บทที่ 36 เรื่องแบบนี้มัน.. ใหญ่ไปหน่อยไหม
บทที่ 36 เรื่องแบบนี้มัน.. ใหญ่ไปหน่อยไหม
"สวัสดิการในระยะแรกก็คงจะไม่ได้มีอะไรมาก ส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องของคนชรา เด็ก นักเรียน คนพิการ จากนั้น หลังจากที่รายได้ของพวกเรามั่นคงแล้ว ก็จะค่อยๆ กระจายสวัสดิการที่เหลือไปสู่ชาวบ้านทุกคน"
"เรื่องนี้ก็ตกลงกันตามนี้เลยนะครับ.."
"..แต่หลังจากนี้ ผมจะพูดถึงแผนการพัฒนาของผมให้ทุกคนฟังแบบคร่าวๆ !"
หือ เร็วขนาดนี้เลยเหรอ
จังหวะมันดูแปลกๆ ไปหน่อยไหม
เซี่ยงหมิงหลางรู้สึกงงๆ
เมื่อเช้าพวกเขาเพิ่งจะมาเสนอเรื่องที่อยากจะรวมกับหมู่บ้านหยุนซี ตอนนี้ผ่านมายังไม่ทันจะถึงเที่ยงเลยด้วยซ้ำ เรื่องการรวมหมู่บ้านก็ได้ถูกพูดคุยกันจบไปแล้ว แล้วตอนนี้ก็จะเริ่มคุยถึงการพัฒนาต่อไปเลยงั้นเหรอ
เมื่อเขาได้สติแล้ว เขาก็ตื่นเต้นขึ้นมาทั้งตัว
จังหวะแบบนี้.. เขาชอบมาก!
เขาชอบจริงๆ
จะเป็นการวาดฝันลมๆ แล้งๆ หรือจะเป็นแผนการพัฒนาจริงๆ ก็ตาม ขอแค่พูดให้มันมีเหตุมีผล การมารวมหมู่บ้านกันของพวกเขาในครั้งนี้ก็จะมีบทบาทที่สำคัญมาก
"รอฟังอยู่ครับ!"
เซี่ยงหมิงหลางทำสีหน้าจริงจังพร้อมสายตาเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น
"พื้นที่ที่ผมให้คนพาพวกคุณไปดูวันนี้ ผมเรียกมันว่า 'สามศูนย์สองพื้นที่' ซึ่งหนึ่งในพื้นที่ที่สำคัญที่สุดก็คือ พื้นที่เพาะปลูกตามธรรมชาติ"
หลังจากที่เฉินจิ่วซือแนะนำอย่างจริงจังแล้ว เขาก็เปลี่ยนเรื่องพูด "หลังจากที่พวกคุณได้รวมเข้ากับหมู่บ้านหยุนซีอย่างสมบูรณ์แล้ว พวกเราก็จะขยายพื้นที่เพาะปลูก"
"น่าจะขยายจาก 3,000 เอเคอร์ในปัจจุบันไปเป็น 7,000 เอเคอร์"
ซี้ด--
อดีตเจ้าหน้าที่ของหมู่บ้านหยุนเฟิง ต่างก็อดไม่ได้ที่จะสูดหายใจเข้า
3,000 เอเคอร์?
7,000 เอเคอร์?!
พวกเขาหาข้อมูลมาแล้วเหมือนกัน พวกเขารู้ดีว่าสิ่งที่สร้างมูลค่าได้ถึง 50 ล้านของหมู่บ้านหยุนซี นั้นมาจากพื้นที่ 1000 เอเคอร์เท่านั้น แถมมันยังมีผลผลิตที่เหลืออยู่อีกจำนวนไม่น้อย ซึ่งก็อาจจะตีเป็นเงินเพิ่มได้อีกหลายสิบล้าน หรืออาจจะมากกว่านั้น
แต่เมื่อฟังจากที่เฉินจิ่วซือพูด มันก็เหมือนกับว่าหมู่บ้านหยุนซีได้วางแผนสำหรับพื้นที่อีก 2,000 ไร่ไว้แล้วสินะ
นั่นก็หมายความว่ามูลค่าการผลิตของพวกเขาในครั้งต่อไปก็จะพุ่งไปถึง 200 ล้านเลยงั้นเหรอ
และเมื่อตอนนี้พูดถึงพื้นที่ 7,000 เอเคอร์ นั่นก็หมายความว่า 4,000 เอเคอร์ที่เหลือ จะอยู่ในพื้นที่ของหมู่บ้านหยุนเฟิงเดิมใช่ไหม
ถ้าเป็นแบบนั้น พื้นที่ของหมู่บ้านหยุนเฟิงเดิม ก็จะสามารถสร้างมูลค่าได้ถึง 250 ล้าน ไปจนถึง 300 ล้านเลยเหรอ?!
300 ล้าน!
นี่มันตัวเลขอะไรกัน?
พวกเขาใช้ชีวิตมาก็เลยครึ่งชีวิตไปแล้ว แต่ก็ไม่เคยคิดว่ามันจะทำเงินได้มากมายขนาดนี้มาก่อน!
มันก็เป็นแบบนี้แหละ เมื่อไม่มีการเปรียบเทียบ ก็จะไม่เห็นถึงความแตกต่าง
สิ่งที่พวกเขาไม่รู้ว่าจะจัดการยังไง และมองว่ามันเป็นเหมือนก้อนหินไร้ค่าจนอยากจะโยนทิ้งทะเลไปให้หมด แต่ในสายตาของคนอื่น มันกลับเหมือนกับเหมืองทอง
ถ้าทุกอย่างนี้สำเร็จ แม้ว่าจะได้กินแค่เศษน้ำซุป มันก็เพียงพอที่จะทำให้คนทั้งหมู่บ้านอิ่มท้องได้แล้ว
ไม่ต้องพูดถึงว่าเฉินจิ่วซือยังต้องการที่จะแบ่งเค้กชิ้นใหญ่ให้อีก!
เมื่อคิดได้ดังนั้น ลมหายใจก็พลันเร็วขึ้น
"เอ่อ...คือว่า..."
"ผู้ใหญ่บ้านเซี่ยง มีอะไรอยากจะถามก็ถามได้เลย ต่อไปพวกเราก็เป็นคนกันเองแล้ว ไม่จำเป็นต้องปิดบังอะไร" เฉินจิ่วซือเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
"เรียกผมว่าลุงเซี่ยงก็ได้!" เซี่ยงหมิงหลางรู้สึกตื่นเต้น "ผมแค่อยากจะถามว่า ถ้าพวกเราขยายไปถึงขนาดนั้นแล้ว เราจะขายมันหมดจริงๆ เหรอ มันเพิ่มขึ้นมาถึง 7 เท่าเลยนะ!"
"กล้วยไม้สกุลหวายเป็นสมุนไพรที่มีศักยภาพมาก แถมการปลูกที่นี่ก็ทำให้มันมีคุณภาพที่ดีกว่าที่ไหน แน่นอนว่าเราสามารถขายออกได้อยู่แล้ว"
เฉินจิ่วซือหัวเราะออกมา "7,000 เอเคอร์ ถึงแม้ว่าจะคำนวณตามผลผลิตของปีนี้ ก็ยังได้ไม่ถึง 2 ล้านกิโล มันเล็กน้อยมาก"
"พูดง่ายๆ เลยก็คือ ในอนาคตผมอยากที่จะผลักดันให้ทั้งเกาะจงซานปลูกให้ได้มากกว่า 30,000 เอเคอร์ หรืออาจจะไปถึง 50,000 เอเคอร์ เพื่อที่จะสร้างชื่อเสียงและกำลังการผลิตของกล้วยไม้สกุลหวายภูเขาไฟหยุนซีของพวกเราให้เป็นที่รู้จักอย่างแท้จริง"
"ซึ่งนี่ก็เป็นเหตุผลที่ผมสร้างสามศูนย์ขึ้นมา"
ในหัวของทุกคนต่างตื้อไปทันทีเมื่อได้ยินเช่นนั้น
ไม่ใช่แค่เซี่ยงหมิงหลางและคนอื่นๆ จากหมู่บ้านหยุนเฟิงเท่านั้น แม้แต่เจ้าหน้าที่ของหมู่บ้านหยุนซีเองก็รู้สึกว่าในหัวของตัวเองมีเสียงดังอื้ออึงอบอวลอยู่ข้างใน
ไม่จำเป็นเล่นใหญ่ขนาดนี้ก็ได้มั้ง
แผนการนี้มันยิ่งใหญ่เกินไปแล้ว!
แต่เมื่อคิดถึงปาฏิหาริย์ที่เฉินจิ่วซือพาพวกเขาทำมา มันก็ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้
กล้วยไม้สกุลหวาย 30,000 เอเคอร์ โดยที่ 7,000 เอเคอร์เป็นของพวกเขา เมล็ดพันธุ์เป็นของพวกเขา การขายเป็นของพวกเขา การผลิตและการแปรรูปก็เป็นของพวกเขา...นี่มันจะทำเงินได้เท่าไหร่กันนะ
เป้าหมายหมู่บ้านร้อยล้านที่เฉินจิ่วซือเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้อาจจะดูเล็กไปเลยก็ได้
นี่มัน.. เขาตั้งใจที่จะสร้างหมู่บ้านที่มีเงินเป็นพันล้านเลยชัดๆ!
คำพูดที่กระตุ้นเร้าถึงแผนอันน่าเหลือเชื่อนี้ทำให้พวกเขาคอแห้งผาก
เซี่ยงหมิงหลางกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก เขาพยายามทำให้ลำคอของตัวเองชุ่มชื้นเล็กน้อย "ผมมองโลกแคบไปจริงๆ แล้วแผนการเรื่องพื้นที่เพาะปลูกของคุณเป็นยังไงบ้างล่ะ จะให้ชาวบ้านรับผิดชอบเอง หรือจะจ้างชาวบ้านล่ะครับ"
"ผสมผสานกันไปครับ ดูว่าชาวบ้านจะรับผิดชอบเองได้เท่าไหร่ ถ้าพวกเขาสามารถที่จะรับผิดชอบได้ทั้งหมด ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่สุด"
เฉินจิ่วซือพูดแผนการของตัวเองออกมาอย่างไม่ลังเล "หลังจากที่ให้ชาวบ้านรับผิดชอบแล้ว ถ้ายังขาดอยู่อีกเท่าไหร่ บริษัทหยุนซีโวลเคโนก็จะรับผิดชอบเท่านั้น แล้วก็จะจ้างคนมาปลูก ซึ่งก็จะให้คนของพวกเราก่อน ถ้าคนของพวกเราไม่พอ ก็จะไปจ้างคนจากข้างนอกมา"
ในสองรูปแบบนี้ ความเสี่ยงที่แต่ละคนจะต้องแบกรับนั้นจะแตกต่างกัน ผลตอบแทนที่ได้รับก็แตกต่างกันด้วย
ถ้าหากรับผิดชอบเอง แค่ทุ่มเทความพยายาม ก็จะสามารถได้รับผลตอบแทนที่ไม่น้อยเหมือนกับผู้ปลูกกล้วยไม้สกุลหวายในหมู่บ้านหยุนซีในตอนนี้ได้ แต่พวกเขาก็จะต้องรับความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติหรืออุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้น และต้องรับความผันผวนของราคาตลาดด้วย
บริษัทหยุนซีโวลเคโนเองก็จะรับซื้อ แต่ราคาซื้อแต่ละครั้งก็จะไม่เท่ากัน
แต่ถ้าทำงานให้กับบริษัท ก็จะไม่ต้องแบกรับความเสี่ยงอะไร ทำงาน แล้วรับเงินเดือน ซึ่งในบางครั้งก็อาจจะได้น้อยหน่อย แต่ก็มั่นคงกว่า
ทุกคนสามารถที่จะเลือกตามความคิดของตัวเองได้
แน่นอนว่า บริษัทหยุนซีโวลเคโนเป็นบริษัทที่ดำเนินการโดยหมู่บ้าน หุ้นเป็นของชาวบ้านทุกคน ถ้าได้กำไรส่วนหนึ่ง ก็จะมีการปันผลให้
ซึ่งทุกคนจะได้รับผลประโยชน์ในส่วนนี้เหมือนกันโดยที่ไม่เกี่ยวกับการทำงานเลย
สมบูรณ์แบบ!
มันสมบูรณ์แบบมากจริงๆ!
ทุกอย่างมันครอบคลุมไปหมด
หลังจากที่เซี่ยงหมิงหลางและคนอื่นๆ ได้ฟังคำอธิบายของเฉินจิ่วซือแล้ว ในหัวของพวกเขาก็มีแต่คำว่าสมบูรณ์แบบคำเดียว
มีการให้โอกาสกับทุกคน ให้ทุกคนเลือกเส้นทางของตัวเอง
แถมยังมีการปันผลให้ เป็นการรับประกันให้กับทุกคนอีกด้วย
เจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ในหมู่บ้านมองไปที่เซี่ยงหมิงหลางด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป ต้องยอมรับเลยว่าการที่มาขอเป็นลูกเขยหมู่บ้านหยุนซีในครั้งนี้ มันเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุดแล้ว!
ในโลกนี้คงไม่มีการลงทุนที่ดีและแข็งแกร่งขนาดนี้อีกแล้ว
แค่มาเป็นลูกเขย ก็จะได้งาน ได้ธุรกิจ หรือถ้าไม่อยากทำ ก็ยังมีหลักประกันติดตัวอีกด้วย
มันสุดยอดมาก!
"เรื่องของธุรกิจกล้วยไม้สกุลหวายก็ประมาณนี้ นอกจากนี้ พวกเราก็ยังจะวางแผนเรื่องการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำและส่งเสริมการท่องเที่ยวด้วย ผมคิดว่าอ่าวที่หมู่บ้านของคุณสามารถที่จะพัฒนาได้มากกว่านี้..."
.. เมื่อถึงเวลาใกล้เที่ยง การประชุมก็จบลง
เซี่ยงหมิงหลางรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังลอยอยู่
อนาคตช่างสดใสเหลือเกิน!
วันที่มีความสุขกำลังรอพวกเขาอยู่ไม่ไกล
การเพาะปลูก การเพาะเลี้ยง การแปรรูป อุตสาหกรรม การท่องเที่ยว.. มีครบทุกอย่างเลย
ขอแค่ขยับตัวออกมายืดเส้นยืดสายเสียหน่อย มันก็เหมือนจะมีกองเงินที่ไร้ขีดจำกัด ซึ่งกำลังรอให้พวกเขาไปขนกลับบ้านอยู่ตรงหน้านี้แล้ว
มันสุดยอดไปเลย!
"อยู่กินข้าวด้วยกันก่อนแล้วค่อยกลับก็ได้นะ..."
ยังไม่ทันที่เฉินจิ่วซือจะพูดจบ เซี่ยงหมิงหลางก็รีบโบกมือ "ไม่ๆๆ ผมต้องรีบกลับไปเตรียมเอกสารที่เหลือ แล้วพวกเราจะรีบไปยื่นคำร้องที่อำเภอให้เร็วที่สุด!"
**
**
ฝากผลงาน
เกมสิ้นโลก ซื้อทั้งโลกจากสถานีรถไฟใต้ดิน
[ระบบเกมเศรษฐี + เอาชีวิตรอด + สร้างฐาน + วันสิ้นโลก]
ถ้าใครชอบแนววันสิ้นโลก สร้างฐาน เอาชีวิตรอดจากคน และภัยพิบัติที่มาเป็นระลอก มีการต่อสู้โดยใช้อาวุธปืนระเบิดหรืออาวุธสงคราม และติดกลิ่นอายลึกลับเรื่องที่มาที่ไปของโลกแห่งภัยพิบัตินี้ รวมถึงยังมีเรื่องราวของอำนาจลึกลับเหนือธรรมชาติบางอย่างที่รอให้ตัวเอกรับมือและไขข้อสงสัย ก็ขอฝากเรื่องนี้ไว้อีกเรื่องด้วยนะค้าบบ