ตอนที่ 24 ปกครองแคว้นหลิงโจว สร้างเมืองชิงหยุน
ตอนที่ 24 ปกครองแคว้นหลิงโจว สร้างเมืองชิงหยุน
ณ ที่เกิดเหตุ ทุกคนเงียบกริบไปชั่วขณะ ก่อนจะทยอยแสดงความสวามิภักดิ์ พวกเขาทุกคนต่างตระหนักดีว่า หลังจากการต่อสู้นี้ สำนักชิงหยุนจะกลายเป็นผู้ครองแคว้นหลิงโจวอย่างแท้จริง
ผู้เป็นเจ้าแห่งแคว้นหลิงโจว!
นี่คือครั้งแรกที่มีสำนักเพียงหนึ่งเดียวครอบครองแคว้นหลิงโจวได้อย่างสมบูรณ์
รุ่งเช้าวันถัดมา ข่าวการต่อสู้อันยิ่งใหญ่ก็แพร่สะพัดไปทุกสารทิศ
ราวกับก้อนหินที่ถูกโยนลงสู่สระน้ำก่อเกิดระลอกคลื่นนับพัน
ในศึกครั้งนี้ เหล่าผู้แข็งแกร่งจากขุมอำนาจใหญ่ของแคว้นหลิงโจวถูกสังหารจนแทบหมดสิ้น
สามอำนาจใหญ่ รีบเป็นผู้นำประกาศขับไล่ผู้ที่เข้าร่วมสงครามออกจากสำนักในทันที
แม้ว่าจะเป็นเพียงพิธีการก็ตาม เพราะคนเหล่านั้นล้วนถูกบดขยี้จนกลายเป็นผงธุลีไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม พวกเขายังส่งคนไปโปรยเถ้ากระดูกของผู้ตายให้ปลิวหายไปตามสายลม
จากนั้นจึงนำทรัพยากรของสำนักแปดในสิบส่วนทั้งหมดไปถวายสำนักชิงหยุน เพื่อแสดงความจงรักภักดีและยอมรับให้สำนักชิงหยุนเป็นผู้ปกครองแคว้นหลิงโจว
นี่คือลักษณะของขุมอำนาจใหญ่ที่ยังมีพื้นฐานมั่นคง
ส่วนขุมอำนาจชั้นนำบางแห่ง เมื่อได้ยินข่าวความพ่ายแพ้ก็หวาดกลัวว่าจะถูกสำนักชิงหยุนตามคิดบัญชีภายหลัง จึงหนีหายจากที่อยู่เดิมทั้งคนและทรัพย์สิน
ท่ามกลางการเปลี่ยนขั้วอำนาจ ขุมอำนาจที่ไม่ได้เข้าร่วมสงครามเริ่มผนวกเอาอำนาจของกลุ่มที่อ่อนแอกว่า
พร้อมทั้งนำทรัพยากรทั้งหมดที่ยึดมาได้ถวายให้แก่สำนักชิงหยุนเพื่อขอความคุ้มครอง
นับตั้งแต่นั้นสำนักใหม่ๆ ก็เกิดขึ้นราวกับดอกเห็ดที่ผุดขึ้นหลังฝนตก
ณ เมืองซวนเย่
"ศิลาวิญญาณหนึ่งหมื่นก้อนของข้า
พวกเจ้าเหล่าขุมอำนาจใหญ่ พวกเจ้าน่าจะตายไปซะให้
หมด!!
ข้าไว้ใจพวกเจ้าเสียเปล่า!"
หน้าโรงพนัน
หลายคนต่างกุมศีรษะร่ำให้ด้วยความสิ้นหวัง ร้องไห้จนใจ
แทบขาด
ไม่มีอะไรมาก พวกเขาทั้งหมดลงเดิมพันให้ขุมอำนาจใหญ่ชนะ กลับต้องสูญเสียจนหมดเนื้อหมดตัว
จะร้องเรียกฟ้าดินก็ไร้ผล
มีเพียงคนเดียวในสถานที่นั้นที่หัวเราะร่า
เขาคือคนที่เดิมพันทั้งหมดกับฝั่งตรงข้าม
เงินทองที่กอบโกยมาเต็มกระเป๋า
ครั้งนี้เขาคงได้ไปดื่มเหล้าและเล่นสนุกที่หอนางโลมเสียที
ข่าวแพร่สะพัดไปเรื่อยๆราวกับผีเสื้อที่กระพือปีกข้ามไปยังแคว้นอื่นของภาคตะวันออก
ณ เมืองปักฟ้า
สำนักเทียนจี
"'พวกเจ้าจะทำอะไร!"
"บังอาจแล้ว!"
"พวกเจ้า ไม่รู้หรือว่านี่คือที่ใด?"
"นี่คือสำนักเทียนจี! สำนักสาขาของสำนักศักดิ์สิทธิ์แห่งภาคกลาง พวกเจ้าต้องการตายรึ?"
"ข้าจะฆ่าพวกเจ้าให้หมดสิ้น!"
ชายร่างใหญ่พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเตะชายที่พูดเมื่อครู่กระเด็นไป
“สำนักเทียนจีมันมีดีอะไรนักหนา?
ตอนนี้แคว้นหลิงโจวเป็นของสำนักชิงหยุนแล้ว
พวกเราจะนำทรัพยากรพวกนี้ไปมอบให้สำนักชิงหยุน เผื่อจะได้ตำแหน่งศิษย์รับใช้สักหน่อย”
“พวกพี่น้อง หยิบอาวุธขึ้นมา! ปล้นมัน!”
ณ เมืองเทียนอู่
“เฮ้อ! ข่าวลือทำให้ข้าต้องสูญเสีย!”
“ใครมันเป็นคนโง่ที่บอกว่า ตระกูลหลินต้องถูกทำลาย แล้วสำนักชิงหยุนต้องพังพินาศ ออกมารับผิดเดี๋ยวนี้!”
ตอนนี้ตระกูลหลินกำลังรุ่งเรืองอย่างไม่เคยมีมาก่อน
แม้ตระกูลหลินจะไม่ได้มีพลังมากมายอะไร แต่ในฐานะที่เป็นขุมอำนาจในสังกัดสำนักชิงหยุน พวกเขาได้รับความเคารพเหนือกว่าขุมอำนาจอื่นใดในแคว้นหลิงโจว
“ข่าวลือเหล่านี้ทำลายตระกูลหลี่ของข้าโดยแท้
หากข้าพาพวกในตระกูลไปเข้าร่วมกับสำนักชิงหยุนบ้าง ตอนนี้คงได้รุ่งเรืองไปไกลแล้ว”
“เลิกฝันเถิด เจ้าหนุ่ม
ปล่อยให้เจ้าได้พูดสองคำ ก็คิดว่าเป็นจริงไปหมดแล้วรึ?
ตระกูลหลี่ของเจ้าน่ะหรือ? ตระกูลหลินเป็นถึงขุมอำนาจชั้นนำ แม้พวกเขาจะรับมือไม่ไหว แต่ก็ยังสามารถยืนหยัดได้อีกระยะหนึ่ง
ส่วนตระกูลหลี่ของเจ้า เป็นเพียงขุมอำนาจชั้นสองที่อ่อนแอ ถ้าเจ้าเข้าร่วมไป คงได้แต่ตายเปล่า
ในอดีต แค่ขุมอำนาจใหญ่แห่งหนึ่งจามครั้งเดียว ตระกูลหลี่ของเจ้าก็สูญสิ้นแล้ว”
ณ สำนักชิงหยุน
【“ขอแสดงความยินดีกับนายท่านที่ทำภารกิจสร้างชื่อเสียงโด่งดังทั่วแคว้นหลิงโจว จะรับรางวัลหรือไม่?”】
【“ภารกิจหลัก: ชื่อกระฉ่อนแดนตะวันออก สำเร็จ 2/10 โปรดพยายามต่อไป การทำภารกิจให้สำเร็จจะได้รับรางวัลอย่างยิ่งใหญ่”】
“ภารกิจนี้ยังมีการแบ่งเป็นขั้นตอนอีกหรือ?”
“ระบบ ข้าขอรับรางวัล”
ในหอชิงหยุน เฟิงชิงหยางนั่งอยู่ที่ตำแหน่งสูงสุด กำลังตรวจสอบหน้าจอของระบบ
【“รับรางวัลสำเร็จ”】
【“ขอแสดงความยินดีแก่นายท่าน ได้รับบัตรอัญเชิญสีเงินห้าใบ”】
【“ขอแสดงความยินดีแก่นายท่าน ได้รับเรือรบชิงหยุน”】
บัตรอัญเชิญสีเงิน: สามารถอัญเชิญผู้แข็งแกร่งที่อยู่ในขอบเขตสร้างวิญญาณถึงขอบเขตปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์ (แบบสุ่ม)
เรือรบชิงหยุน: เรือรบเฉพาะของสำนักชิงหยุน สามารถเคลื่อนที่ได้เร็วหลายพันลี้ ป้องกันการโจมตีจากขอบเขตปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์ หลังจากชาร์จพลังแล้วสามารถยิงแสงปืน (ชาร์จด้วยศิลาวิญญาณ) พลังทำลายเทียบเท่ากับการโจมตีเต็มที่ขอบเขตปราชญ์
ของดีจริงๆ!
ไม่คิดเลยว่ารางวัลจากระบบครั้งนี้จะมอบสิ่งที่ดีให้แก่ เฟิงชิงหยาง
บัตรอัญเชิญไม่ต้องพูดถึง
แต่เรือรบชิงหยุนนี้ก็จริงๆแล้ว เป็นของดีอย่างมาก คิดดูว่าหากต้องออกศึกในอนาคต ขับเรือรบอันสง่างามไป แล้วยิงปืนแสงจนศัตรูกลายเป็นฝุ่นละออง มันคงจะยิ่งใหญ่และน่าตื่นตาตื่นใจเพียงใด
ส่วนที่ต้องชาร์จพลังด้วยศิลาวิญญาณหรือ? ขอโทษ ตอนนี้สำนักชิงหยุนของข้าไม่ขาดศิลาวิญญาณเลยแม้แต่น้อย
“ท่านอาจารย์ ห้องเก็บของที่เพิ่งจัดใหม่ก็ถูกเต็มไปอีกแล้ว!”
สือฮ่าวพูดอย่างรู้สึกไม่ค่อยดีนัก เพียงแค่ไม่กี่นาที ก็มีหลายสำนักนำของหลายคันรถมาส่งถึงที่
“แค่ดึงออกก็สิบคันรถ แค่บรรจุเข้าไปก็เป็นถุงใบใหญ่”
“นี่มันบ้าบอ! ทรัพยากรไม่คิดจะเก็บเอาไว้แล้วหรือ? ทำไมถึงส่งมาขนาดนี้!”
“แค่วันนี้ครึ่งวัน ห้องเก็บของก็ถูกสร้างใหม่ถึงห้าห้องแล้ว!”
“ไม่เคยคิดเลยว่าจะมีวันหนึ่งต้องทุกข์ใจเพราะมีทรัพยากรมากเกินไป…”
“ศิลาวิญญาณก็รับไว้เถิด
ส่วนทรัพยากรพวกอื่นๆให้ส่งกลับไป
ทั้งเคล็ดวิชาการต่อสู้ เคล็ดวิชาบ่มเพาะ ทั้งหมดให้ส่งกลับไป
ไม่งั้นก็ทิ้งไป พวกนี้สำนักชิงหยุนเรามีมากมายแล้ว”
“ขอรับ ท่านอาจารย์”
สือฮ่าวยังคงต้องไปเก็บรวบรวมทรัพยากรต่อไปอย่างไม่เต็มใจ
เฟิงชิงหยางหันไปมองสมาชิกตระกูลหลินที่อยู่ในห้องโถงใหญ่
“การศึกครั้งนี้ แม้ตระกูลหลินของเจ้าจะมีพลังด้อยกว่า แต่ยังคงยืนหยัดอยู่ข้างสำนักชิงหยุนอย่างไม่สั่นคลอน ดีมาก”
ถามหากในโลกของการบ่มเพาะที่เต็มไปด้วยการไล่ล่าและการฆ่าฟัน มีขุมอำนาจใดบ้างที่จะทำได้เช่นนี้
ไม่มีการแทงข้างหลัง หรือทำลายผู้อื่นเมื่อเขาตกลงไปในบ่อโคลน ก็ถือว่าดีที่สุดแล้ว
“ท่านเจ้าสำนัก นี่เป็นสิ่งที่ตระกูลหลินของเราควรกะทำ
ในฐานะที่เป็นตระกูลภายใต้อานัฒิ เมื่อสำนักหลักเผชิญภัยคุกคาม แม้ว่าจะห่างไกลหลายพันลี้ แม้ว่าเราจะต้องพินาศไปพร้อมกัน ตระกูลหลินของเราจะไม่ถอยแม้เพียงก้าวเดียว”
“พวกเจ้ากลัวความตายกันบ้างหรือไม่?” เฟิงชิงหยางจ้องมองไปที่ดวงตาของสมาชิกตระกูลหลิน
ต้องรู้ว่าขณะนั้นสถานการณ์ของตระกูลหลินเหมือนกับไข่ชนกับหิน
“ถึงแม้จะมีหมื่นแสนคน พวกเราก็จะสู้!”
“ดี! ดีมาก!
จากนี้ไปตราบใดที่สำนักชิงหยุนของข้าไม่ล้มพัง ตระกูลหลินของเจ้าจะอยู่ยั่งยืนเป็นพันปี”
หลินจ้านไม่รู้เลยว่า คำพูดของเขานั้นมีความสำคัญเพียงใด และอีกหลายหมื่นปีข้างหน้าเมื่อหวนกลับมามอง จะรู้สึกโชคดีที่ได้พูดมันออกมา
แน่นอนว่านี่เป็นเรื่องในอนาคต
“หลินไป๋ นำท่านพ่อของเจ้าไปยังหอคัมภีร์แล้วเลือกเคล็ดวิชาหลายๆเล่ม จากนั้นไปหาศิษย์พี่ใหญ่ของเจ้าเพื่อรับทรัพยากรจากหออีกแห่ง”
“ไปเถิด”
พลังของตระกูลหลินยังคงอ่อนแอเกินไป ต้องรีบเสริมสร้างให้แข็งแกร่งขึ้น เพื่อให้ตามทันสำนักชิงหยุน
ถามว่าทำอย่างไรถึงจะเสริมพลังได้รวดเร็ว
ไม่ต้องถามอะไรมาก ถามแล้วก็ต้องทุ่มเงินและทรัพยากรไป
(และใช้เครื่องช่วยพิเศษด้วย)
“ขอรับ ท่านอาจารย์”
“ขอบคุณท่านเจ้าสำนัก”
“เอ่อ ท่านเจ้าสำนัก ข้ามีคำขอหนึ่ง”
หลินจ้านที่กำลังจะเดินกลับก็หยุดและหันกลับมา
“เราจะสามารถสร้างเมืองหนึ่งที่อยู่ห่างจากยอดเขาของสำนักชิงหยุนแค่หนึ่งร้อยลี้ได้หรือไม่?”
“เมือง?”
ความคิดนี้ดี เขาทำไมถึงไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้มาก่อนล่ะ
สำนักใหญ่ๆทุกสำนักล้วนมีเมืองของตนเอง และแต่ละแห่งก็โด่งดังไปทั่วโลก พวกเขาสามารถตั้งหลักและดูดทรัพยากรจากทุกทิศทุกทางได้
เช่นเดียวกับการดึงดูดผู้มีพรสวรรค์มากมายที่อยากมาเรียนรู้ และสร้างฐานให้กับการรับศิษย์ในอนาคต
“ได้เลย ความคิดนี้ดีมาก
ก็สร้างไปเลย ตั้งชื่อว่า ‘เมืองชิงหยุน’ หากขาดทรัพยากรอะไร สามารถขอจากสำนักได้ ข้าจะสั่งให้ผู้อาวุโสไปจัดการเรื่องนี้กับเจ้า”
ไม่สร้างก็ไม่สร้าง แต่ถ้าจะสร้างก็ต้องสร้างให้ดีที่สุด และที่นี่เองพลังวิญญาณเข้มข้นกว่าที่ใดๆ ภายนอกสักวันหนึ่ง เมืองชิงหยุนจะกลายเป็นเมืองยิ่งใหญ่ที่สุดในดินแดนภาคตะวันออก หรือแม้แต่ทั้งโลกหวงหวู่