ตอนที่ 28 ราชวงศ์ฉีหลิน
ตอนที่ 28 ราชวงศ์ฉีหลิน
วันที่สาม
แคว้นหวงโจว
ราชวงศ์ฉีหลิน
ราชวงศ์ฉีหลินคืออำนาจระดับจ้าวที่มีอิทธิพลมานานในแคว้นหวงโจว
ตามตำนานกล่าวว่า บรรพบชนผู้ก่อตั้งราชวงศ์มีพลังอยู่ในขอบเขตกึ่งปราชญ์
ท่านได้ทิ้งมรดกกึ่งปราชญ์ไว้ จึงทำให้ราชวงศ์ฉีหลินเป็นหนึ่งในอำนาจที่ยิ่งใหญ่ในระดับจ้าวแห่งแคว้น
(ระดับของขุมอำนาจในแคว้น: ชั้นเก้า-ชั้นสอง ชั้นหนึ่ง ชั้นนำ ระดับจ้าว ระดับจ้าวเหนือหัว)
ณ เมืองหลวงฉีหลิน
วันนี้เป็นวันเปิดแดนลับศักดิ์สิทธิ์โบราณ ดังนั้นเมืองฉีหลินจึงเต็มไปด้วยความคึกคัก
เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาใดๆ ราชาผู้ปกครองราชวงศ์ฉีหลินได้ส่งทหารหลวงจำนวนมากเฝ้ารักษาเมืองหลวงรอบด้าน เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับอันตรายที่อาจเกิดขึ้น
ในสำนักชิงหยุน
เฟิงชิงหยางได้เรียกตัวสือฮ่าวและหลินไป๋มาหา
“ท่านอาจารย์”
“วันนี้เป็นวันเปิดแดนลับศักดิ์สิทธิ์โบราณ ถือเป็นสถานที่ฝึกฝนที่ดี
เจ้าทั้งสองแม้จะมีพรสวรรค์สูงล้ำ แต่ประสบการณ์ในการต่อสู้ยังขาดอยู่ ครั้งนี้การแย่งชิงในแดนลับศักดิ์สิทธิ์โบราณย่อมเต็มไปด้วยความดุเดือด เชื่อว่าหลังจากออกมา เจ้าทั้งสองจะมีประสบการณ์จริงที่สูงขึ้นมาก
ข้าจะไม่มอบอาวุธป้องกันชีวิตใดๆให้กับพวกเจ้า ทั้งหมดจะขึ้นอยู่กับความสามารถของพวกเจ้าเอง”
ในความเป็นจริง เขาไม่ได้ตั้งใจจะเข้าไปในแดนลับศักดิ์สิทธิ์ โบราณ เพราะหากผู้นำสูงสุดของสำนักเข้าไปด้วยจะทำให้ถูกหัวเราะเยาะได้
ครั้งนี้ที่เขาจะไปก็เพราะจะไปรับศิษย์คนที่สามผู้มีพรสวรรค์มาเข้าสำนัก
“รับทราบ ท่านอาจารย์”
สือฮ่าวและหลินไป๋มองหน้ากันก่อนที่จะรับคำ
ครั้งนี้ไม่มีการปกป้องจากท่านอาจารย์และอาวุโสของสำนัก พวกเขาต้องพึ่งพาความสามารถของตนเองเท่านั้น
ดอกไม้ในโรงเรือนที่อ่อนแอไม่อาจทนต่อพายุฝนได้ แต่ดอกไม้ที่เติบโตได้ด้วยตัวเองเท่านั้นที่จะสามารถยิ้มรับพายุได้
“ไม่ควรชักช้า ออกเดินทางเถิด”
เฟิงชิงหยางกล่าวจบก็เรียกเรือรบชิงหยุนออกจากพื้นที่ระบบ
หลังจากเตรียมศิลาวิญญาณที่เพียงพอ ทั้งสามก็ขึ้นเรือรบ
เรือรบขนาดมหึมา เมื่อเติมเต็มด้วยพลังจากศิลาวิญญาณ ก็เกิดเสียงคำราม แล้วพุ่งออกไปในทิศทางที่ห่างไกล
ในชั่วพริบตาเรือรบได้พุ่งไปไกลหลายพันลี้
……
เมืองฉีหลิน เสียงผู้คนจอแจ
อำนาจจากทุกแคว้นต่างก็ทยอยกันมาถึงที่นี่
พวกเขาทั้งหมดมาเพื่อหาสมบัติในแดนลับศักดิ์สิทธิ์โบราณ หากศิษย์จากสำนักของตนได้รับมรดกจากของผู้บ่มเพาะขอบเขตปราชญ์ในอดีตจากในนั้น สำนักของตนก็จะสามารถก้าวขึ้นสู่ระดับสูงได้ทันที
แดนลับศักดิ์สิทธิ์โบราณนั้นมีข้อจำกัดอายุ กระดูกอายุไม่เกินยี่สิบปี ดังนั้นผู้ที่สามารถเข้าไปได้ก็เป็นศิษย์ที่อายุต่ำกว่ายี่สิบปีเท่านั้น
หากไม่มีข้อจำกัดนี้ สมบัติในแดนลับศักดิ์สิทธิ์โบราณคงถูกขโมยไปหมดจากบรรดาผู้แข็งแกร่งจากทุกฝ่าย
เรือรบขนาดยักษ์ลำหนึ่งลอยอยู่เหนือเมืองฉีหลิน ทำให้เกิดความปั่นป่วนไปทั่ว
จากเรือรบที่บินออกมามากกว่าสิบคน มีทั้งชายและหญิง
ผู้นำกลุ่มด้านหน้าเป็นชายชราผู้มีอายุ และทรงอำนาจ และชายหนุ่มรูปงามที่มีท่าทางสง่างาม
“นี่มันหยิ่งยโสเกินไป! เมืองหลวงไม่ได้ห้ามเรือบินผ่านหรือ?”
“กลุ่มคนเหล่านี้กล้าจอดเรือรบเหนือเมืองหลวง…”
ยังไม่ทันที่ชายคนนั้นจะพูดจบ เพื่อนข้างๆเขาก็เอามือปิดปากเขาและทำท่าให้เงียบ
“ชู่ว!”
“เบาๆ หน่อยสิ ไม่กลัวตายรึ?”
“ก็ไม่ดูวันนี้มันวันอะไร วันที่แดนลับศักดิ์สิทธิ์โบราณเปิดตัวพวกดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายมาเยือน พวกเขาคงไม่ใส่เรื่องพันนั้นหรอก”
“รู้ไหมว่าคนที่เพิ่งไปเหล่านั้นเป็นใคร? คนจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ตงซวน!”
“ดินแดนศักดิ์สิทธิ์!”
ชายที่ถูกปิดปากก็สะดุ้งตกใจ ดีที่มีเพื่อนเตือน เขาจึงขอบคุณเพื่อนอย่างซาบซึ้ง
“ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมดินแดนศักดิ์สิทธิ์ถึงยิ่งใหญ่ ดูท่าทางพวกเขามีพรสวรรค์สูงมาก”
“หลายคนยังอายุน้อยแต่ถึงขอบเขตแก่นทองคำขั้นสูงสุดแล้วชายหนุ่มด้านหน้าที่นำกลุ่มยังถึงขอบเขตวิญญาณแรกกำเนิดแล้ว”
“อืม…ด้วยพรสวรรค์ของข้านี้ ถ้าเกิดได้เป็นศิษย์รับใช้ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์สักแห่งในชีวิตนี้ ก็ไม่เสียใจแล้ว”
ในเวลานี้บนเรือรบของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ตงซวนผู้อาวุโสกล่าว
“หลังจากที่บุตรศักดิ์สิทธิ์เข้าสู่แดนลับศักดิ์สิทธิ์โบราณแล้ว คงต้องให้ช่วยดูแลเหล่าศิษย์สายในด้วย”
ผู้อาวุโสที่นำกลุ่มหันไปพูดกับชายหนุ่มข้างๆ
“ใช่แล้ว บุตรศักดิ์สิทธิ์มีพรสวรรค์สูงส่ง ในแดนลับศักดิ์สิทธิ์โบราณนี้ เราทุกคนจะพึ่งพาการนำของบุตรศักดิ์สิทธิ์”
เหล่าศิษย์จากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง ต่างก็ยกสายตาแสดงความเคารพไปที่บุตรศักดิ์สิทธิ์
พรสวรรค์และความสามารถของบุตรศักดิ์สิทธิ์พวกเขาคงทำได้แค่เฝ้ามอง หวังว่าในโอกาสนี้จะได้สร้างสัมพันธ์ดีๆกับบุตรศักดิ์สิทธิ์
จริงๆแล้ว พวกที่ได้รับเลือกให้มาเข้าร่วมฝึกฝนต่างก็มีพรสวรรค์ที่ไม่ธรรมดา แต่ถ้าเทียบกับบุตรศักดิ์สิทธิ์แล้ว มันต่างกันมากอยู่ดี
“ผู้อาวุโสวางใจเถิด ข้าจะดูแลเหล่าศิษย์น้องให้ดี”
บุตรศักดิ์สิทธิ์หวังเถิงยิ้มอย่างมีเสน่ห์ เขาต้องการให้เป็นเช่นนี้
ในฐานะที่เป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์ เขารู้สึกเพลิดเพลินกับความรู้สึกเหนือกว่าคนอื่นแบบนี้
ไม่นานนัก
เรือรบขนาดใหญ่อีกลำก็มาหยุดอยู่บนท้องฟ้าเหนือเมืองฉีหลิน
พวกเฟิงชิงหยางสามคนบินออกมาจากเรือรบ
“ท่านอาจารย์ เมืองหลวงแห่งนี้ช่างคึกคักเสียจริง”
เมื่อออกมาจากเรือรบ สือฮ่าวก็เห็นฝูงชนหนาแน่นรอบด้านที่เต็มไปด้วยเสียงคึกคัก
“จะไม่ให้คึกคักได้อย่างไรเล่า? พวกขุมอำนาจใหญ่จากแคว้นต่างๆมารวมตัวกันหมดแล้ว ไปเถิด ไปที่พระราชวังก่อน”
หลังจากที่พวกขุมอำนาจใหญ่เดินทางมาถึง พวกเขาจะไปที่พระราชวังเพื่อหารือกัน
“โว้ย นั่นใครกันอีกละ?”
“ยังกะหลุดโลกไปเลย ไม่ใช่พวกจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใช่ไหม”
คราวนี้ชายคนนั้นเรียนรู้แล้ว รอจนกระทั่งพวกเฟิงชิงหยางเดินออกไปไกล เขาจึงเริ่มพูด
เพื่อนข้างๆของเขาไม่ได้ห้าม แต่เพียงแค่ขมวดคิ้วและคิดอะไรบางอย่าง เขาเพิ่งเห็นว่าเสื้อคลุมของพวกนั้นปักลายสัญลักษณ์สำนักชิงหยุน
“สำนักชิงหยุน…!”
“!”
“สำนักผู้ปกครองแคว้นหลิงโจว นั่นนะหรือ?”
ข่าวที่ว่าสำนักชิงหยุนได้กลายเป็นผู้ปกครองแคว้นหลิงโจวค่อยๆ ถูกแพร่กระจายออกไปยังแคว้นอื่นๆตามกาลเวลา
แม้แคว้นหลิงโจวจะไม่มีดินแดนศักดิ์สิทธิ์ แต่ก็มีอำนาจขุมอำนาจที่ยิ่งใหญ่จากสำนักเทียนจีของภาคกลาง
สำนักชิงหยุนทำลายสาขาของสำนักเทียนจี ทำให้สำนักนี้ถูกมองว่าเป็นสำนักที่ไม่มั่นคงในสายตาผู้คนภายนอก
ถึงแม้จะทำให้ผู้คนตกใจที่พวกเขาสามารถเอาชนะผู้แข็งแกร่งจากสำนักเทียนจีได้ แต่มันก็จะเป็นเพียงแค่ปรากฏการณ์ชั่วคราว เพราะเมื่อสำนักเทียนจีรู้ตัว พวกเขาก็จะส่งผู้แข็งแกร่งกลับมาใหม่
แต่ไม่ว่าอย่างไร อำนาจใหญ่ๆต่างพากันเดินทางมาถึง
ทั้งห้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์มีเพียงสามแห่งที่มาถึง
ประกอบด้วย: ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ตงซวน ดินแดนศักดิ์สิทธิ์หลานเย่ และดินแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนชิง
ดินแดนศักดิ์สิทธิ์หลานเย่คือดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของแคว้นเทียนโจว ซึ่งก็เป็นขุมอำนาจที่มีมานานหลายหมื่นปี
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขามีพลังการบ่มเพาะขอบเขตปราชญ์และ เป็นผู้นำที่เดินทางมาพร้อมกับสตรีศักดิ์สิทธิ์และศิษย์จากสายใน
ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนชิงตั้งอยู่ในแคว้นชิงโจว และแตกต่างจากสองแห่งก่อนหน้านี้ เพราะเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใหม่ที่มีรากฐานยังไม่ลึกซึ้ง
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ปัจจุบันของพวกเขาคือปราชญ์เทียนชิง ชึ่งเป็นผู้ก่อตั้งดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้
ด้วยเหตุการณ์พลิกผันในหลายพันปี ด้วยการเผชิญหน้าโดยบังเอิญ จากผู้บ่มเพาะขอบเขตกึ่งปราชญ์ก้าวสู่ขอบเขตปราชญ์ และจากนั้นก็พุ่งขึ้นทยานสู่ท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว
สำนักเทียนชิงก็ได้ก้าวจากตำแหน่งสำนักระดับจ้าวขึ้นเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์
ภายในพระราชวังฉีหลิน
“ท่านพ่อ ท่านให้ข้าไปเถิด”
สาวงามในชุดกระโปรงสีแดงเพลิงกำลังขอร้องบิดาของตน
“ไม่ได้ ลูกเอ๋ย การเข้าสู่แดนลับศักดิ์สิทธิ์โบราณนั้นอันตรายเกินไป ครั้งนี้ให้พี่ชายของเจ้าไปเถิด จะปลอดภัยกว่า”
“ท่านพ่อ ข้าได้ปลุกกายาฟีนิกซ์ศักดิ์สิทธิ์เมื่อเดือนที่แล้วแล้ว ข้าแข็งแกร่งไม่แพ้พี่ชายของข้าเลย”
“จริงหรือ?”
“สวรรค์! ราชวงศ์ฉีหลินของข้ากำลังจะผงาด!”
ฮวาชิงหยูมีร่างกายพิเศษตั้งแต่เด็ก แต่ไม่สามารถปลุกพลังได้ แม้จะฝึกฝนจนถึงขอบเขตก่อตั้งรากฐาน ผู้เป็นราชาก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ เขาได้ถามหาคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญมากมาย แต่ก็ไม่ได้คำตอบ
กายาฟีนิกซ์ศักดิ์สิทธิ์! หากทุกอย่างเป็นไปตามที่คาดการณ์ ร่างกายนี้จะกลายเป็นร่างที่มีสักกายภาพบ่มเพาะถึงขอบเขตราชันปราชญ์ได้
“ชิงหยู เจ้าทำการปลุกมันได้อย่างไร?”
“ข้าได้พบกับเหตุการณ์แปลกประหลาดเมื่อเดือนที่แล้วเจ้าค่ะ ท่านพ่อ”
แม้ะราชาจะยังคงสงสัย แต่ก็ไม่ได้ถามต่อ ทุกคนล้วนมีความลับของตนเอง
“เอาล่ะ ชิงหยู เจ้าเข้าไปกับพี่ชายของเจ้าก็แล้วกัน”
“ขอบพระคุณ ท่านพ่อ!”
ฮวาชิงหยูวิ่งออกไปด้วยความดีใจ