ตอนที่แล้วตอนที่ 24 ปกครองแคว้นหลิงโจว สร้างเมืองชิงหยุน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 26 ทำนายสวรรค์ ความหวาดกลัวของสำนักเทียนจี

ตอนที่ 25 หอคัมภีร์


ตอนที่ 25 หอคัมภีร์

หลังจากที่หลินไป๋และคนอื่นๆเดินออกไปแล้ว

เฟิงชิงหยางก็เปิดหน้าจอระบบอีกครั้ง

“ใช้บัตรอัญเชิญทั้งหมด”

เขารู้สึกตื่นเต้นและถูมือไปมา

สุดยอด บัตรอัญเชิญห้าใบ คงต้องได้อะไรดีๆสักใบแหละ

ถึงจะไม่ได้ระดับสูงสุดอย่างขอบเขตปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์ ก็ไม่น่าจะเป็นอะไรที่ต่ำกว่าขอบเขตปราชญ์ใช่หรือไม่?

【“การใช้บัตรอัญเชิญสำเร็จ กำลังดำเนินการ… ขอแสดงความยินดีแก่นายท่านที่ได้รับผู้คุ้มกันขอบเขตผู้ไร้มลทินขั้นสูงสุด”】

【“กำลังดำเนินการ… ขอแสดงความยินดีแก่นายท่านที่ได้รับผู้คุ้มกันขอบเขตผู้ไร้มลทินขั้นสูงสุด”】

【“กำลังดำเนินการ… ขอแสดงความยินดีแก่นายท่านที่ได้รับผู้คุ้มกันขอบเขตผู้ไร้มลทินขั้นสูงสุด”】

【“กำลังดำเนินการ… ขอแสดงความยินดีแก่นายท่านที่ได้รับผู้อาวุโสคุ้มกันขอบเขตเบิกฟ้าขั้นสูงสุด”】

【“กำลังดำเนินการ… ปรากฏตัวแล้ว”】

“อันใดกัน!”

“ระบบ! นี่มันโกงชัดๆ!”

บัตรอัญเชิญห้าใบ แต่ไม่ได้แม้แต่ระดับทอง!

หากไม่ใช่เพราะใบสุดท้ายได้อัญเชิญผู้อาวุโสคุ้มกันขอบเขตเบิกฟ้าขั้นสูงสุด เฟิงชิงหยางอาจจะพลิกโต๊ะทิ้งไปแล้ว

“ระบบ! บอกข้ามา เจ้าแอบขโมยโชคดีของข้าใช่หรือไม่?”

【“โปรดอย่ากล่าวหา ข้าผู้มีความยุติธรรมในทุกการกระทำ”】

【“ทุกสิ่งที่ท่านได้รับ ล้วนขึ้นอยู่กับโชคชะตาของท่าน”】

【“ท่านทำให้ข้าลำบากใจจริงๆ!”】

“ลำบากใจรึ?”

“หึ! ลำบากใจก็อย่าทำเลย!”

ไม่นานนัก…

“เอาล่ะๆ ข้าไม่อยากโต้แย้งกับเจ้าแล้ว”

ขณะที่เฟิงชิงหยางกำลังนั่งครุ่นคิด มีชายชุดดำห้าคนเดินเข้ามาในห้องโถงของหอชิงหยุน

“หวังเสวียน หวังเย่ หวังเผิง หวังเลี่ย หวังจี้”

“คารวะท่านเจ้าสำนัก”

ทั้งห้าคนกล่าวพร้อมกัน

“หวังเสวียน จากนี้ไป เจ้าจะเป็นผู้อาวุโสผู้คุ้มกันของสำนักชิงหยุน ทุกการคุ้มครองจะอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของเจ้า”

เฟิงชิงหยางมองไปที่ชายผู้มีพลังสูงที่สุดในกลุ่ม

“ไปเถิด ไปทำหน้าที่คุ้มกันรักษาสำนักให้ดี”

“รับทราบ”

“เดี๋ยวก่อน”

เฟิงชิงหยางเห็นเครื่องแต่งกายของชายทั้งห้าต่างจากของตนมาก จึงเรียกพวกเขาหยุดไว้

“อีกปะเดี๋ยว พวกเจ้าจงไปรับชุดเครื่องแบบสำนักจากผู้อาวุโสสายนอก”

เมื่อทั้งห้าจากไปแล้ว เฟิงชิงหยางก็เริ่มพูดกับระบบ

“ระบบ คราวหน้าหากเรียกผู้ใดมา ช่วยใส่ชุดสำนักเลยทันที

เหตุใดต้องใส่ชุดคลุมดำตลอด เจ้าชอบชุดคลุมดำขนาดนั้นเลยหรือ?”

【“รับทราบ”】

ในเวลาเดียวกันที่สำนักชิงหยุน

สือฮ่าวที่พึ่งเสร็จงานก็ก้มหน้าหอบหายใจเหนื่อยอ่อน ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนพื้น

“ในที่สุดก็เสร็จแล้ว ตอนที่สู้กับยอดฝีมือมากมาย ก็ไม่เหนื่อยเท่านี้

การนับศิลาวิญญาณ (เงิน) นี่เป็นงานที่ใช้กำลังกายจริงๆ”

“เอ๊ะ! ศิษย์น้องนั้นเจ้าจะไปไหนหรือ?”

สือฮ่าวเห็นหลินไป๋เดินเข้ามาพร้อมกับบิดาของเขา จึงรีบยกมือทักทาย

“ศิษย์พี่ ข้ากำลังจะหาท่านอยู่พอดี ไม่คิดว่าจะเจอท่านที่นี่

ท่านอาจารย์ให้ข้านำท่านพ่อของข้าไปที่หอคัมภีร์เลือกตำราหลายเล่ม แล้วก็มาขอทรัพยากรจากศิษย์พี่สักหน่อย”

“รีบเข้า! เร็วส่งคนมาเก็บไปเสียที ประเดี๋ยวก็จะไม่มีที่เก็บแล้ว”

สือฮ่าวถึงกับตาเป็นประกาย ประหนึ่งพบผู้ช่วยชีวิต “รีบเอาไปเก็บทีเถิด มากเกินไปแล้ว”

ข้าไม่เคยเห็นศิลาวิญญาณมากมายเช่นนี้มาก่อน ข้ามิได้สนใจศิลาวิญญาณเลยจริงๆ

แม้แต่หอเก็บสมบัติหลังที่หกที่เพิ่งสร้างขึ้นมา ก็เพียงชั่วครู่เดียวก็เต็มแล้ว

พวกนั้นช่างบ้าคลั่งเหลือเกิน แม้ว่าท่านอาจารย์จะกล่าวไว้ว่าให้รับเฉพาะศิลาวิญญาณก็ตาม

แต่เมื่อเหล่าผู้มีอำนาจได้ยินว่าสำนักชิงหยุนสนใจในศิลาวิญญาณ ก็รีบรุดกลับไปเปลี่ยนทรัพยากรทุกชนิดให้เป็นศิลาวิญญาณ

บางทีถึงกับขุดศิลาวิญญาณที่ซ่อนอยู่ใต้ดินออกมาทั้งหมดเลยทีเดียว

จากนั้นเหล่าทรัพยากรก็ถูกขนกันมาเป็นขบวนสู่สำนักชิงหยุน

ในหอเก็บสมบัติหลังที่หกกองเต็มไปด้วยศิลาวิญญาณมากมายเสียจนกลายเป็นภูเขาขนาดย่อมๆ

น่าหวั่นเกรงยิ่งนัก!

แม้ว่าสำนักชิงหยุนจะมีศาลา หอคอย และอาคารมากมาย แต่ก็มิอาจจะวางศิลาวิญญาณไว้ในห้องได้กระมัง

จะอยู่กินกันได้อย่างไรเล่า?

สือฮ่าวเหลือบตามอง คิดไตร่ตรองถึงความเป็นไปได้ของความคิดนี้

คิดไปคิดมาก็ยังเป็นอันต้องละทิ้งไป

หากผู้ใดมาเยือนสำนักชิงหยุนแล้วเปิดประตูห้อง พบเห็นศิลาวิญญาณเต็มห้อง ก็คงจะต้องแสบตากันบ้างเป็นแน่

“หอคัมภีร์!”

“ไปๆๆ ข้าจะไปด้วยกันกับพวกเจ้า”

กล่าวไปแล้ว ตั้งแต่มายังสำนักชิงหยุน สือฮ่าวและหลินไป๋ยังไม่เคยเยือนหอคัมภีร์เลยแม้สักครั้ง

ท่านอาจารย์จัดเตรียมเคล็ดวิชาให้เขาทั้งสองโดยตรงตามความเหมาะสม

ทั้งสองยังได้เข้าใจเคล็ดวิชาพิเศษที่มาจากคัมภีร์ จึงยังไม่เคยไปดูหอคัมภีร์ด้วยตนเอง

ครานี้จึงเป็นโอกาสดีที่จะได้เห็นว่าท่านอาจารย์และสำนักชิงหยุนเก็บรวบรวมคัมภีร์และเคล็ดวิชาใดไว้บ้าง

หน้าประตูหอคัมภีร์

สือฮ่าวพร้อมพวกทั้งสามยืนอยู่ภายนอกประตู ชื่นชมความงดงามอลังการของหอคัมภีร์

ยังไม่ทันได้ก้าวเข้าไปในหอคัมภีร์ ก็ต้องตะลึงกับความอลังการที่เห็นตรงหน้า

ที่หน้าประตูมีการสลักภาพสัตว์ศักดิ์สิทธิ์สองตนเอาไว้

มังกรเขียวอยู่ซ้าย พยัคฆ์ขาวอยู่ขวา

ทั้งสองสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ถูกแกะสลักไว้อย่างสมจริง ราวกับมีชีวิตขึ้นมาได้ทุกเมื่อ

ที่ป้ายด้านบนสุดนั้นสลักคำว่า “หอคัมภีร์” เอาไว้สามตัวอักษรใหญ่ แต่ละตัวอักษรเปล่งประกายพลังแห่งมหาวิถี รัศมีแผ่ออกมาน่าเกรงขาม

ทั้งสองข้างของป้ายยังประดับด้วยคำกลอนคู่ที่สง่างาม แฝงด้วยความกล้าเกรี้ยวกราด เขียนว่า: “รวบรวมคัมภีร์เซียนทั่วฟ้าสวรรค์ ศึกษาทั่วจักรวาลอันกว้างใหญ่”

“โอ้โห! ศิษย์พี่ใหญ่ กลอนคู่หน้าหอคัมภีร์นี่ช่างกล้าเกรียงไกรยิ่งนัก!”

“หรือว่าภายในจะเต็มไปด้วยคัมภีร์เซียนกันแน่?”

“ไม่รู้สิ เข้าไปดูก็รู้เอง”

หลินจ้านก็ตกตะลึงไม่แพ้กัน ตั้งแต่ที่ก้าวเข้ามาในสำนักชิงหยุน เขาก็รู้สึกเหมือนความเป็นจริงของชีวิตถูกสั่นคลอน

“แดนเซียน! แท้จริงแล้วเป็นดินแดนเซียน!”

“ตระกูลหลินของเราได้รับความเมตตาและการปกป้องจากสำนักหลัก แถมบุตรชายของข้ายังได้เป็นศิษย์สายตรงของท่านเจ้าสำนักอีกด้วย

ยากเหลือเกินที่ตระกูลหลินจะไม่เจริญรุ่งเรือง!”

เมื่อประตูถูกเปิดออก ทั้งสามคนก็เดินเข้าไปภายในหอคัมภีร์

สิ่งที่ปรากฏแก่สายตาคือชั้นคัมภีร์และวิชาต่างๆ ที่จัดวางเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ

“ท่านพ่อ พวกเราเริ่มเลือกกันเถอะ”

คัมภีร์และวิชามากมายเหลือคณา ทำให้ทั้งสามคนรู้สึกตาลาย มิรู้จะเริ่มต้นอย่างไรดี

สือฮ่าวเอื้อมมือหยิบคัมภีร์ที่อยู่ใกล้มือเขาขึ้นมาเปิดดูทันที

คัมภีร์ “เคล็ดวิชาโศกเศร้าแห่งแสงศักดิ์สิทธิ์”: วิชาเซียน

เป็นคัมภีร์ที่คิดค้นโดยราชันเซียนแห่งแสงศักดิ์สิทธิ์ สามารถฝึกฝนไปจนถึงระราชันดับเซียนได้

เมื่อเคล็ดวิชาโศกเศร้าแห่งแสงศักดิ์สิทธิ์ถูกใช้ออกไป ผู้ใดจะกล้าท้าทาย

คัมภีร์ “พันพิรุณทำลายตะวันแรก”: วิชาเซียน

วิชานี้ถูกคิดค้นโดยราชันเซียนแห่งพันพิรุณ เมื่อบรรลุถึงความสมบูรณ์แบบ ทุกครั้งที่ใช้ออกไป จะปลดปล่อยกระบี่สายฝนคมกล้าจำนวนนับพัน ทำลายล้างศัตรูนับหมื่น

“ศิษย์น้อง นี่…ล้วนเป็นเคล็ดวิชาเซียนทั้งสิ้น!”

หลินไป๋และหลินจ้านในตอนนี้ก็รู้ความจริงแล้ว หัวใจพวกเขาเต้นแรงราวกับจะกระโดดออกจากอก

แม้หลินไป๋และสือฮ่าวจะตกตะลึง แต่ก็ยังพอทำใจได้ เพราะเคล็ดวิชาที่ท่านอาจารย์ถ่ายทอดให้พวกเขานั้นมิได้ด้อยไปกว่าเคล็ดวิชาเซียนเลย

แต่กับหลินจ้านนั้นแตกต่างออกไปมาก

เขาฝึกฝนวิชาอะไรกันเล่า? เมื่อเรียงเป็นตัวอักษรแล้วก็เพียง สามัญ เร้นลับ ปฐพี นภา ปราชญ์ จักรพรรดิ

เคล็ดวิชาที่เขาฝึกนั้นเป็นเพียงเคล็ดวิชาระดับปฐพีขั้นสูงเท่านั้นเอง

เมื่อใดกันที่เขาได้พบเจอกับเหตุการณ์เช่นนี้?

ในใจของเขาจึงต้องขอบคุณในความเอื้อเฟื้อและใจกว้างของท่านเจ้าสำนักอีกครั้ง

ที่ให้ตระกูลหลินของเขาได้เลือกเคล็ดวิชาตามใจปรารถนา

ที่นี่หยิบมาเล่มใดก็เป็นเคล็ดวิชาเซียน หรือไม่ก็เป็นเคล็ดวิชาระดับราชันเซียนทั้งนั้น

ไม่นานนัก ทั้งสามคนก็ออกมาจากหอคัมภีร์

หลินจ้านเลือกเคล็ดวิชาบ่มเพาะระดับเซียนได้หนึ่งเล่ม และเคล็ดวิชาการต่อสู้ระดับเซียนอีกสองเล่ม

เพียงแค่สามเคล็ดวิชานี้ก็มากพอแล้ว สำหรับสืบทอดให้ตระกูลหลินไปอีกนับล้านปีหรืออาจยิ่งกว่านั้น

หลินจ้านตัดสินใจว่า เมื่อกลับไปถึงจะยกสามเคล็ดวิชานี้เป็นวิชาประจำตระกูลหลิน

ณ เบื้องล่างเทือกเขาชิงหยุน

ห่างจากสำนักชิงหยุนออกไปเพียงร้อยลี้

พื้นที่กว้างใหญ่ส่วนหนึ่งถูกเคลียร์จนโล่ง

สมาชิกตระกูลหลินต่างกำลังทำงานกันอย่างขยันขันแข็ง

แต่ละคนบนใบหน้าเต็มไปด้วยความปลื้มปีติ เพราะการสร้างเมืองนี้เพื่อสำนักหลักนั้น ก็เพื่อพวกเขาเช่นกัน

เมื่อเมืองชิงหยุนถูกสร้างเสร็จ ตระกูลหลินจะย้ายจากเมืองเทียนอู่มาอยู่ที่นี่ทั้งตระกูล

ที่นี่เต็มไปด้วยพลังวิญญาณเข้มข้นยิ่งนัก อีกทั้งยังได้รับการคุ้มครองจากสำนักหลัก ถือเป็นแดนเซียนสำหรับพวกเขาโดยแท้

4 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด