ตอนที่แล้วตอนที่ 29 กายาฟีนิกซ์ศักดิ์สิทธิ์ ฮวาชิงหยู มหาจักรพรรดินีมู่ซุยเซียน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 31 ยุคกลางที่ขาดตอน

ตอนที่ 30 แดนลับศักดิ์สิทธิ์โบราณเปิดออก


ตอนที่ 30 แดนลับศักดิ์สิทธิ์โบราณเปิดออก

【“มู่ซุยเซียน: สภาพเศษวิญญาณ (สามารถปลดปล่อยพลังขอบเขตปราชญ์ได้เต็มที่) มหาจักรพรรดินีแห่งตระกูลมู่จากภาคกลาง เมื่อแสนปีก่อนถูกมหาจักรพรรดิอู๋เฉินหลอบโจมตี ได้รับโอกาสบังเอิญทำให้จิตวิญญาณหลงเหลือหนีไปติดอยู่ในแหวนหมี่หลง และเดินทางมาถึงแคว้นหวงโจวภาคตะวันออกในเวลาต่อมา”】

ระบบได้แสดงข้อมูลของมู่ซุยเซียนอย่างละเอียด

【“ขอแสดงความยินดีที่ท่านได้ทำภารกิจรับศิษย์ผู้มีพรสวรรค์สำเร็จ รางวัลได้ถูกมอบให้แล้ว”】

【“ขอแสดงความยินดีที่ท่านได้รับบัตรอัญเชิญสีเงินห้าใบ”】

【“ขอแสดงความยินดีที่ท่านได้รับหอทดสอบศิษย์หนึ่งหลัง ได้ทำการสร้างขึ้นในสำนักชิงหยุนแล้ว”】

【“ขอแสดงความยินดีที่ท่านได้รับแดนลับเฉพาะของสำนัก ได้สร้างขึ้นที่หลังเขาสำนักชิงหยุนแล้ว”】

【“ขอแสดงความยินดีที่ท่านได้รับเคล็ดวิชาฟีนิกซ์สยายปีก”】

【“นอกจากนี้ ท่านยังได้รับการให้รางวัลเป็นบัวศักดิ์สิทธิ์หนึ่งดอก ใช้สำหรับกักเก็บเศษจิตวิญญาณขอบเขตปราชญ์ขึ้นไป”】

หอทดสอบศิษย์: หอคอยสูงหนึ่งร้อยชั้น มีอุปสรรคมากมาย ภายในหอคอย ไม่สามารถตายได้ หากท้าทายแล้วแพ้ จะถูกปฏิเสธออกจากหอคอย

แดนลับเฉพาะของสำนัก: สามารถเข้าได้ด้วยแต้มผลงานสำนัก ภายในมีโอกาสมากมาย และอสูรจำนวนมาก เป็นที่ฝึกฝนสำหรับศิษย์

บัวศักดิ์สิทธิ์: ใช้เก็บเศษจิตวิญญาณ และสร้างร่างกายใหม่ให้สมบูรณ์ พร้อมกับสร้างกายาบัวศักดิ์สิทธิ์

“อีกแล้วหรือนี่ บัตรอัญเชิญสีเงินห้าใบ พร้อมกับรางวัลหอทดสอบศิษย์และแดนลับเฉพาะของสำนัก”

“ไม่เลว ไม่เลว”

ตอนนี้ผู้อาวุโสของสำนักก็มีแล้ว สิ่งอำนวยความสะดวกของสำนักก็พร้อมสรรพ สามารถเปิดรับศิษย์ได้อย่างเป็นทางการเสียที

สำหรับบัวศักดิ์สิทธิ์ที่ได้มา ก็สามารถให้มู่ซุยเซียนใช้ได้อยู่แล้ว ถือว่าเป็นของแถมพิเศษ

ทว่าสิ่งของของสำนักชิงหยุนนั้นไม่ใช่สิ่งที่จะได้ไปอย่างง่ายดาย

จะต้องทำสัญญา ทำงานให้สำนักชิงหยุนเป็นเวลาแสนปี

ส่วนหลังจากแสนปีผ่านไป หากนางยังอยู่ ก็ให้ทำสัญญาใหม่อีกแสนปี

การรับศิษย์เสร็จสมบูรณ์

เฟิงชิงหยางพาฮวาชิงหยูที่ยังคงงุนงงไปเดินเล่นในเมือง

แค่ออกมาเดินเล่น ก็ได้อาจารย์แล้วงั้นหรือ? แถมยังเข้าร่วมสำนักด้วย?

แดนลับศักดิ์สิทธิ์โบราณกำลังจะเปิดแล้ว

ทุกคนต่างก็รออยู่ที่นอกเมือง

“ท่านอาจารย์ แดนลับศักดิ์สิทธิ์โบราณกำลังจะเปิดแล้ว พวกเราสำนักชิงหยุนได้ส่งศิษย์มาด้วยหรือไม่?”

ฮวาชิงหยูมองไปยังอาจารย์ที่ได้มาโดยไม่ตั้งใจพร้อมกับเอ่ยถาม

หากสำนักชิงหยุนไม่มีศิษย์เข้าร่วม นางก็สามารถเป็นตัวแทนของสำนักชิงหยุนได้

“มาเพียงสองคนเท่านั้น ศิษย์พี่ใหญ่ของเจ้าและศิษย์พี่รอง รอเมื่อเข้าไปในแดนลับศักดิ์สิทธิ์โบราณแล้ว เจ้าทั้งสามจงร่วมมือกัน”

“โอ้”

ฮวาชิงหยูยังลังเลอยู่ว่าควรจะบอกเรื่องนี้กับท่านพ่อหรือไม่

ช่างเถิด รอให้ถึงตอนที่แดนลับศักดิ์สิทธิ์โบราณเปิดค่อยบอกดีกว่า

“ท่านอาจารย์”

สือฮ่าวและหลินไป๋ที่ได้รับการเรียกจากเฟิงชิงหยางก็รีบเดินเข้ามาหา

“อืม ข้าจะแนะนำให้พวกเจ้าได้รู้จัก นี่คือน้องศิษย์น้องของพวกเจ้า เดี๋ยวพวกเจ้าทั้งสามคนจะเข้าไปในแดนลับด้วยกัน”

“ว้าว! น้องศิษย์เล็ก”

เมื่อครู่พวกเขายังสงสัยกันอยู่เลยว่าท่านอาจารย์ออกไปทำธุระอันใดกัน ที่แท้ก็ออกไปรับน้องศิษย์เล็กมา

“น้องศิษย์เล็ก สวัสดี ข้าคือศิษย์พี่ใหญ่ของเจ้า สือฮ่าว”

“หลินไป๋”

“วางใจเถอะ ข้ากับศิษย์พี่รองของเจ้านั้นมีฝีมือแข็งแกร่งมาก เดี๋ยวข้าจะปกป้องเจ้าเอง”

สือฮ่าวรีบเข้ามาทักทายก่อน

ฮวาชิงหยูจ้องมองศิษย์พี่ทั้งสองที่อยู่ตรงหน้า หนึ่งคนเป็นชายร่างใหญ่ที่มีใบหน้าคมคาย อีกคนคิ้วดกหนาดูโดดเด่น มีท่าทีเย็นชา ชายผู้มีใบหน้าเหมือนกับพระเอกในนิยาย

อืม หน้าตาใช้ได้ เพียงแต่ว่าไม่รู้ว่าฝีมือจะเป็นเช่นไรบ้าง

“เช่นนั้นข้าก็ขอฝากตัวด้วยนะศิษย์พี่ทั้งสอง รบกวนศิษย์พี่ช่วยดูแลข้าให้มากๆด้วย”

หญิงสาวในชุดกระโปรงสีแดง ฮวาชิงหยูกล่าวด้วยท่าทีหยิ่งทะนง

“เหอะๆ ปกป้องข้าอย่างนั้นหรือ? กายาฟีนิกซ์ศักดิ์สิทธิ์ของข้าเข้าสู่ขั้นต้นแล้ว ไม่รู้เลยว่าตอนนั้นใครจะต้องปกป้องใครกันแน่”

“หยูเอ๋อร์ ศิษย์พี่ของเจ้าทั้งสองคนไม่ใช่คนธรรมดาเลย”

มู่ซุยเซียนที่เคยเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในระดับมหาจักรพรรดิ สายตาเฉียบคมของนางสังเกตเห็นลักษณะพิเศษของสือฮ่าวและหลินไป๋ในทันที

คนหนึ่งมี กระดูกจักรพรรดิ!

อีกคนมี กายากระบี่บัวมรกต!

ล้วนไม่ธรรมดาเลย ไม่ได้ด้อยไปกว่าฮวาชิงหยูแม้แต่น้อย

สิบห้านาทีให้หลัง

นอกเมืองฉีหลิน

ฟ้าบังเกิดปรากฏการณ์ผิดปกติ ลมกรรโชกแรง ก้อนเมฆปั่นป่วน

วงกตขนาดใหญ่สีม่วงปรากฏขึ้นกลางอากาศโดยไม่มีที่มา

แดนลับศักดิ์สิทธิ์โบราณนั้นจะต้องใช้กุญแจลับในการเปิดเข้าสู่ด้านใน และกุญแจลับหนึ่งดอกสามารถนำคนเข้าไปได้สูงสุดยี่สิบคน โดยจำกัดอายุกระดูกไม่เกินยี่สิบปี หากอายุเกินกำหนดหรือมีผู้เข้าสู่แดนลับเกินจำนวนจะถูกบดขยี้จนกลายเป็นหมอกเลือดทันที

“มาแล้ว มาแล้ว! แดนลับศักดิ์สิทธิ์โบราณเปิดแล้ว!”

“เจ้าตื่นเต้นอะไร เจ้าก็เข้าไปไม่ได้อยู่ดี”

“เจ้าเข้าใจอันใดผิดไป? แค่ได้มีส่วนร่วมก็พอแล้ว ข้าอยู่ข้างนอกแดนลับตะโกนให้กำลังใจ ก็ถือว่าเป็นการเข้าร่วมไม่ใช่หรือ?”

“โอ้โห! เจ้าช่างยอดเยี่ยม”

“ฟังดูมีเหตุผลจริงๆ” ชายผู้นั้นยกนิ้วโป้งชื่นชม

เหล่าสำนักต่างๆ เรียงแถวเป็นระเบียบเพื่อเข้าสู่แดนลับ

ทางฝั่งราชวงศ์ฉีหลินนั้น องค์รัชทายาทนำเหล่าศิษย์และองค์ราชารออะไรบางอย่างอยู่

“ท่านพ่อ ข้าไม่รู้ว่าน้องสาวหายไปไหน ทำไมถึงยังไม่มาอีก  แดนเปิดแล้วนะ!”

“แปลกจริง เมื่อสิบห้านาทีก่อนหน้านี้ หยูเอ๋อร์เพิ่งออกจากวังไปนี่นา”

“นั่นไง ท่านพ่อ ข้าเห็นน้องสาวแล้ว!”

องค์รัชทายาทและองค์ราชาเดินตรงไปยังตำแหน่งของฮวาชิงหยู

“หยูเอ๋อร์!”

“น้องสาว!”

“พวกเราร้อนใจแทบตาย เจ้าหายไปไหนมา รีบไปกันเถอะ แดนลับเปิดแล้ว”

องค์ราชาและองค์รัชทายาทพุ่งเข้ามาหา พวกเขาคว้ามือของฮวาชิงหยูและเตรียมจะพานางไปทันที

“ท่านพ่อ”

“ท่านพี่ ข้ากำลังจะบอกพวกท่าน ข้าจะเข้าสู่แดนลับพร้อมกับศิษย์พี่ของข้าในสำนัก ไม่ไปกับพวกท่านแล้ว”

“สำนัก? น้องสาว เจ้ามีสำนักตั้งแต่เมื่อใดกัน?”

“เอาเถิด ไม่ต้องกังวลไป”

“ท่านอาจารย์ของข้าก็อยู่ที่นี่ด้วย เรื่องสำคัญ อย่ารอช้า รีบออกเดินทางเถิด”

หลังจากฮวาชิงหยูพูดจบ นางก็ชี้ไปที่เฟิงชิงหยาง เป็นสัญญาณว่าท่านนี้คืออาจารย์ของนาง หากมีสิ่งใดคุยกับเขาได้…

สือฮ่าว หลินไป๋ และฮวาชิงหยูถือกุญแจลับที่เฟิงชิงหยางมอบให้ บินเข้าสู่แดนลับไป

ทิ้งให้องค์ราชาและองค์รัชทายาทงุนงงอยู่ท่ามกลางสายลม

“น้องสาวไม่เพียงเข้าร่วมสำนัก แต่ยังได้มีอาจารย์อีกหรือ? เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”

“หวังเอ๋อร์ เจ้านำคนเข้าไปก่อนเถิด

อย่างไรเสีย แดนลับศักดิ์สิทธิ์โบราณก็เป็นเรื่องสำคัญ อะไรจะเกิดขึ้น ค่อยว่ากันหลังจากนี้”

หลังจากที่องค์รัชทายาทนำคนเข้าสู่แดนลับไปแล้ว ราชาฉีหลินก็เดินเข้ามาใกล้เฟิงชิงหยาง

“ท่านคืออาจารย์ของหยูเอ๋อร์ใช่หรือไม่? ข้าขอถามท่านว่า ท่านมาจาก…”

“เจ้าสำนักชิงหยุนแห่งแคว้นหลิงโจว—เฟิงชิงหยาง”

“โอ้ ที่แท้เป็นเจ้าสำนักจากสำนักระดับจ้าว ต้องขออภัยยิ่งนัก ขอเชิญท่านเจ้าสำนักไปยังวังของข้า เพื่อให้ข้าได้ทำหน้าที่เจ้าบ้านที่ดี”

ผู้ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น สำนักนะดับจ้าวนั้น ล้วนเป็นมหาอำนาจที่ครอบครองดินแดนทั้งแคว้น

เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับสำนักชิงหยุนแห่งแคว้นหลิงโจวอยู่บ้าง สำหรับข่าวลือที่แพร่สะพัดภายนอก เขากลับไม่ใส่ใจนัก

ว่ากันว่า แม้แต่ผู้อาวุโสของสำนักเทียนจีที่มีขอบเขตกึ่งปราชญ์เป็นอย่างต่ำ ยังถูกสำนักชิงหยุนทำลายลงได้ในพริบตา

เรื่องนี้บ่งบอกถึงสิ่งใด? ย่อมหมายความว่าสำนักชิงหยุนต้องมี ผู้บ่มเพาะขอบเขตปราชญ์ประทับอยู่แน่แท้

ส่วนการตอบโต้ของสำนักเทียนจีนั้นหรือ? อย่าพูดให้ขำเลย แม้แต่จะสังหารผู้อาวุโสของสำนัก สำนักเทียนจีก็ย่อมต้องรู้เห็นแล้ว แต่กลับไม่ส่งคนมาเลย

เขาสงสัยว่าสำนักชิงหยุนอาจมีความลับอันน่าตื่นตะลึง หรือไม่ก็มีผู้สนับสนุนจากดินแดนภาคกลางอยู่เบื้องหลัง

การที่หยูเอ๋อร์ได้เข้าสังกัดสำนักที่ทรงพลังเช่นนี้ นับว่าเป็นเรื่องดีไม่น้อย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด