ตอนที่ 315 โลกิ ครั้งนี้ฉันช่วยนายครั้งใหญ่เลยทีเดียว!
ตอนที่ 315 โลกิ ครั้งนี้ฉันช่วยนายครั้งใหญ่เลยทีเดียว!
เพียงคำพูดเดียวก็ทำให้อากาศรอบกองทัพแอสการ์ดเปลี่ยนเป็นกลิ่นอายแห่งการสังหารที่ไม่สิ้นสุด
เอริคทำท่าเหมือนกระโดดขึ้นหลังม้า แต่แทนที่จะเป็นม้าธรรมดาเหมือนคนอื่น ทันใดนั้นมังกรยักษ์ดุร้ายก็ขึ้นมาจากอากาศอย่างกะทันหัน ก่อนที่เขาจะขี่มังกรไปข้างหน้าอย่างยิ่งใหญ่ พร้อมชี้หอกกุงเนียร์ชี้ไปเบื้องหน้า “ออกเดินทาง!”
กองทัพแอสการ์ดสองหมื่นคนมุ่งหน้าสู่สะพานสายรุ้งเพื่อมุ่งหน้าสู่โยธันไฮม์
ถึงแม้จะเรียกว่ากองทัพใหญ่ และเห็นว่ามีกองทัพเพียงแค่สองหมื่นคนเท่านั้น แต่จริง ๆ แล้วทหารเพียงสองหมื่นคนนี้คือหน่วยรบที่ดีที่สุดของแอสการ์ด พวกเขาแข็งแกร่ง ฝึกฝนมานานจนชำนาญทั้งการใช้อาวุธและการรบเป็นกลุ่ม ซึ่งความสามารถนี้สร้างขึ้นจากการสั่งสมประสบการณ์มาอย่างยาวนาน
พวกยักษ์น้ำแข็งแห่งโยธันไฮม์เองก็ได้รับ ‘คำตัดสิน’ ของเอริคตั้งแต่สิบวันก่อนแล้วเช่นกัน และเมื่อข่าวนี้ถูกประกาศไปทั้งเก้าอาณาจักร ยักษ์น้ำแข็งเองก็ไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้อีกต่อไป
ทำให้การตัดสินใจว่าจะสู้หรือยอมแพ้ กลายเป็นประเด็นถกเถียงในโยธันไฮม์ เมื่อครั้งต้องเผชิญหน้ากับโอดิน พวกเขาเคยยอมแพ้มาแล้ว และต้องสูญเสียทั้ง ‘เทสเซอร์แรค’ และ ‘หีบแห่งความหนาวเหน็บ’
สุดท้าย ลอว์ฟี่ ราชาแห่งยักษ์น้ำแข็งก็ตัดสินใจด้วยตัวเอง เขาลงมือฆ่าผู้ที่สนับสนุนให้ยอมแพ้ทั้งหมด เพื่อให้เสียงของโยธันไฮม์เป็นหนึ่งเดียว “หากเจ้าต้องการสงคราม งั้นก็ทำสงคราม!”
ทำให้ในช่วงสิบวันที่ผ่านมายักษ์น้ำแข็งก็ได้เตรียมพร้อมรับศึกอย่างเต็มที่เช่นกัน พวกมันนำอาวุธล้ำค่าที่เก็บไว้มาใช้ วางกับดักบนทุ่งน้ำแข็ง และเก็บกักอาหารไว้เผื่อฉุกเฉิน เพราะสะพานสายรุ้งของแอสการ์ดนั้นสามารถเคลื่อนย้ายกองทัพมายังโยธันไฮม์ได้ในพริบตา ทำให้พวกมันไม่รู้ว่าศัตรูจะมาจากทิศไหน จึงได้แต่วางกำลังในจุดเดียว และรอคอยการมาถึงของแอสการ์ด
จนกระทั่งในที่สุดสะพานสายรุ้งที่เชื่อมต่อกับอาณาจักรทั้งเก้าก็ปรากฏขึ้น พร้อมกับเอริคที่นำกองทัพสองหมื่นนายบุกเข้าโจมตีสู่โยทันไฮม์ทันที!
เมื่อเงยหน้าขึ้นเอริคก็มองเห็นพื้นน้ำแข็งที่ทอดยาวไปสุดลูกหูลูกตา ก่อนที่เขาจะยกนิ้วชี้เบา ๆ ทันใดนั้น ยักษ์น้ำแข็งที่ซ่อนตัวอยู่ห่างออกไปหลายไมล์ก็ล้มลงอย่างไร้ลมหายใจ
หลังจากนั้นเขาก็กระโดดลงจากมังกร และใช้หอกกุงเนียร์กระแทกพื้นน้ำแข็งจนเกิดรอยร้าวกว้างทอดยาวไปเบื้องหน้า “เหล่าทหาร! ให้รอยร้าวนี้เป็นเส้นแบ่ง พวกนายต้องรุกคืบไปสองร้อยไมล์ก่อนเที่ยงคืน ใครถึงก่อนจะได้เป็นเทพ ใครฆ่าศัตรูได้มากที่สุดก็จะได้เป็นเทพ!”
คำว่า ‘เป็นเทพ’ มีความหมายลึกซึ้งมากต่อชาวแอสการ์ดมาก เทียบได้กับการสอบเข้ารับราชการบนโลก เป็นสิทธิพิเศษที่ไม่ใช่แค่การได้พลังศักดิ์สิทธิ์ แต่ยังเป็นตำแหน่งอันมั่นคงในสังคม ดังนั้นการได้เป็นเทพจึงเป็นแรงจูงใจอันล้ำค่าของทุกคน
“โอ้ว!” ทันใดนั้นเสียงโห่ร้องของทหารก็ดังก้องขึ้นทันที พวกเขาจับอาวุธแน่นพร้อมรอคำสั่ง
“ฆ่า!” เอริคตะโกนขึ้นเสียงดัง
“เพื่อแอสการ์ด!” ทหารตอบรับด้วยเสียงดังลั่น ก่อนกรูกันเข้าใส่ยักษ์น้ำแข็งอย่างไม่เกรงกลัว
การบุกจู่โจมแบบกระจัดกระจายเช่นนี้อาจเกิดขึ้นได้เฉพาะในช่วงแรกเท่านั้น เมื่อเผชิญหน้ากับยักษ์น้ำแข็ง การบุกแบบนี้อาจหมายถึงการหายนะ อย่างไรก็ตามถ้าดูจากสถานการณ์ตรงหน้านี่คือวิธีที่ดีที่สุดในการปลุกขวัญกำลังใจของทหาร
เอริคมองดูทหารที่วิ่งออกไป ก่อนนั่งขัดสมาธิลงกับพื้น วางฝ่ามือทั้งสองลงเพื่อเชื่อมต่อกับพลังสนามแม่เหล็กโลก
สนามแม่เหล็กคือพลังที่แท้จริงและชำนาญที่สุดของเอริค และมันมักมีบทบาทสำคัญในหลายสถานการณ์ หลังจากนั้นไม่นานเอริคก็เชื่อมต่อกับสนามแม่เหล็กของโลกได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ทั้งโยทันไฮม์ไม่สามารถปิดบังอะไรจากสายตาของเขาได้อีกต่อไป ส่วนทหารแอสการ์ดก็เคลื่อนพลต่อไป และเมื่อพวกเขาพบเจอยักษ์น้ำแข็งหรือสัตว์ประหลาดน้ำแข็งพวกเขาก็สังหารพวกมันจนเป็นชิ้น ๆ อย่างโหดเหี้ยม
ส่วนทางฝั่งของยักษ์น้ำแข็งนั้น ราชาลอว์ฟี่ที่เพิ่งได้รับข่าวการเคลื่อนไหวของกองทัพแอสการ์ด หลังจากชั่งใจครู่หนึ่ง เขาก็นำกองทัพของตนออกวิ่งด้วยความเร็ว อย่างไรก็ตามถึงแม้จะมีสัตว์ประหลาดน้ำแข็งเป็นพาหนะ แต่ระยะทางก็ยังไกล และต้องใช้เวลาพอสมควร ดังนั้นด้วยเวลาตรงนี้มันจึงเพียงพอที่กองทัพแอสการ์ดจะบุกโจมตีได้เข้าไปร้อยไมล์ได้อย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้นเอริคก็ยืนขึ้น มองไปยังทิศทางของลอว์ฟี่ “ถ้าช้าแบบนี้ งั้นฆ่าทิ้งไปดีกว่าจะได้จบ ๆ!”
พูดจบร่างของเขาก็หายไปในพริบตา
ในขณะเดียวกันลอว์ฟี่กำลังนำกองทัพของตนเคลื่อนพลด้วยความเร็วเต็มที่ เขานั่งอยู่บนสัตว์ประหลาดน้ำแข็งตัวมหึมา มือข้างหนึ่งถือขวานสงคราม อีกข้างหนึ่งถือดาบที่ดูเหมือนมีดหั่นผัก ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความจริงจัง
ทันใดนั้นไม่ไกลจากเบื้องหน้าเขา จู่ ๆ มันก็มีร่างหนึ่งปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่าอย่างกะทันหัน ทำให้ลอว์ฟี่จ้องเขม็งด้วยความเย็นชา แต่เขากลับไม่มีอาการหยุดชะงักเลยแม้แต่น้อย และโน้มตัวลงพร้อมกระตุ้นให้สัตว์ประหลาดน้ำแข็งใต้ร่างเร่งความเร็วขึ้น
“ลอว์ฟี่!” เอริคปักหอกกุงเนียร์ลงบนพื้นน้ำแข็ง ทันใดนั้นปลายหอกก็ปลดปล่อยสายฟ้าจำนวนมหาศาลฟาดใส่ยักษ์น้ำแข็งที่กำลังวิ่งกรูเข้ามา ทำให้พวกมันล้มลงอย่างอลหม่าน
สัตว์ประหลาดน้ำแข็งใต้ร่างของลอว์ฟี่เองก็โดนสายฟ้าโจมตีเข้าอย่างจัง ส่วนหัวของมันถูกเผาจนดำไหม้ และส่งเสียงร้องโหยหวนก่อนล้มลงกับพื้น ทำให้ลอว์ฟี่กระเด็นขึ้นกลางอากาศทันที แต่หลังจากผลิกตัวกลางอากาศ เขาก็สามารถลงสู่พื้นได้อย่างปลอดภัย
“เอริค แลนเซอร์?” ลอว์ฟี่พูดอย่างเย็นชา เขาไม่รู้จักเอริค แต่รู้จักหอกกุงเนียร์ดี เพราะมันคืออาวุธที่เคยสังหารชาวเผ่าของเขาไปมากมาย!
“ใช่ ฉันเอง!” เอริคเชิดหน้าขึ้น มองลอว์ฟี่ด้วยสายตาเหยียดหยาม
ลอว์ฟี่สะบัดดาบในมือ “ทำไมเจ้าต้องโจมตีพวกเรา?”
“ฉันมาจากมิดการ์ด!” เอริคยกหอกกุงเนียร์ชี้ไปที่ลอว์ฟี่
“ไอ้โลกิสารเลว!” ลอว์ฟี่สบถทันที เขารู้แล้วว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันเป็นเพราะแผนร้ายของโลกิ แต่เขาก็ไม่มีทางยอมแพ้ง่าย ๆ และเงื้อดาบขึ้นพร้อมตะโกนลั่น “เอริค เจ้าไม่ใช่โอดิน!”
“ถูกต้อง ฉันไม่ใช่โอดิน แต่ฉันน่ากลัวยิ่งกว่าโอดิน!” เอริคแสยะยิ้มเย็นชา พร้อมกับหอกกุงเนียร์ที่ปลดปล่อยแสงสีทองร้อนแรงออกมา
“เจ้า!” ลอว์ฟี่สบถเสียงดัง และรีบยกแขนซ้ายขึ้นสร้างโล่น้ำแข็งมาป้องกันการโจมตีจากเอริคไว้ได้อย่างหวุดหวิด
เอริคส่ายหัวด้วยความดูถูก “แค่นี้เองเหรอ! ไม่น่าแปลกใจที่แม้แต่โลกิก็ฆ่านายได้!”
พูดจบเอริคก็ออกแรงดันหอกกุงเนียร์ไปข้างหน้ายิงลำแสงสีทองออกไปอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้ลอว์ฟี่รู้สึกได้ถึงแรงกดดันมหาศาลจากลำแสงสีทองมากกว่าก่อนหน้านี้ ทำให้เขาถูกดันถอยหลังทิ้งร่องรอยเท้าลึกสองแถวไว้บนพื้นน้ำแข็ง
ในขณะเดียวกันพวกยักษ์น้ำแข็งที่เพิ่งได้สติเมื่อเห็นราชาของตนถูกบีบให้ล่าถอย พวกมันก็ถือกระบองหนามขนาดใหญ่วิ่งคำรามเข้าหาเอริคด้วยความโกรธ
เอริคแค่นเสียงหัวเราะเบา ๆ พร้มอกับหอกกุงเนียร์ในมือที่ส่องแสงสีทองเจิดจ้า ก่อนจะระเบิดพลังมหาศาลออกมาใส่ยักษ์น้ำแข็งเหล่านั้น และลอว์ฟี่
ตูม!!!
เพียงการโจมตีครั้งเดียวเอริคก็หมุนตัวเดินจากไปอย่างช้า ๆ สำหรับเขาลอว์ฟี่อ่อนแอเกินไป และอีกฝ่ายก็คงไม่สามารถต้านทานการโจมตีครั้งนี้ได้อย่างแน่นอน!
ความต่างชั้นระหว่างพวกเขาทั้งสองมันมากเกินไป ซึ่งเอริคมั่นใจในจุดนี้มาก!
“โลกิ ดูเหมือนฉันจะช่วยนายครั้งใหญ่ทีเดียว ไม่ว่านายจะเป็นตัวตนแบบไหนในอนาคต แต่ชื่อเสียงของผู้ที่ฆ่าพ่อก็ไม่ใช่เรื่องดีนัก!”
เอริคไม่รู้ว่าโลกิในอนาคตจะซาบซึ้งในความช่วยเหลือครั้งนี้ของเขาหรือไม่ . . .
โปรดติดตามตอนต่อไป …