ตอนที่แล้วตอนที่ 36 หนึ่งกระบี่สังหารราชาปีศาจ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 38 อัญเชิญอาวุโส

ตอนที่ 37 ป้ายประจำตัว


ตอนที่ 37 ป้ายประจำตัว

เรือรบชิงหยุนพุ่งไปยังสำนักชิงหยุนด้วยความเร็วสูง

เดินทางข้ามพันลี้ในพริบตา

ณ หอชิงหยุน

เมื่อรู้ว่าท่านเจ้าสำนักกลับมาแล้ว เหล่าผู้อาวุโสและผู้คุ้มกันแห่งสำนักชิงหยุนอย่างเย่ไป๋และหวังเสวียนก็รีบรุดเข้ามารายงานความเป็นไปในสำนักทันที

นี่เป็นคำสั่งที่เฟิงชิงหยางได้มอบหมายไว้ก่อนจะจากไป เขาต้องการดูว่าการดำเนินงานในสำนักชิงหยุนเป็นอย่างไรในช่วงที่เขาไม่อยู่

“ท่านเจ้าสำนัก ในช่วงสองวันนี้ กองกำลังใหญ่น้อยยังคงส่งทรัพยากรมาอย่างต่อเนื่อง เราได้สร้างคลังเก็บสมบัติถึงยี่สิบแห่งแล้ว

และหลังจากที่ข้าได้ติดต่อกับผู้นำตระกูลหลิน เราก็ส่งทรัพยากรเหล่านั้นไปยังเมืองชิงหยุนอย่างไม่ขาดสาย

ตอนนี้การก่อสร้างเมืองชิงหยุนเริ่มเห็นเค้าโครงชัดเจนแล้ว”

หลังจากที่เย่ไป๋รายงานอย่างเคารพแล้ว หวังเสวียนก็เดินขึ้นมารายงานต่อ

“ท่านเจ้าสำนัก ในช่วงที่ท่านไม่อยู่ ข้าและหน่วยคุ้มกันดูแลสำนักชิงหยุนและเขตการก่อสร้างเมืองชิงหยุนเป็นอย่างดี ทุกอย่างดำเนินไปอย่างราบรื่น”

“อืม เมืองชิงหยุนเป็นหน้าตาของสำนักชิงหยุนของเรา ต้องก่อสร้างให้สมบูรณ์แบบ ใช้ทรัพยากรทั้งหมดที่มีมาเร่งความเร็วการก่อสร้างให้เต็มที่”

เฟิงชิงหยางพยักหน้าด้วยความพอใจ จากนั้นก็สะบัดมือด้วยท่าทางผ่าเผย

ในฐานะสำนักผู้ครองอำนาจแห่งแคว้นหลิงโจว สำนักชิงหยุนในตอนนี้ไม่ขาดแคลนทรัพยากรเลย

สถานการณ์ในตอนนี้คือ… ถึงแม้จะมีคนแย่งกันมอบทรัพยากรให้กับสำนักชิงหยุน แต่ก็ยังต้องดูว่าสำนักชิงหยุนจะรับไว้หรือไม่

อะไรนะ? เจ้าคิดจะไม่มอบทรัพยากรให้แล้วงั้นหรือ?

ไม่เป็นไร ยังมีอีกหลายคนและหลายกองกำลังที่อยากจะมอบให้เรา ไม่ขาดเจ้าเพียงคนเดียว

“เข้าใจแล้ว ท่านเจ้าสำนัก”

“อ้อใช่ พวกเจ้าเตรียมตัวให้พร้อม เลือกวันเปิดรับศิษย์ใหม่ได้แล้ว กลับไปเตรียมตัวเถิด”

นอกหอชิงหยุน

เมื่อมองจากด้านนอกหอชิงหยุนทั้งสำนักจะเห็นว่ามีอาคารเด่นชัดแห่งใหม่ที่เพิ่งปรากฏขึ้นมาในเขตสำนักชิงหยุน

นั่นคือ หอทดสอบศิษย์ ที่สูงถึงร้อยชั้น ซึ่งตั้งตระหง่านกลางสำนัก ราวกับพุ่งทะลุเมฆขึ้นไป

ตอนนี้ สือฮ่าว หลินไป๋ และฮวาชิงหยู ยืนตะลึงอยู่ใต้หอ พวกเขาแหงนหน้ามองดูหอทดสอบศิษย์อันยิ่งใหญ่ที่ตระหง่านอยู่เหนือพวกเขา

แต่สถานการณ์กลับดูน่าอึดอัดเล็กน้อย

ตั้งแต่พวกเขากลับมายังสำนัก สือฮ่าวและหลินไป๋ตั้งใจจะพา ฮวาชิงหยู ไปทำความคุ้นเคยกับสำนักชิงหยุน

แต่ยังไม่ทันได้เริ่มทำความคุ้นเคยกับอะไรเลย พวกเขากลับพบเจอสิ่งที่พวกเขาเองก็ไม่เคยเห็นมาก่อน

หอทดสอบศิษย์นี้คืออะไรกัน…

“ศิษย์พี่ เจ้าหอที่ยิ่งใหญ่นี้ใช้ทำอะไรหรือ?”

“เอ่อ… นี่คือ… หอทดสอบศิษย์ ของสำนักชิงหยุน”

คำตอบของสือฮ่าวฟังดูคลุมเครือและไม่มีข้อมูลอะไรเลย

“อ่า ใช่ๆ อย่างนั้นแหละ”

หลินไป๋ก็รีบสนับสนุนคำตอบนั้นเหมือนกัน

ฮวาชิงหยู รู้สึกมึนงงยิ่งกว่าสือฮ่าวและหลินไป๋ เมื่อมาถึงสำนักชิงหยุนครั้งแรก นางถึงกับตกตะลึงกับสภาพของสำนักที่งดงามดั่งแดนเซียน

เมื่อคิดทบทวนถึงคำพูดของอาจารย์ในวันนั้น นางก็เริ่มเข้าใจว่าทำไมท่านถึงกล่าวว่าสำนักระดับจ้าวนั้นไม่ได้ยิ่งใหญ่ในสายตาของท่านเลย

แม้แต่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่อาจเปรียบเทียบกับสำนักชิงหยุนได้

“โชคดีที่ผู้อาวุโสเตือนข้าได้ทันท่วงที ดูท่าผู้อาวุโสจะมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลกว่าจริงๆ”

ฮวาชิงหยู คิดอยู่ในใจ

ขณะเดียวกัน มู่ซุยเซียนเองก็รู้สึกตะลึง แม้ว่านางจะไม่ได้ตื่นตากับความงดงามของสำนักชิงหยุนเช่นเดียวกับฮวาชิงหยู

ในฐานะผู้ที่บรรลุถึงขอบเขตมหาจักรพรรดิ นางเคยพบเห็นสถานที่น่าทึ่งมามากมาย ไม่ได้ถึงกับเสียอาการ

สิ่งที่ทำให้นางตะลึงคือความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับเจ้าสำนักผู้ลึกลับแห่งสำนักชิงหยุน ผู้ที่สามารถเปิดโปงตัวตนที่แท้จริงของนางได้ในครั้งแรกที่พบกัน

ด้วยเหตุนี้ มู่ซุยเซียนจึงปล่อยพลังจิตสำนึกมหาจักรพรรดิของนางแผ่กระจายออกมาโดยไม่รู้ตัว หวังจะสำรวจความลึกลับของสำนักชิงหยุนให้กระจ่าง

แต่ทันทีที่พลังจิตสำนึกนั้นแผ่ขยายออกไป ก็ถูกพลังจิตสำนึกที่แข็งแกร่งกว่าบดขยี้กลับมาในทันที

เสียงหนึ่งดังขึ้นในจิตใจของนาง

“เห็นแก่ที่เจ้ามีความเกี่ยวพันกับศิษย์ของท่านเจ้าสำนัก หากเจ้ากล้าบังอาจอีกครั้ง จะถูกประหารทันที!”

มู่ซุยเซียนรู้สึกตกใจจนถอยกลับไปหลายก้าว จิตใจที่มั่นคงระดับมหาจักรพรรดิของนางเกือบจะพังทลายลงในพริบตา

สำนักชิงหยุนมีผู้แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ นางไม่กล้าคิดอะไรต่ออีก!

สือฮ่าวและพรรคพวกทั้งสามเดินเที่ยวชมสำนักกันอีกเล็กน้อย ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังคลังเก็บสมบัติ

ระหว่างทางพวกเขาเจอผู้อาวุโสสายนอกเย่ไป๋ ด้วยสีหน้าที่นิ่งสงบแต่แฝงไปด้วยความประหลาดใจอันล้ำลึก

ทั้งสามหยิบยกสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์และโอสถวิเศษทุกอย่างที่พวกเขาได้มาจากแดนลับศักดิ์สิทธิ์โบราณออกมาส่งมอบให้แก่สำนัก

“ผู้อาวุโส นี่คือสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์และโอสถวิเศษที่พวกเราเก็บเกี่ยวจากแดนลับศักดิ์สิทธิ์โบราณ ขอมอบให้แก่สำนักทั้งหมดครับ”

เย่ไป๋พยักหน้า “พวกเจ้ามีน้ำใจมาก”

หลังจากพูดจบ เขาก็รับสมบัติทั้งหมดไว้ด้วยท่าทางสงบนิ่ง

แต่ทำไมมือของยอดฝีมือระดับเบิกฟ้าขั้นสูงสุดถึงได้สั่นเล็กน้อย? ในชีวิตนี้เขาไม่เคยเห็นสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์มากมายขนาดนี้มาก่อนเลย!

หลังจากนั้นทั้งสามก็เดินทางไปยังหอชิงหยุนตามที่ท่านอาจารย์สั่ง เพราะมีบางสิ่งที่อาจารย์จะมอบให้พวกเขา

ในหอชิงหยุน

“ท่านอาจารย์” ทั้งสามกล่าวพร้อมกัน

“มาแล้วหรือ นี่คือป้ายประจำตัวของพวกเจ้า”

เฟิงชิงหยางโบกมือเบาๆ ป้ายสีน้ำเงินเขียวสามอันลอยออกมาจากฝ่ามือและตกลงบนมือของสือฮ่าวและพรรคพวก

นี่เป็นป้ายที่เขาได้รับมาจากระบบในช่วงสองวันที่เขาอยู่ในวัง

บ้าจริง! สำนักเทพอันดับหนึ่งของมหาจักรวาลในอนาคตกลับไม่มีแม้แต่ป้ายประจำตัวศิษย์ นี่มันเรื่องอะไรกัน?

หลังจากที่เขาอธิบายอย่างมีเหตุผล (พร้อมทั้งข่มขู่เล็กน้อย) ระบบก็ใจป้ำส่งป้ายมาให้เป็นจำนวนมาก

ปริมาณป้ายที่ได้มานั้นเพียงพอสำหรับใช้งานไปอีกนาน ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลเรื่องป้ายในอนาคต

ป้ายนี้ไม่เพียงแต่ระบุตัวตน แต่ยังสามารถเก็บแต้มผลงานได้ เขาวางแผนไว้อย่างดีแล้วว่าทุกอย่างในสำนักจะต้องใช้แต้มผลงานในการแลกเปลี่ยน

สำนักจะออกภารกิจในกระดานภารกิจ เมื่อศิษย์ทำภารกิจสำเร็จก็จะได้รับแต้มผลงาน แล้วสามารถนำไปแลกของหรือเข้าสู่แดนลับของสำนักได้

นอกจากนี้ศิษย์ยังสามารถใช้แต้มผลงานในป้ายของตนในการออกภารกิจส่วนตัวบนกระดานได้ด้วย

แต่สำนักจะเก็บค่าบริการ 5% จากแต้มผลงาน ซึ่งถือว่าเป็นอัตราที่เป็นธรรมมากทีเดียว

สือฮ่าวและพรรคพวกหยิบป้ายขึ้นมาดู ป้ายสีน้ำเงินเขียวนี้มีตัวอักษร “สำนักชิงหยุน” สลักไว้อย่างชัดเจน

เมื่อพลิกด้านหลัง ป้ายเหล่านั้นมีคำว่า “ศิษย์สายตรง” สลักอยู่

ป้ายนี้แสดงถึงสถานะและตำแหน่งของพวกเขาในสำนัก

“ขอบคุณท่านอาจารย์” สือฮ่าวและพรรคพวกกล่าวขอบคุณพร้อมกัน

แต่พวกเขาก็ยังสงสัยเล็กน้อย ท่านอาจารย์ไม่ได้บอกให้พวกเขาเริ่มจากศิษย์สายนอกหรือ?

สือฮ่าวเคยเรียกตัวเองว่า “ศิษย์พี่ใหญ่แห่งสำนักชิงหยุน” อยู่บ่อยๆ แต่ตอนนี้ตำแหน่งนี้คงต้องยกให้ศิษย์น้องที่เพิ่งเข้ามาใหม่แทนแล้ว

“พวกเจ้าผ่านแดนลับศักดิ์สิทธิ์โบราณมา นั่นถือว่าพวกเจ้าผ่านประสบการณ์ในสนามรบอันโหดร้ายมาแล้ว

ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พวกเจ้าคือศิษย์สายตรงของสำนักอย่างเป็นทางการ”

“ขอบคุณท่านอาจารย์!”

“จริงสิ ชิงหยู อาจารย์มีเคล็ดวิชาชิ้นหนึ่งมอบให้เจ้า”

“ถือว่าเป็นของขวัญต้อนรับเข้าสำนัก เปิดจิตสำนึกของเจ้าซะ”

เมื่อได้ยินคำพูดนั้น ฮวาชิงหยูจึงเปิดจิตสำนึกทันที

แสงสีม่วงวงหนึ่งพุ่งเข้าสู่จิตสำนึกของนาง

“เคล็ดวิชาฟีนิกซ์สยายปีก”

นางพิ่งรู้สึกถึงเคล็ดวิชานั้น ก็พบว่ามันเหมาะสมกับกายาฟีนิกซ์ศักดิ์สิทธิ์ของนางอย่างยิ่ง

ราวกับถูกสร้างมาเพื่อนางโดยเฉพาะ

นางจึงรีบกล่าวขอบคุณอย่างเต็มใจ

“ขอบคุณท่านอาจารย์ ข้าจะไม่ทำให้ท่านอาจารย์และสำนักต้องผิดหวัง

หากข้าทรยศ ขอให้ฟ้าผ่าห้าครั้ง ตายดับสูญสิ้น!”

นางตื้นตันใจมาก!

นางคิดว่า อาจารย์ท่านนี้ที่ดูเหมือนจะได้มาโดยบังเอิญ เพียงแค่เข้ามาเป็นศิษย์ใหม่ก็มอบเคล็ดวิชาชั้นยอดให้

ดังนั้นนางจึงเผลอให้สัตย์สาบานต่อมหาวิถีโดยไม่รู้ตัว

ต้องเข้าใจว่าเมื่อผู้บ่มเพาะสาบานต่อมหาวิถีแล้ว จะไม่มีวันผิดคำสาบานได้ มิฉะนั้นจิตมารจะเติบโตขึ้น ก่อให้เกิดหายนะถึงชีวิต จนถึงขั้นมหาวิถีของตนดับสูญ

“ไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรอก พวกเจ้าไปฝึกฝนกันเถิด”

“ชิงหยู เจ้าเอาแหวนที่อยู่ในมือออกมา อาจารย์มีเรื่องจะพูดกับผู้ที่อยู่ข้างใน”

“เจ้าค่ะ ท่านอาจารย์”

เมื่อได้ยินดังนั้น ฮวาชิงหยูก็ถอดแหวนออกจากมือทันที

นางรู้ดีว่าท่านอาจารย์ทราบถึงการมีอยู่ของ ผู้อาวุโสในแหวนวงนี้

เพราะในวันนั้นพวกเขายังได้สนทนากันอยู่เลย

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด