ตอนที่ 107 ผู้รอบรู้ (ฟรี)
ตอนที่ 107 ผู้รอบรู้
หลังจากเล่าเรื่องส่วนใหญ่เกี่ยวกับผู้บวงสรวง และพิธีประสูติของอาร์คบิชอปแล้ว สวี่จื้อแลกเปลี่ยนผลไม้สีดำกับแก่นพลังระดับสูง 300 ก้อน และร้องขออีกเงื่อนไขหนึ่งนั่นคือ พวกเขาจะต้องแบ่งปันผลการทดลองเกี่ยวกับผลไม้สีดำด้วย จากนั้น เธอก็เดินทางไปพบผู้รอบรู้
ระหว่างการพูดคุยเจรจา สวี่จื้อประเมินว่าคำถามเหล่านี้ไม่ใช่คำถามที่อีกฝ่ายวางแผนจะถามตั้งแต่แรก มีคำถามหลายข้อที่ถูกหยิบยกขึ้นมาใหม่ และคำถามเดิมบางข้อถูกพับเก็บเนื่องจากข้อมูลของพิธีกรรมและอาร์คบิชอป ดูเหมือนพวกเขาอยากรู้เรื่องนี้อย่างยิ่ง แต่ด้วยเงินคงคลังที่มีอยู่ไม่มากนัก พวกเขาไม่สามารถจ่ายจำนวนมากในคราวเดียวได้
แต่ข้อมูลที่พวกเขาได้รับในวันนี้ก็ถือว่ามากพอแล้ว
สำหรับสวี่จื้อ ครั้งนี้ถือว่าเธอสามารถทำเงินได้ก้อนใหญ่จริงๆ
แม้ว่าในแก่นพลังระดับสูงส่วนใหญ่ที่ได้รับจากการขายข้อมูลนั้นจะเป็นแก่นพลังเลือด แต่เธอก็ต้องการมันอยู่พอ จึงไม่ได้คิดจะปฏิเสธอะไร
เมื่อมีสิ่งนี้ มันจะช่วยให้เสี่ยวไต้ไปถึงเลเวล 30 ได้อย่างรวดเร็ว
คนของแผนกสืบสวนพิเศษก็น่าจะรู้สึกสับสนมากว่าทำไมเธอถึงต้องการแก่นพลังเลือด
แต่พวกเขาก็น่าจะพอเดาได้ว่าต่อให้ถามไป เธอก็คงจะไม่ยอมตอบ และแม้ว่าเธอจะตอบ มันก็คงจะมีราคาแพงมาก ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ถามอะไร
ในไม่ช้า รถก็ขับมาถึงสำนักงานใหญ่ของแผนกสืบสวนพิเศษประจำเมืองจิ่น จากนั้น หลินจื่อเจินก็พาสวี่จื้อเข้าไปในห้องประชุมเพื่อให้เธอได้พบกับแขกคนสำคัญ
ตัวเขาเองก็ได้รับสิทธิพิเศษในฐานะ ‘ผู้นำทาง’ เขาจึงสามารถติดตามเธอ และเข้าร่วมการประชุมได้
ไม่งั้น เขาคงจะไม่มีโอกาสได้เข้าร่วมสังเกตการณ์
แม้ว่าเขาจะไม่เคยเห็นหน้าคาตาของผู้รอบรู้จริงๆ แต่เขาก็รู้ข้อมูลเกี่ยวกับอีกฝ่ายอยู่บ้าง หรืออีกนัยหนึ่ง เขารู้จักอีกฝ่ายเพียงฝ่ายเดียว
ผู้รอบรู้เป็นหญิงวัยกลางคนที่มีอายุเกือบห้าสิบปี เธอเป็นศาสตราจารย์ในภาควิชาโบราณคดีของมหาวิทยาลัยจิ่นเฉิง เธอเกิดในครอบครัวนักวิชาการมาหลายชั่วอายุคน จึงค่อนข้างมีชื่อเสียงในแวดวงการศึกษา
หลายคนจึงคิดว่ามันเป็นปกติธรรมดาสำหรับเธอที่จะปลุกพลังแสง และกลายเป็นผู้รอบรู้
ไม่มีอะไรเหมาะสมกับเธอไปกว่านี้อีกแล้ว
ทันทีที่หลินจื่อเจินเดินผ่านประตูเข้าไปในห้อง และได้เห็นผู้รอบรู้จริงๆ เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกใกล้ชิดเมื่อมองดูเธอ สิ่งนี้ทำให้ความกังวลในใจของเขาจางหายไป
ท่าทางของผู้รอบรู้คนนี้ดูค่อนข้างอ่อนโยน ดูเป็นหญิงชราใจดี และน่าจะเข้ากับคนง่าย
สำหรับสวี่จื้อ ถ้าให้พูดตามตรง ในบรรดาคนไม่กี่คนที่เธอรู้จัก คนๆ นี้ให้ความรู้สึกเหมือนจงหลิงฟานเล็กน้อย แต่ก็ไม่เหมือนกันซะทีเดียว จงหลิงฟานดูจริงจังกว่าในขณะที่เธอดูใจดีมากกว่า
แต่สิ่งที่เหมือนกันก็คือ ท่าที และบรรยากาศรอบตัวของคนทั้งสองก็ทำให้คนอื่นๆ รู้สึกเชื่อใจมากยิ่งขึ้น
เมื่อพิจารณาจากสิ่งนี้ ดูเหมือนพลังแสงจะมีอะไรหลายๆ อย่างที่น่าสนใจมากจริงๆ
ตัวสวี่จื้อเองก็ดูใจร้อนเล็กน้อยก่อนจะมาถึงที่นี่ แม้ว่าเธอจะได้รับค่าเสียเวลาเป็นแก่นพลัง 100 ก้อนแล้ว แต่ความรู้สึกหงุดหงิดที่คลุมเครือยังคงอยู่ในใจ ก็ทำให้เธอกระสับกระส่ายเล็กน้อย แต่เมื่อได้เห็นหญิงชราที่เป็นผู้รอบรู้ เธอก็รู้สึกว่าอารมณ์ของตนสงบลงมาก
“เชิญนั่ง” หญิงชรารู้ชี้ไปที่เก้าอี้ข้างๆ พร้อมกับรอยยิ้ม
“คุณอยากเจอหรือถามอะไรฉันเหรอ?” สวี่จื้อรู้ดีว่าควรจะสุภาพเมื่อเผชิญหน้ากับผู้สูงอายุที่แก่ตัวเธอเองมากนัก
หญิงชรายิ้ม และส่ายหัว “ฉันไม่ได้มีคำถามหรือข้อสงสัยใดๆ ฉันแค่ต้องการพบคุณก็เท่านั้น”
“ถ้าอย่างนั้นคุณก็ได้สิ่งที่ต้องการแล้ว” ถ้าเป็นเวลาปกติ สวี่จื้อคงจะรู้สึกสนใจเกี่ยวกับคนตรงหน้า และอยากรู้เกี่ยวกับจุดประสงค์ของการมาเยี่ยมเยือนของอีกฝ่าย
แต่ในตอนนี้ เธอคิดว่ามันเป็นการเสียเวลาเปล่า ดูเหมือนเธอจะขาดความสนใจ และเบื่อหน่าย
“ดูเหมือนจะมีบางอย่างกวนใจคุณอยู่” เมื่อหญิงชราพูดเช่นนี้ ดวงตาของเธอก็เต็มไปด้วยความกังวล ราวกับญาติผู้ใหญ่ที่เป็นห่วงลูกหลานในครอบครัว
สวี่จื้อพยักหน้าอย่างจริงใจ “ใช่ แล้วคุณทำอะไรได้บ้างล่ะ”
หญิงชราตกตะลึงเล็กน้อยกับคำตอบของเธอ จากนั้นจึงยิ้มและพูดว่า “เดิมที ฉันคิดว่าคุณจะไม่ถามคำถามนั้นเสียอีก”
ท้ายที่สุดแล้ว เมื่อดูจากวิดีโอที่บันทึกเอาไว้ สวี่จื้อจะเป็นคนที่ระมัดระวังตัว และสงวนท่าที มีความต้องการที่จะคุมเกมบนโต๊ะเจรจา เธอจึงคิดว่าหลังจากที่หยิบยกหัวข้อนี้ขึ้นมา สวี่จื้อจะหาทางที่จะคว้าชัยกลับคืนมา แต่กลับกลายเป็นว่าอีกฝ่ายทำตามคำพูดของเธอ และขอคำแนะนำแทน
อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้สอดคล้องกับความคิดที่เป็นอิสระ ไร้กรอบและกฎเกณฑ์ ที่อีกฝ่ายได้แสดงออกมาให้เห็นเป็นครั้งคราว
แน่นอนว่าสวี่จื้อรู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกับตัวเอง แต่เธอยังไม่สามารถปรับตัวได้ ทำให้ตัวเธอในตอนนี้อยู่ในสภาพแปลกๆ เธอรู้ดีว่าตัวเองได้รับผลกระทบจากบันไดสีเลือดของพิธีกรรมนั้น ทำให้มีหลายครั้งที่เธอรู้สึกไม่สบายใจหรืออึดอัด
พูดง่ายๆ ก็คืออารมณ์ความรู้สึกของเธอในตอนนี้ ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่เธอ ‘ควรจะรู้สึก’
เธอเข้าใจดีว่าการที่ตัวเองขาดความสนใจ และรู้สึกหงุดหงิดง่ายเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องนัก แต่ในทางกลับกัน เธอรู้สึกเหมือนกับว่ามันเป็นเรื่องปกติ จึงไม่สามารถระงับความคิดนี้ได้ แม้ว่าเธอจะต้องการก็ตาม
ความเบื่อหน่ายสามารถระงับได้งั้นเหรอ?
คนเราสามารถบังคับตัวเองให้เปลี่ยนใจ และคิดว่ามันน่าสนใจได้หรือเปล่า?
เธอสามารถบังคับตัวเองให้ร่าเริง แสร้งทำเป็นสนใจ หรือแม้กระทั่งแสดงท่าทีในเชิงบวก แต่ความเบื่อหน่าย และความหงุดหงิดภายในใจของเธอจะไม่มีทางหายไปหรือแปรเปลี่ยนเป็นสิ่งอื่น
สวี่จื้อไม่สนใจที่จะ ‘เสแสร้ง’ เลยแม้แต่น้อย เมื่อเธอได้ยินคนตรงหน้าพูดว่าดูเหมือนจะบางอย่างกวนใจเธออยู่ ความรู้สึกเดียวที่ผุดออกมาหลังจากได้ยินก็คือ โอ้ น่าทึ่งมากเหลือเกิน รับรู้ถึงสิ่งนี้ได้ด้วยเหรอ
ดูเหมือนว่าอารมณ์เชิงบวกของสวี่จื้อจะถูกกดทับ และอ่อนแอลง ส่วนอารมณ์เชิงลบถูกกระตุ้นให้รุนแรงมากยิ่งขึ้น ทำให้ภาวะอารมณ์ของเธอในตอนนี้ไม่ปกติ มีหลายสิ่งที่พยายามบั่นทอนจิตใจของเธออยู่
สิ่งที่เห็นได้ชัดที่สุดในเวลานี้ก็คือ ความเบื่อหน่าย และความหงุดหงิด
สวี่จื้อหรี่ตาลงเล็กน้อยและคิดว่า นี่มันแย่มากจริงๆ
“แล้วคุณทำอะไรได้บ้างล่ะ” เธอถามย้ำคำเดิมอีกครั้ง
แต่จริงๆ แล้วเธอไม่ได้คาดหวังเกี่ยวกับคำตอบ แม้แต่ผู้บรรยายก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากแนะนำให้เธอไปที่ใจกลางเมืองหยุน เธอจึงไม่เชื่อว่าผู้คนของทางรัฐบาลกลางจะสามารถหาวิธีแก้ปัญหาได้
แน่นอน หญิงชราที่เป็นผู้รอบรู้ก็ส่ายหัวอย่างที่เธอคาดเอาไว้
“ตอนนี้ฉันก็ยังให้คำตอบไม่ได้”
สวี่จื้อพยักหน้าอย่างกระตือรือร้นเพื่อแสดงท่าทีว่าเข้าใจ
ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะร่างวิญญาณ แต่เธอก็มั่นใจว่าต่อให้ร่างจริงมาอยู่ที่นี่ อีกฝ่ายก็คงหาทางแก้ปัญหาให้เธอไม่ได้อยู่ดี
สวี่จื้อมองดูเวลา “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันก็ขอตัวก่อน”
เมื่อได้ยิน หญิงชราก็ยิ้ม และพยักหน้า
สิ่งนี้ทำให้สวี่จื้อมั่นใจมากขึ้นว่าอีกฝ่ายได้รับข้อมูลที่ต้องการแล้วในระหว่างการพูดคุยกันสั้นๆ
แต่ถึงเวลาแล้วที่เธอต้องไปแล้วจริงๆ
เมื่อสวี่จื้อกลายเป็นขี้เถ้า และสลายหายตัวไป ก็มีร่างหนึ่งออกมาจากห้องโถงด้านข้าง เขามองไปที่หญิงชรา และถามว่า “เป็นยังไงบ้าง”
หญิงชราที่ดูใจดีแต่เดิมหายไป สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความจริงจัง
จากนั้นก็ส่ายหัว “ไม่ดีเลย”
“จิตวิญญาณของเธอทรงพลังมากกว่าฉันมาก ทำให้ฉันเห็นอะไรได้ไม่มากนัก อย่างไรก็ตาม กลิ่นอายของพลังเลือดนั้นเกาะติดอยู่กับจิตวิญญาณของเธออย่างเห็นได้ชัด ดูเหมือนเธอจะถูกปนเปื้อนอยู่”
***อีกสองตอนลงตามเวลาเดิมตอนสิบเอ็ดโมงเช้า