ตอนที่ 39 อัจฉริยะรวมตัว อีกสามวันเปิดรับศิษย์
ตอนที่ 39 อัจฉริยะรวมตัว อีกสามวันเปิดรับศิษย์
ภายในหอชิงหยุน
【“ในฐานะที่จะเป็นสำนักเทพอันดับหนึ่งของมหาจักรวาลในอนาคต การมีศิษย์น้อยเกินไปนั้นไม่เหมาะสม โปรดให้นายท่านเปิดสำนักรับศิษย์ครั้งแรก การทำภารกิจนี้จะได้รับรางวัลมากมาย”】
เยี่ยมมาก!
ระบบนี่แหละที่เข้าใจใจข้าจริงๆ ภารกิจนี้มาถึงทันเวลามาก
เฟิงชิงหยางที่ตั้งใจจะเปิดสำนักรับศิษย์อยู่แล้วรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก เขาคิดว่าการทำเช่นนี้จะได้ประโยชน์สองต่อเลย
ตอนนี้ไม่ว่าจะเพื่อภารกิจของระบบหรือเพื่อสำนักชิงหยุน ข้าก็ต้องทำให้มันเป็นงานใหญ่แล้ว
เฟิงชิงหยางจึงให้สาวใช้ฉินหรั่วเสวี่ยไปเรียกผู้ที่อยู่ในตำแหน่งสูงและกลางของสำนักชิงหยุนมาที่หอชิงหยุน
เฟิงชิงหยางนั่งอยู่บนตำแหน่งสูงสุด ในขณะที่ผู้คนด้านล่างนั่งอยู่ตามลำดับ
ในนั้นมีหลี่ชิงหยุนผู้เป็นบรรพชนแห่งสำนักที่หลับตาฝึกจิตอยู่
อาวุโสคุมกฏหลัวอู่เต้า
อาวุโสหอคำภีร์เนี่ยห่ายหลง
อาวุโสสายใน: มู่ซุยเซียน หลัวเฉิน
อาวุโสคุ้มกันหวังเสวียน
ผู้อาวุโสสายนอก: เย่ไป๋ มู่เทียน มู่เฟิง
และสุดท้ายคือผู้นำตระกูลหลิน-หลินจ้าน
อาวุโสที่เพิ่งอัญเชิญมาหลายคนเป็นชายวัยกลางคนที่อยู่ในช่วงรุ่งเรื่องของชีวิต ตอนนี้พวกเขาได้สวมเสื้อผ้าพิเศษของอาวุโสแล้ว
เสื้อผ้าของอาวุโสสายนอกมีสีเขียวเข้มที่โดดเด่นจากเสื้อผ้าของศิษย์มากและส่วนใหญ่จะเป็นสีเขียว พร้อมกับสีขาวที่น้อยกว่า
ส่วนเสื้อผ้าของอาวุโสสายในนั้นแตกต่างออกไปมาก มันมีสีฟ้าเขียวเป็นหลัก และมีลวดลายของนกเพลิงดอกใหญ่ที่ถักทอเป็นเมฆลอยขึ้น สื่อถึงความสำเร็จในเส้นทางการบรรลุ
ชุดของฝ่ายคุมกฏดูมีอำนาจมากกว่า ในขณะที่ชุดของสำนักฝ่ายคำภีร์นั้นดูสอดคล้องกับความรู้
ขณะนี้ทุกคนกำลังเคารพและมองไปที่เฟิงชิงหยางที่นั่งอยู่ในตำแหน่งสูงสุด ผู้ชึ่งแสดงถึงอำนาจและความมีเกียรติ
นี่เป็นการประชุมของอาวุโสครั้งแรกนับตั้งแต่การฟื้นฟูสำนักชิงหยุน
“พวกท่าน เวลานี้เหมาะสมแล้ว ในตอนนี้สำนักชิงหยุนของเรามีทุกสิ่งครบครัน อาวุโสทั้งหลายเพียบพร้อม และสามารถกล่าวได้ว่า เรามีอำนาจที่แข็งแกร่ง หากมองไปทั่วทั้งภาคตะวันออก ไม่มีใครสามารถทัดเทียมได้”
“แต่เพื่อให้สำนักดำรงอยู่ได้ยาวนานและเจริญรุ่งเรือง จำเป็นต้องมีศิษย์ผู้มีความสามารถ มิฉะนั้นสำนักจะไม่สามารถสืบทอดรุ่นต่อรุ่นได้
ดังนั้นข้าจึงประกาศว่าจะเปิดรับศิษย์ในอีกสามวัน
ข้าประกาศให้สำนักชิงหยุนเริ่มมีอิทธิพลในโลกภายนอก!”
“แม้ว่าเราจะปกครองแคว้นหลิงโจวในตอนนี้ แต่เราก็ไม่อาจเก็บตัวอยู่ในมุมใดมุมหนึ่งได้ ความตั้งใจของการเข้าสู่โลกภายนอกนี้คือการท้าทายทั้งเขตภาคตะวันออก”
“ขอรับฟังคำสั่งจากท่านเจ้าสำนัก”
“สำนักชิงหยุนของเราจะก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง!”
เมื่อเฟิงชิงหยางกล่าวจบ ทุกท่านก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกันและกล่าวยืนยัน
ในขณะเดียวกัน…
ในแคว้นหลิงโจว
ข่าวหนึ่งได้ถูกส่งออกไป
แคว้นหลิงโจวตื่นตระหนกทันที ราวกับน้ำในทะเลสาบที่สงบนิ่ง ถูกระเบิดเข้าไป
แคว้นหลิงโจวกลายเป็นสนามรบ!
สามวันหลังจากนี้ สำนักชิงหยุนจะเปิดรับศิษย์!
ข่าวนี้แพร่กระจายไปทั่วแคว้นหลิงโจวอย่างรวดเร็ว
ณ เมืองซวนเย่
“สำนักชิงหยุนในที่สุดก็จะเปิดรับศิษย์แล้ว!”
“จริงสิ! รีบไปเถอะพี่หลี่ เมืองซวนเย่ของเราใกล้สำนักชิงหยุนที่สุด ถ้าไปช้าก็จะอดอันดับแรกเสียแล้ว”
ชายที่นั่งตรงข้ามแม้จะตื่นเต้นแต่ก็ยังพูดด้วยความรู้สึกท้อแท้
“การรับศิษย์ของสำนักชิงหยุนครั้งนี้จะมีผู้คนมากมายหลายล้าน หากเราไปถึงแรกๆ ก็ไม่มีประโยชน์อะไรหรอก ด้วย พรสวรรค์ของเราแล้ว คงยากที่จะชนะการแย่งชิงของคนทั้งแคว้นหลิงโจว”
“เจ้าหนุ่มนี่ ไม่มีใจสู้เลย!”
“พ่อข้าบอกว่า ข้ามีพรสวรรค์จะก้าวขึ้นสู่ขอบเขตสร้างวิญญาณ
มันคือพรสวรรค์ขอบเขตสร้างวิญญาณ เจ้าเข้าใจหรือไม่?
ถ้าครั้งนี้ข้าได้เข้าเป็นศิษย์ของสำนักชิงหยุน แม้จะเป็นแค่ศิษย์รับใช้ ก็ยังถือว่าคุ้มค่าแล้ว”
หลายคนมีความคิดเช่นเดียวกับเขา สำนักชิงหยุนคือผู้ปกครองของแคว้นหลิงโจว หากได้เข้าไปในสำนักแม้เพียงเป็นศิษย์รับใช้ ก็จะสามารถก้าวไปสู่จุดสูงสุดและเส้นทางแห่งความรุ่งเรืองได้
ทุกคนที่คิดว่าตนเองมีพรสวรรค์บ้าง ต่างเดินทางไปยังสำนักชิงหยุน นั่นคือที่ที่พวกเขาฝันถึง และเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางอันยิ่งใหญ่
บรรดากลุ่มอำนาจต่างๆในแคว้นหลิงโจว ทั้งตระกูล ราชวงศ์ และสำนักต่างก็ส่งคนมาร่วมแห่แหน หัวเราะเสียงดัง มีกลุ่มคนมากมายจนไม่สามารถนับได้
การที่จะฝ่าฝูงชนจำนวนมหาศาลนี้ไปเพื่อเข้าเป็นศิษย์สำนักชิงหยุน นั่นมันยาก ยากดุจฟ้าสูง!
บางคนถึงกับตัดสินใจจะลงจากตำแหน่งเจ้าสำนักของตนแล้วมายังงานทดสอบ เพื่อดูว่าด้วยความสามารถและโชคของตัวเอง จะสามารถทำอะไรได้บ้างในสำนักชิงหยุน แม้จะเป็นแค่ศิษย์รับใช้
ถึงแม้จะต้องทำงานหนัก ก็ยังรู้สึกว่างานนั้นมันมีค่า
ในอนาคตจะได้เดินทางไปไหนมาไหนอย่างภาคภูมิใจ
อะไรนะ เจ้าดูถูกผู้ที่ทำงานหนักรึ?
ข้าเป็นหัวหน้าผู้ทำความสะอาดของสำนักชิงหยุน เจ้าไม่อยู่อยากอยู่แคว้นหลิงโจวแล้วใช่ไหม?
ในขณะเดียวกัน…
ในป่าอสูรแห่งหลิงโจว
“ฮึบ!”
“ตายซะ!”
ชายหนุ่มคนหนึ่งเหวี่ยงหมัดใส่อสูรเสือมรณะ
ร่างของเสือมรณะตัวใหญ่นั้นถูกพุ่งไปไกลหลายเมตร ส่งเสียงร้องแผ่วเบา จากนั้นหัวมันเอนลงไปและล้มลงไปที่พื้น
หากผู้คนได้เห็นคงจะตกตะลึงไปเลย นี่มันอะไรกัน!
เสือมรณะเป็นอสูรระดับสี่ ซึ่งเทียบเท่ากับขอบเขตวิญญาณแรกกำเนิด อย่าลืมว่าชายหนุ่มคนนี้มีอายุแค่สิบเจ็ดสิบแปดปีเท่านั้น นี่มันน่ากลัวเกินไปแล้ว!
“ขอบเขตวิญญาณแรกกำเนิดแล้ว!”
“ใกล้แล้ว รอให้ข้าฟื้นคืนพลังของข้า วันนั้น ข้าจะทำให้เจ้าหลินเหยาได้รู้!”
“อ้อ? สำนักผู้ปกครองแคว้นหลิงโจวเปิดรับศิษย์แล้วหรือนี่?”
เขารู้จักอำนาจของอิทธิพลเล็กๆนี้ดี เมื่อได้รับความทรงจำจากชาติที่แล้ว ข่าวสารที่เขาได้ยินมากที่สุดก็คือเกี่ยวกับสำนักชิงหยุน
แม้จะยังเล็ก แต่ตอนนี้มันเหมาะสมที่สุดสำหรับตัวเขา
ในตอนนี้ที่เขายังอ่อนแอ การไปที่นั่นก็เป็นการเปิดโอกาสให้เขาไปสู่ภาคกลาง และยังได้รับการคุ้มครองชั่วคราว
“สำนักชิงหยุน ข้ามาแล้ว!”
พูดจบ ชายหนุ่มก็เดินจากไปโดยไม่หันหลังกลับ ทิ้งร่างของเสือมรณะไว้ในลมที่พัดผ่าน
……
ในภูเขาฝังเทพ
“ท่านอาจารย์ ข้าพร้อมแล้ว โปรดมาช่วยข้าเถิด”
หนิงเหยียนตั้งสมาธิและใช้พลังวิญญาณภายในร่างให้หมุนเวียน ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยพลังที่หมุนวนอย่างรุนแรง
ข้างๆ เขาเป็นชายชราผมขาวที่มองเขาด้วยสายตาพอใจ
ท่าทางของท่านอาจารย์นั้นเหมือนผู้บ่มเพาะที่อยู่เหนือสรรพสิ่ง
“เหยียนเอ๋อร์ ร่างกายของเจ้าคือ กายาศักดิ์สิทธิ์มหาตะวัน ซึ่งติดอันดับที่ 9 ของกายาศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งที่สุด”
“เจ้าต้องการเพลิงลี้ลับในการปลุกพลัง วันนี้ข้าจะช่วยเจ้าปลุกพลัง”
“เพลิงจงมา!”
มือขวาของชายชราที่ยืนอยู่ข้างๆ ปรากฏเพลิงสีฟ้าอ่อนที่งดงามและระยิบระยับ
อย่ามองข้ามมันนะ เพราะมันคือเพลิงลี้ลับอันดับที่ 29 ในรายนาม “เพลิงทมิฬคราม”
ชายชรานำเพลิงลี้ลับนี้เข้าไปในร่างของหนิงเหยียน
หนิงเหยียนเริ่มใช้เคล็ดวิชาคุมไฟตามคำแนะนำ เพลิงทมิฬครามเริ่มเข้ากระแสและไหลเข้าสู่ร่างของเขา
“อ๊า!”
หนิงเหยียนร้องลั่นและกัดฟันแน่นเพื่อฝ่าฟันความเจ็บปวด ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ
เมื่อเพลิงลี้ลับเข้าสู่ร่างก็ถูกควบคุมด้วยเคล็ดวิชาและไหลไปสู่ท้องของเขา แต่พลังอันมหาศาลของเพลิงลี้ลับก็ยังคงเผาผลาญเส้นเลือดของเขาอย่างต่อเนื่อง
ผ่านไปสิบห้านาที ชายหนุ่มก็หมดแรงและล้มลงไปกับพื้น แต่รอยยิ้มเล็กน้อยที่มุมปากของเขาก็แสดงให้เห็นว่าเขาประสบความสำเร็จ
“ขอบคุณท่านอาจารย์”
เขาหายใจแรงและค่อยๆ ลุกขึ้นยืนเพื่อขอบคุณชายชรา
จริงๆแล้ว ท่านอาจารย์ของเขาคือจิตวิญญาณที่อาศัยอยู่ในสร้อยคอที่ติดอยู่บนคอของเขา
ตลอดเวลาที่ผ่านมา ท่านอาจารย์คือผู้สอนการบ่มเพาะให้เขาอย่างใกล้ชิดและช่วยให้เขาพัฒนาได้อย่างรวดเร็ว จึงทำให้เขานับถือท่านอาจารย์จากใจ
“ดีมาก เหยียนเอ๋อร์ ตอนนี้กายาศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าถูกปลุกขึ้นแล้ว พลังแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
ดูเหมือนว่าการช่วยข้าสร้างร่างใหม่ไม่น่าจะไกลเกินเอื้อม”
“ทั้งหมดนี้เป็นเพราะการสั่งสอนของท่านอาจารย์ เมื่อข้าพร้อมแล้ว ข้าจะช่วยท่านสร้างร่างที่สมบูรณ์แบบ”
“อืม ขอบใจ”
“อ้อ เหยียนเอ๋อร์ สำนักชิงหยุน เจ้าเคยได้ยินหรือไม่? สำนักนี้กำลังเปิดรับศิษย์ใหม่ เจ้าควรรีบไป ไม่ควรพลาด
ตอนข้ายังมีชีวิตอยู่ สำนักเล็กๆอย่างนี้ ข้าสามารถตบพวกมันจนย่อยยับได้เลย
แต่ว่า ตอนนี้เจ้ายังอ่อนแอ การเข้าร่วมกับพวกเขาจะช่วยให้เจ้ามีโอกาสมากขึ้นในการก้าวสู่ภาคกลาง”
ขณะที่พูดนั้น ดวงตาของชายชราก็เต็มไปด้วยความคิดถึง
ภาคกลาง…ดินแดนที่เป็นศูนย์กลางแห่งการบ่มเพาะ ทุกๆคนล้วนถือว่าที่นั่นเป็นสวรรค์ของการบ่มเพาะ
ตำนานที่กล่าวถึงมหาจักรพรรดิและผู้แข็งแกร่งในภาคกลางยังคงเป็นเรื่องที่ผู้คนฝันถึง
“เหยียนเอ๋อร์ ด้วยพลังของเจ้าที่อยู่ในขอบเขตวิญญาณแรกกำเนิดขั้นกลาง บวกกับการช่วยเหลือจากข้า การเข้าร่วมกับพวกเขาจะง่ายดาย”
เมื่อเห็นลูกศิษย์ที่มีความสามารถเช่นนี้ ชายชราก็รู้สึกภาคภูมิใจไม่น้อย ไม่คิดเลยว่าในดินแดนภาคตะวันออกที่แห้งแล้งนี้จะมีผู้ที่มีกายาศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งได้
เวลาผ่านไป
มีผู้ฝึกฝนจากทั่วทุกสารทิศเดินทางไปยังสำนักชิงหยุนมากมาย ดุจดั่งมดจำนวนมหาศาล