บทที่ 2 กองยานที่รับสมัครเฉพาะทหารหญิงเท่านั้น
[การสุ่มเลือกเริ่มขึ้น...]
ก่อนที่จ้าวเฉินจะคิดได้ ในตัวเลือกทั้งสามนั้น เคอร์เซอร์เริ่มเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วเหมือนวงล้อรูเล็ต
ในที่สุดเคอร์เซอร์ก็หยุดที่ตัวเลือกที่สอง
[ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ที่ได้รับ 'โบนัสโชคลาภของกองยาน' และ 'ดวงตาหยั่งใจ' โปรดดำเนินการตามกฎ 'กองยานสามารถรับสมัครเฉพาะทหารหญิงเท่านั้น' หากฝ่าฝืน รางวัลสองรายการข้างต้นจะถูกเพิกถอน และจะได้รับการลงโทษที่ไม่อาจทราบได้!!!]
จ้าวเฉินปิดหน้า
รับสมัครได้เฉพาะทหารหญิงเท่านั้น... มันเกินไปหน่อย... แต่ไม่รู้ว่าทำไมจ้าวเฉินถึงยังมีความคาดหวังเล็กน้อยในใจของเขา
เนื่องจากไม่สามารถเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงนี้ได้
มาดูรางวัลสองรายการที่ได้รับที่นี่กัน
รางวัลแรกคือ 'โบนัสโชคลาภของกองยาน' ตามชื่อที่บอกไว้ ใครก็ตามในกองยานภายใต้ชื่อของจ้าวเฉินจะได้รับโบนัสค่าโชคบางอย่าง สำหรับเอฟเฟกต์เฉพาะนั้นไม่มีทางรู้ได้ เพราะโชคนั้นลึกลับเกินไป
ประการที่สองคือ 'ดวงตาหยั่งใจ' ซึ่งสามารถใช้กับสิ่งมีชีวิตทุกประเภทในกองยานของจ้าวเฉินได้ และสามารถบอกได้ว่าฝ่ายตรงข้ามมีเจตนาร้ายหรือไม่ กล่าวคือ ตราบใดที่จ้าวเฉินอยู่บนยานอวกาศ จ้าวเฉินแทบจะปลอดภัยอย่างแน่นอน
"นักศึกษาทุกคน หลักสูตรวันนี้จะจบลงที่นี่ ภาคการศึกษานี้กำลังจะสิ้นสุดลง และเราจะเริ่มการเรียนรู้ภาคปฏิบัติในช่วงต้นภาคการศึกษาหน้า เนื่องจากทุกคนเป็นนักศึกษาในแผนกกัปตัน เราจึงต้องการให้คุณมียานอวกาศเป็นของตัวเองก่อนเวลานั้น คุณสามารถซื้อยานอวกาศลำนี้ด้วยตัวเองหรือแลกด้วยคะแนนสถาบันก็ได้ ลูกยานอาจมาจากแผนกอื่นในสถาบัน หรือสามารถจ้างเองได้ ตราบใดที่พวกเขาปฏิบัติตามกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง" หลังจากที่อาจารย์ประกาศเรื่องนี้ เขาก็ออกจากห้องเรียน
สิ่งที่อาจารย์ประกาศคือเรื่องการสอนในภาคการศึกษาหน้า นักศึกษาแต่ละคนต้องเตรียมยานอวกาศของตัวเอง
ถ้าบ้านของคุณมีเงินก็สามารถซื้อมันเองได้
ถ้าคุณไม่ร่ำรวย คุณสามารถใช้คะแนนของสถาบันที่สะสมไว้ในช่วงสามปีที่ผ่านมาเพื่อแลกยานอวกาศจากรายชื่อยานอวกาศของสถาบันได้
ในขณะนี้ นักศึกษาทุกคนเริ่มพูดคุยเกี่ยวกับยานอวกาศที่พวกเขาเตรียมไว้
"ฉันบอกนายได้เลยว่าพ่อของฉันได้เตรียมยานพิฆาตระดับ T2 รุ่นล่าสุดไว้ให้ฉันแล้ว มันเป็นรุ่นล่าสุดของปีนี้ และยังเป็นยานพิฆาต ที่ขายดีที่สุดในช่วงสิบปีที่ผ่านมาอีกด้วย"
"จุ๊ๆ ให้ฉันบอกนายเถอะ ความโรแมนติกของผู้ชายคืออะไร มันคือยานขนาดใหญ่และปืนใหญ่ขนาดยักษ์! ถ้านายต้องการยาน นายต้องใช้ยานประจัญบาน! นั่นคือของเล่นของผู้ชาย!"
“พวกนายมีพื้นเพครอบครัวที่ดี แต่ฉันทำไม่ได้ ถึงเวลานั้นแค่ต้องหายานฟริเกตมาเรียนให้จบก็พอแล้ว”
เมื่อฟังการสนทนาของนักศึกษารอบๆ ตัวเขา จ้าวเฉินอดไม่ได้ที่จะจินตนาการถึงยานอวกาศของตัวเอง
ตอนเด็กๆ ใครบ้างที่ไม่เคยฝันที่จะบินข้ามจักรวาล
“พี่เฉิน นายเคยคิดไหมว่าจะแลกยานอวกาศลำไหน นายต้องเตรียมตัวให้เร็ว แม้ว่าสถาบันจะมียานอวกาศให้แลกได้มากมาย แต่ถ้าไปช้าก็ไม่มียานดีๆเหลือหรอก ยิ่งไปกว่านั้น นายยังต้องหาลูกยานด้วย” หลีเว่ยเข้ามาหาจ้าวเฉิน
จ้าวเฉินถามอย่างเป็นกันเองว่า “นายเตรียมตัวยังไง”
หลีเว่ยยกมือขึ้นพร้อมรอยยิ้ม มีเครื่องคอมพิวเตอร์พกพาที่คล้ายกับนาฬิกาแต่บางราวกับปีกแมลงอยู่ที่ข้อมือ เครื่องฉายฉายภาพสามมิติออกมา ซึ่งเป็นแบบจำลองของยานอวกาศ
รูปลักษณ์ค่อนข้างเป็นแบบดั้งเดิม คล้ายกับเรือในสมัยโบราณ
ด้านบนมีปืนหลักและเครื่องยิงขีปนาวุธหลายกระบอก
"ยานพิฆาต ระดับ T2 ไฮยีน่า มีราคาขายอยู่ที่ 4.3 ล้านเหรียญดาว! พ่อของฉันเตรียมไว้ให้แล้ว แม้แต่ลูกยานก็ยังเตรียมให้ด้วย พวกเขาทั้งหมดเป็นทหารผ่านศึกที่เกษียณแล้วซึ่งรับใช้ชาติมานานกว่าสิบปี!" หลังจากที่หลีเว่ยพูดจบ ดูเหมือนว่าเขาจะคิดอะไรบางอย่างออก
เขาจ้องไปที่จ้าวเฉินด้วยความกังวลและพูดว่า "พี่เฉิน เอ่อ... ถ้านายหายานที่เหมาะสมในโกดังของสถาบันไม่ได้จริงๆ ฉันจะลากพ่อของฉันไปช่วย..."
"ไม่เป็นไร ฉันมีไอเดียเกี่ยวกับยานอวกาศแล้ว หลังอาหารเย็น เราจะไปรับยานอวกาศของฉันกัน" จ้าวเฉินพูดด้วยรอยยิ้ม
หลีเว่ยมีภูมิหลังครอบครัวที่ดีและรับผิดชอบในการค้าระหว่างดวงดาว กล่าวกันว่าครอบครัวของเขาได้รับการกล่าวขานว่าเป็นหนึ่งในสิบอันดับแรกในเขตดาวเหนือของจักรวรรดิซีอา
ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยที่จะมียานพิฆาต ระดับ T2 ไฮยีน่า มีมูลค่ากว่าสี่ล้านเหรียญดาวได้
หลังจากพูดคุยเล็กๆ น้อยๆ จ้าวเฉินและหลีเว่ยก็ไปที่โรงอาหารของสถาบันด้วยกัน
ระหว่างทางหลีเว่ยเห็นจ้าวเฉินมีท่าทีเหม่อลอยและคิดว่าเขายังคงคิดถึงยานอวกาศอยู่
จริงๆ แล้วสถานะของจ้าวเฉินไม่ได้แย่ไปกว่าหลีเว่ยเลย เนื่องพ่อของจ้าวเฉินเสียชีวิตก่อนวัยอันควร จ้าวเฉินจึงได้สืบทอดตำแหน่งบารอนและเป็นเจ้าของดินแดนกาแล็กซีด้วย
น่าเสียดายที่ดินแดนกาแล็กซีที่จ้าวเฉินเป็นเจ้าของนั้นมีทรัพยากรน้อยมาก
นอกจากนี้ยังเป็นระบบดาวฤกษ์ดวงเดียว ซึ่งหมายความว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะสร้างประตูดวงดาว หากกาแล็กซีไม่มีประตูดวงดาวและไม่มีทรัพยากรพิเศษ กาแล็กซีนั้นก็จะถูกมองว่าไร้ค่า
ตำแหน่งบารอนของจ้าวเฉินได้รับการสืบทอดมาจากปู่ทวดของจ้าวเฉิน ซึ่งเคยเป็นผู้บัญชาการกองยานของจักรวรรดิซีอา และชนะการรบหลายครั้งจนได้รับตำแหน่งเคานต์และศักดินา
อย่างไรก็ตามเมื่อถึงรุ่นปู่ของจ้าวเฉินและพ่อของเขา ทั้งคู่ต่างก็ไม่เคยทำคุณงามความดีเพียงพอที่จะยกระดับหรือเสริมสร้างตำแหน่ง ซึ่งส่งผลให้ตำแหน่งลดลง เมื่อสืมทอดมาถึงจ้าวเฉินจากเคานต์ก็ตกลงมาเรื่อยๆจนกลายเป็นบารอนไปแล้ว
หากจ้าวเฉินไม่ได้ทำคุณงามความดีเพิ่มเติม ทายาทของเขาจะไม่สามารถสืบทอดตำแหน่งได้ และดินแดนจะถูกยึดคืนโดยจักรวรรดิ
สำหรับสถานการณ์ปัจจุบันในดินแดนของจ้าวเฉินนั้นแทบจะสิ้นหวัง
ในกาแล็กซีของจ้าวเฉินไม่มียานอวกาศระดับ T2 แม้แต่ลำเดียว และมียานอวกาศระดับ T1 รุ่นเก่าเพียงไม่กี่ลำที่รับผิดชอบต่อความปลอดภัยของกาแล็กซี โชคดีที่เนื่องจากความยากจนของกาแล็กซี จึงไม่มีโจรสลัดอวกาศที่จะวางแผนเล่นงานเขา
ในอดีตหลีเว่ยมักต้องการช่วยจ้าวเฉิน แต่จ้าวเฉินมีนิสัยที่ดื้อดึงและไม่เคยขอความช่วยเหลือจากคนอื่น
"อืม... พี่เฉิน ไปนั่งตรงนั้นกันเถอะ"
ทันใดนั้นหลีเว่ยก็วางแขนไว้บนไหล่ของจ้าวเฉิน และพยายามดันให้เขาเดินไปทางด้านข้าง ราวกับว่าจงใจหลีกเลี่ยงบางสิ่ง
แต่จ้าวเฉินได้เห็นบุคคลที่หลีเว่ยไม่ต้องการให้จ้าวเฉินเห็นแล้ว
เจียงซาช่า
ตามทฤษฎีแล้วเป็นคู่หมั้นของจ้าวเฉิน...
เพียงแต่ตอนนี้เจียงซาช่าคู่หมั้นของจ้าวเฉิน กำลังอยู่กับชายหนุ่มคนหนึ่ง ทุกคนที่รู้จักเจียงซาช่าจะรู้ว่ามีผู้ชายกำลังตามจีบเจียงซาช่าอยู่
หลีเว่ยปิดหน้า เขาอยู่ผิดที่จริงๆ ทำไมเขาถึงพบผู้หญิงคนนี้ไม่ว่าเขาจะไปที่ไหนก็ตาม
เขารู้ว่าจ้าวเฉินและเจียงซาช่าเติบโตมาด้วยกัน เพราะเจียงซาช่าและจ้าวเฉินมาจากกาแล็กซีเดียวกัน และครอบครัวของเจียงซาช่าเป็นขุนนางในดินแดนของจ้าวเฉิน ดังนั้นทั้งสองจึงมีสัญญาการแต่งงานตั้งแต่ยังเด็ก
แต่เนื่องจากเจียงซาช่าและจ้าวเฉินเข้าเรียนในสถาบันแห่งนี้ด้วยกันทุกอย่างจึงเปลี่ยนไป
เพราะในสถาบันมีชายหนุ่มที่มีสถานะโดดเด่นกว่าและใช้จ่ายฟุ่มเฟือยมากกว่าจ้าวเฉิน เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว จ้าวเฉินสามารถถือได้ว่าเป็นขุนนางจากชนบทที่ตกอับเท่านั้น
ตอนแรกจ้าวเฉินชอบเจียงซาช่ามาก แต่การกระทำของเจียงซาช่าทำร้ายจ้าวเฉินครั้งแล้วครั้งเล่า จ้าวเฉินพยายามช่วยเธอ แต่เจียงซาช่ากลับปฏิบัติอย่างเย็นชาและโหดร้าย
หลีเว่ยรู้ว่าจ้าวเฉินเสียใจและกินแทบไม่ได้อยู่หลายวัน
สิ่งที่หลีเว่ยไม่รู้ก็คือวันนี้เอง จ้าวเฉินคนก่อนทนคิดเรื่องนี้ไม่ได้และฆ่าตัวตายโดยกินยา ทำให้กลายเป็นตัวตนของจ้าวเฉินในปัจจุบัน
“ที่นั่งตรงนั้นอยู่ข้างหน้าต่าง นั่งตรงนั้นเถอะ” จ้าวเฉินปฏิเสธคำแนะนำของหลีเว่ยและเดินตรงไปข้างหน้า
สำหรับคนนอกที่มองมา จ้าวเฉินกำลังเดินตรงไปหาเจียงซาช่าในตอนนี้