ตอนที่แล้วบทที่ 147: ไปที่บ้านตระกูล​มู่​ห​รง​ในฐานะแขก!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 149: มื้ออาหาร​ที่เเปลกประหลาด​!

บทที่ 148: ความ​สับสนของนายพล


บทที่ 148: ความ​สับสนของนายพล

แสงอาทิตย์ยามเย็นโอบกอดผืนโลกด้วยแสงอันอบอุ่น, มอบความสงบเงียบให้กับโลกที่แสนวุ่นวาย

รถหรูแล่นไปตามถนนที่คดเคี้ยวขึ้น, จนในที่สุดก็มาหยุดอยู่หน้าประตูรั้วของคฤหาสน์หลังใหญ่

“ซิงหยู ถึงบ้านฉันแล้ว!” มู่​ห​รง​หยางซั่วพูดพลางโอบไหล่เซียวซิงหยู ชี้นิ้วอีกข้างไปที่ป้ายเหนือประตูรั้ว

เมื่อเซียวซิงหยูเงยหน้าขึ้นมอง เขาก็เห็นตัวอักษรสีทองสามคำสลักไว้อย่างสวยงามบนป้าย: คฤหาสน์​นายพล

ในระบบกองทัพของประเทศมังกร มีเพียงทหารระดับนายพลเท่านั้นที่จะได้รับพระราชทานคฤหาสน์​นายพลจากองค์จักรพรรดินี

คฤหาสน์ที่กินพื้นที่เกือบครึ่งภูเขา​ลูกนี้ คือคฤหาสน์​ที่จักรพรรดินีซ่างกวนหลานพระราชทานให้นายพลมู่หรงจิน

“คุณชาย คุณหนู ท่านผู้นี้คือ…” ทหารยามที่ประตูโค้งคำนับให้มู่หรงหยางซั่วและมู่หรงซินซินอย่างนอบน้อม

“เขาเป็นเพื่อนร่วมชั้นของฉัน ฉันกับน้องสาวชวนเขามากินข้าวที่บ้านน่ะ” มู่หรงหยางซั่วอธิบาย

“อ้อ เพื่อนของคุณชายกับคุณหนูเหรอครับ….เชิญครับ เชิญ”

เมื่อเข้ามาในคฤหาสน์ เซียวซิงหยูก็รู้สึกประหลาดใจอย่างมาก

ถึงแม้คฤหาสน์นี้จะมีพื้นที่กว้างขวาง แต่การตกแต่งกลับดูเรียบง่ายมาก ในสวนมีเพียงต้นไม้และดอกไม้ที่ได้รับการดูแลอย่างดี ไม่มีแม้แต่รูปปั้นหรือเครื่องประดับตกแต่งราคาแพง

จากตรงนี้ ทำให้เห็นได้ว่ามู่หรงจินเป็นคนสมถะ ต่างจากขุนนางคนอื่นๆ ที่ชอบใช้จ่ายฟุ่มเฟือยกับการตกเเต่​ง

“พ่อ พวกเรากลับมาแล้ว!”

“กลับมาก็ดีเเล้ว รีบไปล้างมือ…พ่อกำลังผัดกับข้าวอีกอย่างเดียว อีกเดี๋ยวก็เสร็จ​แล้ว!” เสียงทุ้มดังมาจากในครัว

“พี่หยางซั่ว พ่อพี่ทำอาหารเองด้วยเหรอ?” เซียวซิงหยูถามอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง

“ใช่ ตั้งแต่ฉันกับน้องอายุหกขวบ พวกเราก็กินอาหารที่พ่อทำมาตลอดนั่นแหละ”

เซียวซิงหยูไม่ได้พูดอะไรต่อ เขารู้ว่าแม่ของมู่หรงหยางซั่วและซินซินเสียไปนานแล้ว

ตลอดช่วงวัยเด็กของทั้งคู่ มู่หรงจินจึงต้องทำหน้าที่ทั้งพ่อและแม่ คอยเลี้ยงดูลูกๆทั้งสอง มาด้วยตัวคนเดียว

…..

สิบนาทีต่อมา

อาหารหน้าตาน่ารับประทานก็ถูกจัดวางเรียงรายจนเต็มโต๊ะ

ถึงแม้จะเป็นเพียงอาหารบ้านๆ แต่ฝีมือการทำอาหารของพ่อครัวคนนี้ก็ไม่ธรรมดาเลย

และพ่อครัวคนที่ว่า​ ตอนนี้ก็กำลังนั่งอยู่ตรงข้ามเซียวซิงหยู

ในสายตาของคนทั่วไป เขาคือมู่หรงจิน ผู้บัญชาการกองทัพเรืออันยิ่งใหญ่​เเละเกรียงไกร

“สวัสดีครับนายพลมู่หรง ผมเพิ่งเคยมาที่นี่เป็นครั้งแรก เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้พบกับบุคคลสำคัญอย่างท่าน” เซียวซิงหยูกล่าวพรางก้มหัวอย่างสุภาพ

มู่หรงจินมองสำรวจชายหนุ่มตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม

“พ่อหนุ่ม ฉันได้ยินหยางซั่วบอกว่าเธอเป็นคนร่าเริง แต่ทำไมวันนี้ดูเกร็งๆล่ะ?”

เซียวซิงหยูฝืนยิ้ม เเละในใจกำลังกรีดร้องว่า

“ผมจะไม่เกร็งได้ยังไงล่ะครับ ก็ก่อนหน้านี้​ผมเคยสู้กับท่านที่เกาะน้ำแข็งเพลิงมานี่!”

บนใบหน้าของมู่หรงจินยังมีรอยแผลอยู่จางๆ, เเละรอยแผลนั้นเป็นฝีมือของจิ้งจอกเก้าหางเดลลู

มู่หรงจินจ้องมองเซียวซิงหยูอย่างพิจารณา ทันใดนั้น​ในใจของเขา​กลับรู้สึกแปลกๆ

“ไม่รู้ทำไม ถึงแม้จะเพิ่งเคยเจอเจ้าหนูนี่เป็นครั้งแรก แต่กลับรู้สึกเหมือน​เคยเจอที่อื่นอย่างบอกไม่ถูก”

“เเถมยิ่งมองนานๆ ฉันก็ยิ่งรู้สึกกดดัน…”

มู่หรงจินเอามือลูบใบหน้าโดยไม่รู้ตัว แต่เขาก็ไม่คิดสงสัย​เลยว่าชายชุดดำที่​สามารถ​เผชิญหน้า​กับ​เขาได้ในตอนนั้น จะเป็นเด็กหนุ่มตรงหน้า

“เซียวซิงหยู ไม่ต้องเกร็งขนาดนั้น, ลองชิมซี่โครงหมูเปรี้ยวหวานนี่ดูสิ”

“ขอบคุณครับท่านนายพล”

“เรียกอะไรอย่างนั้น เธอเป็นเพื่อนของหยางซั่วกับซินซิน เรียกฉันว่าคุณอาเถอะ”

“ครับคุณอา ฝีมือทำอาหารของคุณอาสุดยอดไปเลยครับ!”

ฝีมือการทำอาหารของมู่หรงจินไม่ธรรมดาจริงๆ อาหารของเขาอร่อยเทียบกับเชฟมืออาชีพตามร้านอาหารได้เลย เซียวซิงหยูจึงกินข้าวหมดชามในเวลาไม่นาน

“ซิงหยู ฉันเติมข้าวให้นายเอง” มู่​หรงหยางซั่วอาสา

“ไม่ต้องหรอกพี่หยางซั่ว ผมเติมเองได้”

“ไม่ได้หรอก นายมาบ้านฉันครั้งแรก ถือเป็นแขกของฉัน ฉันต้องดูแลนายให้ดีสิ”

การได้พบเจอเพื่อนที่จริงใจในยุคสมัยที่ผู้คนต่างมีเบื้องหลังเช่นนี้ ถือเป็นเรื่องโชคดีสำหรับเซียวซิงหยู

บนโต๊ะอาหาร ด้วยอารมณ์ขันและคารมคมคายของเซียวซิงหยู ทำให้เขาเข้ากับครอบครัวนี้ได้อย่างรวดเร็ว

มู่หรงจินมองเซียวซิงหยูด้วยรอยยิ้ม​ ทันใดนั้น​เขาก็เอ่ยปากชมจากใจจริง

“เซียวซิงหยู ฉันได้ดูการแข่งขันซูเปอร์โนวาผ่านวิดีโอในอินเทอร์เน็ตแล้วนะ”

“หลังจากดูจบ ฉันรู้สึกอย่างเดียวเลยว่าคลื่นลูกหลังกำลังไล่ซัดคลื่นลูกเก่า เด็กรุ่นใหม่อย่างเธอนี่น่าเกรงขามจริงๆ!”

บุคคลสำคัญทุกคนที่เคยพบกับเซียวซิงหยู ต่างก็พูดคำว่า “น่าเกรงขาม” ออกมาโดยไม่รู้ตัว

ไม่ต้องพูดถึงพรสวรรค์และความสามารถของเซียวซิงหยู เเม้แต่ไหวพริบในการต่อสู้และความสุขุมเยือกเย็น มันก็ล้วนมากล้นเกินวัยของเขา

เเละสิ่งต่างๆเหล่านี้​ล้วนเป็นคุณสมบัติของบุคคลสำคัญทั้งนั้น

“คุณอามู่หรงชมเกินไปแล้วครับ ผมแค่โชคดีนิดหน่อย​น่ะครับ”

“ฮ่าๆๆ เจ้าหนูนี่ถ่อมตัวจริงๆ”

มู่หรงจินผ่านสมรภูมิรบมานับครั้งไม่ถ้วน พบเจออัจฉริยะมามากมาย…สายตาในการมองคนของเขาจึงค่อนข้าง​แม่นยำกว่าคนปกติ​

เขารู้ดีว่าที่เซียวซิงหยูมาถึงจุดนี้ได้ ไม่ใช่เพราะโชคช่วย แต่เป็นเพราะพรสวรรค์และสติปัญญาอันน่าทึ่งของเขา

แม้กระทั่งตอนนี้ที่กำลังดื่มเหล้าพูดคุยกัน บางครั้งมู่หรงจินก็รู้สึกเหมือนมีบางอย่างแวบเข้ามาในหัว…เขารู้สึกเหมือนมีผ้าคลุมบางๆปกปิดใบหน้าของเด็กหนุ่มคนนี้เอาไว้ ทำให้เขาไม่อาจมองเห็นใบหน้าที่แท้จริงได้

“พ่อ! ผมมีข่าวดีจะบอก เรียงความวิชาทฤษฎีของผมได้รางวัลชนะเลิศระดับวิทยาลัย​ พ่อต้องให้รางวัลผมนะ!” หยางซั่วพูดอย่างตื่นเต้นพลางเปิดกระเป๋าออกมา

มู่หรงจินขมวดคิ้ “พ่อจำได้ว่าลูกเรียนวิชาทฤษฎีไม่เก่งนี่ เรียงความได้รางวัลชนะเลิศ? ลอกเขามาหรือเปล่า?”

…………………

มู่หรงหยางซั่วหยิบใบรับรองออกจากกระเป๋านักเรียนของเขา

มู่หรงจินดึงไปมองดูใกล้ๆ ในใบรับรองอ่านได้ชัดเจนว่า: [ขอแสดงความยินดีกับมู่ห​รง​หยาง​ซ​ั่ว ผู้ชนะรางวัลที่หนึ่งด้านเรียงความ ด้วยบทความของเขา "พ่อของฉันคือพลเรือเอก​"]​

รางวัล​นี้ทำให้บรรยากาศเริ่มเปลี่ยน​ไป

มู่หรงจินจับหน้าผากแล้วยกยิ้มอย่างนึกถึง​บางสิ่ง: "เจ้าเด็กนี่...สมเเล้วที่จะเป็นลูกของฉัน!"

เมื่อเห็น​ฉาก​นี้ เซียวซิงหยูก็ถามอย่าง​สงสัย​ "ซินซิน พ่อของเธอเป็นอะไรหรือเปล่า​"

"ตอนที่พ่ออยู่ในโรงเรียน เขาก็เขียนเรียงความ "พ่อของฉันคือพลเรือเอก" และได้รับรางวัลชนะเลิศเหมือนพี่ชายนี่​เเหละ​" มู่หรงซินซินตอบตามความเป็นจริง

เมื่อ​ได้ยิน​เช่นนี้​ เซียวซิงหยูก็นึกขึ้น​ได้​ว่าตระกูลมู่หรงเป็นพลเรือเอกมาหลายชั่วอายุคน

แต่เมื่อหลายปีก่อนปู่ของพวกเขาเเละคนของตระกูล​มู่หรงมากมาย​เสียชีวิตในทะเล…ปัจจุบัน สมาชิกสายเลือดตรงของตระกูลมู่หลงจึงมีเเค่มู่หรงจินและพี่น้องมู่หรง คนอื่นๆทั้งหมดเสียชีวิตในสนามรบและสละชีวิตเพื่อประเทศชาติ

สายเลือด​ของตระกูล​มู่​ห​รง​เต็มไปด้วยความภักดี, นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมตระกูลมู่หรงจึงเป็นที่รักของผู้คนมากที่สุดในบรรดาสี่ตระกูลหลัก

…..

หลังจาก​ชื่นชมมู่ห​รง​หยาง​ซ​ั่วเเล้ว พวกเขา​ก็เริ่มทานอาหาร​กันต่อ

มู่หรงซิน​ซิน​กำลังจะทานของที่เธอชอบ ทันใดนั้นเธอก็มองเห็นความลำบาก​ของเซีย​วซิงหยู​จากหางตาของเธอ

โต๊ะทานอาหารมีขนาดใหญ่และมีจานให้เลือกหลากหลาย, หนึ่งในอาหารคือกุ้งตุ๋นซึ่งอยู่ห่างจากเซียวซิงหยูมาก

เซียวซิงหยู่เหยียดแขนออกไปหลายครั้ง แต่ตะเกียบของเขาก็ไม่สามารถหยิบกุ้งตุ๋นได้เลย

เเละในฐานะแขกที่มาครั้งแรก การยืนขึ้นเพื่อรับอาหารถือเป็นการไม่สุภาพอย่างเห็นได้ชัด…เซียวซิงหยู่จึงยอมแพ้เพียงแค่นั้น

เเต่ทันใดนั้น​เอง กุ้งตุ๋นก็ตกลงไปในชามของเซียวซิงหยู​เเละฉากนี้ทำให้มู่หรงจินถึงกับตะลึงอย่างมาก!

เเละนั่นก็เป็นเพราะ​ เมื่อครู่นี้มู่ห​รง​ซิน​ซิน​คีบกุ้งตุ๋น​แล้วใส่ลงในชามของเซียวซิงหยู​

มู่​ห​รง​จิน​ตกตะลึงอยู่เป็นเวลานาน และหัวใจของเขาก็เต็มไปด้วยคลื่นของความสับสน​

“ฉันเลี้ยงดูลูกสาวคนนี้มามากกว่าสิบปี…เเต่เธอไม่เคยทำอะไร​ให้ฉันเเบบนี้เลย”

เซียวซิงหยู่ดูเหมือนเขากำลังเพลิดเพลินกับการเคี้ยวกุ้งแสนอร่อย, เขาจึงไม่ทันสังเกต​เห็น​อาการ​มึนงงของมู่หรงจิน

“ซินซิน ขอบคุณ​นะ”

“นายอยากกินอะไรอีกล่ะ ถ้าไปไม่ถึง ฉันช่วยนายหยิบมันขึ้นมาได้”

เเต่ก่อนที่เซียวซิงหยูจะได้พูดอะไร มู่หรงซินซินก็รีบคีบอาหาร​อีกครั้ง

“ลองปลากะพงนึ่งสิ รสชาติดีมาก”

“หมูผัดพริกก็อร่อยนะ ต้องเอามาผสมกับซุปด้วย”

“และไก่ผัดขิงอันนี้ของพ่อฉันก็น่าลองเหมือนกัน”

เซียวซิงหยู่ยอมรับของทุกอย่างจากมู่​ห​รง​ซิน​ซิน​และกินอย่างมีความสุข

“พ่อ ทำไมถึงนิ่งเเบบนั้นล่ะ” มู่หรง หยางซั่วยกมือขึ้นแล้วโบกมือต่อหน้ามู่หรงจิน

“ลูกสาวของฉันป่วยหรือ​เปล่า​? ทำไมเธอถึงพูดมากมายขนาดนี้?”

“ฉันจำได้ว่าเด็กคนนี้ไม่เคยคุยกับฉันเกินสองประโยคเลย!”

“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันเเน่?”

………………

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด