ตอนที่ 186 เงาของจักรยาน(ฟรี)
พอเห็นสีหน้าเย็นชาของเจียงเย่ ผู้ชมในห้องถ่ายทอดสดก็เงียบ
จนกระทั่งเจียงเย่ยิ้ม บรรยากาศก็คึกคักขึ้นมาอีกครั้ง
"ผู้ดำเนินรายการ เมื่อกี้มีคนตามคุณเหรอ? คุณถึงโมโห?”
"จริงๆ แล้ว ผู้ดำเนินรายการโมโหเป็นครั้งคราวก็ดี ดูเท่ห์มาก!”
"ไม่ต้องสงสัย ผู้หญิงแน่ๆ”
เจียงเย่ยิ้ม "ฉลาดมาก ในห้องถ่ายทอดสดนี้มีคนเป็นแสน ผมแยกไม่ออกว่าใครเป็นผู้ชาย ผู้หญิง แต่เมื่อกี้ ผมแค่พูดซ้ำที่ลุงสามพูด”
"แล้วอย่าดูถูกศาลเจ้าพ่อหลักเมือง ไม่มีเจ้าพ่อหลักเมือง ถ้าพวกคุณไปที่นั่น ถ่ายรูป โพสต์ลงโซเชียล อาจจะเจอเรื่อง”
"พวกเราเข้าใจ เหมือนกับวัดบนภูเขาที่มีชื่อเสียงที่ห้ามนักท่องเที่ยวถ่ายรูป"
เจียงเย่พยักหน้า "ตอนนี้ ตี 2 กว่าแล้ว เรามารอสายกันต่อ ดูว่าคืนนี้มีใครขอความช่วยเหลือจากเราไหม”
พูดจบ โทรศัพท์ในห้องถ่ายทอดสดก็ดังขึ้น
เจียงเย่รับสาย "สวัสดีครับ ผมเจียงเย่ ผู้ดำเนินรายการสยองขวัญ คุณชื่ออะไรครับ?"
"สวัสดีค่ะ ผู้ดำเนินรายการ ในที่สุดฉันก็โทรหาคุณได้ ตอนที่ลุงหลี่โทรหาคุณ ฉันก็อยากจะโทรหาคุณเหมือนกัน แต่เขารีบกว่า ฉันก็เลยต้องรอจนถึงตอนนี้"
เจียงเย่"ให้คุณรอนานแล้ว แต่นอนดึกไม่ดีนะครับ ผู้หญิงต้องนอนเยอะๆ ถึงจะสวย”
"ขอบคุณที่เป็นห่วงค่ะ เรียกฉันว่าเสี่ยวเม่ยก็ได้ค่ะ ฉันเพิ่งเริ่มทำงานที่เมืองหลัวหู ตอนนี้ ทำงานเป็นพนักงานขายนาฬิกาในห้างสรรพสินค้าค่ะ”
"ไม่เลวนะครับ ค่านายหน้าน่าจะเยอะ"
"ก็งั้นๆ แหละค่ะ ร้านของเราไม่ได้ขายนาฬิกาหรู ราคาแค่ไม่กี่พันหยวน แต่ถ้าขยัน ก็หาเงินได้เยอะเหมือนกันค่ะ”
"ผมเข้าใจแล้ว งั้นอย่าเสียเวลาเลยครับ เล่าเรื่องของคุณให้ผมฟัง”
เจียงเย่พูดจบ ฝั่งเสี่ยวเม่ยก็เงียบไป แล้วก็มีเสียงกรีดร้องดังมาจากห้องของเธอ
และในเสียงกรีดร้องนั้นเหมือนจะมีเสียงเพลง
เสียงเพลงนั้นน่าขนลุก
เจียงเย่กังวล "เสี่ยวเม่ย เกิดอะไรขึ้น?”
"ขอโทษค่ะ ฉันพักอยู่ที่หอพักกับเพื่อน 2 คน ตอนนี้ พวกเธอกำลังดูหนังผีอยู่ค่ะ”
เจียงเย่นึกถึงคำว่าสุดยอด ผู้ชมในห้องถ่ายทอดสดก็พูดถึงเนื้อย่างกับเบียร์
พอตั้งสติได้ เจียงเย่ก็ยิ้ม "ตอนนี้เธอน่าจะกลัวมาก ใช่ไหม? ตอนที่พวกเธอดูหนังผี เธอก็ดูด้วยเหรอ?”
"ฉันขดตัวอยู่บนเตียง ไม่กล้าดู ฉันบอกพวกเธอแล้ว แต่พวกเธอไม่ฟัง ไม่เป็นไรค่ะ ผู้ดำเนินรายการ หอพักนี้ทางร้านจัดให้ ฉันไม่มีสิทธิ์ขอให้พวกเขาทำตามความต้องการของฉัน”
ตอนที่พูด เสี่ยวเม่ยที่ปลายสายดูเหมือนจะน้อยใจ สะอื้นไห้
แต่เธอก็พูดถูก หอพักไม่ใช่ของเธอคนเดียว คนอื่นไม่มีสิทธิ์แทรกแซง
ไม่นาน ก็ได้ยินเสียงหัวเราะของผู้หญิง 2 คนจากในหอพัก
เจียงเย่เริ่มจะหมดความอดทน ถ้าบอกว่าทุกคนมีอิสระส่วนตัว ก็น่าจะเบาๆ หน่อยตอนกลางคืน ใช่ไหม?
เพื่อนร่วมงาน.. ตั้งใจหรือเปล่า?
"ผู้ดำเนินรายการ ผู้ดำเนินรายการ ได้ยินฉันไหมคะ?” เสียงของเสี่ยวเม่ยเบามาก
เจียงเย่ยิ้ม "ได้ยิน ทำไมเธอไม่ออกไปคุยโทรศัพท์ละ? ผมว่าเธอไม่กล้าพูดกับพวกเธอ แบบนี้ คงจะเล่าเรื่องไม่จบ"
"ค่ะ เดี๋ยวฉันออกไป”
เสี่ยวเม่ยลุกขึ้น แต่พอเปิดประตู ก็ได้ยินเพื่อนร่วมงานด่า "เสี่ยวเม่ย ทำอะไร? เปิดประตูตอนนี้ รู้ไหมว่าจะรบกวนคนอื่น?”
"บอกให้พวกเธอหุบปาก ถ้าพูด 2 คำนี้ไม่ได้ ผมจะวางสาย”
เจียงเย่พูดเบาๆ เสี่ยวเม่ยก็ยืนนิ่ง แล้วเธอก็ไม่รู้ว่าเอาความกล้ามาจากไหน ตะโกนอย่างเย็นชา "หุบปาก พวกแกหูหนวกหรือไง? เสียงหัวเราะของพวกแกเหมือนคนบ้า!”
"ปัง!”
เสี่ยวเม่ยพูดจบก็ปิดประตูเสียงดัง โลกก็เงียบลง
"ทำได้ดีมาก เสี่ยวเม่ย ถึงแม้ว่าผมจะเป็นผู้ดำเนินรายการสยองขวัญ แต่บางครั้งเจอเรื่องแบบนี้ ก็ต้อง.. ด่าพวกเขา!”
"...."
เสี่ยวเม่ยที่ปลายสายร้องไห้ เจียงเย่ไม่ได้พูดอะไร พอเธอสงบสติอารมณ์ เขาก็พูด "เสี่ยวเม่ย เล่าเรื่องของคุณให้ผมฟัง”
"ผู้ดำเนินรายการ คุณเคยปั่นจักรยานสาธารณะของเฉินฉุนไหมคะ?"
เจียงเย่ประหลาดใจ "เคยสิ ช่วงนี้ก็น่าจะเคยปั่น”
"ทุกอย่างเริ่มต้นจากจักรยานสาธารณะ หอพักอยู่ห่างจากห้าง 3 กิโลเมตร ทุกคืน พวกเราต้องรอจนกว่าห้างจะปิด ถึงจะเลิกงาน ปกติ ประมาณ 3 ทุ่ม วันหยุด ต้องรอถึง 4 ทุ่มครึ่ง ถึงจะกลับมาได้”
"คืนนั้น ฉันเลิกงาน 4 ทุ่มครึ่ง เพราะว่าเป็นวันหยุด คุณก็รู้ว่าฉันกับเพื่อนร่วมงานไม่ค่อยถูกกัน ฉันก็เลยไปทำงานคนเดียว คืนนั้น ฉันเป็นคนสุดท้ายที่ออกจากห้าง ฉันเช็ดตู้โชว์แล้วก็ล็อกประตู ลงไปข้างล่าง หาจักรยานสาธารณะ”
"ข้างล่างห้างมีที่จอดจักรยาน ทุกคืนก็จะมีรถ แต่คืนนั้น เหลือแค่คันเดียว ฉันเห็นว่าในตะกร้ารถมีกระเป๋า ก็เลยสงสัยว่ามีคนลืมของไว้”
"ฉันก็เลยรออยู่ที่นั่น รอตั้งแต่เกือบ 5 ทุ่ม จนถึง 5 ทุ่มครึ่งก็ไม่มีใครมา ฉันก็เลยต้องปั่นไป ไม่งั้น ต่อให้แค่ 3 กิโลเมตร เดินก็ลำบาก พอกลับไป พวกเธอก็จะหาเรื่อง ตอนนั้น ฉันคิดจะปั่นไปไกลหน่อย แล้วก็เลี้ยวไปที่สถานีตำรวจอีกฝั่งหนึ่ง เอาของไปให้ตำรวจ ในกระเป๋ามีอัลบั้มรูป แต่รูปพวกนั้นเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวของคนอื่น ฉันก็เลยไม่ได้ดู แต่ในกระเป๋ามีเครื่องสำอางราคาแพง ฉันก็เลยคิดจะเอาไปให้ตำรวจเร็วๆ”
"ฉันปั่นจักรยาน พอถึงสี่แยกไฟแดง ฉันก็หยุด บนถนนไม่มีคนแล้ว ฉันรู้สึกหนาวๆ แต่ฉันไม่กลัว ตอนนั้น ฉันทำงานมาหลายเดือนแล้ว ถนนสายนั้นฉันคุ้นเคยมาก"
"พอไฟเขียว ฉันก็ปั่นจักรยานไปบนทางเท้า ฉันมองไปข้างๆ โดยไม่รู้ตัว ตอนนั้น เงาของรถอยู่ข้างๆ พอหันไป ฉันก็ไม่ทันสังเกต ตอนแรก ฉันงงๆ พอหันกลับไปมอง ก็มีคนนั่งอยู่บนตะกร้าจักรยาน..ไม่สิ ที่จริงเป็นเงา! เพราะว่าในตะกร้าจักรยานที่ฉันปั่นไม่มีใคร!”
"แต่เงาชัดเจนมาก ผมยาวสยาย ปล่อยเท้าห้อยลงมา ฉันจอดรถ ยืนอยู่บนทางเท้า เงานั้นก็นั่งนิ่งๆ อยู่ในตะกร้า..”
ปล.ขอโทษที่หายไปนานครับ วันนี้มาชดเชย สิบตอนรวดดดดด