาจต้านทานได้

ภายนอกหอ

บนท้องฟ้าเหนือหัวปรากฏ ปรากฏการณ์มหัศจรรย์แห่งสวรรค์ ทันทีที่ เตาหลอมมหาวิถีปลดปล่อยพลังออกมา

เสียงบรรเลงดนตรีจากเซียนสะท้อนกังวาน

ภาพของเหล่าเซียนผู้กำราบปีศาจปรากฏราวกับมาเยือนสู่โลก

ภาพมายาแห่งเซียนนับหมื่นนับพันและเงาของเหล่าพระโพธิสัตว์ปรากฏขึ้นเหนือสำนักชิงหยุน

ทุกภาพต่างก้มกราบดุจสรรเสริญต่ออำนาจอันยิ่งใหญ่

ครั้งสุดท้ายที่มีปรากฏการณ์มหัศจรรย์น่าเกรงขามเช่นนี้ ก็คือเมื่อครั้งระฆังมหาวิถีปรากฏขึ้น

ณ หออาวุโส

“ทิศทางของหอชิงหยุน… ดูเหมือนท่านเจ้าสำนักจะหยิบสมบัติเซียน ออกมาใช้อีกแล้ว”

เหล่าอาวุโสกล่าวด้วยความตื่นตะลึง เมื่อเงยหน้ามองปรากฏการณ์มหัศจรรย์ที่ท้องฟ้า

ภายใต้พลังอันเกรียงไกรนั้น มู่ซุยเซียนรับรู้ถึงทิศทางพลังและพบว่ามาจากหอชิงหยุน

นางรีบถอนจิตสำนึกออกทันที

“ท่านเจ้าสำนักช่างลึกลับยิ่งนัก มิอาจล่วงเกินเด็ดขาด

สวรรค์! ท่านเจ้าสำนักยังมีสมบัติล้ำค่าอีกเท่าใดกันแน่

ช่างเป็นบุคคลที่ยากหยั่งถึง เกินจินตนาการเกินไป!”

มู่ซุยเซียนพึมพำกับตนเองด้วยความหวาดเกรง

ณ เขตศิษย์สายนอก

“นี่มัน…เทพเซียนลงมายังโลกมนุษย์แล้วหรือ!”

ศิษย์สายนอกนับไม่ถ้วนต่างอุทานด้วยความตื่นตะลึง ทุกคนต่างจับจ้องปรากฏการณ์มหัศจรรย์ที่ท้องฟ้าด้วยความเหลือเชื่อ

“นี่มัน หมอกศักดิ์สิทธิ์ หรืออะไรกัน!”

ศิษย์คนหนึ่งเอ่ยอย่างตกตะลึง ทั่วทั้งเขตศิษย์ต่างเต็มไปด้วยเสียงฮือฮา

เสียงเซียนขับขานดุจดนตรีสวรรค์ บรรดาเซียนล้วนก้มกราบน้อมบูชา

หากมิใช่เซียนลงมายังโลกมนุษย์แล้ว ก็ไม่มีคำอธิบายอื่นใดที่สมเหตุสมผลอีก

ฉินหาน เผลอปลดปล่อยจิตสำนึกระดับมหาจักรพรรดิออกไปตรวจสอบโดยไม่ทันคิด

แต่เมื่อสัมผัสได้ถึงความน่าเกรงขาม เขาก็รีบถอนจิตสำนึกกลับมาอย่างรวดเร็ว

“สำนักนี้มิใช่สถานที่ที่ข้าจะล่วงเกินได้

นี่ต้องเป็น สมบัติเซียน อีกอันแน่ๆ!”

เขาเงยหน้ามองลึกเข้าไปยังส่วนลึกของสำนักด้วยสายตาเปี่ยมไปด้วยความเคารพและความตื่นตะลึง

“เซียนหรือจะอย่างไร? ต่อให้มีเซียนแปดแสนบนสวรรค์

เมื่อมาถึงชิงหยุน ก็ต้องก้มศีรษะต่ำลง!”

เขาพูดกับตนเองเบาๆ “ท่านไม่เห็นหรือ? แม้แต่พวกเขาก็ล้วนก้มกราบสำนักชิงหยุน”

ณ หอบรรพชน

“ท่านเจ้าสำนักนี่ทำเรื่องใหญ่ไม่เว้นแต่ละวันจริงๆ”

หลี่ชิงหยุน บรรพชนผู้ยิ่งใหญ่ของสำนัก กล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้มบาง

แต่เขาเองก็ไม่ได้รู้สึกตื่นตระหนกแต่อย่างใด เพราะในช่วงเดือนที่ผ่านมา สำนักชิงหยุนเต็มไปด้วยเหตุการณ์ยิ่งใหญ่ที่ยากจะนับ

สิ่งที่คนทั่วไปมองว่าน่าเหลือเชื่อ ก็กลายเป็นเรื่องธรรมดาในสายตาของเขาไปแล้ว

“ข้าชินเสียแล้ว…ไม่ว่าฉากไหน สำนักชิงหยุนล้วนผ่านมาหมดแล้ว”

เขาส่ายหัวเล็กน้อย พลางถอนหายใจเบาๆ ราวกับเรื่องทั้งหมดเป็นเพียงกิจวัตรประจำวันที่เขาคุ้นเคย

ทำเอาเขาที่อยู่ในขอบเขตมหาจักรพรรดิรู้สึกเหมือนคนที่ไม่เคยเห็นโลกกว้าง

ทำอะไรไม่ได้ นอกจากยอมรับและปล่อยวาง

“เมื่อมีท่านเจ้าสำนักอยู่ สำนักชิงหยุนจะต้องทะยานขึ้นสู่เก้าแผ่นฟ้าแน่นอน!”

ณ หอโอสถ

“ฮ่าๆ ดูเจ้าสองคนสิ ทำหน้าเหมือนคนไม่เคยเจอเรื่องใหญ่โตมาก่อน”

หลงเสีย หัวเราะเสียงดังพลางพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน

“สำนักชิงหยุนของเรารวบรวมสมบัติอันล้ำค่าจากทั่วทั้งสวรรค์และโลก จะมีอะไรที่เราไม่มี?

สิ่งที่พวกเจ้ามองเห็นในตอนนี้ ก็เป็นเพียงเศษเสี้ยวของภูเขาน้ำแข็งแห่งสำนักชิงหยุนเท่านั้น”

เขากล่าวต่อด้วยน้ำเสียงทรงอำนาจ

“ทำงานให้สำนักให้ดีเถิด สำนักชิงหยุนไม่มีวันทำให้พวกเจ้าผิดหวัง”

คำพูดของเขาช่างแสดงออกถึงความโอ่อ่า และดูเหมือนจะสำเร็จในการทำให้คนรอบข้างรู้สึกเกรงขาม

หลงเสียเพิ่งพาหลี่เยียนจือมาถึงหอโอสถได้ไม่นาน

พอดีกับที่ปรากฏการณ์มหัศจรรย์แห่งฟ้าและดิน เกิดขึ้นตรงหน้า

ตานชิง ผู้กำลังหลอมโอสถอยู่ในหอ เมื่อเห็นปรากฏการณ์ดังกล่าวก็รีบออกมาดู

เมื่อเห็นสีหน้าตกตะลึงของตานชิงและหลี่เยียนจือ เขาจึงอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นว่า

“เห็นทีต้องข่มขวัญพวกเขาสักหน่อย…”

“ท่านไม่ต้องห่วง! ข้าผู้น้อยจะทุ่มเทสุดกำลัง หลอมโอสถอย่างเต็มที่เพื่อสำนัก!”

ตานชิงรีบกล่าวอย่างหนักแน่น สีหน้าเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น

ถึงเวลาทุ่มเทแล้ว!

หากมิใช่ยามนี้แล้วจะเป็นยามใด?

การจะฟื้นฟูร่างกายและพลังกลับคืนได้หรือไม่ ล้วนขึ้นอยู่กับคุณูปการที่เขาสร้างให้แก่สำนัก!

“ท่านผู้อาวุโส ข้ากล่าวมากไปแล้ว”

เวลาที่เสียไปกับการพูด หากนำไปหลอมโอสถคงสำเร็จอีกหลายเตาแล้ว!

เมื่อกล่าวจบ ตานชิง ก็รีบรุดกลับเข้าไปในหอโอสถทันที

ปลดปล่อยเพลิงทมิฬครามออกมาเต็มกำลัง เปลวไฟโหมกระหน่ำ ดั่งจะเผาผลาญทุกสิ่ง

“ฮ่าๆ ดีมาก!”

“นี่คือศิษย์ใหม่ของหอโอสถที่เจ้าสำนักเพิ่งรับมาใช่หรือไม่?

กระตือรือร้นถึงเพียงนี้ สมแล้วที่ท่านเจ้าสำนักดวงตาเฉียบแหลม!”

หลงเสียพลางกล่าวคำเยินยอ

“ท่าน…ท่านผู้อาวุโส ข้าก็อยากหลอมโอสถเช่นกัน”

เมื่อเห็นศิษย์แห่งหอโอสถทำงานหนักถึงเพียงนี้ หลี่เยียนจือก็รู้สึกอึดอัดใจ ไม่อาจอยู่นิ่งเฉยได้อีกต่อไป

ถูกต้องแล้ว! มีเพียงการสร้างคุณค่าให้แก่สำนักเท่านั้น นางจึงจะได้รับความไว้วางใจและการยอมรับ

“เช่นนั้นก็ไปเถิด”

จากนั้น หลงเสียพาหลี่เยียนจือเข้าสู่หอโอสถ

ณ หอชิงหยุน

แสงศักดิ์สิทธิ์แห่งสมบัติราชันเซียน ที่เจิดจ้าเหนือท้องฟ้า ได้ค่อยๆจางหายไป

บัดนี้ เตาหลอมมหาวิถี ลอยค้างอยู่กลางอากาศในหอ

เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังบารมีอันยิ่งใหญ่ที่แผ่ซ่านออกมาจากเตาหลอม อาวุโสโม่เวิ้น จึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย

“ท่านเจ้าสำนัก…นี่คือ?”

เขาสัมผัสได้ทันทีว่านี่คือเตาหลอมโอสถที่มีระดับสูงส่งอย่างยิ่ง

ดั่งที่นักดาบรักดาบ นักพรตไม้เท้ารักไม้เท้า นักหลอมโอสถย่อมรักเตาหลอมโอสถเช่นกัน

เมื่อมีเตาหลอมดี การหลอมโอสถย่อมได้ผลลัพธ์เกินครึ่งของความพยายามที่ลงไป

“นี่คือ มหาสมบัติแห่งสำนักชิงหยุน เตาหลอมมหาวิถี

บัดนี้ ข้าจะมอบมันให้กับหอโอสถของเรา เจ้าทั้งหลายต้องใช้มันให้เกิดประโยชน์สูงสุด”

เฟิงชิงหยางกล่าวอย่างสงบนิ่ง

เขาเองแม้จะถือครองสมบัติล้ำค่านี้ไว้ แต่เขาไม่ใช่ปรมาจารย์หลอมโอสถ

ใช่หรือไม่? จะให้เขาเรียนการหลอมโอสถน่ะหรือ? เจ้าเข้าใจอะไรผิดไปหรือไม่ ข้าน่ะคือเจ้าสำนัก!

เรื่องเช่นนี้มอบหมายให้ผู้อื่นทำก็เพียงพอแล้ว เตาหลอมเช่นนี้อยู่ในหอโอสถจึงจะเกิดประโยชน์สูงสุด

“ขอบพระคุณท่านเจ้าสำนักที่ประทานสมบัติอันล้ำค่า!”

อาวุโสโม่เวิ้น กล่าวขอบคุณด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

เตาหลอมนี้สามารถกลายเป็นสมบัติค้ำหอโอสถ ได้เลยทีเดียว

เขาตั้งมั่นว่าหอโอสถจะต้องไม่ทำให้เจ้าสำนักผิดหวัง

【“ติ้ง! รายงานแก่นายท่าน เตาหลอมนี้คือ สมบัติราชันเซียน!

ต้องการผู้ที่อยู่ในขอบเขตมหาจักรพรรดิ หรือ มหาจักรพรรดิโอสถ จึงจะสามารถใช้งานได้อย่างเหมาะสม】

“ว่าอะไรนะ? ใช้ไม่ได้?”

“แล้วนี่รางวัลหรือบทลงโทษกัน หากเป็นเช่นนี้ สู้เรียกมหาจักรพรรดิโอสถ มาเลยไม่ดีกว่าหรือ?”

【“โปรดใจเย็นนายท่าน สมบัตินี้สามารถใช้ได้ตั้งแต่ขอบเขตปราชญ์ขึ้นไป เพียงแต่จะใช้ได้เพียงหนึ่งในพันของพลังมันเท่านั้น】

【แม้แต่มหาจักรพรรดิ หรือ มหาจักรพรรดิโอสถ ก็ใช้ได้เพียง หนึ่งในร้อยของพลังเท่านั้น】

【เพราะนี่คือสมบัติราชันเซียน! นายท่านโปรดเข้าใจ เพื่อหลีกเลี่ยงการให้ผู้อ่านเจ้าขุนมูลนายจับผิด】

“อ้อ…อย่างนี้เอง ข้าพอเข้าใจแล้ว”

“หนึ่งในพันก็หนึ่งในพัน ดีกว่าไม่มีอะไรเลย”

เฟิงชิงหยางถอนหายใจเบาๆ พร้อมแสดงท่าทีพอใจแบบพอถูไถ

นี่คือ สมบัติชันเซียน!

ถึงแม้จะใช้งานได้เพียงหนึ่งในพันของพลังที่แท้จริง แต่ก็ยังเหนือกว่าสมบัติมหาจักรพรรดิ นับร้อยนับพันเท่า!

“อาวุโสโม่ สมบัตินี้คือสมบัติราชันเซียน แม้พวกท่านจะไม่อาจดึงพลังทั้งหมดออกมาได้ แต่สำหรับการหลอมโอสถศักดิ์สิทธิ์ โอสถจักรพรรดิ หรือแม้แต่โอสถเซียน สมบัตินี้ย่อมเพียงพอ”

สมบัติราชันเซียน!

อาวุโสโม่เวิ้นย่อมเดาได้อยู่แล้วว่า สมบัติที่สร้างปรากฏการณ์สะเทือนฟ้าดินเช่นนี้ จะต้องเป็นสมบัติเซียนขึ้นไปเท่านั้น

เขาเกือบจะถูกแสงเจิดจ้าของมันทำให้ตาพร่า!

โม่เวิ้นที่ยืนอยู่กลางหอในตำแหน่งใกล้เตาหลอมที่สุด รับรู้ถึงพลังบารมีอันมหาศาลที่แผ่ออกมาอย่างลึกซึ้ง

ภายใต้พลังอันกว้างใหญ่ดุจมหาสมุทรนี้ แม้เขาผู้มีพลังบ่มเพาะขอบเขตมหาปราชญ์ขั้นสูงสุด ยังรู้สึกราวกับปลาที่กำลังจมน้ำ

ดูเหมือนเขาอาจถูกพลังบารมีนี้บดขยี้จนสิ้นสูญได้ทุกเมื่อ!

แต่…เจ้าสำนักช่างให้เกียรติเขามากเกินไปแล้ว

การหลอมโอสถศักดิ์สิทธิ์นั้น เขาพอทำได้ แต่สำหรับโอสถจักรพรรดิ หรือโอสถเซียน

นั่นมันช่างเป็นความฝันลมๆแล้งๆของคนโง่เขลาโดยแท้!

4 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด