ตอนที่แล้วบทที่ 36 เรื่องแบบนี้มัน.. ใหญ่ไปหน่อยไหม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 38 ไม่ตื่นเต้นเลยเหรอ?

บทที่ 37 อยากจะรู้จักเฉินจิ่วซือให้มากขึ้น?


บทที่ 37 อยากจะรู้จักเฉินจิ่วซือให้มากขึ้น?

เมื่อการประชุมก็จบลง

เซี่ยงหมิงหลางนั้นรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังลอยอยู่

การเพาะปลูก การเพาะเลี้ยง การแปรรูป อุตสาหกรรม การท่องเที่ยว.. มีครบทุกอย่างเลย

มันเหมือนกับมีกองเงินที่ไร้ขีดจำกัดซึ่งกำลังรอให้พวกเขามาขนกลับบ้านอยู่ตรงหน้านี้แล้ว

มันสุดยอดไปเลย!

"อยู่กินข้าวด้วยกันก่อนแล้วค่อยกลับก็ได้นะ..."

ยังไม่ทันที่เฉินจิ่วซือจะพูดจบ เซี่ยงหมิงหลางก็รีบโบกมือ "ไม่ๆๆ ผมต้องรีบกลับไปเตรียมเอกสารที่เหลือ แล้วพวกเราจะรีบไปยื่นคำร้องที่อำเภอให้เร็วที่สุด!"

"ผู้ใหญ่บ้าน นี่มันจะไม่เป็นการให้ความหวังพวกเขาเกินไปหน่อยหรอครับ ถ้าพวกเรารวมกันแล้วแต่ทำตามที่รับปากไว้ไม่ได้ พวกเขาจะไม่ระเบิดใส่พวกเราหรอ"

เมื่อมองไปที่เซี่ยงหมิงหลางและคนอื่นๆ ที่จากไปแล้ว จ้าวหงเย่ก็รู้สึกกังวลใจ

นอกจากพื้นที่ 7,000 เอเคอร์ที่พูดถึงตอนแรกแล้ว ที่เหลือเขารู้สึกว่าเป็นการวาดฝันลมๆ แล้งๆ ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการผลักดันเรื่องพื้นที่ 30,000 เอเคอร์ การสร้างมูลค่า 1,000 ล้าน การดึงดูดนักท่องเที่ยวหลายล้านคนต่อปี การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในทะเล.. ยิ่งฟังดูมันก็ยิ่งน่าเหลือเชื่อเกินไป

ถึงแม้ในตอนนี้เขาจะรู้แล้วว่าเฉินจิ่วซือเป็นคนที่เก่งจริงๆ เก่งกว่าเขาไม่รู้กี่เท่า แต่เขาก็ไม่คิดว่า ในระยะเวลาอันสั้น เฉินจิ่วซือจะสามารถสร้างหมู่บ้านหยุนซีให้เป็นแบบนั้นได้

ทุกอย่างมันดูเหมือนจะเป็นภารกิจที่เป็นไปไม่ได้เลย

มันยากราวกับปีนขึ้นสวรรค์ก็ไม่ปาน!

เมื่อได้ยินดังนั้น ฝูเก๋อก็มองเขาแล้วพูดเบาๆ "จะกลัวอะไรล่ะ ในเมื่อรวมกันแล้ว กลัวว่าพวกเขาจะกลับคำเหรอ พวกคนเก่งๆ ในต่างประเทศตอนเลือกตั้งก็วาดฝันลมๆ แล้งๆ แบบนี้แหละ ไม่เห็นจะมีใครทำได้จริงเลย พอถึงตอนนั้น พวกเขาได้เงินตามพวกเรา แถมชีวิตก็ดีขึ้นด้วย ถ้าไม่ได้ตามที่พูดไว้แล้วจะเป็นอะไรไปล่ะ"

คนอื่นๆ ก็เห็นด้วยเช่นกัน

"ถ้าชีวิตดีขึ้นแล้ว ใครจะไปสนใจเรื่องพวกนั้นกัน"

"การที่พวกเราจะขยายการปลูกกล้วยไม้สกุลหวายเป็นเรื่องแน่นอน พวกเขามาทำงานที่โรงงาน มาทำงานที่แหล่งท่องเที่ยว ไปแกะสลักหินภูเขาไฟที่บริษัท พวกนั้นล้วนเป็นรายได้ที่จับต้องได้ทั้งนั้น"

"แต่เรื่องนี้ก็ควรจะยืดเวลาออกไปหน่อย ยิ่งนาน พวกเขาก็จะได้รู้สึกว่ามันไม่สำคัญแล้ว"

"หืม.." สีหน้าของเฉินจิ่วซือดูแปลกไปเมื่อได้ยินทุกคนพูดคุยกัน "ที่พวกคุณไม่เชื่อใจผมขนาดนั้นเลยเหรอ"

และทันใดนั้นก็เกิดความเงียบสงัด

ทำไมถึงพูดสิ่งที่คิดอยู่ในใจออกมาล่ะแบบนี้ล่ะ

ฝูเก๋อรีบพูดอย่างรวดเร็ว "ไม่ใช่แบบนั้นนะ พวกเราแค่คิดถึงสถานการณ์ที่แย่ที่สุดต่างหาก"

"เอาล่ะๆ ผมไม่ได้วาดฝันลมๆ แล้งๆ สิ่งที่พูดเมื่อกี้คือสิ่งที่ผมอยากจะทำจริงๆ แล้วผมก็จะทำมันให้ได้ พวกคุณคอยดูก็แล้วกัน"

เฉินจิ่วซือเข้าใจว่าคนพวกนี้ไม่เชื่อในสิ่งที่เขาพูดแน่ๆ

แต่เขาก็เข้าใจความคิดของคนพวกนี้

สิ่งที่เขาพูดไปเมื่อกี้มันยิ่งใหญ่เกินไป

ถ้าทำได้จริง มันก็เหมือนก้าวขึ้นสวรรค์เลยก็ว่าได้

ขอแค่พวกเขาไม่ขัดขวาง และไม่ทำให้ตัวเขาต้องลำบากใจก็พอ

จากนั้น เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ทุกอย่าง

และเพียงเวลาไม่นาน มันก็จะได้รับการพิสูจน์แล้ว

ถ้ำที่ยาว 150 กิโลเมตรนั้นใกล้จะถูกทำความสะอาดและพัฒนาเสร็จแล้ว ซึ่งอีกไม่นานเขาวงกตถ้ำก็จะเสร็จ

และด้วยเครื่องจักรขนาดใหญ่ การสร้างน้ำตกลาวาก็กำลังดำเนินการอย่างร้อนแรง

เมื่อสวนภูเขาไฟสร้างสำเร็จ ชื่อเสียงของหมู่บ้านหยุนซีก็จะดังไปทั่วโลก

ธุรกิจทั้งหมดก็จะได้รับการสนับสนุนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

การพัฒนาของหมู่บ้านหยุนซีก็จะเริ่มเร่งความเร็วขึ้นไปอีกขั้น

แหล่งท่องเที่ยวที่สามารถชมลาวาภูเขาไฟได้อย่างปลอดภัยและไม่มีอันตรายใด แถมบริเวณโดยรอบก็ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ มากมาย

ถ้าไม่ดังก็ให้มันรู้ไป!

เมื่อร่วมมือกับธุรกิจอื่นๆ ที่พูดไปเมื่อครู่ มันก็เป็นภาพที่สมบูรณ์แบบมากจริงๆ

น่าเสียดาย สิ่งเหล่านี้ยังไม่สามารถที่จะบอกให้พวกเขาฟังได้

ไม่อย่างนั้นเขาอาจจะถูกมองว่าเป็นคนบ้าได้

แค่ให้พวกเขายอมรับว่าพื้นที่ที่ตัวเองอยู่นั้นเป็นภูเขาไฟที่สามารถปะทุได้ทุกเมื่อ มันก็เป็นเรื่องที่ยากแล้ว

เมื่อมองไปที่ด้านหลังของเฉินจิ่วซือ ทุกคนก็มองหน้ากัน

ในใจของพวกเขาอดไม่ได้ที่จะคิดว่า ถ้าสิ่งที่เฉินจิ่วซือพูดเป็นจริงขึ้นมา...

ซี้ด--

ไม่อยากจะคิดเลย!

มันคงเป็นภาพที่เหมือนกับสวรรค์แน่ๆ

พวกเขาเชื่อใจเฉินจิ่วซือมาก พวกเขาเชื่อจริงๆ ว่าเฉินจิ่วซือจะพาพวกเขาไปสู่ความสำเร็จได้

แต่ฉากเมื่อกี้สำหรับพวกเขาแล้ว มันเหมือนกับสวรรค์ที่มีแต่หมอกปกคลุม มันมองไม่เห็นทาง จับต้องไม่ได้ และไม่กล้าที่จะจินตนาการ..

.. เช้าวันต่อมา

เฉินจิ่วซือและเซี่ยงหมิงหลางก็ไปพบกัน แล้วก็เดินทางไปยังอำเภอ

หลังจากที่ยื่นเอกสารที่สำนักงานหมู่บ้านแล้ว พวกเขาก็พักอยู่ในอำเภอก่อน

เฉิินจิ่วซือถือโอกาสนี้ไปสำรวจวัสดุก่อสร้างด้วย เนื่องจากวัสดุก่อสร้างสำหรับสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ในสวนภูเขาไฟนั้นมีจำนวนมาก มันจำเป็นที่เขาจะต้องให้ความสำคัญกับมัน..

.. บ่ายสามโมง

ห้องทำงานของนายอำเภอถูกเปิดออกอย่างกะทันหัน

"นายอำเภอฝู่ เขตของพวกเรามีคนเก่งแล้ว!"

"หืม.. มีคนเก่งหรอ ถึงกับทำให้รองนายอำเภอเจิ้งต้องตื่นเต้นขนาดนี้เลยหรอ" นายอำเภอฝู่เลิกคิ้ว มองไปที่ชายวัยกลางคนที่เดินเข้ามาด้วยความตื่นเต้น

"วันนี้เมื่อตอนเที่ยงมีคนยื่นเอกสารเข้ามาครับ มีสองหมู่บ้านเสนอตัวที่จะรวมกัน คุณลองทายสิว่าเกิดอะไรขึ้น"

"เสนอตัวที่จะรวมกันเองหรอ เรื่องนี้ไม่ค่อยได้เห็นนะ แต่เรื่องแค่นี้คุณก็น่าจะจัดการได้ด้วยตัวเองอยู่แล้ว ไม่น่าจะมีอะไรพิเศษนี่นา"

รองนายอำเภอเจิ้งมองไปที่สีหน้าของนายอำเภอฝู่แล้วก็ยกมุมปากขึ้น "พิเศษสิครับ! มันพิเศษมาก หมู่บ้านที่แข็งแกร่งกว่าอยากที่จะรวมเข้ากับหมู่บ้านที่อ่อนแอกว่า แถมหมู่บ้านที่อ่อนแอกว่านั้นก็เป็นหมู่บ้านในเกณฑ์ยากจนอีกด้วย"

"หืม.." นายอำเภอฝู่ขมวดคิ้ว

โดยสัญชาตญาณในตอนแรก เขาคิดว่าทั้งสองหมู่บ้านนี้ร่วมมือกันเพื่อที่จะเอาเงินอุดหนุนสำหรับหมู่บ้านยากจนให้ได้มากขึ้น แล้วก็อยากจะได้เงินอุดหนุนสำหรับหมู่บ้านเล็กที่รวมกับหมู่บ้านใหญ่ด้วย

แต่เขาก็ร่วมงานกับรองนายอำเภอเจิ้งมานาน จากที่เขารู้จักอีกฝ่ายมา หากมันเป็นแบบที่เขาคิดจริงๆ  อีกฝ่ายคงจะไม่ทำหน้าตาแบบนี้แน่ๆ

ไม่!

เขาคงจะไม่มาที่นี่ด้วยซ้ำ

หรือว่าหมู่บ้านยากจนนี้จะมีอะไรพิเศษจริงๆ งั้นหรอ

คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก

ถ้าหมู่บ้านยากจนนี้มีอะไรพิเศษ พวกเขาก็คงจะไม่ใช่หมู่บ้านยากจนไปแล้วสิ

อ้อ--เมื่อกี้เหมือนกับรองเจิ้งพูดว่ามีคนเก่ง หรือว่าหมู่บ้านยากจนแห่งนี้...

"ใช่แล้วครับ!"

ยังไม่ทันที่นายอำเภอฝู่จะพูด รองนายอำเภอเจิ้งก็หยิบเอกสารขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น "เมื่อสามปีก่อน มีนักศึกษาที่จบมหาวิทยาลัยคนหนึ่งกลับมาเป็นผู้ใหญ่บ้าน ในการนำของเขา หมู่บ้านก็เริ่มที่จะปลูกสมุนไพรที่ชื่อว่ากล้วยไม้สกุลหวาย และเมื่อไม่นานมานี้มันก็ได้ผลผลิตที่มากมายจนทำให้ได้กำไรไปหลายสิบล้านเลยครับ"

"แล้วหลังจากนั้น เขาก็ตั้งบริษัทที่ดำเนินการโดยหมู่บ้าน เริ่มที่จะสร้างโรงงานเพื่อเตรียมแปรรูป"

"แถมยังเริ่มที่จะพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวในท้องถิ่นอีกด้วย"

"ผมได้อ่านข้อมูลทั้งหมดของหมู่บ้านนี้แล้ว สรุปได้ว่า หมู่บ้านนี้ตั้งใจที่จะพัฒนาทรัพยากรโดยการผสมผสานการปลูกพืชที่มีลักษณะเฉพาะ จากนั้นก็ทำการแปรรูปผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร และส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงชนบท"

"แล้วก็ไม่รู้ว่าหมู่บ้านอีกแห่งเห็นศักยภาพของพวกเขา หรือถูกผู้ใหญ่บ้านของหมู่บ้านยากจนแห่งนี้โน้มน้าวเข้า แต่ส่วนตัวผมคิดว่าเป็นเพราะการโน้มน้าวพวกเขาถึงยอมที่จะรวมหมู่บ้านกัน"

"สรุปก็คือ ผมคิดว่า ถ้าพวกเราให้การสนับสนุนพวกเขา พวกเขาจะต้องสามารถสร้างหมู่บ้านที่มีรายได้เป็นหลักร้อยล้านแห่งแรกของเขตนี้ได้แน่ๆ ครับ!"

"แถมยังมีศักยภาพที่จะเติบโตไปในอนาคตที่สดใสกว่านี้อีกด้วยนะครับ"

นายอำเภอฝู่ถึงกับงงไปเลย

ยิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกว่ามันไม่สมเหตุสมผล

เขาถึงกับสงสัยว่าหมู่บ้านนี้เป็นบ้านเกิดของรองนายอำเภอเจิ้งหรือเปล่า

มันดูจะขายฝันเกินจริงไปแล้วมั้ง

แต่รองนายอำเภอเจิ้งก็ไม่ใช่คนจากเกาะไหหลำนี่นา เขาเป็นคนจากภายนอก แล้วจะเป็นไปได้ยังไงที่เขาชมหมู่บ้านนี้ได้ขนาดนี้

หรือว่าหมู่บ้านนี้จะเก่งขนาดนั้นจริงๆ

หมู่บ้านยากจนแห่งหนึ่งทำเงินได้หลายสิบล้าน แล้วยังเริ่มที่จะวางแผนเรื่องโรงงานและการท่องเที่ยวอีก

แล้วคนที่นำพาทุกอย่างนี้มาได้ก็เป็นแค่นักศึกษาที่เพิ่งจะเรียนจบมาสามปีน่ะนะ

เขาจะเก่งขนาดนั้นเลยเหรอ?!

นายอำเภอฝู่ที่รู้สึกว่ามันแปลกๆ ก็ได้หยิบเอกสารขึ้นมาแล้วเริ่มอ่านอย่างละเอียด

ซี้ด--

หมู่บ้านยากจนแห่งนี้อยู่ที่เกาะจงซานจริงๆ ด้วย

เกาะจงซาน เรียกได้ว่าเป็นปัญหาที่ใหญ่ที่สุดของเขตนี้

มันอยู่ห่างไกลเกินไป

ถ้าออกจากท่าเรือที่อยู่ใกล้ที่สุด ก็ต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงถึงจะไปถึงที่นั่น

แถมสภาพแวดล้อมในการใช้ชีวิตก็ค่อนข้างจะลำบาก

แต่บนเกาะก็มีคนอยู่ถึง 40,000 กว่าคน

สำหรับเขตของพวกเขาแล้ว ก็ถือว่าเป็นจำนวนที่มากทีเดียว

มากจนไม่สามารถที่จะย้ายพวกเขาไปได้

นายอำเภอที่ผ่านมาทุกคนต่างก็พยายามที่จะหาทางให้คนพวกนี้หลุดพ้นจากความยากจน

แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่ได้ผลอะไรเลย

เมื่อคิดถึงตรงนี้ เขาก็ยิ่งอ่านอย่างตั้งใจมากขึ้น

และเมื่ออ่านข้อมูลทั้งหมดจบแล้ว.. นายอำเภอฝู่ก็ทำสีหน้าเหลือเชื่อ

มันเป็นเรื่องจริง!

หมู่บ้านที่ยากจนที่สุดบนเกาะที่เกือบจะไร้ทางออก กลับหาทางที่จะทำให้ตัวเองร่ำรวยได้แล้ว!

เรื่องแบบนี้มันหายากมากจริงๆ

และในตอนนี้ เขาก็ยิ่งอยากจะรู้จักคนที่นำพาทุกอย่างนี้มาได้.. เขาอยากจะรู้จักเฉินจิ่วซือให้มากขึ้นเสียหน่อยแล้ว..

**

**

ฝากผลงาน

เกมสิ้นโลก ซื้อทั้งโลกจากสถานีรถไฟใต้ดิน

[ระบบเกมเศรษฐี + เอาชีวิตรอด + สร้างฐาน + วันสิ้นโลก]

ถ้าใครชอบแนววันสิ้นโลก สร้างฐาน เอาชีวิตรอดจากคน และภัยพิบัติที่มาเป็นระลอก มีการต่อสู้โดยใช้อาวุธปืนระเบิดหรืออาวุธสงคราม และติดกลิ่นอายลึกลับเรื่องที่มาที่ไปของโลกแห่งภัยพิบัตินี้ รวมถึงยังมีเรื่องราวของอำนาจลึกลับเหนือธรรมชาติบางอย่างที่รอให้ตัวเอกรับมือและไขข้อสงสัย ก็ขอฝากเรื่องนี้ไว้อีกเรื่องด้วยนะค้าบบ

5 2 โหวต
Article Rating
1 Comment
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด