ตอนที่ 26 ทำนายสวรรค์ ความหวาดกลัวของสำนักเทียนจี
ตอนที่ 26 ทำนายสวรรค์ ความหวาดกลัวของสำนักเทียนจี
ทางด้านหอชิงหยุน
【“เจ้าสำนัก: เฟิงชิงหยาง
ระดับพลัง: ผู้ไร้มลทินขั้นต้น
ศิษย์: หลินไป๋ สือฮ่าว
ร่างกาย: กายาเทพเอกะจักรวาล”】
【“ผู้แข็งแกร่งในสำนัก:
บรรพชนหลี่ชิงหยุน: ขอบเขตมหาจักรพรรดิขั้นสูงสุด
ผู้อาวุโสผู้คุ้มกันหวังเสวียน: ขอบเขตเบิกฟ้าขั้นสูงสุด
ผู้อาวุโสสายนอกเย่ไป๋: ขอบเขตเบิกฟ้าขั้นสูงสุด
ห้าผู้คุ้มกัน: ขอบเขตผู้ไร้มลทินขั้นสูงสุด”】
【“สำนัก: สำนักชิงหยุน
ระดับหนึ่ง (8500/10000)”】
“แต้มสำนักเพิ่มขึ้นถึงห้าพัน”
เฟิงชิงหยางยังจำได้ว่าตั้งสำนักมาไม่นานนี่เอง?
สำนักชิงหยุนกำลังจะพัฒนาเป็นสำนักระดับสองในไม่ช้า
ยอดเยี่ยมจริงๆ!
สำนักระดับหนึ่งยังยอดเยี่ยมขนาดนี้ แล้วระดับสองไม่ยิ่งตระการตาไปกว่านี้หรอกหรือ?
เมื่อพินิจพิจารณาดูดีๆ แม้จำนวนผู้แข็งแกร่งในสำนักจะไม่มากนัก แต่ก็ไม่ได้น้อยเกินไป
แต่ศิษย์มีเพียงแค่สองคนเท่านั้นเอง แบบนี้ไม่ไหว
หากสำนักต้องการพัฒนาไปข้างหน้า สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องมีศิษย์
ไม่ว่าจะเป็นศิษย์รับใช้ ศิษย์สายนอก ศิษย์สายใน ศิษย์แกนหลัก ศิษย์สายตรงจนถึงศิษย์สืบทอด
ยังมีผู้อาวุโสสายนอก ผู้อาวุโสสายใน ผู้อาวุโสคุมกฎ ผู้อาวุโสฝ่ายคัมภีร์ และเจ้ายอดเขาของแต่ละยอด
สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ทั้งสิ้น
“ดูท่าว่าคราวนี้ เมื่อกลับมาจากแดนลับศักดิ์สิทธิ์ คงต้องเปิดประตูใหญ่ของสำนักเพื่อรับศิษย์แล้วล่ะ”
สำหรับผู้อาวุโสทั้งหลาย หากไม่สามารถอัญเชิญมาได้จริงๆ ก็คงต้องเชิญ (หรือจับตัว) มาจากภายนอกสำนักแทน
ขณะเดียวกัน
แคว้นเสินโจวของภาคกลาง สำนักเทียนจี
“อะไรนะ? ป้ายวิญญาณของผู้อาวุโสโม่เฉินแตกสลายไปแล้วหรือ?
รีบตรวจสอบภาพเหตุการณ์ก่อนที่เขาจะเสียชีวิตอย่างเร็วที่สุด”
ป้ายวิญญาณคือสิ่งที่ศิษย์ทุกคนในสำนักใหญ่จะต้องทำตอนเข้าร่วมสำนัก
เมื่อแทรกวิญญาณเสี้ยวหนึ่งลงไปในป้ายวิญญาณนั้น จะสามารถติดตามสถานะความเป็นตายของศิษย์ได้ทุกเมื่อ
หากศิษย์เสียชีวิต ป้ายวิญญาณนั้นก็จะแตกหักสลายทันที
และป้ายวิญญาณจะถูกเก็บรักษาในสถานที่พิเศษ มีผู้แข็งแกร่งคอยเฝ้าดูแลทั้งกลางวันและกลางคืน พร้อมทั้งมีผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบทุกวัน
สำหรับศิษย์หรือผู้อาวุโสในระดับสูงของสำนัก ป้ายวิญญาณยิ่งมีความสำคัญมากขึ้น
เนื่องจากมีเสี้ยววิญญาณของเจ้าของป้ายอยู่ข้างใน จึงสามารถใช้ลูกแก้วพิเศษบันทึกภาพเหตุการณ์ก่อนที่ศิษย์หรือผู้อาวุโสจะเสียชีวิตไว้ได้ เพื่อให้สะดวกต่อการตามล่าหาตัวคนร้ายและชำระแค้นในภายหลัง
เหล่าผู้อาวุโสของสำนักเทียนจีต่างพากันมารวมตัวดูที่ลูกแก้วน้ำครามกันอย่างตึงเครียด
ลูกแก้วสีม่วงเปล่งประกายเรืองรอง
ด้วยเคล็ดวิชาของผู้อาวุโสใหญ่ ภาพเหตุการณ์จึงค่อยๆ ปรากฏขึ้นมา
สิ่งที่สะท้อนในสายตาของพวกเขาคือชายชราผู้หนึ่งซึ่งมองไม่อาจคาดเดาได้
ชายชราผู้นั้นยกมือเดียวจับคอของผู้อาวุโสโม่เฉินไว้
ร่างของผู้อาวุโสโม่เฉินราวกับลูกไก่ตัวเล็กๆถูกยกขึ้นไปอย่างไร้พลังต้านทาน
และในชั่วพริบตา เขาก็ถูกบีบจนร่างแหลกละเอียด
“ซือ!”
ก่อนที่เหล่าผู้อาวุโสจะทันได้เอ่ยอะไรออกมา ชายชราในลูกแก้วราวกับจะสังเกตเห็นว่ามีคนกำลังแอบจ้องมองเขาอยู่
สายตาที่ลึกล้ำของเขาเหลือบมองมาทางนี้
จากนั้น
เสียง “ปัง!” ลูกแก้วก็ระเบิดออกอย่างรุนแรง
“อันใดกัน!”
“ผู้อาวุโสโม่เฉินมิได้ไปที่ภาคตะวันออกหรืออย่างไร?”
“ในภาคตะวันออกที่แร้นแค้นพลังวิญญาณเช่นนั้น เหตุใดจึงมีผู้แข็งแกร่งระดับนี้อยู่ได้?”
“ชายผู้นี้เป็นผู้แข็งแกร่งของสำนักใดกัน? เหตุใดจึงกล้าหาญถึงเพียงนี้!”
ภาคตะวันออกนั้นคือดินแดนที่แร้นแค้นพลังวิญญาณ ในความรับรู้ของพวกเขาย่อมไม่ควรจะมีผู้แข็งแกร่งถึงเพียงนี้
การบีบทำลายกึ่งปราชญ์ด้วยมือเดียว และสามารถข้ามสายธารแห่งกาลเวลามาลงมือได้เช่นนี้
“ผู้อาวุโสใหญ่ ข้อมูลจากสาขาในภาคตะวันออกไม่ใช่ว่าบอกว่ากำลังทำสงครามกับสำนักชิงหยุนหรอกหรือ?
ชายผู้นี้คงเป็นผู้แข็งแกร่งจากสำนักชิงหยุน”
“สำนักชิงหยุนอย่างนั้นหรือ?”
ผู้อาวุโสใหญ่ครุ่นคิดขึ้นมา
ครั้งสุดท้ายที่เขาได้ยินเกี่ยวกับสำนักชิงหยุนก็คือตอนนั้น
ในครานั้น เขายังได้ส่งคนไปสอบถามกับตำหนักหยกขจีที่เป็นหนึ่งในกองกำลังทรงอิทธิพลอีกด้วยว่ามีความเกี่ยวข้องกับสำนักชิงหยุนไหม
"ใช่แล้ว ตำหนักหยกขจี"
"หรือว่า... ชายผู้นี้มาจากตำหนักหยกขจี?"
"ไม่ใช่แน่ ตำหนักหยกขจีล้วนมีแต่สตรี จะมีชายชรามาจากที่ใดได้"
"หรือว่าชายผู้นี้เป็นผู้แข็งแกร่งจากสำนักชิงหยุนจริงๆ?"
"ฮึ! จะกลัวอะไรเล่า? สำนักเทียนจีของเราก็มีผู้แข็งแกร่งมากมายเช่นกัน
ในดินแดนภาคกลางนี้ นอกจากตระกูลมหาจักรพรรดิที่สืบทอดมายาวนานแล้ว เรามิเคยเกรงกลัวผู้ใด!"
"สำนักชิงหยุนกลับกล้าลบหลู่ศักดิ์ศรีของพวกเราด้วยการฆ่าผู้อาวุโสของสำนัก ท้าทายอำนาจของแดนศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้!"
"ผู้อาวุโสใหญ่ ขอเพียงท่านออกคำสั่ง ครั้งนี้ต้องกวาดล้างสำนักชิงหยุนให้สิ้นซาก!"
สำนักเทียนจีนั้นถือเป็นหนึ่งในแดนศักดิ์สิทธิ์ที่มีรากฐานลึกซึ้งที่สุดของภาคกลาง
ผู้ก่อตั้งคือมหาจักรพรรดิเทียนจี
ว่ากันว่า มหาจักรพรรดิเทียนจีนั้นเพียงแค่ยกมือก็สามารถมองเห็นท้องนภาและรับรู้ทุกสรรพสิ่งในโลกได้
ไม่มีสิ่งใดที่เขามิอาจรู้ ไม่มีผู้ใดที่เขามิอาจเห็น
คัมภีร์เทียนจีที่สืบทอดมาแต่โบราณถือเป็นสมบัติล้ำค่าแห่งดินแดนภาคกลาง
"อย่าผลีผลาม พวกเจ้ายังจำกลิ่นอายเมื่อหลายวันก่อนได้หรือไม่?”
ผู้อาวุโสใหญ่เหมือนจะนึกอะไรบางอย่างได้ จึงรีบพูดขึ้น
“ท่านผู้อาวุโสใหญ่ ท่านหมายถึง…”
เมื่อได้รับการเตือนจากผู้อาวุโสใหญ่ บรรดาผู้อาวุโสทั้งหลายก็ตระหนักขึ้นมาในทันที
“ใช่ ถูกต้องแล้ว กลิ่นอายอันทรงพลังของมหาจักรพรรดิที่รู้สึกได้เมื่อหลายวันก่อน มันมาจากทิศตะวันออก”
“หา? จะบังเอิญขนาดนั้นเชียวหรือ…”
“อย่าได้ประมาท เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความเป็นตายของสำนักของเรา จะประมาทมิได้เด็ดขาด”
ตอนนี้พวกเขาทั้งหมดเริ่มไม่สงบแล้ว
มหาจักรพรรดิ!
นั่นคือมหาจักรพรรดิ!
การท้าทายผู้แข็งแกร่งระดับนั้น แม้จะหนีไปไกลแค่ไหน ขึ้นสู่ฟ้าสูงหรือลงสู่ห้วงนรกลึก
พวกเขาก็จะถูกทำลายสิ้น ไม่มีแม้ที่ฝังศพ!
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีรากฐานที่สืบทอดมายาวนานพอจะต้านทานได้บ้างก็ตาม
แต่ก็จะบอบช้ำอย่างหนักจนถึงขั้นพังทลาย
เมื่อเป็นเรื่องที่อาจเกี่ยวข้องกับมหาจักรพรรดิ จึงต้องรอบคอบเป็นที่สุด
“เรื่องนี้ข้าจะไปรายงานต่อท่านเจ้าสำนัก จากนั้นค่อยตัดสินใจ”
เมื่อได้รับคำสั่งจากผู้อาวุโสใหญ่ บรรดาผู้อาวุโสต่างก็พากันแยกย้ายออกไป
เขาเดินไปเพียงลำพัง มุ่งหน้าสู่อาคารหลักที่เจ้าสำนักพำนักอยู่
ณ หอเทียนจี
“ท่านเจ้าสำนัก สถานการณ์เป็นเช่นนี้”
ผู้อาวุใหญ่เล่าคืนสถานการณ์ทั้งหมดแก่เจ้าสำนักเทียนจี
“โอ้ เจ้าหมายความว่า สำนักชิงหยุนอาจจะเกี่ยวข้องกับมหาจักรพรรดิ?”
เจ้าสำนักเทียนจีเริ่มครุ่นคิด เมื่อถึงระดับนี้ เขาย่อมรู้เรื่องราวลึกลับมากมาย
ขอบเขตมหาจักรพรรดิไม่ได้ปรากฏตัวมานับหมื่นปีแล้ว ว่ากันว่ากำลังเตรียมการบางอย่างที่สามารถเปลี่ยนแปลงทั้งโลกได้
ไม่ต้องพูดถึงมหาจักรพรรดิ แม้แต่ระดับจักรพรรดิก็แทบจะไม่ย่างก้าวออกมาสู่โลกอีกเลยในยุคนี้
แต่ไม่กี่วันที่ผ่านมา เขาเองก็รู้สึกได้ถึงอานุภาพของมหาจักรพรรดิที่แผ่ออกมา
“ตกลง เช่นนั้นข้าจะใช้ศาสตร์ลึกลับเพื่อสืบความลับของสวรรค์ ดูสิว่าสำนักชิงหยุนนี้เป็นใครมาจากไหนกัน”
เมื่อเจ้าสำนักเทียนจีกล่าวจบ เขาก็เริ่มใช้งาน คัมภีร์เทียนจี อย่างเต็มกำลัง
ลำแสงเส้นหนึ่งพุ่งทะยานขึ้นสู่ฟากฟ้า จากนั้นจิตสำนึกของเขาก็ก้าวเข้าสู่สายธารแห่งกาลเวลา
“หึ! เจอแล้ว!”
เขาเพิ่งจะตรวจสอบ ทันใดนั้นก็เกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้น
ลำแสงกระบี่อันคมกริบหนึ่งพุ่งเข้ามา ตัดจิตสำนึกของเขาขาดสะบั้น
ในหอเทียนจีอันลึกลับ เจ้าสำนักพ่นเลือดออกมาคำใหญ่ แล้วร่างกายก็อ่อนแรงลงทันที
จิตวิญญาณของเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส จำเป็นต้องอาศัยโอสถศักดิ์สิทธิ์เพื่อค่อยๆฟื้นฟูอย่างช้าๆ
แม้แต่พลังการบ่มเพาะก็ตกลงไป
“ท่านเจ้าสำนัก!”
ผู้อาวุโสใหญ่รีบเข้าไปพยุงท่านประมุขที่เกือบจะล้มลง
ในใจของเขาตกตะลึงยิ่งนัก ท่านเจ้าสำนักที่มีพลังบรรลุถึงขอบเขตมหาปราชญ์ขั้นสูงสุด เหตุใดถึงได้รับบาดเจ็บร้ายแรงเช่นนี้
( ขอบเขตการบ่มเพาะ
1. หลอมรวม
2. ก่อตั้งรากฐาน
3. แกนทองคำ
4. วิญญาณแรกกำเนิด
5. แปรวิญญาณ
6. สร้างวิญญาณ
7. ผู้ไร้มลทิน
8. เบิกฟ้า
9. ปราชญ์
10. ปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์
11. มหาปราชญ์
12. ราชันปราชญ์
13. จักรพรรดิ
14. มหาจักรพรรดิ
)
หรือว่าพยายามสืบความลับของสวรรค์ จนถูกสวรรค์ลงโทษ?
การสืบความลับของสวรรค์ถือว่าเป็นการท้าทายสวรรค์ หากพลาดเพียงนิดเดียวก็อาจถูกลงโทษได้
แม้แต่บรรพชนผู้ก่อตั้งสำนักอย่าง มหาจักรพรรดินเทียนจี ก็เคยถูกสวรรค์ลงโทษมาแล้ว
“ข้าไม่เป็นไร…”
“สำนัก… ชิงหยุน น่ากลัวเกินไป!”
“ห้ามยุ่งเกี่ยวโดยเด็ดขาด!”
เจ้าสำนักพูดอย่างอ่อนแรงจบลง แล้วก็เข้าสู่การปิดด่านฝึกตนเพื่อรักษาตัว การบาดเจ็บของจิตวิญญาณครั้งนี้หนักหนาสาหัสเกินไป
เมื่อคิดถึงภาพที่เขาเห็นเมื่อครู่ ใจของเขาก็อดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้าน
ภาพของเงาร่างหนึ่งยืนตระหง่านท่ามกลางท้องฟ้า ล้อมรอบด้วยบัวศักดิ์สิทธิ์สีเขียวที่บังฟ้าบังดิน
จู่ๆลำแสงกระบี่ที่รุนแรงราวกับจะแหวกสวรรค์ออกมาก็พุ่งเข้าใส่จิตสำนึกของเขาก็ถูกบดขยี้ในทันที