ตอนที่แล้วบทที่ 35 ผมจะมาพูดถึงแผนพัฒนาของเรา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 37 อยากจะรู้จักเฉินจิ่วซือให้มากขึ้น?

บทที่ 36 เรื่องแบบนี้มัน.. ใหญ่ไปหน่อยไหม


บทที่ 36 เรื่องแบบนี้มัน.. ใหญ่ไปหน่อยไหม

"สวัสดิการในระยะแรกก็คงจะไม่ได้มีอะไรมาก ส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องของคนชรา เด็ก นักเรียน คนพิการ จากนั้น หลังจากที่รายได้ของพวกเรามั่นคงแล้ว ก็จะค่อยๆ กระจายสวัสดิการที่เหลือไปสู่ชาวบ้านทุกคน"

"เรื่องนี้ก็ตกลงกันตามนี้เลยนะครับ.."

"..แต่หลังจากนี้ ผมจะพูดถึงแผนการพัฒนาของผมให้ทุกคนฟังแบบคร่าวๆ !"

หือ เร็วขนาดนี้เลยเหรอ

จังหวะมันดูแปลกๆ ไปหน่อยไหม

เซี่ยงหมิงหลางรู้สึกงงๆ

เมื่อเช้าพวกเขาเพิ่งจะมาเสนอเรื่องที่อยากจะรวมกับหมู่บ้านหยุนซี ตอนนี้ผ่านมายังไม่ทันจะถึงเที่ยงเลยด้วยซ้ำ เรื่องการรวมหมู่บ้านก็ได้ถูกพูดคุยกันจบไปแล้ว แล้วตอนนี้ก็จะเริ่มคุยถึงการพัฒนาต่อไปเลยงั้นเหรอ

เมื่อเขาได้สติแล้ว เขาก็ตื่นเต้นขึ้นมาทั้งตัว

จังหวะแบบนี้.. เขาชอบมาก!

เขาชอบจริงๆ

จะเป็นการวาดฝันลมๆ แล้งๆ หรือจะเป็นแผนการพัฒนาจริงๆ ก็ตาม ขอแค่พูดให้มันมีเหตุมีผล การมารวมหมู่บ้านกันของพวกเขาในครั้งนี้ก็จะมีบทบาทที่สำคัญมาก

"รอฟังอยู่ครับ!"

เซี่ยงหมิงหลางทำสีหน้าจริงจังพร้อมสายตาเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น

"พื้นที่ที่ผมให้คนพาพวกคุณไปดูวันนี้ ผมเรียกมันว่า 'สามศูนย์สองพื้นที่' ซึ่งหนึ่งในพื้นที่ที่สำคัญที่สุดก็คือ พื้นที่เพาะปลูกตามธรรมชาติ"

หลังจากที่เฉินจิ่วซือแนะนำอย่างจริงจังแล้ว เขาก็เปลี่ยนเรื่องพูด "หลังจากที่พวกคุณได้รวมเข้ากับหมู่บ้านหยุนซีอย่างสมบูรณ์แล้ว พวกเราก็จะขยายพื้นที่เพาะปลูก"

"น่าจะขยายจาก 3,000 เอเคอร์ในปัจจุบันไปเป็น 7,000 เอเคอร์"

ซี้ด--

อดีตเจ้าหน้าที่ของหมู่บ้านหยุนเฟิง ต่างก็อดไม่ได้ที่จะสูดหายใจเข้า

3,000 เอเคอร์?

7,000 เอเคอร์?!

พวกเขาหาข้อมูลมาแล้วเหมือนกัน พวกเขารู้ดีว่าสิ่งที่สร้างมูลค่าได้ถึง 50 ล้านของหมู่บ้านหยุนซี นั้นมาจากพื้นที่ 1000 เอเคอร์เท่านั้น แถมมันยังมีผลผลิตที่เหลืออยู่อีกจำนวนไม่น้อย ซึ่งก็อาจจะตีเป็นเงินเพิ่มได้อีกหลายสิบล้าน หรืออาจจะมากกว่านั้น

แต่เมื่อฟังจากที่เฉินจิ่วซือพูด มันก็เหมือนกับว่าหมู่บ้านหยุนซีได้วางแผนสำหรับพื้นที่อีก 2,000 ไร่ไว้แล้วสินะ

นั่นก็หมายความว่ามูลค่าการผลิตของพวกเขาในครั้งต่อไปก็จะพุ่งไปถึง 200 ล้านเลยงั้นเหรอ

และเมื่อตอนนี้พูดถึงพื้นที่ 7,000 เอเคอร์ นั่นก็หมายความว่า 4,000 เอเคอร์ที่เหลือ จะอยู่ในพื้นที่ของหมู่บ้านหยุนเฟิงเดิมใช่ไหม

ถ้าเป็นแบบนั้น พื้นที่ของหมู่บ้านหยุนเฟิงเดิม ก็จะสามารถสร้างมูลค่าได้ถึง 250 ล้าน ไปจนถึง 300 ล้านเลยเหรอ?!

300 ล้าน!

นี่มันตัวเลขอะไรกัน?

พวกเขาใช้ชีวิตมาก็เลยครึ่งชีวิตไปแล้ว แต่ก็ไม่เคยคิดว่ามันจะทำเงินได้มากมายขนาดนี้มาก่อน!

มันก็เป็นแบบนี้แหละ เมื่อไม่มีการเปรียบเทียบ ก็จะไม่เห็นถึงความแตกต่าง

สิ่งที่พวกเขาไม่รู้ว่าจะจัดการยังไง และมองว่ามันเป็นเหมือนก้อนหินไร้ค่าจนอยากจะโยนทิ้งทะเลไปให้หมด แต่ในสายตาของคนอื่น มันกลับเหมือนกับเหมืองทอง

ถ้าทุกอย่างนี้สำเร็จ แม้ว่าจะได้กินแค่เศษน้ำซุป มันก็เพียงพอที่จะทำให้คนทั้งหมู่บ้านอิ่มท้องได้แล้ว

ไม่ต้องพูดถึงว่าเฉินจิ่วซือยังต้องการที่จะแบ่งเค้กชิ้นใหญ่ให้อีก!

เมื่อคิดได้ดังนั้น ลมหายใจก็พลันเร็วขึ้น

"เอ่อ...คือว่า..."

"ผู้ใหญ่บ้านเซี่ยง มีอะไรอยากจะถามก็ถามได้เลย ต่อไปพวกเราก็เป็นคนกันเองแล้ว ไม่จำเป็นต้องปิดบังอะไร" เฉินจิ่วซือเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย

"เรียกผมว่าลุงเซี่ยงก็ได้!" เซี่ยงหมิงหลางรู้สึกตื่นเต้น "ผมแค่อยากจะถามว่า ถ้าพวกเราขยายไปถึงขนาดนั้นแล้ว เราจะขายมันหมดจริงๆ เหรอ มันเพิ่มขึ้นมาถึง 7 เท่าเลยนะ!"

"กล้วยไม้สกุลหวายเป็นสมุนไพรที่มีศักยภาพมาก แถมการปลูกที่นี่ก็ทำให้มันมีคุณภาพที่ดีกว่าที่ไหน แน่นอนว่าเราสามารถขายออกได้อยู่แล้ว"

เฉินจิ่วซือหัวเราะออกมา "7,000 เอเคอร์ ถึงแม้ว่าจะคำนวณตามผลผลิตของปีนี้ ก็ยังได้ไม่ถึง 2 ล้านกิโล มันเล็กน้อยมาก"

"พูดง่ายๆ เลยก็คือ ในอนาคตผมอยากที่จะผลักดันให้ทั้งเกาะจงซานปลูกให้ได้มากกว่า 30,000 เอเคอร์ หรืออาจจะไปถึง 50,000 เอเคอร์ เพื่อที่จะสร้างชื่อเสียงและกำลังการผลิตของกล้วยไม้สกุลหวายภูเขาไฟหยุนซีของพวกเราให้เป็นที่รู้จักอย่างแท้จริง"

"ซึ่งนี่ก็เป็นเหตุผลที่ผมสร้างสามศูนย์ขึ้นมา"

ในหัวของทุกคนต่างตื้อไปทันทีเมื่อได้ยินเช่นนั้น

ไม่ใช่แค่เซี่ยงหมิงหลางและคนอื่นๆ จากหมู่บ้านหยุนเฟิงเท่านั้น แม้แต่เจ้าหน้าที่ของหมู่บ้านหยุนซีเองก็รู้สึกว่าในหัวของตัวเองมีเสียงดังอื้ออึงอบอวลอยู่ข้างใน

ไม่จำเป็นเล่นใหญ่ขนาดนี้ก็ได้มั้ง

แผนการนี้มันยิ่งใหญ่เกินไปแล้ว!

แต่เมื่อคิดถึงปาฏิหาริย์ที่เฉินจิ่วซือพาพวกเขาทำมา มันก็ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้

กล้วยไม้สกุลหวาย 30,000 เอเคอร์ โดยที่ 7,000 เอเคอร์เป็นของพวกเขา เมล็ดพันธุ์เป็นของพวกเขา การขายเป็นของพวกเขา การผลิตและการแปรรูปก็เป็นของพวกเขา...นี่มันจะทำเงินได้เท่าไหร่กันนะ

เป้าหมายหมู่บ้านร้อยล้านที่เฉินจิ่วซือเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้อาจจะดูเล็กไปเลยก็ได้

นี่มัน.. เขาตั้งใจที่จะสร้างหมู่บ้านที่มีเงินเป็นพันล้านเลยชัดๆ!

คำพูดที่กระตุ้นเร้าถึงแผนอันน่าเหลือเชื่อนี้ทำให้พวกเขาคอแห้งผาก

เซี่ยงหมิงหลางกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก เขาพยายามทำให้ลำคอของตัวเองชุ่มชื้นเล็กน้อย "ผมมองโลกแคบไปจริงๆ แล้วแผนการเรื่องพื้นที่เพาะปลูกของคุณเป็นยังไงบ้างล่ะ จะให้ชาวบ้านรับผิดชอบเอง หรือจะจ้างชาวบ้านล่ะครับ"

"ผสมผสานกันไปครับ ดูว่าชาวบ้านจะรับผิดชอบเองได้เท่าไหร่ ถ้าพวกเขาสามารถที่จะรับผิดชอบได้ทั้งหมด ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่สุด"

เฉินจิ่วซือพูดแผนการของตัวเองออกมาอย่างไม่ลังเล "หลังจากที่ให้ชาวบ้านรับผิดชอบแล้ว ถ้ายังขาดอยู่อีกเท่าไหร่ บริษัทหยุนซีโวลเคโนก็จะรับผิดชอบเท่านั้น แล้วก็จะจ้างคนมาปลูก ซึ่งก็จะให้คนของพวกเราก่อน ถ้าคนของพวกเราไม่พอ ก็จะไปจ้างคนจากข้างนอกมา"

ในสองรูปแบบนี้ ความเสี่ยงที่แต่ละคนจะต้องแบกรับนั้นจะแตกต่างกัน ผลตอบแทนที่ได้รับก็แตกต่างกันด้วย

ถ้าหากรับผิดชอบเอง แค่ทุ่มเทความพยายาม ก็จะสามารถได้รับผลตอบแทนที่ไม่น้อยเหมือนกับผู้ปลูกกล้วยไม้สกุลหวายในหมู่บ้านหยุนซีในตอนนี้ได้ แต่พวกเขาก็จะต้องรับความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติหรืออุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้น และต้องรับความผันผวนของราคาตลาดด้วย

บริษัทหยุนซีโวลเคโนเองก็จะรับซื้อ แต่ราคาซื้อแต่ละครั้งก็จะไม่เท่ากัน

แต่ถ้าทำงานให้กับบริษัท ก็จะไม่ต้องแบกรับความเสี่ยงอะไร ทำงาน แล้วรับเงินเดือน ซึ่งในบางครั้งก็อาจจะได้น้อยหน่อย แต่ก็มั่นคงกว่า

ทุกคนสามารถที่จะเลือกตามความคิดของตัวเองได้

แน่นอนว่า บริษัทหยุนซีโวลเคโนเป็นบริษัทที่ดำเนินการโดยหมู่บ้าน หุ้นเป็นของชาวบ้านทุกคน ถ้าได้กำไรส่วนหนึ่ง ก็จะมีการปันผลให้

ซึ่งทุกคนจะได้รับผลประโยชน์ในส่วนนี้เหมือนกันโดยที่ไม่เกี่ยวกับการทำงานเลย

สมบูรณ์แบบ!

มันสมบูรณ์แบบมากจริงๆ!

ทุกอย่างมันครอบคลุมไปหมด

หลังจากที่เซี่ยงหมิงหลางและคนอื่นๆ ได้ฟังคำอธิบายของเฉินจิ่วซือแล้ว ในหัวของพวกเขาก็มีแต่คำว่าสมบูรณ์แบบคำเดียว

มีการให้โอกาสกับทุกคน ให้ทุกคนเลือกเส้นทางของตัวเอง

แถมยังมีการปันผลให้ เป็นการรับประกันให้กับทุกคนอีกด้วย

เจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ในหมู่บ้านมองไปที่เซี่ยงหมิงหลางด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป ต้องยอมรับเลยว่าการที่มาขอเป็นลูกเขยหมู่บ้านหยุนซีในครั้งนี้ มันเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุดแล้ว!

ในโลกนี้คงไม่มีการลงทุนที่ดีและแข็งแกร่งขนาดนี้อีกแล้ว

แค่มาเป็นลูกเขย ก็จะได้งาน ได้ธุรกิจ หรือถ้าไม่อยากทำ ก็ยังมีหลักประกันติดตัวอีกด้วย

มันสุดยอดมาก!

"เรื่องของธุรกิจกล้วยไม้สกุลหวายก็ประมาณนี้ นอกจากนี้ พวกเราก็ยังจะวางแผนเรื่องการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำและส่งเสริมการท่องเที่ยวด้วย ผมคิดว่าอ่าวที่หมู่บ้านของคุณสามารถที่จะพัฒนาได้มากกว่านี้..."

.. เมื่อถึงเวลาใกล้เที่ยง การประชุมก็จบลง

เซี่ยงหมิงหลางรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังลอยอยู่

อนาคตช่างสดใสเหลือเกิน!

วันที่มีความสุขกำลังรอพวกเขาอยู่ไม่ไกล

การเพาะปลูก การเพาะเลี้ยง การแปรรูป อุตสาหกรรม การท่องเที่ยว.. มีครบทุกอย่างเลย

ขอแค่ขยับตัวออกมายืดเส้นยืดสายเสียหน่อย  มันก็เหมือนจะมีกองเงินที่ไร้ขีดจำกัด ซึ่งกำลังรอให้พวกเขาไปขนกลับบ้านอยู่ตรงหน้านี้แล้ว

มันสุดยอดไปเลย!

"อยู่กินข้าวด้วยกันก่อนแล้วค่อยกลับก็ได้นะ..."

ยังไม่ทันที่เฉินจิ่วซือจะพูดจบ เซี่ยงหมิงหลางก็รีบโบกมือ "ไม่ๆๆ ผมต้องรีบกลับไปเตรียมเอกสารที่เหลือ แล้วพวกเราจะรีบไปยื่นคำร้องที่อำเภอให้เร็วที่สุด!"

**

**

ฝากผลงาน

เกมสิ้นโลก ซื้อทั้งโลกจากสถานีรถไฟใต้ดิน

[ระบบเกมเศรษฐี + เอาชีวิตรอด + สร้างฐาน + วันสิ้นโลก]

ถ้าใครชอบแนววันสิ้นโลก สร้างฐาน เอาชีวิตรอดจากคน และภัยพิบัติที่มาเป็นระลอก มีการต่อสู้โดยใช้อาวุธปืนระเบิดหรืออาวุธสงคราม และติดกลิ่นอายลึกลับเรื่องที่มาที่ไปของโลกแห่งภัยพิบัตินี้ รวมถึงยังมีเรื่องราวของอำนาจลึกลับเหนือธรรมชาติบางอย่างที่รอให้ตัวเอกรับมือและไขข้อสงสัย ก็ขอฝากเรื่องนี้ไว้อีกเรื่องด้วยนะค้าบบ

5 1 โหวต
Article Rating
1 Comment
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด