ตอนที่แล้วตอนที่ 1669 ตัวตน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 1671 รับฝ่ามือข้าสามฝ่ามือ

ตอนที่ 1670 ชายลึกลับ (ฟรี)


ตอนที่ 1670 ชายลึกลับ

ไม่ว่าศิษย์ของศาลาปีศาจลอยฟ้าจะคาดเดาอะไร พวกเขาไม่เคยที่จะคาดเดาถึงเจียงอาเฉียน เจียงอาเฉียนเสียชีวิตเพื่อที่จะช่วยสีวู่หยา และสีวู่หยาก็เสียชีวิตเพื่อที่จะช่วยเจียงอาเฉียน หลายปีผ่านไป ตอนนี้เจียงอาเฉียนกลับยังมีชีวิตอยู่ พวกเขาอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าสีวู่หยาอยู่ที่ไหน

หากเจียงอาเฉียนยังมีชีวิตอยู่ บางทีสีวู่หยาก็อาจจะยังมีชีวิตอยู่เช่นกัน

‘หากเป็นแบบนี้จริงๆ ศิษย์น้องเจ็ด...’ ยู่เฉิงไห่ที่มือสั่นเล็กน้อยเมื่อคิดแบบนั้นต้องสะกดกลั้นความตื่นเต้นเอาไว้ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ การที่เขาจะต้องแสร้งทำเป็นไม่รู้อะไรเลยนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เขาต้องสะกดกลั้นอารมณ์และเผชิญหน้ากับเรื่องราวตรงหน้าอย่างใจเย็น

เหมือนกับยู่เฉิงไห่ ศิษย์คนอื่นๆ จากศาลาปีศาจลอยฟ้าต่างก็รู้ว่าควรจะต้องทำยังไง พวกเขาทั้งหมดแสร้งทำเป็นไม่รู้อะไรเลย

ตอนนี้ผู้ชมมากมายเริ่มแสดงความคิดเห็น

“พวกเขาดูไม่เหมือนกัน”

“เซียนเต๋าผู้ยิ่งใหญ่เยว่ ท่านแน่ใจแล้วสินะว่าท่านได้ภาพเหมือนที่ถูกต้อง?”

“มันแตกต่างกันมาก! เขาใช่สีวู่หยารึเปล่า?”

ทุกคนที่ไม่ได้ตาบอดสามารถบอกได้ว่าคนในภาพเหมือนนั้นแตกต่างจากฉีเชิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขา

ไป๋เจาจุ้ย หลิงเหว่ยหยาง และฉือเปี่ยวหนู ยืนยันว่าคนตรงหน้าพวกเขานั้นไม่ได้ปลอมตัวมา

“เยว่หยางจื่อ แม่ทัพฉีเชิงดูไม่เหมือนกับคนในภาพเหมือน ท่านจะอธิบายยังไง?” ไป๋เจาจุ้ยที่แววตาเป็นประกายปรับสีหน้าก่อนจะกล่าวอย่างเสียงดัง

ในเมื่อไป๋เจาจุ้ยพูดออกมาแล้ว ทุกคนจึงได้มองดูเยว่หยางจื่อ พวกเขารอคอยคำอธิบายจากเขา

“คนในภาพเหมือนนั้นดูไม่สง่างามเหมือนกับข้า พวกเราจะเป็นคนเดียวกันได้ยังไง?” ฉีเชิงกล่าวพร้อมกับรอยยิ้ม

เยว่หยางจื่อกับฮัวเจิงหง: “...”

บางคนรู้สึกขยะแขยงเมื่อได้ยินคำพูดพวกนี้

‘การที่ท่านจะต้องโอ้อวดนั้นไม่เป็นไร แต่นี่มันเป็นเหตุผลที่เพียงพองั้นเหรอ? ที่ท่านจะต้องสวมหน้ากาก?!’

“เยว่หยางจื่อ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” ฮัวเจิงหงที่มองดูฉีเชิงขมวดคิ้วเล็กน้อยถาม ไม่มีใครรู้ว่านางกำลังคิดอะไร เห็นได้ชัดว่าฉีเชิงนั้นดูไม่เหมือนกับคนในภาพเหมือน ข้อเท็จจริงนั้นสำคัญกว่าคำพูด

“ต่อให้เขาจะไม่ใช่สีวู่หยา แต่สิ่งที่ข้าพูดก็ยังคงเป็นเรื่องจริง! พวกเขามาที่ดินแดนแห่งความว่างเปล่าก็เพราะว่าพวกเขามีแผนการใหญ่!” เยว่หยางจื่อที่เซถอยหลังไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อกล่าวอย่างกะทันหันเมื่อตั้งสติได้

“แผนการอะไรกัน? บอกข้ามาสิ” ฉีเชิงกล่าวพร้อมกับรอยยิ้ม

“พวกท่านทั้งหมดอยากจะเข้าไปในแกนกลางของเสาหลักแห่งหายนะก็เพื่อที่จะทำความเข้าใจเต๋าที่ยิ่งใหญ่ เมื่อกลายเป็นสิ่งมีชีวิตสูงสุดแล้ว พวกท่านก็คิดที่จะโค่นล้มสิบวิหาร! เยว่ฉีถูกปิศาจเฒ่าศาลาปีศาจลอยฟ้าสังหาร!” เยว่หยางจื่อกล่าว

“ทุกท่าน พวกท่านมาที่นี่ก็เพราะว่าพวกท่านอยากจะเข้าไปในแกนกลางของเสาหลักไม่ใช่เหรอ?” ฉีเชิงที่กางแขนออกมองไปรอบๆ ก่อนจะเอ่ยถาม

“แน่นอน! คนที่ไม่อยากจะเป็นสิ่งมีชีวิตสูงสุดก็คงจะมีแค่พวกโง่เท่านั้นแหละ!” ใครบางคนตะโกน

“ใครบ้าง? ที่ไม่อยากจะเข้าไปในแกนกลางของเสาหลัก?”

ทุกคนต่างก็แสดงความคิดเห็น

“แบบนี้แสดงว่าทุกคนมีแผนการรึเปล่า?” ฉีเชิงที่ยักไหล่และมองดูเยว่หยางจื่อกล่าว

เยว่หยางจื่อ: “...”

เยว่หยางจื่อไม่เข้าใจว่าเขาทำอะไรผิด?

“นอกจากนั้นข้าก็ยังไม่ใช่คนจากศาลาปีศาจลอยฟ้า และการตายของเยว่ฉีไม่ได้เกี่ยวอะไรกับข้า” ฉีเชิงกล่าวต่อ

“เขาเป็นถึงศิษย์คนแรกของศาลาปีศาจลอยฟ้า เขาก็น่าจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น!” เยว่หยางจื่อที่ตกตะลึงชั่วครู่ชี้นิ้วยู่เฉิงไห่หลังจากที่ตั้งสติได้

“เจ้าเข้าใจผิดแล้ว ข้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น และการตายของเยว่ฉีก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับข้า” ยู่เฉิงไห่กล่าวอย่างชัดเจน

“อ้อ! การที่เจ้าจะบอกว่าไม่ได้เกี่ยวก็คงจะไม่ได้เกี่ยวข้องสินะ?” เยว่หยางจื่อกล่าวอย่างเย้ยหยัน

“ข้าสงสัยว่าเจ้าคงจะไม่มีรูตูด” ฉีเชิงที่ส่ายหัวกล่าว

“???”

“นี่เจ้าด่าข้างั้นเหรอ?” เยว่หยางจื่อกล่าวอย่างไม่พอใจ

“มีอะไรรึเปล่า? ข้าบอกว่าเจ้าไม่มีรูตูด ในเมื่อข้าพูดแบบนั้นแล้ว มันก็ต้องเป็นแบบนั้นไม่ใช่เหรอ?” ฉีเชิงกล่าวอย่างใสซื่อ

ทุกคนหัวเราะ

ไม่ว่าจะยังไง ความหมายนั้นชัดเจน ทุกคนสามารถพูดอะไรก็ได้ ตราบใดที่ไม่มีหลักฐาน

“การที่เจ้าพูดว่ามีแผนการ แล้วมันจะมีแผนการได้ยังไง? พวกเจ้าคิดว่าวิหารศักดิ์สิทธิ์และสิบวิหารเป็นอะไรงั้นเหรอ? ยังไงซะข้า ฉีเชิง ก็ยังจะทำอย่างเต็มที่เกี่ยวกับดินแดนแห่งความว่างเปล่า ข้าไม่เคยทำอะไรที่ทำให้ดินแดนแห่งความว่างเปล่าต้องผิดหวัง” ฉีเชิงกล่าวอย่างชัดเจน

“หลายปีก่อน เจ้าวิหารเคยมาที่มหาสมุทรไม่มีที่สิ้นสุดสามครั้งเพื่อที่จะพบกับจักรพรรดิขาว ตอนนั้นเขาบอกว่าเขาอยากจะรับคนที่มีความสามารถ การที่ข้าจะต้องมาที่ดินแดนแห่งความว่างเปล่าและถูกดูหมิ่นนั้นไม่ใช่ความคิดที่ดีเลย บางทีข้าควรจะต้องอยู่ที่ดินแดนที่สาบสูญต่อไป”

“ฉีเชิง หากเจ้าอยากจะกลับไป ประตูแห่งเกาะที่สาบสูญจะเปิดต้อนรับเจ้าเสมอ” ไป๋เจาจุ้ยกล่าวเสริม

เยว่หยางจื่อ: “...”

คำพูดของฉีเชิงกับไป๋เจาจุ้ยนั่นทำให้ผู้คนมากมายประทับใจ

ทุกคน รวมไปถึงคนจากสิบวิหาร เริ่มรู้สึกว่าเยว่หยางจื่อเป็นคนทรยศ

“ท่านเป็นถึงรักษาการณ์ผู้นำแห่งโถงผู้ควบคุมสัตว์ร้าย ท่านน่าจะรู้ว่าเยว่ฉีออกจากดินแดนแห่งความว่างเปล่าไปตั้งแต่เมื่อไหร่? เท่าที่ข้ารู้ เขาได้พาวิหคเซียนแห่งวิหารซีเหอไปด้วยก่อนที่เขาจะจากไป” ฉีเชิงที่ยังไม่จบกล่าว

“จริง เยว่ฉีพานวิหคเซียนไป เรื่องนี้ได้รับการตรวจสอบแล้ว พวกเขาทั้งคู่ถูกหลิงกวง เทพเพลิงสังหาร วิหารศักดิ์สิทธิ์รู้ว่าภูเขานั่นถูกเพลิงเทพเผา” หลานซีเหอกล่าว

ตอนนี้หลานซีเหอได้สนับสนุนคำพูดของฉีเชิง ทุกคนยิ่งเชื่อว่าเยว่หยางจื่อใส่ร้ายฉีเชิง

เยว่หยางจื่อพูดไม่ออก เขารู้สึกอึดอัดมาก

“ท่านฮัว พวกเราเป็นสหายร่วมงาน แต่ท่านพาเขามาที่นี่ก็เพราะท่านสงสัยข้า” ฉีเชิงที่ฉวยโอกาสกล่าว

“เรื่องแบบนั้นมันเป็นไปได้ยังไงกัน? ข้ารู้ว่าเยว่หยางจื่อคิดไม่ดี ข้าพาเขามาที่นี่ก็เพื่อที่จะดูว่าเขาคิดจะทำอะไร” ฮัวเจิงหงกล่าวพร้อมกับรอยยิ้มที่ดูฝืนๆ

“เจ้ามัน!” เยว่หยางจื่อรู้สึกอึดอัด

“เยว่หยางจื่อ เจ้ารู้รึเปล่าว่าเจ้าทำผิดอะไร?”

“เขาต่างหาก? ที่เป็นสีวู่หยา!” เยว่หยางจื่อที่ตกใจและถอยห่างออกไปรู้สึกเหมือนกับว่าทุกคนกำลังจ้องมองเขา เขามองไปรอบๆ อย่างบ้าคลั่ง เขามองดูทหารองครักษ์ชุดเกราะสีเงินที่ยืนอยู่อย่างเงียบๆ ก่อนจะตะโกน

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจริงรึเปล่า เยว่หยางจื่อก็ยังคิดว่าเขาต้องชี้นิ้วใส่ใครสักคน ยังไงซะสถานการณ์ในตอนนี้ก็คงไม่แย่ไปกว่านี้อีกแล้ว

“ท่านยังจะคิดดื้อดึงอยู่อีกงั้นเหรอ? ถึงแม้ว่าสถานการณ์จะเป็นแบบนี้?” ฉีเชิงที่ขมวดคิ้วกล่าว

“ทำไมทหารองครักษ์ชุดเกราะสีเงินธรรมดาๆ ถึงได้มีพลังฝึกฝนเช่นนี้? หากข้าเดาไม่ผิด เขาเป็นสิ่งมีชีวิตสูงสุดแน่!” เยว่หยางจื่อกล่าว

“ทหารองครักษ์ชุดเกราะสีเงินเป็นถึงสิ่งมีชีวิตสูงสุดงั้นเหรอ?”

ทุกคน รวมไปถึงจักรพรรดิทั้งสามและสิบวิหารต่างก็รู้สึกว่ามันค่อนข้างที่จะแปลก การที่ยอดฝีมือคนหนึ่งจะยอมเป็นทหารองครักษ์ชุดเกราะสีเงินนั้นเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากที่จะเข้าใจ

“สีวู่หยา! เจ้าปิดบังได้แนบเนียนจริงๆ! ข้าเกือบจะถูกเจ้าหลอกแล้ว!” เยว่หยางจื่อกล่าวอย่างเสียงดัง

ตอนนี้เยว่หยางจื่อดูไม่เหมือนกับรักษาการณ์ผู้นำแห่งโถงผู้ควบคุมสัตว์ร้ายอีกต่อไปแล้ว

“ท่านฮัว ท่านจะไม่พาเขาคนนี้ไปลงโทษงั้นเหรอ?” ฉีเชิงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา

“เขามีความผิด! เขามีความผิด! เขาต้องเป็นสีวู่หยาแน่!” เยว่หยางจื่อยังคงตะโกน

ทุกคนงุนงงอีกครั้ง

“ความจริงชัดเจนอยู่แล้ว ทหารองครักษ์ชุดเกราะสีเงิน พาเขาไป” ฉีเชิงกล่าว

ทหารองครักษ์ชุดเกราะสีเงินพยักหน้าเล็กน้อย

ฟิ้ว!

ทหารองครักษ์ชุดเกราะสีเงินพุ่งเข้าหาเยว่หยางจื่อเหมือนกับดาวตก ตอนนี้ความเร็วและพลังของเขาแข็งแกร่งขึ้นสามเท่า

ตูม!

ฮัวเจิงหงที่ปลดปล่อยดอกบัวสีแดงออกมาในขณะที่ทหารองครักษ์ชุดเกราะสีเงินกำลังจะมาถึงตัวเยว่หยางจื่อ

ดอกบัวสีแดงปรากฏขึ้นระหว่างทหารองครักษ์ชุดเกราะสีเงินกับเยว่หยางจื่อ

“ข้าจะเป็นคนลงโทษเขาเอง ส่วนเจ้า เปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงออกมาซะ!” ฮัวเจิงหงที่ตกใจในพลังของทหารองครักษ์ชุดเกราะสีเงินกล่าว

ฮัวเจิงหงที่ยืนอยู่บนดอกบัวสิบสองกลีบปลดปล่อยพลังงานออกมาโจมตีทหารองครักษ์ชุดเกราะสีเงิน

ตูม!

มิติสั่นสะเทือน พื้นดินสั่นสะเทือน เสาหลักแห่งหายนะแห่งดินแดนหุบเหวอันยิ่งใหญ่ส่งเสียงดังเอี๊ยดๆ

ทหารองครักษ์ชุดเกราะสีเงินที่พลิกตัวกลางอากาก่อนจะศยื่นมือออกไป เปลวเพลิงปรากฏขึ้นรอบๆ มือของเขาก่อนจะหายไป เขาหยุดหลังจากที่บินไปได้ 300 ฟุต

ทุกอย่างเงียบงันราวกับสุสาน

ต่อให้ทหารองครักษ์ชุดเกราะสีเงินจะเป็นถึงสิ่งมีชีวิตสูงสุดก็จริง แต่การที่เขาจะสามารถป้องกันการโจมตีของฮัวเจิงหงได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย

ตอนนี้สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่ทหารองครักษ์ชุดเกราะสีเงิน

แคร็ก!

หมวกของทหารองครักษ์ชุดเกราะสีเงินแตก

ถึงแม้ว่าพลังฝึกฝนของทหารองครักษ์ชุดเกราะสีเงินจะน่าทึ่งมากแค่ไหน แต่มันก็ยังคงด้อยกว่าฮัวเจิงหงเล็กน้อย

พลังของฮัวเจิงหงนั้นเทียบได้กับจุ้ยฉาน การโจมตีของนางมีไว้เพื่อที่จะบีบบังคับให้ทหารองครักษ์ชุดเกราะสีเงินเปิดเผยใบหน้า นางไม่ได้มีเจตนาที่จะฆ่า

“???” ดวงตาของทุกคนจับจ้องไปที่ทหารองครักษ์ชุดเกราะสีเงินเมื่อหมวกแตก

ใบหน้าของทหารองครักษ์ชุดเกราะสีเงินนั้นเหี่ยวย่น ผิวหนังของเขาดูเหมือนกับเปลือกไม้ เขามีดวงตาที่ลึกล้ำ ผมของเขานั้นยุ่งเหยิง ไม่ว่าจะมองยังไง เขาก็ไม่ใช่ชายนักปราชญ์ในภาพเหมือน ชายคนนี้เป็นเพียงแค่ชายชราที่ผ่านโลกมามากเท่านั้น

“นกยักษ์เขียว!” เยว่หยางจื่อที่สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมากเมื่อเห็นรูปร่างหน้าตาของทหารองครักษ์ชุดเกราะสีเงินกระโดดขึ้นไปบนฟ้าก่อนจะตะโกน

“เจ้ากล้าดียังไงถึงได้ใส่ร้ายแม่ทัพฉีเชิง?!” ฮัวเจิงหงที่กล่าวอย่างเย็นชาพุ่งทะยานขึ้นไปบนฟ้า ดอกบัวสีแดงผลิบาน ไม่นานนักท้องฟ้าก็ยังคงเต็มไปด้วยดอกบัวสีแดงมากมาย

ทุกคนมองดูดอกบัวสีแดงมากมายที่กำลังล้อมรอบเยว่หยางจื่อ

“ร่วงลงไปซะ!”

ตูม!

ดอกบัวสีแดงมากมายที่เรียงตัวกันเป็นแถวเหมือนกับมังกรโจมตีหน้าอกของเยว่หยางจื่อ เขากระอักเลือด

ตูม!

ฮัวเจิงหงโจมตีด้วยฝ่ามือ นางจัดการเยว่หยางจื่อ

เยว่หยางจื่อที่ส่งเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดสลบไป ผู้ฝึกยุทธสองคนรีบพุ่งเข้ามาหาและมัดร่างของเขา

“พาเขาไป” ฮัวเจิงหงกล่าว

“ครับ”

“แม่ทัพฉีเชิง วันนี้มีหลายเรื่องที่เข้าใจผิดกัน ข้าต้องขอโทษท่านด้วย” ฮัวเจิงหงที่หันไปหาฉีเชิงกับทหารองครักษ์ชุดเกราะสีเงินกำหมัดคำนับและกล่าว

“เรื่องเล็กน้อย ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือ ท่านฮัว” ฉีเชิงกล่าวพร้อมกับรอยยิ้ม เขาดูใจกว้างมาก

“ข้าไม่คิดเลยว่าโถงถูเว่ยจะมียอดฝีมือแบบนี้อยู่ด้วย ยินดีที่ได้รู้จัก” ฮัวเจิงหงที่มองดูทหารองครักษ์ชุดเกราะสีเงินกล่าว

“เขาเป็นสหายที่ดีที่สุดของข้าในดินแดนดอกบัวทองคำ ในอดีตพวกเราต่างก็ต้องพึ่งพาซึ่งกันและกัน พวกเราไม่เพียงแต่จะกินข้าวด้วยกันเท่านั้น แต่พวกเรายังคงร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาโดยตลอด เขาเป็นคนที่ค่อนข้างเก็บตัว ดังนั้นจึงได้ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นถึงอัจฉริยะ 100 ปีก่อน เขาได้ไปที่เสาหลักแห่งหายนะจั่วเอ๋อก่อนจะได้รับพลังจากดินแดนแห่งความว่างเปล่า หลังจากนั้นเขาก็กลายเป็นสิ่งมีชีวิตสูงสุด ท่านฮัว พอใจกับคำอธิบายนี้รึเปล่า?” ฉีเชิงกล่าว

“แม่ทัพฉีเชิง ท่านคงจะเข้าใจข้าผิดแล้ว ข้าไม่ได้สงสัยในตัวท่านหรอก ที่มาของวีรบุรุษนั้นไม่ได้สำคัญ ไม่ว่าจะยังไง พวกเราก็ยังคงต้องทำงานเพื่อที่จะรักษาสมดุลของโลกเอาไว้ วันนี้เรื่องนี้คงจะต้องจบลงเพียงเท่านี้ ข้าคงต้องขอตัวก่อน” ฮัวเจิงหงกล่าว

“พวกท่านคิดว่าจะไปๆ มาๆ ได้ง่ายๆ แบบนี้งั้นเหรอ? บนโลกใบนี้ไม่มีเรื่องแบบนั้นหรอก” เสียงหนึ่งดังมาจากท้องฟ้าที่อยู่ไกลๆ ในขณะที่ฮัวเจิงหงกำลังจะจากไป

รถม้าลอยฟ้าคันหนึ่งบินเข้ามาทางทิศตะวันตกอย่างช้าๆ

ผู้ฝึกยุทธสองคนที่ตอนนี้ออร่าไม่ธรรมดายืนอยู่เคียงข้างกันบนดาดฟ้าของรถม้า พวกเขากำลังมองดูดินแดนเมฆา

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด