ตอนที่ 44 บ่มเพาะคำภีร์เซียนชิงหยุนของข้าแล้วสร้างชื่อเสียงชั่วนิรันดร์
ตอนที่ 44 บ่มเพาะคำภีร์เซียนชิงหยุนของข้าแล้วสร้างชื่อเสียงชั่วนิรันดร์
“ออกไปฝึกฝนหาประสบการณ์หรือ?”
ก็ดีเหมือนกัน ศิษย์ทั้งสามของข้า แม้จะมีพรสวรรค์ล้ำเลิศ แต่กลับเริ่มต้นช้ากว่าผู้อื่น ทำให้ระดับพลังบ่มเพาะในตอนนี้ยังไม่สูงนัก
สือฮ่าวอยู่ในขอบเขตวิญญาณแรกกำเนิดขั้นกลาง ส่วนหลินไป๋และฮวาชิงหยูต่างก็อยู่ในขอบเขตแก่นทองคำขั้นกลาง
ทั้งสามคนใช้เวลาในการบ่มเพาะไม่นานนัก แต่กลับสามารถบรรลุถึงระดับนี้ได้
เพียงดูจากความเร็วในการบ่มเพาะ ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในหมื่น
สือฮ่าวนั้นต้องเริ่มบ่มเพาะใหม่หลังพลังการบ่มเพาะถูกทำลาย หลินไป๋เป็นผู้ไร้พรสวรรค์ถึงสิบแปดปีก่อนจะปลุกกายาพิเศษได้ ส่วนฮวาชิงหยูนั้นเพิ่งปลุกกายาฟีนิกซ์ศักดิ์สิทธิ์ได้ไม่นาน
การออกไปฝึกฝนภายนอกจะช่วยสะสมประสบการณ์ในสนามจริง และเร่งการพัฒนาพลังได้เร็วขึ้น
“ออกไปฝึกฝนสักครั้งก็ดีเหมือนกัน อาจารย์หวังจะได้เห็นความก้าวหน้าของพวกเจ้าเมื่อกลับมา
ก่อนออกเดินทาง ไปพบกับผู้อาวุโสมู่ซุยเซียนเสียก่อน นางมีบางสิ่งที่ต้องมอบให้พวกเจ้า”
“ไปเถิด”
“ท่านอาจารย์…”
ยังไม่ทันที่สือฮ่าวจะกล่าวจบ เฟิงชิงหยางก็ยกมือขึ้นขัดจังหวะ
“ข้ารู้ว่าพวกเจ้าจะพูดสิ่งใด คงไม่พ้นคำล่ำลา แต่นี่มิใช่การจากลาตลอดกาล ไยต้องเศร้าโศกเช่นนี้
ไปเถิด ระวังตัวให้ดี สำนักชิงหยุนจะเป็นกำลังสนับสนุนให้พวกเจ้าตลอดไป”
สือฮ่าว หลินไป๋ และฮวาชิงหยู ออกจากหอชิงหยุนหลังเก็บสัมภาระเรียบร้อย ก่อนออกเดินทาง พวกเขาได้ไปหาผู้อาวุโสมู่ซุยเซียนเพื่อรับของที่นางมอบให้ แล้วจึงก้าวออกจากสำนักเพื่อเริ่มต้นการฝึกฝนประสบการณ์ภายนอก
นอกสำนัก พวกเขาหันกลับไปมองสำนักด้วยความอาลัยอาวรณ์ ก่อนจะเอ่ยคำหนึ่งขึ้น แล้วก้าวเดินเข้าสู่เส้นทางแห่งการผจญภัย
“พวกเราจะกลับมาแน่นอน!”
เชื่อเถิดว่าเมื่อพวกเขากลับมาอีกครั้ง จะเป็นการกลับมาของผู้ยิ่งใหญ่
ตั้งแต่นี้ไป ทั้งสามได้เหยียบย่างเข้าสู่ดินแดนภาคตะวันออก ก่อให้เกิดคลื่นลมปั่นป่วน… เปิดตำนานแห่งชีวิตของพวกเขา…
ณ สำนักชิงหยุน พื้นที่ศิษย์สายนอก
บัดนี้ พื้นที่สำหรับศิษย์สายใน ศิษย์สายนอก และศิษย์รับใช้ ได้ถูกจัดสรรอย่างชัดเจน
เนื่องจากศิษย์รับใช้มีจำนวนมาก สำนักจึงได้เชิญผู้ช่วย จากโลกภายนอกเข้ามาจำนวนไม่น้อย เพื่อช่วยดูแลและแบ่งเบาภาระงานให้เหล่าผู้อาวุโสของศิษย์สายในและศิษย์สายนอก
อย่างไรก็ดี ไม่ต้องกังวลถึงปัญหาความลับรั่วไหล
เหล่าผู้ช่วยเหล่านี้ล้วนผ่านการทดสอบด้วย บันไดสวรรค์มายามาแล้ว และบัดนี้ล้วนภักดีต่อสำนักชิงหยุนอย่างแท้จริง
เพื่อป้องกันเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้น สำนักยังได้มอบ เม็ดถั่วหวาน อันเป็นของโปรดให้พวกเขารับประทานก่อนเข้าร่วมสำนัก เม็ดถั่วนี้สามารถควบคุมได้ทุกเมื่อ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่ไม่จำเป็น
ณ ลานกว้างของศิษย์สายนอก มีศิษย์จำนวนหกร้อยคนในชุดเครื่องแบบศิษย์สายนอกยืนเรียงแถวอย่างเป็นระเบียบ
ผู้อาวุโสสายนอกเย่ไป๋สั่งให้ผู้ช่วยแจกจ่ายป้ายประจำตัวให้กับเหล่าศิษย์สายนอก
“ทุกคนได้รับแล้วใช่หรือไม่?
นี่คือป้ายประจำตัวของพวกเจ้าแต่ละคน จงเก็บรักษาไว้ให้ดี”
“ป้ายนี้ถูกผูกติดกับตัวตนของพวกเจ้าโดยเฉพาะ นอกจากใช้ยืนยันฐานะของพวกเจ้าแล้ว ยังสามารถเก็บสะสมแต้มผลงานได้อีกด้วย”
เหล่าศิษย์สายนอกต่างมองป้ายในมือของตนด้วยความยินดีและตื่นเต้น
ป้ายประจำตัวเป็นสีเขียวอ่อนปนขาว เข้ากันกับสีของชุดประจำสำนัก ด้านหน้าสลักคำว่า “สำนักชิงหยุน” ไว้อย่างชัดเจน ส่วนด้านหลังสลักคำว่า “ศิษย์สายนอก” ขนาดใหญ่สามตัว
เมื่อป้ายนี้ถูกผูกกับเจ้าของแล้ว เพียงใช้พลังวิญญาณเพียงเล็กน้อย ชื่อของผู้ครอบครองจะปรากฏขึ้นบนด้านหน้า แต่หากยกเลิกการผูกแล้ว ชื่อจะเลือนหายไป
เย่ไป๋กล่าวต่อไปว่า
“แต้มผลงานที่พวกเจ้าได้รับ สามารถนำไปแลกเปลี่ยนเป็นคัมภีร์วิชา เคล็ดวิชาการต่อสู้ และโอสถในสำนักได้
ส่วนการได้มาซึ่งแต้มผลงานนั้น พวกเจ้าสามารถตรวจสอบได้ที่แผงภารกิจในหอผลงาน และเมื่อมีแต้มผลงานมากพอ พวกเจ้าก็สามารถประกาศภารกิจเองได้ โดยที่สำนักจะเก็บค่าพื้นที่เพียงห้าเปอร์เซ็นต์เท่านั้น
แต่เนื่องจากสำนักชิงหยุนของเราเพิ่งออกสู่โลกภายนอก ภารกิจในขณะนี้จึงยังมีอยู่ไม่มากนัก
ดังนั้น ภารกิจหลักของพวกเจ้าในตอนนี้คือการมุ่งมั่นบ่มเพาะให้ถึงที่สุด"
"ตอนนี้ ข้าจะอ่านกฎสำนักให้แก่ทุกคน จงจดจำไว้ให้ดีและอย่าได้ละเมิด หากฝ่าฝืนจะถูกลงโทษอย่างหนักโดยไม่มีข้อยกเว้น"
หลังจากการหารือและปรับแก้เป็นเวลาสิบวัน กฎของสำนักก็ได้รับการจัดทำสำเร็จ
เมื่อพลิกเปิดกฎสำนัก ข้อแรกที่ปรากฏ ทำให้เหล่าศิษย์สายในลานต่างตื่นเต้นจนโลหิตเดือดพล่าน
ข้อหนึ่ง:"ผู้ใดล่วงเกินสำนักชิงหยุน แม้ไกลสุดหล้าต้องถูกกำจัด!"
ข้อที่สอง: "ห้ามทรยศต่อสำนัก ผู้ใดฝ่าฝืน ต้องถูกกำจัด!"
ข้อที่สาม: "ห้ามเข่นฆ่ากันเองในหมู่ศิษย์ ผู้ใดฝ่าฝืน ต้อง
ถูกกำจัด!"
ข้อที่สี่: "ห้ามดูหมิ่นหรือรังแกผู้อื่นโดยไร้เหตุผล ผู้ใด ฝ่าฝืน ต้องถูกกำจัด!"
ข้อที่ห้า: "ห้ามล่วงเกินผู้มีศักดิ์สูงกว่าโดยไม่มีเหตุอัน
สมควร ผู้ใดฝ่าฝืน ต้องถูกกำจัด!"
ข้อที่หก: "ห้ามเผยแพร่วิชาสำนักโดยไม่ได้รับอนุญาต ผู้ใดฝ่าฝืน ต้องถูกกำจัดพร้อมทั้งเครือญาติ!"
ข้อที่เจ็ด: "ห้ามเปิดเผยความลับของสำนัก ผู้ใดฝ่าฝืน จะถูกฆ่าล้างทั้งตระกูล และ สาปให้ตกนรกภูมิตลอดกาล มิอาจมีชีวิตหรือตายอย่างสมบูรณ์!"
ข้อที่แปด: "ห้ามก่อความวุ่นวายในโลก ผู้ใดฝ่าฝืน แม้ต้องค้นฟ้าทะลุดิน ต้องถูกกำจัดโดยไร้ความปรานี!"
กฎทั้งแปดของสำนัก ถูกจารึกด้วยพลังอันลึกล้ำลงบนกฎ
สำนักอย่างงดงามและน่าเกรงขาม
ไม่นานนัก
ภายในลานฝึกของศิษย์สายนอก
“เอาล่ะ กฎสำนักและป้ายประจำตัวก็ได้แจกให้พวกเจ้าแล้ว ตอนนี้ข้าจะถ่ายทอดเคล็ดวิชาพื้นฐานและเคล็ดวิชาการต่อสู้ของสำนักชิงหยุนให้แก่พวกเจ้า”
“จงเปิดจิตสำนึกของพวกเจ้าออกมา”
เมื่อได้ยินคำสั่งของผู้อาวุโส เหล่าศิษย์ต่างทำตามอย่างว่าง่าย
มีเพียงฉินหานและหนิงเหยียนที่ลังเลไปชั่วขณะ ก่อนจะเปิดจิตสำนึกออกเช่นกัน
เย่ไป๋สะบัดแขนเสื้อเบาๆ คำภีร์เซียนชิงหยุนและเคล็ดวิชาหมัดสายฟ้าชิงหยุนพลันกลายเป็นกลุ่มแสง พุ่งเข้าสู่จิตสำนึกของทุกคน
“นี่เจ้ากล้าบอกว่านี่คือเคล็ดวิชาพื้นฐานจริงหรือ!”
“ช่างสุดยอดเกินไปแล้ว ข้าชอบเหลือเกิน!”
เมื่อคำภีร์และเคล็ดวิชาเข้าสู่จิตตระหนักรู้ของพวกเขา ทุกคนลองสัมผัสเพียงเล็กน้อย ก็รู้สึกถึงพลังอันมหาศาล
มันทรงพลังยิ่งกว่าคำภีร์และเคล็ดวิชาที่พวกเขาเคยฝึกมาหลายหมื่นเท่า
ราวกับฟ้ากับเหว!
คำพูดของผู้อาวุโสช่างไว้ใจไม่ได้จริงๆ!
“ง่ายดาย สบายๆดั่งเดินบนบันไดสวรรค์มายา”
“ไม่ยาก นี่แค่ทดสอบเล็กๆน้อยๆ”
“คำภีร์พื้นฐาน เคล็ดวิชาพื้นฐาน”
ภาพและคำพูดของผู้อาวุโสต่างย้อนกลับมาในจิตใจของพวกเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
พวกเขาอยากจะพูดเหลือเกินว่า หากนี่เรียกว่าเคล็ดวิชาพื้นฐานจริงๆ แล้วสิ่งที่พวกเขาฝึกมาทั้งหมดก่อนหน้านี้ก็คือเศษดินโคลนชัดๆ!
เหล่าศิษย์ที่ไม่รู้ถึงค่าของสิ่งล้ำค่านี้ ต่างก็ไม่รู้จะอธิบายความตื่นเต้นของตนเองอย่างไร
แต่ก็มีบางคนที่มองออกถึงความยิ่งใหญ่
เช่น ทายาทห้าคนของตระกูลหลิน ผู้ซึ่งฝึกฝนเคล็ดวิชาเซียนอยู่แล้ว จึงสามารถสัมผัสถึงพลังอันยิ่งใหญ่ได้อย่างชัดเจน
หรือฉินหาน ผู้เป็นมหาจักรพรรดิกลับชาติมาเกิด ก็เป็นอีกคนที่รู้แจ้ง
ในเวลานี้ ฉินหานถึงกับสั่นสะท้านด้วยความตื่นเต้น
“นี่…นี่…หรือว่านี่คือเคล็ดวิชาเซียน!”
เขาซึ่งกลับชาติมาเกิดพร้อมกับเคล็ดวิชามหาจักรพรรดิจากชาติก่อน ยังไม่เคยสัมผัสถึงความยิ่งใหญ่และเหนือชั้นเช่นนี้มาก่อน
“หรือว่าสวรรค์ลิขิตมาแล้ว การเกิดใหม่ของข้า ไม่ได้มีเพียงแค่ล้างแค้นหลินเหยาเท่านั้น!”
“นี่คือลิขิตแห่งฟ้าอย่างแท้จริง!”
ด้วยเคล็ดวิชาเซียนนี้ เขาย่อมสามารถก้าวไปอีกขั้น อาจแม้กระทั่งเหนือกว่ามหาจักรพรรดิในชาติก่อนของตนเอง…
ขณะเดียวกัน ชายชราผู้พำนักอยู่ในสร้อยคอของหนิงเหยียนก็สั่นสะท้านเช่นกัน
“คำภีร์นี้…เคล็ดวิชานี้…ข้าขอเข้าร่วมสำนักชิงหยุนด้วยได้หรือไม่ โปรดรับข้าเป็นศิษย์เถิด!”
ในที่สุด หนึ่งในศิษย์ก็กลั้นความสงสัยไม่ไหว เอ่ยขึ้นมาด้วยเสียงสั่นเครือ
“ท่าน…ท่านผู้อาวุโส คำภีร์นี้และเคล็ดวิชานี้อยู่ในระดับใดกันแน่? ข้าไม่เคยพบเห็นมาก่อน เหตุใดจึงทรงพลังถึงเพียงนี้!”
เพียงแค่รับรู้ มิทันได้เริ่มฝึก ก็สัมผัสถึงพลังอันไร้ขอบเขต
เย่ไป๋กล่าวด้วยน้ำเสียงทรงอำนาจ
“นี่คือคำภีร์เซียน และเคล็ดวิชาเซียนเฉพาะของสำนักชิงหยุน”
“ฝึกฝนคำภีร์เซียนชิงหยุน สร้างเกียรติภูมิอันยิ่งใหญ่ไปชั่วนิรันดร์!”
ผู้ใดฝึกฝนเคล็ดวิชาเซียนนี้จนบรรลุ ย่อมไม่ตกสู่ห้วงวัฏสงสาร ละทิ้งพันธนาการแห่งโลกา สร้างชื่อเสียงขจรไกล เป็นผู้ยิ่งใหญ่แห่งหมื่นยุคสมัย!