ตอนที่ 61 เคล็ดวิชาเซียนทั่วทั้งหอ มุ่งหน้าสู่แดนศักดิ์สิทธิ์หยู้ตาน
ตอนที่ 61 เคล็ดวิชาเซียนทั่วทั้งหอ มุ่งหน้าสู่แดนศักดิ์สิทธิ์หยู้ตาน
ภายในหอคำภีร์อันศักดิ์สิทธิ์และทรงเกียรติ
ชั้นวางเรียงรายเต็มไปด้วยเคล็ดวิชาเซียนและคำภีร์เซียนอย่างเป็นระเบียบ
เคล็ดวิชาบนชั้นแต่ละเล่มแผ่ประกายระยิบระยับ งดงามราวกับอยู่ในวังเซียน
พลังเซียนที่บริสุทธิ์แผ่ออกมาเป็นระลอกจากทุกมุมหอ
เหล่าศิษย์ต่างตั้งใจเลือกเคล็ดวิชาของตน แต่ไม่นานนักก็เริ่มรู้สึกถึงบางสิ่งที่ไม่ปกติ
ผิดปกติอย่างมาก!
“บ้าจริง!”
ศิษย์ชายคนหนึ่งร้องอุทาน
“พวกเจ้าดูสิ! นี่…นี่มันเคล็ดวิชาเซียนทั้งหมดเลย!”
เขาพลิกหนังสือไปมา แต่ทุกเล่มกลับเป็นเคล็ดวิชาเซียน!
“เป็นเคล็ดวิชาเซียนจริงๆ ทั้งหมดอีกด้วย!”
เหล่าศิษย์คนอื่นที่สังเกตเห็นเช่นกัน แต่ยังคงนิ่งเงียบด้วยความตกตะลึง
เคล็ดวิชาเซียนมากมายราวกับกะหล่ำปลีในตลาด จะขายส่งกันอย่างนี้เลยหรือ?
สมแล้วที่สำนักนี้ขึ้นชื่อว่า “รวบรวมคัมภีร์เซียนทั่วฟ้าสวรรค์ ศึกษาทั่วจักรวาลอันกว้างใหญ่”
แต่ละคนที่เคยสงสัยว่า “เคล็ดวิชาเซียน” เป็นเพียงคำกล่าวเกินจริงของผู้อาวุโสมู่เฟิง บัดนี้รู้ซึ้งแล้วว่ามันเป็นเรื่องจริง
พวกเขารู้สึกละอายใจในความคิดของตนก่อนหน้า
หนึ่งหมื่นแต้มผลงานสำหรับเคล็ดวิชาเซียนเล่มหนึ่ง สำนักเช่นนี้จะหาที่ไหนได้อีก?
กลับเล่นแผนการเล็กๆ ด้วยการร่วมมือกันแบ่งปัน น่าอับอายยิ่งนัก!
ข้าพร้อมแล้วที่จะถวายชีวิตเพื่อสำนักชิงหยุน!
มือที่กำลังพลิกดูหนังสือของแต่ละคน เร่งรีบและมุ่งมั่นมากกว่าเดิม
ฟากของฉินหาน
เขาเลือกดูเคล็ดวิชาด้วยความสงบ แต่ละเล่มดึงดูดใจเขาอย่างมาก
เคล็ดวิชาดำรงตนแห่งเสรี เคล็ดถามฟ้าดาวแดง เคล็ดภาพลวงนิรันดร์ เคล็ดเซียนร่ายรำฟ้าหนาว…
ทุกเล่มล้วนเย้ายวนใจ แต่ในตอนนี้เขาเพียงต้องการเคล็ดการเคลื่อนไหวที่เหมาะสม
เขาเหลือเพียงจุดอ่อนเดียวคือเคล็ดการเคลื่อนไหว เพราะเคล็ดวิชาต่อสู้ และคำภีร์พื้นฐานของสำนักก็เป็นเคล็ดวิชาเซียนอยู่แล้ว
เขามองเห็นเล่มหนึ่งที่ดึงดูดสายตา
“เคล็ดมายาภาพแห่งความว่างเปล่า”
เมื่อหยิบขึ้นมาเปิดดู ใจของเขาถึงกับสั่นสะท้าน
เคล็ดมายาภาพแห่งความว่างเปล่า: เคล็ดวิชาราชันเซียนที่สร้างโดยราชันเซียนชิงสวี่ เคล็ดการเคลื่อนไหวระดับราชันเซียนที่เมื่อฝึกฝนจนสมบูรณ์สามารถก้าวข้ามอดีตและอนาคตได้ในชั่วพริบตา
คำอธิบายเพียงนี้ก็มากพอที่จะทำให้แม้แต่มุมมองระดับมหาจักรพรรดิของเขาต้องสั่นสะเทือน
นี่คือพลังของราชันเซียนหรือ? ข้าชาตินี้จะสามารถเข้าใกล้ระดับเซียนเพื่อสัมผัสพลังเช่นนี้ได้หรือไม่?
ครึ่งชั่วยามต่อมา
เหล่าศิษย์ทุกคนเลือกเคล็ดวิชาเสร็จเรียบร้อย
เคล็ดวิชาเซียนที่มากมายช่างทำให้สับสนเสียจริง!
หนิงเหยียนเลือกได้เช่นเดียวกับฉินหาน เป็นเคล็ดการเคลื่อนไหวที่ชื่อ “เคล็ดมายาล่องรอยเซียน”
เหล่าศิษย์บางคนก็เลียนแบบพวกเขา โดยเลือกเคล็ดการเคลื่อนไหวซึ่งเป็นจุดอ่อนของตนเอง
บางคนเลือกเคล็ดกระบี่ เคล็ดดาบ หรือเคล็ดฝ่ามือ
ไม่ว่าแบบใด ล้วนเป็นเคล็ดวิชาเซียนที่ช่วยเพิ่มพลังทั้งสิ้น
ฟากของศิษย์รับใช้
แม้พวกเขาจะไม่ได้เข้าร่วมในภารกิจคลื่นอสูร แต่หลังจากทำงานรับใช้เสร็จแล้ว พวกเขาก็ใช้เวลาทั้งหมดไปกับการบ่มเพาะ
ไม่มีพรสวรรค์ไม่ใช่เรื่องน่ากลัว สิ่งที่น่ากลัวคือไม่พยายาม!
ฟากของอสูรศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่
ศิษย์รับใช้บางคนถึงกับสงสัยว่า เหตุใดอสูรศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่จึงขยันขันแข็งเกินคนธรรมดา
เจ้าทั้งสี่ไม่ต้องฝึกฝนหรืออย่างไร? หรือแม้แต่งานรับใช้ เจ้าก็ยังต้องแข่งกันทำ
แต่ไม่มีใครรู้ว่าอสูรศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่คือผู้ที่เคยสร้างความหวาดกลัวในคลื่นอสูร
ฟากของเนี่ยห่ายหลง
เมื่อศิษย์ทุกคนจากไปแล้ว เขาเพียงคิดเล็กน้อย ก่อนจะหายตัวไปจากที่เดิมอย่างไร้ร่องรอย
ในขณะเดียวกัน
สำนักชิงหยุน – บริเวณหลังเขา
เฟิงชิงหยางนั่งตกปลาริมลำธาร พลางครุ่นคิด
"คราวนี้จะส่งผู้อาวุโสคนใดไปดี?"
ภารกิจรับศิษย์นี้สามารถทำให้เขาได้รับรางวัลจากระบบ อีกทั้งยังช่วยแก้ปัญหาขาดแคลนโอสถในสำนัก
"เจ้าเทพระบบ! เหตุใดไม่ส่งปรมาจารย์หลอมโอสถเก่งๆมาให้ข้า?
ถ้าหลังจากรับศิษย์เสร็จแล้ว ระบบให้บัตรสุ่มอีก แล้วข้าดันสุ่มได้แต่ปรมาจารย์หลอมโอสถ ข้าจะต้องอกแตกตายแน่!"
อย่างไรก็ตาม แดนศักดิ์สิทธิ์เล็กๆเช่นนี้ ไม่มีความจำเป็นที่เขาจะต้องลงมือด้วยตนเอง
"หรือว่าจะส่งหลงเสียไป?"
เขานึกถึงหลงเสีย ผู้อาวุโสผู้พิทักษ์ที่มีใบหน้าเย็นชาดุจน้ำแข็ง "งานเชิญ (ปล้น) คนเช่นนี้ ต้องให้คนที่สุภาพ (แข็งกร้าวและเย็นชา) จัดการ"
เฟิงชิงหยางจึงใช้พลังจิตสำนึกส่งข่าวให้หลงเสียมาพบ
ไม่ทันข้ามลมหายใจ หลงเสียก็ปรากฏตัว
"ท่านเจ้าสำนัก มีสิ่งใดให้ข้ารับใช้?"
ในฐานะผู้อาวุโสผู้พิทักษ์ หลงเสียแทบจะไม่อยากมีเวลาพัก และโหยหาการต่อสู้อยู่ตลอด
บัดนี้ เมื่อได้รับคำสั่งจากท่านเจ้าสำนัก เขาจึงปรากฏรอยยิ้มแปลกๆบนใบหน้าที่เยือกเย็น
เคยเห็นคนที่ครึ่งหน้าบนเย็นชา แต่ครึ่งหน้าล่างยิ้มบ้างหรือไม่?
"ข้ามีงานให้เจ้าทำ"
"ไปที่แดนศักดิ์สิทธิ์หยู้ตาน ทำให้พวกเขาสยบต่อสำนักชิงหยุน
และนำตัวปรมาจารย์หลอมโอสถทั้งหมดกลับมา จำไว้ว่า ทั้งหมด!"
หลงเสียที่ตื่นเต้นอยู่แล้ว ยิ่งตื่นเต้นขึ้น
"แดนศักดิ์สิทธิ์? คราวนี้สนุกแน่!"
"ท่านเจ้าสำนักวางใจได้ ข้าเพียงใช้มือเดียวก็ล้มพวกเขาได้หมด"
”ไม่ใช่! ข้าให้เจ้าไปเชิญ (ปล้น) พวกเขามา ไม่ใช่ให้ไปทำลาย
นี่แหละ คนที่แข็งกร้าวเกินไปจะมีสมองหรือไม่ก็ไม่รู้"
หลงเสียสะดุ้งเล็กน้อย "ขออภัยท่านเจ้าสำนัก ข้าเข้าใจผิด"
"แต่ถ้าพวกเขาไม่ยอมล่ะ?"
"เจ้าต้องให้ข้าสอนอีกหรือ? หากไม่ยอมก็ฆ่าโชว์ก่อนสักคน ถ้ายังไม่ยอมอีกก็ค่อยทำลาย!"
"ท่านเจ้าสำนักวางใจได้ ข้าจะจัดการให้เรียบร้อย"
พูดจบ หลงเสียก็บินขึ้นสู่ท้องฟ้า มุ่งหน้าสู่แดนศักดิ์สิทธิ์หยู้ตาน
เฟิงชิงหยางถอนหายใจเบาๆ
"ทุกอย่างต้องจบด้วยการฆ่าฟัน ช่างน่าเบื่อสิ้นดี"
ในขณะเดียวกัน
เนี่ยห่ายหลง ผู้อาวุโสหอคำภีร์ เดินทางมาพบเฟิงชิงหยาง
"ท่านเจ้าสำนัก ข้ามีเรื่องต้องรายงาน"
"ว่ามา"
เฟิงชิงหยางหันกลับมามอง
"ในสร้อยคอศักดิ์สิทธิ์ของศิษย์สายนอก มีเศษเสี้ยวจิตวิญญาณอยู่
มันอ้างว่าเป็นอาจารย์ของศิษย์คนหนึ่ง และติดตามเข้ามาในสำนัก
เมื่อครู่นี้ พวกเขาพยายามเข้าสู่หอคำภีร์ แต่ข้าได้จับกุมไว้"
เนี่ยห่ายหลงเล่ารายละเอียดและสิ่งที่ได้สอบถามจากทั้งสองให้ฟัง
"โอ้? ศิษย์คนนั้นคือหนิงเหยียนใช่หรือไม่?"
เฟิงชิงหยางยิ้มเล็กน้อย "ข้ารู้อยู่แล้ว"
ตั้งแต่หนิงเหยียนเข้ามาในสำนัก เขาเห็นข้อมูลผ่านระบบตั้งแต่แรก
ในหมู่ศิษย์ใหม่ มีทั้งมหาจักรพรรดิผู้กลับชาติมาเกิด และคนที่มี "อาจารย์ปู่" ในสร้อยคอ