ตอนที่ 34 ปีศาจปรากฏตัว และ การสังหารหมู่
ตอนที่ 34 ปีศาจปรากฏตัว และ การสังหารหมู่
ทิศบูรพาของแดนลับ ณ ซากวังขนาดใหญ่ที่ยิ่งใหญ่ มีศิษย์จากหลากสำนักมารวมตัวกันนับร้อยคน
พวกเขามารวมตัวกัน ณ ที่นี้ ต่างก็พูดคุยกันถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
สิ่งที่แปลกประหลาดคือมีเพียงคนเข้าไปข้างใน แต่ไม่มีผู้ใดออกมาเลยแม้แต่คนเดียว
ภายในซากวังเงียบงัน ไร้ซึ่งเสียงใดๆ ทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดหวั่น
ทุกคนต่างไม่กล้าเคลื่อนไหวโดยประมาท
“ศิษย์พี่ใหญ่ของสำนักเราได้นำคนเข้าไปแล้ว จนถึงบัดนี้ก็ไม่มีข่าวคราวใดๆ กลับมา
แม้แต่ยันต์สื่อสารก็ไม่ทำงานเลย” ชายผู้หนึ่งเอ่ยด้วยความร้อนใจ
“ศิษย์พี่ของเราก็เช่นกัน บอกให้เรารอคอยพวกเขาอยู่ด้านนอก แต่ตอนนี้ก็ไม่สามารถติดต่อได้แล้ว
หรือว่า…เราควรจะเข้าไปดูกันสักหน่อย…?”
เขาเอ่ยถามคนข้างๆ ด้วยท่าทีระแวง สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยความประหลาด เขาไม่มีทางกล้าเข้าไปคนเดียวแน่นอน
“หากเจ้าอยากเข้าไป ก็จงเข้าไปเถิด หากเกิดเหตุใดขึ้น พวกเราจะรอรับเจ้า ณ สุสานเอง”
“ดูทางนั้นสิ ดูเหมือนจะมีคนจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์มาถึงแล้ว”
เมื่อผู้คนเห็นศิษย์จากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ก็ราวกับพบหลักชัย ในที่แห่งนี้ที่เต็มไปด้วยภัยอันตราย ก็จำต้องพึ่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์เป็นผู้นำ
เมื่อสือฮ่าวและพวกเขามาถึง ก็พบว่ามีผู้คนจำนวนมากรวมตัวกันอยู่ด้านนอก
“ช่างแปลกประหลาดจริง พวกเขาไม่เข้าไปในซากวังแห่งนี้หรือ? นี่พวกเขารออะไรกันอยู่?”
“ตอนมาแต่ละคนดูกระตือรือร้นเสียเหลือเกิน แต่พอต้องลงมือจริงๆ กลับถอยหนีไปเสียหมด?”
“ไม่รู้เหมือนกัน ลองหาใครสักคนที่ดูเป็นมิตรแล้วถามดูเถิด”
กล่าวจบ หวังเถิงก็จับชายคนหนึ่งที่อยู่ใกล้ที่สุดเข้ามา
สองคนแลกเปลี่ยนคำพูดกันอย่างเป็นมิตร หลังจากหวังเถิงถามไถ่อย่างสุภาพจนทำให้ชายผู้นั้นตกใจกลัวจนฉี่รดกางเกง เขาเช็ดกางเกงพลางอธิบายเรื่องราวอย่างละเอียด พวกเขาจึงได้รู้ถึงต้นสายปลายเหตุ
“เห็นเพียงคนเข้าไป ไม่เคยมีผู้ใดออกมาเลยงั้นหรือ?”
“พี่หวัง ที่นี่อันตรายอย่างยิ่ง” สือฮ่าวขมวดคิ้วกล่าวด้วยความกังวล
“ฮ่าๆ ข้าหวังเถิงชอบเสี่ยงในสถานที่ที่น่าตื่นเต้นแบบนี้เสียจริง”
ในขณะนั้น ศิษย์จากแดนศักดิ์สิทธิ์หลานเย่ และแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนชิง นำโดยเจี่ยเมิ่งซินและมู่ฟาน ก็มาถึงพร้อมกับผู้ติดตาม
“ยอดเยี่ยม! ทั้งสามดินแดนศักดิ์สิทธิ์มาอยู่ที่นี่พร้อมกันแล้ว”
“ครั้งนี้ ต่อให้เป็นถ้ำพญามังกร ข้าก็ต้องฝ่าเข้าไปให้ได้”
พวกเขาไม่ใส่ใจเรื่องมรดกสืบทอดของปราชญ์อีกต่อไปแล้ว แม้จะมีจริง ก็คงไม่ถึงคราวของพวกเขา
เหล่าพี่น้องในสำนักของพวกเขาอยู่ข้างใน จึงต้องเข้าไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น
แม้เพียงเพื่อสนองความอยากรู้อยากเห็น และเผื่อว่าจะมีโอกาสเจอของที่คนอื่นพลาดไป
“แม่นางเจี่ยและพี่มู่ก็มาด้วยหรือ?
ดีเลย เราเข้าไปด้วยกัน ดูกันให้ชัดเจนว่ามรดกสืบทอดของปราชญ์มันเป็นอย่างไรกันแน่”
“พี่หวัง เราเจอกันอีกแล้ว ได้ของอะไรมาบ้างล่ะ?”
มู่ฟานเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้มถามอย่างสนิทสนม
“ไม่มากนัก ข้าเก็บของในแหวนมิติได้แค่สิบวงเอง ไม่มากเลย
ต้องขอบคุณแม่นางเจี่ยและพี่มู่ที่กรุณาสละให้” หวังเถิงยิ้มเยาะเย้ย
“ฮ่าๆ ถ้าอย่างนั้นก็…ไม่มากจริงๆ…” มู่ฟานฝืนยิ้มออกมา แต่ฟันกรามของเขากัดแน่นเกือบจะหัก เพราะของเหล่านั้นล้วนเป็นของที่ควรเป็นของเขา
“ฮึ่ม เลิกพูดจาไร้สาระได้แล้ว พวกเราเข้าไปดูสถานการณ์ข้างในกันเถอะ”
ด้วยเหตุนี้ ศิษย์จากหลากสำนักจึงเดินตามศิษย์ของสามดินแดนศักดิ์สิทธิ์เข้าไป
หลังจากเดินไปได้สักระยะ ก็ได้กลิ่นคาวเลือดที่เข้มข้นลอยมา
หลินไป๋และฮวาชิงหยูต่างวางมือบนกระบี่ประจำตัว สือฮ่าวและหวังเถิงรวมทั้งคนอื่นๆ ก็มองไปข้างหน้าด้วยความระมัดระวัง
“ศิษย์น้อง เร็วเข้ามา! ข้างหน้ามีมรดกสืบทอดของปราชญ์จริงๆ”
“ศิษย์น้อง เร็วเข้ามาเร็ว ทรัพยากรมากมายเกินกว่าที่พวกเราจะนำไปได้หมด รีบมาช่วยเร็ว”
“ศิษย์น้อง ทำไมเพิ่งมาล่ะ มานี่เร็ว ข้างหน้ามีศิลาวิญญาณมากมาย”
ในตอนนั้นเอง กลุ่มคนข้างหน้าก็ปรากฏตัวออกมา พร้อมกับเรียกหาศิษย์น้องของพวกเขา
“นั่นเป็นศิษย์พี่ของเรา เยี่ยมมาก ศิษย์พี่ เรามาแล้ว!”
“ศิษย์พี่ของพวกเราก็อยู่ที่นั่น!”
“ศิษย์พี่ อย่าเพิ่งกังวล พวกเรามาช่วยแล้ว!”
ศิษย์ของแต่ละสำนักบางคนเมื่อเห็นศิษย์พี่ชายและศิษย์พี่สาวของพวกเขา ก็พากันวิ่งไปหา
เมื่อได้ยินศิษย์พี่บอกว่าข้างหน้ามีทั้งทรัพยากรและมรดกสืบทอด ก็รู้สึกราวกับได้รับพลัง
“ชิงหยู คนเหล่านี้คือพวกปีศาจ รีบถอยกลับมา!”
มู่ซุยเซียนใช้จิตสำนึกสำรวจเห็นว่าในกลุ่มคนข้างหน้ามีปีศาจซ่อนอยู่เต็มไปหมด
ในฐานะผู้แข็งแกร่งแห่งขอบเขตมหาจักรพรรดิ นางเคยต่อสู้กับพวกปีศาจมาแล้วหลายครั้ง จึงไม่อาจจำผิดพลาดในกลิ่นอายแบบนี้ได้
ฮวาชิงหยูได้ยินดังนั้นก็ตกใจ รีบดึงศิษย์พี่ของตนถอยกลับอย่างรวดเร็ว
พร้อมกับตะโกนเสียงดัง:
"อย่าเข้าไป พวกเขาคือปีศาจ!"
แต่ก็สายเกินไปแล้ว
"ศิษย์พี่ ท่านทำอะไรน่ะ!"
"ศิษย์พี่ อย่าทำเช่นนี้!!“
คนที่วิ่งเข้าไปพบว่าศิษย์พี่ของพวกเขาแสยะยิ้มเย็นชา แล้วเริ่มสังหารพวกเขาในทันที
เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดดังสนั่นไปทั่วซากปรักหักพังแห่งนี้
"ปีศาจ!"
"ศิษย์น้อง เจ้าหมายถึง..."
ทุกคนตกใจมาก ในแดนลับศักดิ์สิทธิ์โบราณนี้จะมีปีศาจได้อย่างไร?
เมื่อเห็นฉากเลือดสาดนี้ คนที่อยู่ข้างหลังต่างพากันวิ่งหนีถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว
"อย่าถามอะไรเลย รีบไปเร็ว!"
สือฮ่าวและพวกของเขาวิ่งตามฝูงชนไปข้างหลัง เนื่องจากพวกเขาเตรียมพร้อมไว้ก่อนจึงสามารถวิ่งนำหน้าไปได้
ในขณะที่พวกเขากำลังจะถึงทางออก ทันใดนั้นก็มีกลุ่มปีศาจจำนวนมากโจมตีเข้ามาข้างหน้า
"เคียเคียเคีย! เจ้าพวกอาหารโลหิตของข้า"
"พวกเจ้าจะหนีไปที่ไหนกันหรือ?"
ผู้นำกลุ่มปีศาจที่ชื่อว่า กุ่ยซา หัวเราะเยาะเย้ยแล้วออกคำสั่งให้เหล่าปีศาจเริ่มการสังหารแบบไม่เลือกหน้า
เหล่าปีศาจจากข้างหลังเองก็เริ่มเข้ามาไล่ล่า
ข้างหน้ามีการชุ่มโจมตี ข้างหลังมีการไล่ล่า จนไร้ทางถอย
"สู้กับพวกมันให้ตายไปข้างหนึ่ง!"
ศิษย์ของแต่ละสำนักที่หนีไม่พันต่างหยิบอาวุธขึ้นมาและ ต่อสู้กับเหล่าปีศาจที่อยู่ตรงหน้า
"อ๊าก! ช่วยด้วย!"
"อย่าฆ่าข้าเลย!"
เสียงกรีดร้องสะท้านฟ้าสะเทือนดิน
ในการต่อสู้พวกเขาพบว่าปีศาจเหล่านี้ไม่เพียงแต่มีพลังวิญญาณที่สูงส่ง แต่ยังห้าวหาญไม่กลัวตาย
สิ่งที่น่าสะพริงกลัวที่สุดก็คือ ศิษย์ที่เสียชีวิตจะถูกปีศาจเข้าสิงและลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อสังหารผู้คนอีกครั้ง
สถานการณ์กลายเป็นฝ่ายเดียวที่พ่ายแพ้ย่อยยับ
"ฮ่าฮ่าฮ่า! พี่สือ ในที่สุดความฝันของพวกเราก็เป็นจริงแล้ว วันนี้ข้าจะฆ่าให้มันสะใจ
เหล่าศิษย์ของแดนศักดิ์สิทธิ์ตงซวน ฟังคำสั่ง ตามข้าสังหารปีศาจให้หมดสิ้น!"
"ฆ่า!"
"ฮ่าฮ่าฮ่า! เอาสิ! มาวัดกันว่าใครจะฆ่าปีศาจได้มากกว่ากัน ดีหรือไม่?"
สือฮ่าวระเบิดหมัดใส่ปีศาจตรงหน้าแล้วหัวเราะอย่างสนุกสนาน
"ใครจะกลัวใครกันล่ะ มาเลย!"
"หนึ่ง... สอง... สาม!"
ในขณะที่พูด หวังเถิงก็จัดการสังหารปีศาจสามตัวในพริบตา
"ศิษย์น้อง ศิษย์น้องหญิง ระวังตัวด้วย"
สือฮ่าวกล่าวเตือนหลินไป๋และฮวาชิงหยูก่อนจะเปิดการโจมตีเต็มกำลังแล้วพุ่งเข้าสู่ฝูงปีศาจ
"เคล็ดวิชาสังสารวัฏ!“
"หมัดสังสารวัฏ!"
สือฮ่าวประหนึ่งเทพสงครามเข้าสิง ทุกหมัดที่เขาปล่อยออกไปฆ่าปีศาจตายเป็นกลุ่ม
เมื่อเหล่าศิษย์เห็นพวกเขาต่อสู้อย่างดุเดือด จึงพากันเข้ามาใกล้กลุ่มของศิษย์จากแดนศักดิ์สิทธิ์
การสังหารยังคงดำเนินต่อไป ปีศาจเหล่านั้นเมื่อเห็นโลหิต ยิ่งยินดีเข้าไปใหญ่ กลายเป็นบ้าคลั่งมากกว่าเดิม!