บทที่ 306: ขอร้องเถอะ พวกเราเป็นคู่แข่งกันนะ!
การแข่งขันผู้ฝึกสัตว์อสูรระดับมัธยมปลายแห่งชาติในหลายปีที่ผ่านมา มีครั้งไหนบ้างที่แกสนใจนอกจากตอนแข่งกับโรงเรียนฝึกสัตว์อสูรหลี่ตัน? ถ้านับเฉพาะสิบอันดับแรกในระดับมณฑลก็ไม่เคยเห็นแกมาดูเลย…
ซุ่นปั๋วอวี่ยิ้มแบบเก็บอารมณ์ ไม่ได้เผยอะไรออกมาให้เห็น เขาชี้นิ้วไปทางซ้ายข้างหน้าแล้วพูดขึ้นว่า "อยู่ตรงนั้นแหละครับท่าน"
หวังเว่ยโต้วมองตามนิ้วที่ชี้ไป ทันทีที่เห็นกลุ่มนักเรียนในชุดเหมือนกัน เขาก็จำเฉียวซางได้ทันที
สายตาของเขาเปล่งประกาย ยิ่งมองยิ่งรู้สึกพอใจ
ดูสิ!
ปีหนึ่ง!
สัตว์อสูรตั้งสามตัว!
แถมทั้งสามยังอยู่ในระดับกลางอีก!
นี่มันสมบัติเดินได้ชัดๆ! แถมยังเป็นของโรงเรียนพวกเราอีกต่างหาก!
ถ้าไม่ใช่เพราะข่าวนี้ออกจากปากหลิวเหยาโดยตรง เขาคงไม่มีทางเชื่อเป็นอันขาด เขาที่รู้จักกันมานานย่อมรู้ดีว่าหลิวเหยาไม่ใช่คนชอบพูดล้อเล่น ว่ากันตามตรงต่อให้คนพูดเป็นเมียเขา ยังน่าเชื่อถือไม่เท่าหลิวเหยาเลยด้วยซ้ำ
ตอนแรกเขาก็คิดว่าเฉียวซางมีแววอยู่บ้าง แต่ไม่คิดว่าจะขนาดนี้!
ถ้าพวกที่อยู่หลี่ตันรู้เรื่องนี้เข้า อยากรู้จริงๆว่าเจ้าพวกนั้นจะยังกล้าโม้เรื่องติงเหยียนจิ่งให้เขาฟังอยู่อีกมั้ย!
คิดได้แบบนี้ สายตาหวังเว่ยโต้วก็ยิ่งร้อนแรงขึ้น
“ทำไมรู้สึกเหมือนมีคนจ้องฉันอยู่เลยนะ?” เฉียวซางหันไปมองรอบตัวพร้อมกับพูดอย่างลังเล
“หรือจะเป็นพวกนั้น?” สวี่อี้เสวียนพูดพร้อมกับใช้นิ้วชี้ไปยังที่แห่งหนึ่ง
เฉียวซางมองตามไป เห็นว่าเป็นกลุ่มคนจากโรงเรียนฝึกอสูรฟู่ฉี
หนึ่งในนั้นซึ่งดูเหมือนจะเป็นหัวหน้ากลุ่ม เป็นผู้ชายคนหนึ่งที่เมื่อเห็นเฉียวซางหันมามอง เขาก็ยิ้มโชว์ฟันขาวให้อย่างอารมณ์ดี
“หมอนั่นชื่อหลี่คุน” สวี่อี้เสวียนกระซิบบอก “อย่าหลงคิดว่าดูเหมือนเป็นคนดีเด็ดขาด จริงๆแล้วเจ้าเล่ห์สุดๆเลยแหละ”
"เจ้าเล่ห์ยังไงเหรอ?" เฉียวซางถามด้วยความสงสัย
"ปกติหมอนั่นจะทำตัวสนิทสนมกับคู่แข่งก่อนแข่ง เพื่อหาโอกาสเก็บข้อมูลน่ะสิ" สวี่อี้เสวียนตอบ
เฉียวซางยักไหล่แบบไม่ใส่ใจนัก "เก็บข้อมูลอะไรแบบนี้ มันก็เรื่องปกติไม่ใช่เหรอ?"
นี่มันการแข่งขันผู้ฝึกสัตว์อสูรระดับมัธยมปลายแห่งชาติ ไม่ใช่เล่นขายของ ใครหัวเราะทีหลังได้ก็มีสิทธิ์สอบเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำ การทำตัวสนิทสนมเพื่อหาข้อมูลแบบนี้ เฉียวซางมองว่าเป็นเรื่องธรรมดาสุดๆ
"ถ้ามันแค่เก็บข้อมูลก็ยังพอว่า" สวี่อี้เสวียนลดเสียงลงพลางพูดต่อ
"แต่หมอนั่นจะทำตัวเหมือนคนอ่อนแอก่อนแข่ง พอถึงตอนแข่งจริงๆคู่แข่งก็จะเกรงใจ ไม่กล้าจัดเต็ม แล้วหมอนั่นก็จะให้อสูรของมันปล่อยท่าไม้ตายแบบจัดหนัก ทีนี้ก็จบเห่กันไป คนที่เคยพลาดท่าเพราะวิธีนี้มีไม่ต่ำกว่า 80% เลยนะ!" พูดถึงตรงนี้สวี่อี้เสวียนดูจะเคืองขุ่นไม่น้อย
เฉียวซางถึงบางอ้อ
ก็เหมือนกับหมอนี่ทำตัวเป็น "หลินเม่ยเม่ย" ที่บอบบางน่าสงสารก่อนแข่ง แต่พอลงสนามจริงกลับกลายเป็น "เฉิงเหยาจิน" สายบู๊ไปซะอย่างนั้น
เฉียวซางหันไปมองสวี่อี้เสวียน ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจ "เธอคงเป็นหนึ่งใน 80% นั่นสินะ?"
สวี่อี้เสวียนหัวเราะแห้งๆ "ก็แค่พลาดเผลอออมมือในช่วงแรกไปก็เท่านั้นเอง แต่สุดท้ายฉันก็ชนะได้อยู่ดีนั่นแหละ…"
ยังพูดไม่ทันจบ สวี่อี้เสวียนก็รีบดึงเสื้อเฉียวซางพลางส่งสายตาเป็นสัญญาณ "หมอนั่นมาแล้ว น่าจะมาหาข้อมูลของเธอแน่ๆ"
ในขณะเดียวกัน หลี่คุนก็เดินตรงเข้ามา
"เธอคือเฉียวซางที่ทุกคนพูดถึงใช่ไหม?" หลี่คุนยิ้มอย่างเป็นมิตร พร้อมแนะนำตัวเอง "ฉัันชื่อหลี่คุน มาจากโรงเรียนฝึกอสูรฟู่ฉีนะ"
"สวัสดี" เฉียวซางยิ้มตอบ
"เธออยู่ปีหนึ่งจริงๆงั้นเหรอ?" หลี่คุนถาม
"อืม" เฉียวซางตอบ "ดูไม่เหมือนเหรอ?"
ทั้งสองเริ่มพูดคุยกันไปมา บรรยากาศเหมือนเพื่อนเก่าที่เพิ่งเจอกันใหม่ไม่มีผิดเพี้ยน
ถ้าไม่ใช่เพราะชุดนักเรียนคนละแบบ ใครเห็นคงคิดว่าทั้งสองคนอยู่ทีมเดียวกันแน่
สวี่อี้เสวียนมองสถานการณ์ตรงหน้าด้วยความงุนงง ไม่ใช่ว่าฉันเตือนไปแล้วเหรอว่าหมอนี่มาหาข้อมูล? แล้วทำไมยังคุยถูกคอกับเขาอีก!
เมื่อเห็นว่าการพูดคุยใกล้จบ หลี่คุนทำท่าทางเหมือนไม่ได้ตั้งใจถามขึ้นมา "รอบแข่งวันนี้ เธอคิดว่าจะส่งสัตว์อสูรตัวไหนออกมาก่อนเหรอ?"
เฉียวซางทำท่าครุ่นคิดก่อนตอบ "ก็คงเป็นอสูรล่าสมบัติละมั้ง"
"เฉียวซาง!" สวี่อี้เสวียนร้องขึ้นอย่างตกใจ "ทำไมเธอถึงบอกเขาล่ะ!"
"บอกไปแล้วจะเป็นอะไรไปล่ะ" เฉียวซางพูดอย่างมั่นใจ "ยังไงฉันก็ไม่มีวันแพ้"
สวี่อี้เสวียนอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะคิดได้ว่า…ก็จริง
หลี่คุน: "..."
รอบคัดเลือกในทุกระดับชั้นดำเนินไปพร้อมกัน
ในรอบแรกของการคัดเลือกแบบเดี่ยว นักเรียนแต่ละคนต้องแข่งกับตัวแทนทีมโรงเรียนฝ่ายตรงข้ามทั้งหมดสามคน หมุนเวียนกันไปเรื่อยๆ
หลังจากแข่งกับคู่ต่อสู้แต่ละคนแล้ว จะมีผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาคอยฟื้นฟูสัตว์อสูรให้ ทำให้ไม่มีผลกระทบต่อการแข่งครั้งต่อไป
การแข่งขันดำเนินไปอย่างเข้มข้น
สำหรับนักเรียนปีหนึ่ง สัตว์อสูรที่ใช้แข่งส่วนใหญ่มีเพียงตัวเดียว และส่วนมากยังอยู่ในระดับเริ่มต้น ทักษะที่ใช้ได้ก็ค่อนข้างจำกัด หลังจากพวกเขาแข่งจบ การแข่งของปีสามยังดำเนินไปได้แค่ครึ่งเดียว
"การแข่งขันระหว่างเฉีียวซางจากกลุ่ม A2 โรงเรียนเซินซุ่ย กับจ้าวเวยเวยจากกลุ่ม A2 โรงเรียนฝึกอสูรฟู่ฉี กำลังจะเริ่มขึ้นแล้วค่ะ" เสียงใสของผู้ประกาศดังขึ้นในโซน C
ที่ม้านั่งรอแข่ง หญิงสาวที่สวมที่คาดผมเอ่ยถามขึ้น "อีกฝ่ายจะส่งอสูรล่าสมบัติลงจริงๆเหรอ?"
"วางใจเถอะ ก็ยัยนั่นพูดเองแบบนั้นนี่" หลี่คุนหัวเราะเบาๆ "คนโรงเรียนใหญ่ๆมักจะเป็นแบบนี้แหละ ฉันเจอมาบ่อยแล้ว ไม่พูดเลยก็ไม่พูด แต่ถ้าพูดก็พูดหมด แบบนี้แหละพวกมั่นใจในตัวเองเกินไป ไม่คิดว่าเราจะสู้พวกเขาได้"
หลี่คุนไม่ได้หวังว่าจะชนะทุกเกมจากข้อมูลที่ได้มา
แต่รอบคัดเลือกนี้ใช้ระบบเก็บคะแนน
ถ้ารู้ข้อมูลล่วงหน้า ทีมของเขามีสมาชิกสามคน อย่างน้อยต้องมีสักคนที่สามารถส่งสัตว์อสูรที่ชนะทางคู่ต่อสู้ได้ เพื่อเก็บชัยชนะในเกมนั้นๆ
ถ้าสามารถเก็บคะแนนได้สามแต้มจากโรงเรียนเซินซุ่ย วันนี้ก็ถือว่าไม่แพ้แล้ว!
ในขณะที่หลี่คุนมั่นใจในรอบนี้ กลุ่มดาวสีเทาและกลุ่มดาวสีเขียวก็สว่างขึ้นพร้อมกันบนสนามแข่ง
"โซ่วโซ่ว!"
"หยา!"
ทันใดนั้นสัตว์อสูรตัวหนึ่งสีดำสนิท และอีกตัวสีแดงขาวสลับกัน ก็ปรากฏตัวขึ้นในสนาม
หลี่คุน: "!!!"
เขายืนแข็งทื่ออยู่กับที่ ใบหน้าเต็มไปด้วยความงุนงง
ไหนบอกว่าจะส่งอสูรล่าสมบัติไง! แล้วนี่ส่งสุนัขเพลิงเร้นลับมาได้ยังไง!
"ไม่ใช่เธอบอกหลี่คุนว่าจะส่งอสูรล่าสมบัติออกมาเหรอ?!" จ้าวเวยเวยตะโกนขึ้นด้วยความตกใจ ข้อมูลที่หลี่คุนให้มากลับผิดพลาดอย่างสิ้นเชิง!
"ขอร้องเถอะ! พวกเราเป็นคู่แข่งกันนะ ฉันพูดอะไรไปสุ่มๆแล้วพวกนายยังเชื่ออีกเหรอ" เฉียวซางกระแอมเบาๆพร้อมพูดด้วยท่าทีใสซื่อคล้ายกับว่าสิ่งที่ตัวเองทำนั้นถือเป็นเรื่องปกติ
จริงๆเธอไม่คิดด้วยซ้ำว่าฝ่ายตรงข้ามจะเชื่อง่ายขนาดนี้ แถมยังส่งสัตว์อสูรประเภทมืดที่ชนะทางสัตว์อสูรประเภทอย่างอีกามารสองหัวออกมาด้วย
ใครจะว่างมานั่งบอกข้อมูลที่ถูกต้องให้คู่แข่งกันล่ะ? พวกเขาไม่ได้จ่ายเงินให้เธอสักหน่อย และเธอเองก็ไม่ใช่คนโง่
จ้าวเวยเวยถึงกับอึ้งไป
ใช่สิ! หลี่คุนไปเชื่อได้ยังไงกัน! ถึงก่อนหน้านี้จะไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อนก็เถอะ...
บนที่นั่งผู้ชม
"ท่านผู้อำนวยการหวัง ไม่ทราบว่าสุนัขเพลิงเร้นลับเป็นสัตว์อสูรของนักเรียนในโรงเรียนของคุณใช่ไหมครับ? แล้วคุณมีความคิดเห็นอย่างไรกับการแข่งขันต่อไปนี้?" นักข่าวชายถามด้วยความตื่นเต้น
เขาคิดว่าการแข่งขันนี้คงไม่มีอะไรพิเศษ แต่กลับพบผู้อำนวยการโรงเรียนเซินซุ่ยในรอบคัดเลือก แถมยังได้เจอสัตว์อสูรหายากอย่างสุนัขเพลิงเร้นลับอีกด้วย นี่มันข่าวใหญ่ชัดๆ!
"ไม่ต้องถามแล้ว พวกคุณดูการแข่งขันเถอะ ไม่งั้นเดี๋ยวมันจบไปซะก่อน แล้วพวกคุณจะไม่เห็นอะไรเลย" หวังเว่ยโต้วพูดพลางจ้องไปที่กลางสนาม
ไม่เห็นอะไรเลย?
นักข่าวชายอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหันไปมองสนามโดยสัญชาตญาณ ตอนนี้การแข่งยังไม่ได้เริ่มด้วยซ้ำ
แต่ทันใดนั้นเอง สัตว์อสูรประเภทจักรกลที่สวมป้ายห้อยคอที่เขียนคำว่ากรรมการซึ่งลอยอยู่กลางอากาศได้เป่านกหวีดเพื่อประกาศเริ่มการแข่งขัน
ในวินาทีเดียวกัน สุนัขเพลิงเร้นลับก็หายตัวจากจุดที่ยืน และปรากฏขึ้นด้านหลังอีกามารสองหัวทันที
"ย่าห์!"
เสียงร้องของสุนัขเพลิงเร้นลับดังขึ้น
เปลวเพลิงสีแดงร้อนแรงลุกวาบขึ้นมา และกลืนร่างของอีกาสองหัวไปในพริบตา
"โซ่วโซ่ว!!!"
เสียงร้องโหยหวนของอีกาสองหัวดังขึ้น ก่อนจะร่วงลงสู่พื้นสนาม
เมื่อเปลวไฟดับลง อีกามารสองหัวก็หมดสติไปเรียบร้อย
จบการแข่งขัน โดยใช้เวลาไปเพียงสามวินาที
ทั้งโซน C เงียบกริบราวกับไร้ผู้คน
………
หลินเม่ยเม่ย (林妹妹) เป็นคำที่ใช้เรียก หลินไต้อวี้ (林黛玉) ตัวละครจากนิยายเรื่องความฝันในหอแดง ด้วยนิสัยของตัวละครคนเลยเอามาใช้เพื่อพูดถึงคนที่อ่อนแอและบอบบาง
เฉิงเหยาจิน (程咬金) แม่ทัพในราชวงศ์ถัง แข็งแกร่งดุดัน