ตอนที่แล้ว(อ่านฟรีชั่วคราว) บทที่ 1318 ระเบิดการบำเพ็ญเพียรครั้งใหญ่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป(อ่านฟรีชั่วคราว) บทที่ 1320 สร้างหอปิดฟ้าสำเร็จ ภารกิจใหม่เริ่มต้น!

(อ่านฟรีชั่วคราว) บทที่ 1319 นักปล้นสะดม


หลังจากเสร็จสิ้นการบำเพ็ญเพียร เหวินผิงเดินออกมาจากหุบเขาฟาหยวน และแวะไปที่วิหารศิลปะวังวนเพื่อดูสถานการณ์ของน่าหลานมู่หง

เมื่อได้พบหน้าน่าหลานมู่หงอีกครั้ง เหวินผิงรู้สึกว่าทัศนคติต่อนางเริ่มเปลี่ยนไป เขาเริ่มคิดว่าน่าหลานมู่หงอาจไม่จำเป็นต้องถูกกำจัดเหมือนแต่ก่อน เพราะแม้นางเคยเป็นศัตรู แต่ในตอนนี้นางก็ยังมีคุณค่ามากพอ หากสามารถควบคุมนางได้ การเก็บไว้ใช้งานก็อาจเป็นทางเลือกที่ดี

เมื่อน่าหลานมู่หงเห็นเหวินผิง นัยน์ตาของนางปราศจากความโกรธหรือความหวังเหมือนก่อนหน้า แต่กลับถามขึ้นอย่างเรียบเฉยว่า

“เจ้าสำนักเหวิน ถึงคราวของข้าแล้วใช่หรือไม่?”

“ถึงคราวอะไรของเจ้า?”

เหวินผิงมองน่าหลานมู่หงอย่างสงสัย เขารู้สึกว่านางมีท่าทีเหมือนคนที่หมดอาลัยตายอยาก

น่าหลานมู่หงหัวเราะอย่างขมขื่นก่อนตอบอย่างสงบว่า “หลังจากที่สวรรค์ไร้ใจตาย ข้าก็ควรถึงคราวตามไปด้วยมิใช่หรือ?”

หลังจากต่อสู้ดิ้นรนมาหลายวัน น่าหลานมู่หงได้เตรียมใจยอมรับความตายแล้ว นางไม่ได้รู้สึกหวาดกลัว เพราะคิดว่าตนควรตายตั้งแต่เมื่อหลายร้อยปีก่อน การมีชีวิตอยู่มาจนถึงตอนนี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับนาง

เหวินผิงไม่ได้ตอบอะไร

น่าหลานมู่หงถามขึ้นอีกครั้งว่า “ดูเหมือนว่าวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายของข้า เจ้าสำนักเหวิน ข้าขอถามอะไรสักข้อในฐานะคนที่กำลังจะตายได้หรือไม่?”

“ถามมา”

“ในคลังสมบัตินั้น มีเคล็ดวิชาและพลังหยวนหยางใช่หรือไม่?”

“มี และไม่น้อยด้วย”

น่าหลานมู่หงถอนหายใจด้วยความหมดหวังก่อนหัวเราะเบา ๆ นางก้าวเดินออกมาอย่างสงบ ท่าทางนิ่งสงบแต่แฝงด้วยความเศร้า

“ไม่ต้องรบกวนท่านผู้อาวุโสลงมือหรอก ข้าจัดการตัวเองได้” นางหันไปมองจ้าวแห่งการพิทักษ์ทั้งสองคน ก่อนเปิดประตูชีพจรวิญญาณเตรียมทำลายตัวเอง

หยูเยว่ที่อยู่ใกล้รีบถอยออกไปซ่อนหลังเหวินผิง ขณะที่เหวินผิงก้าวเข้าไปใกล้และวางมือบนไหล่ของน่าหลานมู่หงพร้อมพูดว่า “ตอบคำถามของข้าให้เสร็จก่อนค่อยตายก็ไม่สาย”

น่าหลานมู่หงชะงัก นางไม่ต้องถูกฆ่าแล้วหรือ?

แสงแห่งความหวังเริ่มสาดส่องในใจนางอีกครั้ง ความปรารถนาที่จะมีชีวิตรอดผลิบานอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

“เจ้าสำนัก ท่านถามมา ข้าจะตอบทุกคำตามความจริง!”

เหวินผิงถามว่า “เจ้ามาจากที่ไหน?”

“ฉีหยุนเทียน เป็นโลกหยวนหยางที่คล้ายกับช่องเขาเฉาเทียน ไม่มีฐานขอบเขตหยวนหยางอยู่ ใกล้กับช่องเขาเฉาเทียนมาก”

“ฉีหยุนเทียน...” เหวินผิงพึมพำก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าโลกหยวนหยางที่อยู่ใกล้ช่องเขาเฉาเทียนที่สุดก็คือฉีหยุนเทียน ซึ่งจ้าวปกครองดูเหมือนจะมีชื่อว่าอะไร หยุนฉี?

แต่ฉีหยุนเทียนไม่ใช่มีฐานขอบเขตหยวนหยางอยู่หรือ? หากมีฐานขอบเขตหยวนหยาง โลกนั้นก็คงเป็นโลกหยวนหยางระดับเจ็ดดาว

น่าหลานมู่หงรีบพูดเสริมว่า “เจ้าสำนัก ท่านรู้อยู่แล้วว่าข้ามาจากภายนอกช่องเขาเฉาเทียน!”

เหวินผิงไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มเติมและถามต่อว่า “ทำไมเจ้าถึงมาที่ช่องเขาเฉาเทียน? ฉีหยุนเทียนในตอนนี้เป็นโลกหยวนหยางระดับเจ็ดดาวแล้ว ย่อมรุ่งเรืองและแข็งแกร่งกว่าช่องเขาเฉาเทียนมากนัก”

“ถึงกับเป็นเจ็ดดาวแล้ว…”

เมื่อน่าหลานมู่หงได้ยินข่าวนี้ นัยน์ตาของนางเผยให้เห็นถึงความสิ้นหวัง ก่อนจะถอนหายใจลึกแล้วอธิบายต่อ

“มันไม่ใช่เพราะความต้องการของข้า แต่เพราะถูกขับไล่…ครอบครัวของข้าเคยเป็นหนึ่งในขุมกำลังชั้นยอดของฉีหยุนเทียน แต่เมื่อพ่ายแพ้ในการแย่งชิงตำแหน่งจ้าวปกครองของฉีหยุนเทียน ทำให้ทั้งตระกูลถูกขับไล่ออกจากฉีหยุนเทียน และต้องเร่ร่อนในความว่างเปล่า พวกเราตั้งใจจะหาที่พำนักใหม่ในโลกหยวนหยางแห่งหนึ่ง แต่กลับถูกกลุ่มนักปล้นสะดมปล้นจนสิ้น พวกมันไม่เพียงปล้นพวกเรา แต่ยังสังหารผู้คนในตระกูลข้าจนเกือบหมด ข้าโชคดีหนีรอดมาได้ หลังจากหลบหนีอยู่หนึ่งปี ข้าก็บังเอิญเข้ามาในช่องเขาเฉาเทียน”

เมื่อพูดจบ น่าหลานมู่หงรีบเสริมว่า “ท่านเจ้าสำนักเหวิน ท่านสามารถเรียกเว่ยเฉิงซิงอวี่มาตรวจสอบได้ ข้ารับรองว่าไม่มีคำพูดใดเป็นคำโกหก”

แต่เหวินผิงไม่ได้เรียกเว่ยเฉิงซิงอวี่มาตรวจสอบ เพราะไม่ว่าสิ่งที่น่าหลานมู่หงพูดจะจริงหรือเท็จ มันก็ไม่ได้สำคัญกับสถานการณ์ตอนนี้

“กลุ่มนักปล้นสะดม?”

เหวินผิงสนใจประเด็นนี้มากกว่า

น่าหลานมู่หงอธิบายว่า “ส่วนใหญ่มักเป็นผู้ฝึกตนที่โลกหยวนหยางของพวกเขาถูกปล้นหรือยึดครองจนไม่มีที่อยู่ อีกส่วนหนึ่งมาจากผู้ฝึกตนธรรมดาในโลกหยวนหยางต่าง ๆ ระดับสวรรค์ไร้ขอบเขตขั้นสูงเป็นเพียงเกณฑ์ขั้นต่ำสำหรับการเข้าร่วมกลุ่ม และแม้จะเข้าร่วมได้ก็ถือเป็นเพียงเบี้ยล่าง ส่วนใหญ่เป็นระดับครึ่งก้าวสู่หยวนหยาง พวกเขาอาศัยการปล้นเป็นวิถีชีวิต และมักปล้นโลกหยวนหยางอื่น ๆ บางกลุ่มถึงกับมีผู้บรรลุฐานขอบเขตหยวนหยางคอยสนับสนุน กลุ่มเหล่านี้มีจำนวนมาก และเมื่อพวกมันเล็งเป้าหมายที่โลกหยวนหยางใด โลกนั้นจะถูกปล้นจนหมดสิ้น บางกลุ่มถึงขั้นจับคนในโลกหยวนหยางทั้งหมดไปเป็นทาส ขายเป็นสินค้าและแรงงานราคาถูก”

“ไม่มีใครจัดการพวกมันหรือ?”

เหวินผิงรู้สึกตกใจเมื่อได้ยินว่าพวกมันถึงกับจับคนทั้งโลกไปเป็นทาส ความโหดร้ายนี้เกินกว่าที่เขาคิดไว้

“ไม่มีใครจัดการ เพราะโลกหยวนหยางระดับหกดาวส่วนใหญ่ไม่สามารถต่อกรกับพวกมันได้ ส่วนโลกหยวนหยางที่มีผู้บรรลุฐานขอบเขตหยวนหยางสนับสนุน ก็มักไม่สนใจตราบใดที่ผลประโยชน์ของตนเองไม่ได้รับผลกระทบ และในบางกรณี ผู้บรรลุฐานขอบเขตหยวนหยางเองก็เป็นหัวหน้าของกลุ่มนักปล้นสะดม”

“กลุ่มนักปล้นสะดมเหล่านี้มีมากแค่ไหน?”

“ไม่น้อยเลย อย่างในฉีหยุนเทียน ในช่วงสามร้อยปีที่ข้าใช้ชีวิตอยู่ พวกเราถูกโจมตีและปล้นถึงห้าครั้ง”

เมื่อได้ยินดังนั้น เหวินผิงคิดว่า นอกจากการสร้างหอปิดฟ้าแล้ว การปรับปรุงค่ายกลป้องกันนภาสวรรค์ก็ดูจะจำเป็นเช่นกัน แม้ว่ากลุ่มนักปล้นสะดมจะไม่สามารถโจมตีสำนักอมตะได้ ยกเว้นว่าพวกมันมีผู้บรรลุฐานขอบเขตหยวนหยาง แต่ถ้าพวกมันไปรบกวนพื้นที่อื่นในช่องเขาเฉาเทียนที่วงเวทย์เคลื่อนย้ายมิติไปไม่ถึงล่ะ? แทนที่จะต้องคอยป้องกันอย่างเหน็ดเหนื่อย ควรเพิ่มความสามารถในการโจมตีให้ค่ายกลป้องกันนภาสวรรค์ เพื่อไม่ให้พวกมันกล้าเข้ามาใกล้จะดีกว่า

“อย่าต่อต้าน”

เหวินผิงไม่ได้ถามอะไรต่อ แต่ส่งพลังหยวนหยางเข้าสู่ประตูชีพจรวิญญาณของน่าหลานมู่หง

น่าหลานมู่หงรู้ดีว่ามันหมายถึงอะไร

การฝังพลังหยวนหยางไว้ในประตูชีพจรวิญญาณ หมายความว่าชีวิตของนางจะขึ้นอยู่กับเหวินผิงตั้งแต่นี้ไป แต่ถึงอย่างนั้น มันก็เป็นวิธีเดียวที่จะทำให้นางมีชีวิตรอด

“ท่านเจ้าสำนักเหวิน ต่อไปข้าคือกระบี่ของท่าน”

แม้ว่าน่าหลานมู่หงจะตกอยู่ภายใต้การควบคุมของเขาแล้ว แต่เหวินผิงยังคงเตือนด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“หากเจ้าคิดคด เจ้ารู้ดีถึงผลที่จะตามมา ตั้งแต่วันนี้ไป เจ้าจะต้องเฝ้าอยู่ที่บันไดพันขั้น หากออกไปโดยไม่ได้รับคำสั่ง เจ้าจะต้องตาย!”

“ข้าเข้าใจแล้ว…” น่าหลานมู่หงพยักหน้า แม้ว่านางจะรอดชีวิตมาได้ แต่ในใจยังคงรู้สึกเจ็บปวด

เหวินผิงกล่าวต่อว่า “อย่าหาว่าข้าไม่ให้โอกาส หากเจ้าสามารถรักษาตำแหน่งในรายนามสวรรค์ได้หนึ่งปีเต็ม เจ้าจะได้รับเคล็ดวิชาระดับหยวนหยาง หรือเคล็ดวิชาลมปราณประจำสายหนึ่งอย่างตามที่เจ้าต้องการ”

“ขอบคุณเจ้าสำนัก!” น่าหลานมู่หงเผยรอยยิ้มแห่งความหวัง นางเชื่อว่าเหวินผิงไม่มีเหตุผลที่จะหลอกลวงตนเอง ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม นี่คือแสงแห่งความหวังสำหรับนาง

“ตามข้ามา” เหวินผิงไม่ได้กล่าวอะไรเพิ่มเติม เขาพาน่าหลานมู่หงไปยังบันไดพันขั้น และสั่งให้นางเฝ้าอยู่ที่ตีนบันได

ไม่มีจุดประสงค์พิเศษใด ๆ เพียงแค่ตอนนี้เขายังไม่รู้ว่าจะใช้นางในด้านใด แต่ในอนาคตนางย่อมมีประโยชน์อย่างแน่นอน ส่วนเรื่องการมอบเคล็ดวิชาระดับหยวนหยาง หากนางสามารถรักษาตำแหน่งได้ครบหนึ่งปีเต็ม การให้ไปก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย ในตอนนั้น การมีผู้ช่วยในระดับฐานขอบเขตหยวนหยางเพิ่มขึ้นอีกคนก็ถือว่าคุ้มค่า

หลังจากจัดการเรื่องของน่าหลานมู่หงเรียบร้อยแล้ว เหวินผิงกลับไปยังศาลาทิงอี่เพื่อดูดซับพลังไม้ และบำเพ็ญเพียรกายาบัวเขียวสวรรค์ นอกจากนี้ เขายังตรวจสอบวิญญาณอมตะจากปรโลกวิญญาณเพื่อดูว่ามีใครที่แข็งแกร่งกว่าซิงเทียนมาเยือนก่อนถึงจุดนัดพบหรือไม่ ผลปรากฏว่าไม่มี

แม้ว่าปรโลกวิญญาณจะไม่ได้นำความประหลาดใจมาให้ แต่จื่อหรันกลับนำข่าวดีมาบอกเขา นางเตรียมตัวจะปิดด่านบำเพ็ญเพียร เพราะหลังจากที่นางศึกษาหอทมิฬและสมบัติหยวนหยางมาเป็นเวลาหลายวัน นางเกิดความเข้าใจและพร้อมที่จะทะลวงเข้าสู่ระดับเจ็ดเกลียววังวน

เหวินผิงเข้าใจว่านี่เป็นผลมาจากบัฟการบำเพ็ญเพียรที่เกิดขึ้นในสำนัก หากจื่อหรันสามารถก้าวเข้าสู่ระดับเจ็ดเกลียววังวนได้ นั่นจะเป็นผลดียิ่งสำหรับสำนักอมตะ เพราะสมาชิกในสำนักทั้งหมดจะได้รับการเสริมสร้างพลังครั้งใหญ่

ส่วนทรัพยากรสวรรค์และโลก เหวินผิงไม่กังวลเลย เพราะมีสวนเซียนผู่ดูแลอยู่ ต่อให้ต้องการสมบัติวิเศษฟ้าดินที่มีอายุหมื่นปี สวนเซียนผู่ก็สามารถเพาะปลูกได้

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด