ตอนที่แล้วตอนที่ 935 ภารกิจท้าทาย : รางวัล 17,000 ล้านในคราวเดียว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 937 ข่าวดีที่รอคอยมานาน

ตอนที่ 936 บทภาพยนตร์


เริ่มจากชีวิตจริง และสิ่งที่ตัวเองทำอยู่ หรือถนัดที่สุด?

หลังจากได้รับคำแนะนำจากพี่สาวของเขา จ้าว ซูซวน และซู หนิงซวง เย่เฉิน ก็เหมือนมีไฟส่องทาง เขาฉุกคิดได้ถึงไอเดียที่ยอดเยี่ยมขึ้นมาทันที

ถ้าภาพยนตร์ที่เขาคิดประสบความสำเร็จ ไม่เพียงแต่จะสร้างชื่อให้กับบริษัทภาพยนตร์ และโทรทัศน์ของเขาเท่านั้น แต่ยังมีผลลัพธ์อื่นๆ ที่น่าทึ่งตามมาอีกด้วย

บทภาพยนตร์ที่ เย่เฉิน เตรียมจะเขียนนั้น เกี่ยวกับเกม ‘เข้าสู่โลกอนาคต’ ของตัวเอง!!!

เขาตั้งชื่อเบื้องต้นว่า ‘ค่ำคืนอันมืดมิดกำลังมาเยือน(Dark Night is Coming, 暗夜将至)’ ซึ่งเป็นเนื้อเรื่องภาคต้นของเกม ‘เข้าสู่โลกอนาคต’ ที่สามารถทำออกมาเป็นภาพยนตร์คนแสดงจริง หรือภาพยนตร์แอนิเมชันขนาดยาวก็ได้

ถ้า ‘ค่ำคืนอันมืดมิดกำลังมาเยือน’ ประสบความสำเร็จ และกลายเป็นกระแส จะช่วยส่งเสริมชื่อเสียงของเกม ‘เข้าสู่โลกอนาคต’ ได้อย่างมหาศาลด้วย

ยิ่งไปกว่านั้น ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ภาพยนตร์ที่ดัดแปลงมาจากเกมก็มีตัวอย่างความสำเร็จให้เห็นไม่น้อย เช่น ‘Warcraft’ ซึ่งกลายเป็นที่รู้จักกันไปทั่วโลก

และด้วยข้อมูลพื้นฐานของเกม ‘เข้าสู่โลกอนาคต’ ที่เขามีอยู่แล้ว การเขียนบทภาพยนตร์นี้จะง่ายขึ้นมาก อีกทั้งยังเหมาะสำหรับการเริ่มต้นในฐานะโปรเจกต์แรกของบริษัทภาพยนตร์ และโทรทัศน์

นอกจากนี้ ลิขสิทธิ์ของเกม ‘เข้าสู่โลกอนาคต’ ก็อยู่ในมือของ เย่เฉิน เอง ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องกังวลเรื่องการขออนุญาตใดๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้

“น้องชาย เธอคิดออกแล้วเหรอ?”

จ้าว ซูซวน ถามด้วยความสงสัย เมื่อสังเกตเห็นสีหน้าของ เย่เฉิน เปลี่ยนไป

“ใช่ครับ ผมคิดออกแล้ว”

เย่เฉิน พยักหน้า

“มันเกี่ยวกับเรื่องอะไร?”

ซู หนิงซวง ถามด้วยความอยากรู้เช่นกัน

“เกี่ยวกับเกมของบริษัทผม”

เย่เฉิน ตอบสั้นๆ

หลังจากพูดคุยกับพี่สาวของเขา จ้าว ซูซวน และซู หนิงซวง เพียงไม่กี่คำ เย่เฉิน ก็รีบตรงไปยังห้องหนังสือทันที เขาเตรียมลงมือเขียนบท

เย่เฉิน วางแผนที่จะสร้างไตรภาค โดยเนื้อเรื่องหลักจะยึดตามเกม ‘เข้าสู่โลกอนาคต’ ที่เกี่ยวกับ ‘การปกป้อง และการช่วยเหลือ’ ภาคแรกของภาพยนตร์จะใช้ชื่อว่า ‘ค่ำคืนอันมืดมิดกำลังมาเยือน’

หากภาพยนตร์ ‘ค่ำคืนอันมืดมิดกำลังมาเยือน’ ได้รับการตอบรับที่ดี เขาก็พร้อมเดินหน้าภาคสอง และภาคสามต่อทันที

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว...

ในชั่วพริบตา เย่เฉิน ใช้เวลากว่า 20 วันไปกับการเขียนบทภาพยนตร์อย่างตั้งใจ

ด้วยความพยายามอย่างหนัก บทภาพยนตร์ฉบับร่างหนาเป็นปึกก็เสร็จสมบูรณ์ เย่เฉิน ตรวจสอบบทที่เขาเขียนอย่างคร่าวๆ และรู้สึกพอใจมาก โดยเฉพาะรายละเอียดบางจุดที่เขาคิดว่าทำได้อย่างยอดเยี่ยม

[ติ๊ง!]

[ทำหน้าที่เป็นนักเขียนบทภาพยนตร์ สร้างบทที่สมบูรณ์แบบสำหรับบริษัทภาพยนตร์ของคุณเพื่อใช้ในการถ่ายทำ – ภารกิจท้าทายสำเร็จ!]

[ขอแสดงความยินดีด้วย! คุณได้รับ : หุ้น 12% ของ Cartier Group (สัญญาโอนกรรมสิทธิ์ถูกวางไว้ในห้องหนังสือของคุณแล้ว โปรดตรวจสอบ)]

[ขอแสดงความยินดีด้วย! คุณได้รับ : 140 คะแนนค่าประสบการณ์]

[ขอแสดงความยินดีด้วย! คุณได้รับ : 65 คะแนนสะสม(ร้านค้า)]

เมื่อเขียนบทเสร็จ เกมก็แจ้งเตือนทันทีว่าภารกิจสำเร็จ พร้อมกับรางวัลสุดคุ้มที่เขาได้รับมาในทันที

“ตอนนี้ฉันถือหุ้น Cartier ถึง 30% แล้วสินะ”

เย่เฉิน พึมพำกับตัวเอง คาดว่าในไม่ช้า แบรนด์เครื่องประดับหรูระดับโลกอย่าง Cartier ที่ติดอันดับ 1 ใน 3 ของโลก อาจตกมาอยู่ในมือของเขาโดยสมบูรณ์ในไม่ช้านี้…

หลังจากจัดการทุกอย่างเสร็จ เย่เฉิน ก็ถือบทภาพยนตร์ และมุ่งหน้าไปยังบริษัทภาพยนตร์ และโทรทัศน์ของตัวเองทันที

“ท่านประธานเย่ ช่วงที่ผ่านมา เราเชิญนักเขียนบทชื่อดังของประเทศสองคนมาร่วมงาน ได้แก่ หยาง อี้อวี่ และหลิว เหวินชิว”

เมื่อ เย่เฉิน มาถึง ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทภาพยนตร์ และโทรทัศน์รีบรายงานต่อ เย่เฉิน ทันที

พวกเขายังไม่รู้ว่า เย่เฉิน ได้เขียนบทภาพยนตร์ขึ้นด้วยตัวเอง ดังนั้นจึงตัดสินใจเชิญนักเขียนบทชื่อดังสองคนมาเพื่อช่วยสร้างบทภาพยนตร์ให้กับบริษัท

ทั้งสองคนนี้เคยได้รับรางวัลนักเขียนบทยอดเยี่ยม และภาพยนตร์ที่ดัดแปลงจากบทของพวกเขาก็ล้วนประสบความสำเร็จมากเช่นกัน

“นักเขียนบทชื่อดังสองคนงั้นเหรอ?”

เย่เฉิน ขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนที่จะเกิดความคิดบางอย่างขึ้นในใจ...

“ได้ ให้พวกเขามาพบผมที่ห้องทำงานที”

หลังพูดจบ เย่เฉิน ก็เดินกลับไปยังห้องทำงานของตัวเองก่อน

ไม่กี่นาทีต่อมา ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทพาสองนักเขียนบทเข้ามาในห้องทำงาน

“ท่านประธาน ผมพาคนมาพบแล้วครับ”

“นี่คือเจ้าของบริษัทของเรา ท่านประธานเย่”

หลังจากแนะนำเสร็จ ผู้บริหารระดับสูงก็หันไปมอง หยาง อี้อวี่ และหลิว เหวินชิว

หยาง อี้อวี่ เป็นชายวัยกลางคนรูปร่างอ้วน มีรอยยิ้มประดับบนใบหน้าอยู่ตลอดเวลา ในขณะที่ หลิว เหวินชิว เป็นชายรูปร่างผอมสูง สวมแว่นตา ดูมีท่าทีหยิ่งทะนงในพรสวรรค์ของตัวเอง

“สวัสดีครับ ท่านประธานเย่...”

“สวัสดีครับ ท่านประธานเย่...”

แม้ทั้งคู่จะมีชื่อเสียง และมีความมั่นใจในตัวเองมากแค่ไหน แต่เมื่ออยู่ต่อหน้า เย่เฉิน ซึ่งเป็น ‘นายทุนใหญ่’ ก็ต้องแสดงความเคารพอย่างไม่มีเงื่อนไข

“อืม” เย่เฉิน พยักหน้าเล็กน้อย

“พวกคุณช่วยดูบทภาพยนตร์นี้หน่อย”

เขาพูดพร้อมกับเลื่อนบทภาพยนตร์ที่วางอยู่บนโต๊ะไปข้างหน้าพวกเขา

เย่เฉินไม่ได้บอกพวกเขาว่าบทภาพยนตร์นี้เขาเป็นคนเขียนเอง เพราะเขาอยากฟังความคิดเห็นที่เป็นกลางมากที่สุด ท้ายที่สุด..เขาเองรู้ดีว่าถ้าบอกว่าเป็นบทที่เขาเขียน ทั้งสองคนอาจจะพูดชมเกินจริงเพื่อเอาใจเขา

“ขอถามหน่อยครับ บทนี้ใครเป็นคนเขียน?”

หยาง อี้อวี่ ถามอย่างสุภาพ

“เด็กหนุ่มวัย 20 ปี เป็นมือใหม่”

เย่เฉิน ตอบกลับ

เมื่อได้ยินคำตอบ สีหน้าของ หยาง อี้อวี่ และหลิว เหวินชิว ก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย

หลิว เหวินชิว แค่เหลือบมองบทภาพยนตร์เพียงนิดเดียว ก่อนจะพูดอย่างมั่นใจโดยที่ยังไม่ได้เปิดอ่านเลยว่า :

“ดูจากชื่อเรื่องก็รู้แล้วว่าคงไม่ดี..”

“ผมไม่ต้องอ่านก็พอเดาได้ บทของเด็กอายุ 20 ปี มือใหม่แบบนี้คงเต็มไปด้วยความไร้เดียงสา ไม่น่าสนใจ”

“ท่านประธานเย่ คุณโดนหลอกแล้วล่ะครับ เด็กหนุ่มวัยนี้จะเขียนบทภาพยนตร์ที่ยอดเยี่ยมได้ยังไง? ถ้าบริษัทคุณต้องการบทดีๆ คุณต้องพึ่งพานักเขียนบทระดับเหรียญทองอย่างผม!”

หลิว เหวินชิว พูดอย่างหยิ่งผยอง ราวกับจะโอ้อวดประสบการณ์ และความสามารถของตัวเอง เขาไม่สนใจบทภาพยนตร์นั้นแม้แต่น้อย

ในขณะเดียวกัน หยาง อี้อวี่ แม้ในใจจะมีอคติเล็กน้อยต่อบทที่เขียนโดยมือใหม่ แต่ด้วยความเป็นคนรอบคอบ และประนีประนอม เขาจึงหยิบบทภาพยนตร์ขึ้นมาอ่านอย่างไม่เต็มใจเล็กน้อย

แต่ทันทีที่อ่านไปไม่กี่หน้า สีหน้าของ หยาง อี้อวี่ ก็เริ่มจริงจังขึ้นเรื่อยๆ เขาเปิดหน้าต่อไปอย่างรวดเร็ว และแสดงสีหน้าประหลาดใจมากขึ้นทุกขณะ

“นี่มัน... นี่มัน...”

“ไม่น่าเชื่อเลย...”

“ภาษาที่ใช้ การพลิกผันของเนื้อเรื่อง การวางรายละเอียด... มันสุดยอดมาก!”

หยาง อี้อวี่ อุทานด้วยความทึ่งระหว่างอ่านบทภาพยนตร์

หลังผ่านไปสักพัก เขาก็อ่านจนจบอย่างคร่าวๆ

“ท่านประธานเย่ บทนี้ยอดเยี่ยมจนหาที่เปรียบไม่ได้เลยครับ!”

หยาง อี้อวี่ พูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น

“เหล่าหยาง นี่คุณพูดจริง หรือแค่ล้อเล่น?”

หลิว เหวินชิว แสดงสีหน้าดูถูก เขาไม่เชื่อในคำพูดของ หยาง อี้อวี่ ที่ยืนอยู่ข้างๆ แม้แต่น้อย…

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด