ตอนที่ 36 หนึ่งกระบี่สังหารราชาปีศาจ
ตอนที่ 36 หนึ่งกระบี่สังหารราชาปีศาจ
“มดแมลงมาจากที่ใดกัน รนหาที่ตาย!”
ราชาปีศาจเห็นว่ามีคนกล้าถือกระบี่มาที่ตน จึงโกรธจนท่วมท้น
“หญิงผู้นี้คือผู้ใด กล้าหาญถึงเพียงนี้!”
ผู้คนต่างตกตะลึงเมื่อเห็นมีผู้กล้าหาญตรงไปหาปีศาจบนฟ้า
“ศิษย์น้อง ระวัง!”
หลินไป๋ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าการที่ศิษย์น้องของเขาที่ยืมกระบี่ของเขาไปจะ…
ตอนนี้จะห้ามก็ไม่ทันแล้ว
ขอเพียงมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นก็พอ
ราชาปีศาจกู่คำรามเสียงดังลั่น รัศมีปีศาจพวยพุ่งออกจากตัว เขาผนึกแรงทั้งหมดแล้วตบฝ่ามือลงไป
เขาต้องการแมลงที่หาความตายนี้ให้กลายเป็นโคลน
มู่ซุยเซียนถือกระบี่บนฝ่ามือแล้วชี้ขึ้นไปตรงๆ กระบี่ทะลวงฝ่ามือของราชาปีศาจแล้วพุ่งขึ้นไป
ความเจ็บปวดจากมือทำให้ราชาปีศาจยิ่งโกรธจนไม่อาจระงับได้
มวลพลังปีศาจแผ่ขยายทั่วทั้งท้องฟ้าและพื้นดิน
“เป็นไปไม่ได้!”
“เจ้าคือผู้ใด เหตุใดในดินแดนภาคตะวันออกถึงยังมีผู้แข็งแกร่งเช่นนี้!”
ราชาปีศาจกรีดร้องด้วยความโกรธ
เขานึกไม่ออกว่าเหตุใดมดแมลงผู้นี้ยังเยาว์วัยถึงเพียงนี้ แต่กลับมีพลังบ่มเพาะอันแข็งแกร่งเช่นนี้
เหล่าอัจฉริยะแห่งดินแดนภาคตะวันออกมิใช่พวกเขาได้กำจัดจนหมดแล้วหรือ?
“มดแมลงต่ำต้อย ไม่จำเป็นต้องรู้จักชื่อข้า”
มู่ซุยเซียนยืนถือกระบี่อยู่ในอากาศ
กระบี่บัวมรกตในมือของนางส่องแสงเจิดจ้า ก่อนที่พลังมหาศาลของกระบี่จะพุ่งออกไป
“ไม่!”
รับรู้ถึงอันตรายถึงชีวิต ราชาปีศาจก็กู่คำรามลั่น
"พวกเลือดเนื้อโสโครก ไว้รอพวกข้า กองทัพปีศาจจะกลับมาพร้อมกองกำลังมากมาย เมื่อนั้น เจ้าจะต้อง-"
ยังไม่ทันที่ราชาปีศาจจะพูดจบ กระบี่อันคมกริบก็ทะลุผ่านร่างของมัน ก่อนที่มันจะกลายเป็นควันหายไปในอากาศ
หลินไป๋ยืนนิ่ง ร่างกายทั้งหมดของเขาเหมือนโดนสะกดไว้เขาไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง ศิษย์น้องเขาฆ่าราชาปีศาจไปแล้ว…?
มองไปยังร่างที่ลอยอยู่ในท้องฟ้า กระบี่ทลายอากาศ คมกระบี่พิฆาตปีศาจ จากนั้นก็จากไปอย่างสง่างาม
เขาถอนหายใจด้วยความนึกคิดในใจ เส้นทางฝึกกระบี่ของเขายังยาวไกลเหลือเกิน
ผู้คนแม้จะปลอดภัยแล้ว แต่ยังคงอยู่ในสภาพมึนงง
หากไม่จำผิด สถานที่ทดสอบนี้ก็เป็นที่สำหรับศิษย์มาเผชิญการทดสอบไม่ใช่หรือ? ราชาปีศาจนั่นแม้แต่กระบี่ของท่านยังป้องกันไม่ได้ แล้วท่านเข้ามาในที่นี้ทำไมกัน?
พวกเขาถึงได้เข้าใจในภายหลัง ว่ามันคงจะเป็นไพ่ตายที่สำนักมอบให้ เพราะสถานที่ทดสอบนี้มีข้อจำกัดว่าผู้ที่มีอายุกระดูกไม่เกินยี่สิบปีจะไม่สามารถเข้าได้ และ ผู้แข็งแกร่งเช่นนี้อายุคงเกินยี่สิบปีเป็นแน่แท้แล้ว
"เหวอ! พี่สือ ศิษย์น้องของท่านแข็งแกร่งขนาดนี้เลยหรือ!"
"ฮ่าๆๆ นั่นมันไพ่ตายที่ท่านเจ้าสำนักของพวกท่านให้มาหรือเปล่า?"
ดูไพ่ตายของคนอื่นชะก่อน ดูของตัวเองแล้วไม่อาจเปรียบเทียบได้
ขนาดราชาปีศาจยังมิอาจสู้ได้
หวังเถิงกล่าวด้วยความหงุดหงิด ถ้าไม่ใช่เพราะราชาปีศาจหายไปแล้ว เขาคงจะไปเตะมันซะสองสามที
"คงจะ...ใช่กะมัง"
สือฮ่าวฟื้นจากความตกใจและได้สติขึ้น
เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องที่เขาในฐานะศิษย์จะต้องไปสนใจ
“กระบี่ เอาคืนไปเถิด”
“เป็นกระบี่ดี”
มู่ซุยเซียนเดินมาหาหลินไป๋และยื่นกระบี่ให้เขา
กระบี่บัวมรกตเล่มนี้ในฐานะที่เขาอยู่ในขอบเขตมหาจักรพรรดิ ย่อมรู้จักดี
กระบี่ของเทพกระบี่ในยุคกลาง
แต่อยากรู้ว่าทำไมกระบี่นี้ถึงมาอยู่ในมือของศิษย์พี่ของชิงหยูได้
เมื่อครานั้นเทพกระบี่เสียชีวิตไป กระบี่ก็หายไปไม่ทราบทิศทาง ศิษย์เทพกระบี่ทั่วทั้งภาคกลางต่างพากันคลั่งหากระบี่นี้แต่ก็หามิได้ แล้วทำไมมันถึงตกมาอยู่ในดินแดนภาคตะวันออกได้ละ
สำนักชิงหยุน…
“อ๊ะ โอ้” หลินไป๋ได้สติและรีบรับกระบี่มา
หลังจากนั้นในวันถัดไป เหล่าศิษย์ของทุกสำนักต่างก็สำรวจในพื้นที่ภายในแดนลับกันเป็นเวลาเกือบหนึ่งวัน ทว่าก็ยังไม่มีใครโชคดีเหมือนเช่นครั้งก่อน มรดกสืบทอดของปราชญ์ในครั้งนี้ก็ไม่ได้ปรากฏขึ้นมา
เมื่อเวลาที่กำหนดใกล้จะมาถึง พื้นฟ้าของแดนลับเริ่มปรากฏเป็นวังวนขึ้นมา ซึ่งดูเหมือนกับตอนที่พวกเขาเข้ามา
“ไปกันเถิด พี่สือ ทางออกของแดนลับเปิดแล้ว”
ทางออกของแดนลับจะเปิดเพียงครึ่งวัน หากเลยเวลาไปแล้วก็ต้องรอจนถึงครั้งหน้าที่แดนลับจะเปิดใหม่
การเดินทางครั้งนี้ยังถือว่าไม่เสียเที่ยว
ราชวงศ์ฉีหลิน นอกเมืองฉีหลิน
บรรดาผู้อาวุโสของแต่ละสำนักต่างก็รอคอยอยู่ที่นี่ หวังว่าเหล่าศิษย์ของตนจะได้รับมรดกของปราชณ์ หรือไม่ก็หวังให้ได้ทรัพยากรเพิ่มเติมอย่างน้อย
วังวนปรากฏขึ้นนอกเมืองฉีหลิน และเหล่าศิษย์เริ่มทยอยออกมาจากภายใน
เมื่อเวลานั้นใกล้ถึง พวกศิษย์จากสำนักต่างๆ ก็เริ่มออกมาครบเกือบทั้งหมดแล้ว
เมื่อมองเห็นจำนวนศิษย์ที่ลดลงเหลือไม่ถึงครึ่ง บรรดาผู้อาวุโสก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตะลึง
การเปิดแดนลับศักดิ์สิทธิ์โบราณครั้งนี้ มีการแข่งขันที่ดุเดือดเกินไปจริงๆ
“เป็นยังไงบ้าง? มรดกของปราชณ์ปรากฏขึ้นหรือไม่?”
ผู้อาวุโสคนหนึ่งรีบเข้ามาถามทันที
“ไม่มีขอรับ และยังไม่มีอะไรดีๆเลย”
“ไม่มี? แล้วเหตุใดพวกเจ้าถึงแข่งขันกันอย่างรุนแรง ขนาดมีผู้เสียชีวิตจำนวนมากกันเล่า?” ผู้อาวุโสคนนั้นยังคงสงสัย
“ท่านผู้อาวุโส เราเจอกับปีศาจจำนวนมากในภายใน เกือบจะถูกฝังในแดนลับไปหมด”
“โชคดีที่มีแดนศักดิแดนศักดิ์สิทธิ์และหญิงสาวที่แข็งแกร่งช่วยจัดการพวกมันไว้ได้”
ศิษย์ที่พูดถึงเหตุการณ์นั้นก็ยังรู้สึกใจหวิวอยู่จนถึงตอนนี้
“ปีศาจ!”
…
“พี่สือ ข้าขอตัวลาก่อน หากท่านมีโอกาสมาที่แดนศักดิ์สิทธิ์ตงซวนของข้าก็เชิญมาดื่มชา”
หวังเถิงพูดจบก็หันหลังพร้อมกับศิษย์ที่เหลือเดินจากไป
ครั้งนี้พวกเขามาที่นี่รวมทั้งหมด 21 คน ในแดนลับนี้พวกเขาสูญเสียไปสามคน
“ขอลา พี่หวัง”
สือฮ่าวและอีกสองคนก็หันหลังแล้วเดินจากไป
หวังเถิงในฐานะบุตรศักดิ์สิทธิ์ แม้จะไม่ค่อยโอ้อวดแต่ก็ยังทำให้หลายคนยินดีที่ได้รู้จัก เพื่อนหนึ่งคนคือเส้นทางหนึ่ง แม้ว่าจะเป็นเด็กที่ชอบแสดงตัวเล็กน้อย…
“ท่านอาจารย์!”
ทั้งสามคนเห็นเฟิงชิงหยางจากไกลๆ ก็รีบวิ่งไปหาทันที
เฟิงชิงหยางกำลังพูดคุยกับราชาแห่งราชวงศ์ฉีหลินอย่างอารมณ์ดี
“หยูเอ๋อร์ ไม่เป็นไรใช่ไหม?
พี่ใหญ่ของเจ้าบอกว่าในแดนลับไม่เห็นเจ้า เขาบอกว่าในนั้นมีปีศาจ พวกเจ้าไม่เจอปีศาจใช่ไหม?”
พี่ใหญ่ของฮวาหยิงยูเริ่มค้นหาความโชคดีตั้งแต่เข้าไปในแดนลับ แล้วถึงแม้จะได้ยินเรื่องปีศาจจากคนอื่นๆ แต่ก็ยังไม่ได้พบเจอกับมัน
ยังได้ยินอีกว่าเป็นหญิงสาวสวมชุดแดงที่จัดการราขาปีศาจได้ เขาก็รู้สึกโชคดีที่ไม่ได้เดินเข้าไปในช่วงนั้น มิฉะนั้นคงไม่สามารถกลับออกมาได้
“ท่านพ่อ ข้าไม่เป็นไร ขอบคุณศิษย์พี่ทั้งสองที่คอยปกป้อง”
เมื่อได้ยินคำพูดของศิษย์น้อง สือฮ่าวและหลินไป๋ก็ทำหน้ามีท่าทางไม่ค่อยสบายใจ
นึกถึงภาพของหญิงสาวที่ฟันปีศาจด้วยกระบี่เดียว…
“ฮ่าฮ่า ไม่เป็นไรแล้วก็พอ ขอบคุณเจ้าทั้งสองทีคอยดูแลหยูเอ๋อร์”
“ไม่ๆๆ ฮวาชิงหยูเป็นศิษย์น้องของพวกเรา มันเป็นหน้าที่ของพวกเรา”
ทั้งสือฮ่าวและหลินไป๋ไม่รู้จะพูดอะไรดี
หรือจะบอกว่า… ลูกสาวท่านแข็งแกร่งขนาดฟันราชาปีศาจได้ด้วยกระบี่เดียว ไม่ต้องการการปกป้องจากพวกเรา?
“เอาล่ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว เรากลับสำนักกันเถิด”
ตอนนี้ทุกอย่างพร้อมแล้ว เหลือแค่การเปิดสำนักรับศิษย์ใหม่
“ขอตัวแล้ว ราชาฉีหลิน”
เฟิงชิงหยางพูด พร้อมกับเดินไปข้างหน้า ระหว่างที่แดนลับเปิดเขาถูกเลี้ยงดูอย่างดีในพระราชวัง ทั้งสองวันได้สัมผัสถึงความหรูหราอย่างเต็มที่
“ขอตัวลา ท่านเจ้าสำนักเฟิง”
“หยูเอ๋อร์กลับไปที่สำนักแล้วต้องฝึกฝนอย่างหนักละ”
ราชาแห่งราชวงศ์ฉีหลินพูดพร้อมทั้งยังไม่ลืมฝากคำเตือน
“อืม ข้ารู้แล้วเจ้าค่ะ ท่านพ่อ”
ฮวาหยิงยูพูดจบก็เดินขึ้นเรือรบของสำนักชิงหยุนพร้อมกับสือฮ่าวและคนอื่นๆ
ระหว่างทาง
“ท่านอาจารย์ ครั้งนี้พวกเราได้สิ่งดีๆกลับมามากเลยละ!”
สือฮ่าวเล่าเรื่องการได้รับโอสถศักดิ์สิทธิ์และการฆ่าปีศาจทั้งหมดในแดนลับให้เฟิงชิงหยางฟัง
“โอสถศักดิ์สิทธิ์”
เฟิงชิงหยางครุ่นคิด
ใช่แล้ว ตอนนี้สำนักชิงหยุนยังไม่มีปรมาจารย์หลอมโอสถเลย จะให้บรรพชนช่วยไปเชิญปรมาจารย์หลอมโอสถเข้ามาดีหรือไม่?
“ปีศาจพวกนั้น? เราจะถอนรากถอนโคนพวกมันออกให้หมด”
“ดีแล้วที่พวกเจ้าทุกคนไม่เป็นอะไร”
ในระหว่างที่เขาอยู่ในพระราชวังสองวันนี้ เขาก็ได้ทราบถึงต้นกำเนิดของแดนลับศักดิ์สิทธิ์โบราณแห่งนั้น
กล่าวโดยสรุป คือการต่อสู้ที่แท้จริงของโลกแห่งการบ่มเพาะ ทุกสิ่งในที่นี้ล้วนเป็นเรื่องที่โหดร้าย เพราะที่นี่คือโลกแห่งการบ่มเพาะที่ไร้ความปรานี
แต่เมื่อถึงคราวที่เหยื่อจะกลายเป็นผู้ล่า มันจะได้เห็นความน่ากลัวของสำนักชิงหยุนในภาคตะวันออก