ตอนที่แล้วตอนที่ 23 บรรพชนมหาจักรพรรดิลงมือ บดขยี้กึ่งปราชญ์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 25 หอคัมภีร์

ตอนที่ 24 ปกครองแคว้นหลิงโจว สร้างเมืองชิงหยุน


ตอนที่ 24 ปกครองแคว้นหลิงโจว สร้างเมืองชิงหยุน

ณ ที่เกิดเหตุ ทุกคนเงียบกริบไปชั่วขณะ ก่อนจะทยอยแสดงความสวามิภักดิ์ พวกเขาทุกคนต่างตระหนักดีว่า หลังจากการต่อสู้นี้ สำนักชิงหยุนจะกลายเป็นผู้ครองแคว้นหลิงโจวอย่างแท้จริง

ผู้เป็นเจ้าแห่งแคว้นหลิงโจว!

นี่คือครั้งแรกที่มีสำนักเพียงหนึ่งเดียวครอบครองแคว้นหลิงโจวได้อย่างสมบูรณ์

รุ่งเช้าวันถัดมา ข่าวการต่อสู้อันยิ่งใหญ่ก็แพร่สะพัดไปทุกสารทิศ

ราวกับก้อนหินที่ถูกโยนลงสู่สระน้ำก่อเกิดระลอกคลื่นนับพัน

ในศึกครั้งนี้ เหล่าผู้แข็งแกร่งจากขุมอำนาจใหญ่ของแคว้นหลิงโจวถูกสังหารจนแทบหมดสิ้น

สามอำนาจใหญ่ รีบเป็นผู้นำประกาศขับไล่ผู้ที่เข้าร่วมสงครามออกจากสำนักในทันที

แม้ว่าจะเป็นเพียงพิธีการก็ตาม เพราะคนเหล่านั้นล้วนถูกบดขยี้จนกลายเป็นผงธุลีไปแล้ว

อย่างไรก็ตาม พวกเขายังส่งคนไปโปรยเถ้ากระดูกของผู้ตายให้ปลิวหายไปตามสายลม

จากนั้นจึงนำทรัพยากรของสำนักแปดในสิบส่วนทั้งหมดไปถวายสำนักชิงหยุน เพื่อแสดงความจงรักภักดีและยอมรับให้สำนักชิงหยุนเป็นผู้ปกครองแคว้นหลิงโจว

นี่คือลักษณะของขุมอำนาจใหญ่ที่ยังมีพื้นฐานมั่นคง

ส่วนขุมอำนาจชั้นนำบางแห่ง เมื่อได้ยินข่าวความพ่ายแพ้ก็หวาดกลัวว่าจะถูกสำนักชิงหยุนตามคิดบัญชีภายหลัง จึงหนีหายจากที่อยู่เดิมทั้งคนและทรัพย์สิน

ท่ามกลางการเปลี่ยนขั้วอำนาจ ขุมอำนาจที่ไม่ได้เข้าร่วมสงครามเริ่มผนวกเอาอำนาจของกลุ่มที่อ่อนแอกว่า

พร้อมทั้งนำทรัพยากรทั้งหมดที่ยึดมาได้ถวายให้แก่สำนักชิงหยุนเพื่อขอความคุ้มครอง

นับตั้งแต่นั้นสำนักใหม่ๆ ก็เกิดขึ้นราวกับดอกเห็ดที่ผุดขึ้นหลังฝนตก

ณ เมืองซวนเย่

"ศิลาวิญญาณหนึ่งหมื่นก้อนของข้า

พวกเจ้าเหล่าขุมอำนาจใหญ่ พวกเจ้าน่าจะตายไปซะให้

หมด!!

ข้าไว้ใจพวกเจ้าเสียเปล่า!"

หน้าโรงพนัน

หลายคนต่างกุมศีรษะร่ำให้ด้วยความสิ้นหวัง ร้องไห้จนใจ

แทบขาด

ไม่มีอะไรมาก พวกเขาทั้งหมดลงเดิมพันให้ขุมอำนาจใหญ่ชนะ กลับต้องสูญเสียจนหมดเนื้อหมดตัว

จะร้องเรียกฟ้าดินก็ไร้ผล

มีเพียงคนเดียวในสถานที่นั้นที่หัวเราะร่า

เขาคือคนที่เดิมพันทั้งหมดกับฝั่งตรงข้าม

เงินทองที่กอบโกยมาเต็มกระเป๋า

ครั้งนี้เขาคงได้ไปดื่มเหล้าและเล่นสนุกที่หอนางโลมเสียที

ข่าวแพร่สะพัดไปเรื่อยๆราวกับผีเสื้อที่กระพือปีกข้ามไปยังแคว้นอื่นของภาคตะวันออก

ณ เมืองปักฟ้า

สำนักเทียนจี

"'พวกเจ้าจะทำอะไร!"

"บังอาจแล้ว!"

"พวกเจ้า ไม่รู้หรือว่านี่คือที่ใด?"

"นี่คือสำนักเทียนจี! สำนักสาขาของสำนักศักดิ์สิทธิ์แห่งภาคกลาง พวกเจ้าต้องการตายรึ?"

"ข้าจะฆ่าพวกเจ้าให้หมดสิ้น!"

ชายร่างใหญ่พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเตะชายที่พูดเมื่อครู่กระเด็นไป

“สำนักเทียนจีมันมีดีอะไรนักหนา?

ตอนนี้แคว้นหลิงโจวเป็นของสำนักชิงหยุนแล้ว

พวกเราจะนำทรัพยากรพวกนี้ไปมอบให้สำนักชิงหยุน เผื่อจะได้ตำแหน่งศิษย์รับใช้สักหน่อย”

“พวกพี่น้อง หยิบอาวุธขึ้นมา! ปล้นมัน!”

ณ เมืองเทียนอู่

“เฮ้อ! ข่าวลือทำให้ข้าต้องสูญเสีย!”

“ใครมันเป็นคนโง่ที่บอกว่า ตระกูลหลินต้องถูกทำลาย แล้วสำนักชิงหยุนต้องพังพินาศ ออกมารับผิดเดี๋ยวนี้!”

ตอนนี้ตระกูลหลินกำลังรุ่งเรืองอย่างไม่เคยมีมาก่อน

แม้ตระกูลหลินจะไม่ได้มีพลังมากมายอะไร แต่ในฐานะที่เป็นขุมอำนาจในสังกัดสำนักชิงหยุน พวกเขาได้รับความเคารพเหนือกว่าขุมอำนาจอื่นใดในแคว้นหลิงโจว

“ข่าวลือเหล่านี้ทำลายตระกูลหลี่ของข้าโดยแท้

หากข้าพาพวกในตระกูลไปเข้าร่วมกับสำนักชิงหยุนบ้าง ตอนนี้คงได้รุ่งเรืองไปไกลแล้ว”

“เลิกฝันเถิด เจ้าหนุ่ม

ปล่อยให้เจ้าได้พูดสองคำ ก็คิดว่าเป็นจริงไปหมดแล้วรึ?

ตระกูลหลี่ของเจ้าน่ะหรือ? ตระกูลหลินเป็นถึงขุมอำนาจชั้นนำ แม้พวกเขาจะรับมือไม่ไหว แต่ก็ยังสามารถยืนหยัดได้อีกระยะหนึ่ง

ส่วนตระกูลหลี่ของเจ้า เป็นเพียงขุมอำนาจชั้นสองที่อ่อนแอ ถ้าเจ้าเข้าร่วมไป คงได้แต่ตายเปล่า

ในอดีต แค่ขุมอำนาจใหญ่แห่งหนึ่งจามครั้งเดียว ตระกูลหลี่ของเจ้าก็สูญสิ้นแล้ว”

ณ สำนักชิงหยุน

【“ขอแสดงความยินดีกับนายท่านที่ทำภารกิจสร้างชื่อเสียงโด่งดังทั่วแคว้นหลิงโจว จะรับรางวัลหรือไม่?”】

【“ภารกิจหลัก: ชื่อกระฉ่อนแดนตะวันออก สำเร็จ 2/10 โปรดพยายามต่อไป การทำภารกิจให้สำเร็จจะได้รับรางวัลอย่างยิ่งใหญ่”】

“ภารกิจนี้ยังมีการแบ่งเป็นขั้นตอนอีกหรือ?”

“ระบบ ข้าขอรับรางวัล”

ในหอชิงหยุน เฟิงชิงหยางนั่งอยู่ที่ตำแหน่งสูงสุด กำลังตรวจสอบหน้าจอของระบบ

【“รับรางวัลสำเร็จ”】

【“ขอแสดงความยินดีแก่นายท่าน ได้รับบัตรอัญเชิญสีเงินห้าใบ”】

【“ขอแสดงความยินดีแก่นายท่าน ได้รับเรือรบชิงหยุน”】

บัตรอัญเชิญสีเงิน: สามารถอัญเชิญผู้แข็งแกร่งที่อยู่ในขอบเขตสร้างวิญญาณถึงขอบเขตปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์ (แบบสุ่ม)

เรือรบชิงหยุน: เรือรบเฉพาะของสำนักชิงหยุน สามารถเคลื่อนที่ได้เร็วหลายพันลี้ ป้องกันการโจมตีจากขอบเขตปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์ หลังจากชาร์จพลังแล้วสามารถยิงแสงปืน (ชาร์จด้วยศิลาวิญญาณ) พลังทำลายเทียบเท่ากับการโจมตีเต็มที่ขอบเขตปราชญ์

ของดีจริงๆ!

ไม่คิดเลยว่ารางวัลจากระบบครั้งนี้จะมอบสิ่งที่ดีให้แก่ เฟิงชิงหยาง

บัตรอัญเชิญไม่ต้องพูดถึง

แต่เรือรบชิงหยุนนี้ก็จริงๆแล้ว เป็นของดีอย่างมาก คิดดูว่าหากต้องออกศึกในอนาคต ขับเรือรบอันสง่างามไป แล้วยิงปืนแสงจนศัตรูกลายเป็นฝุ่นละออง มันคงจะยิ่งใหญ่และน่าตื่นตาตื่นใจเพียงใด

ส่วนที่ต้องชาร์จพลังด้วยศิลาวิญญาณหรือ? ขอโทษ ตอนนี้สำนักชิงหยุนของข้าไม่ขาดศิลาวิญญาณเลยแม้แต่น้อย

“ท่านอาจารย์ ห้องเก็บของที่เพิ่งจัดใหม่ก็ถูกเต็มไปอีกแล้ว!”

สือฮ่าวพูดอย่างรู้สึกไม่ค่อยดีนัก เพียงแค่ไม่กี่นาที ก็มีหลายสำนักนำของหลายคันรถมาส่งถึงที่

“แค่ดึงออกก็สิบคันรถ แค่บรรจุเข้าไปก็เป็นถุงใบใหญ่”

“นี่มันบ้าบอ! ทรัพยากรไม่คิดจะเก็บเอาไว้แล้วหรือ? ทำไมถึงส่งมาขนาดนี้!”

“แค่วันนี้ครึ่งวัน ห้องเก็บของก็ถูกสร้างใหม่ถึงห้าห้องแล้ว!”

“ไม่เคยคิดเลยว่าจะมีวันหนึ่งต้องทุกข์ใจเพราะมีทรัพยากรมากเกินไป…”

“ศิลาวิญญาณก็รับไว้เถิด

ส่วนทรัพยากรพวกอื่นๆให้ส่งกลับไป

ทั้งเคล็ดวิชาการต่อสู้ เคล็ดวิชาบ่มเพาะ ทั้งหมดให้ส่งกลับไป

ไม่งั้นก็ทิ้งไป พวกนี้สำนักชิงหยุนเรามีมากมายแล้ว”

“ขอรับ ท่านอาจารย์”

สือฮ่าวยังคงต้องไปเก็บรวบรวมทรัพยากรต่อไปอย่างไม่เต็มใจ

เฟิงชิงหยางหันไปมองสมาชิกตระกูลหลินที่อยู่ในห้องโถงใหญ่

“การศึกครั้งนี้ แม้ตระกูลหลินของเจ้าจะมีพลังด้อยกว่า แต่ยังคงยืนหยัดอยู่ข้างสำนักชิงหยุนอย่างไม่สั่นคลอน ดีมาก”

ถามหากในโลกของการบ่มเพาะที่เต็มไปด้วยการไล่ล่าและการฆ่าฟัน มีขุมอำนาจใดบ้างที่จะทำได้เช่นนี้

ไม่มีการแทงข้างหลัง หรือทำลายผู้อื่นเมื่อเขาตกลงไปในบ่อโคลน ก็ถือว่าดีที่สุดแล้ว

“ท่านเจ้าสำนัก นี่เป็นสิ่งที่ตระกูลหลินของเราควรกะทำ

ในฐานะที่เป็นตระกูลภายใต้อานัฒิ เมื่อสำนักหลักเผชิญภัยคุกคาม แม้ว่าจะห่างไกลหลายพันลี้ แม้ว่าเราจะต้องพินาศไปพร้อมกัน ตระกูลหลินของเราจะไม่ถอยแม้เพียงก้าวเดียว”

“พวกเจ้ากลัวความตายกันบ้างหรือไม่?” เฟิงชิงหยางจ้องมองไปที่ดวงตาของสมาชิกตระกูลหลิน

ต้องรู้ว่าขณะนั้นสถานการณ์ของตระกูลหลินเหมือนกับไข่ชนกับหิน

“ถึงแม้จะมีหมื่นแสนคน พวกเราก็จะสู้!”

“ดี! ดีมาก!

จากนี้ไปตราบใดที่สำนักชิงหยุนของข้าไม่ล้มพัง ตระกูลหลินของเจ้าจะอยู่ยั่งยืนเป็นพันปี”

หลินจ้านไม่รู้เลยว่า คำพูดของเขานั้นมีความสำคัญเพียงใด และอีกหลายหมื่นปีข้างหน้าเมื่อหวนกลับมามอง จะรู้สึกโชคดีที่ได้พูดมันออกมา

แน่นอนว่านี่เป็นเรื่องในอนาคต

“หลินไป๋ นำท่านพ่อของเจ้าไปยังหอคัมภีร์แล้วเลือกเคล็ดวิชาหลายๆเล่ม จากนั้นไปหาศิษย์พี่ใหญ่ของเจ้าเพื่อรับทรัพยากรจากหออีกแห่ง”

“ไปเถิด”

พลังของตระกูลหลินยังคงอ่อนแอเกินไป ต้องรีบเสริมสร้างให้แข็งแกร่งขึ้น เพื่อให้ตามทันสำนักชิงหยุน

ถามว่าทำอย่างไรถึงจะเสริมพลังได้รวดเร็ว

ไม่ต้องถามอะไรมาก ถามแล้วก็ต้องทุ่มเงินและทรัพยากรไป

(และใช้เครื่องช่วยพิเศษด้วย)

“ขอรับ ท่านอาจารย์”

“ขอบคุณท่านเจ้าสำนัก”

“เอ่อ ท่านเจ้าสำนัก ข้ามีคำขอหนึ่ง”

หลินจ้านที่กำลังจะเดินกลับก็หยุดและหันกลับมา

“เราจะสามารถสร้างเมืองหนึ่งที่อยู่ห่างจากยอดเขาของสำนักชิงหยุนแค่หนึ่งร้อยลี้ได้หรือไม่?”

“เมือง?”

ความคิดนี้ดี เขาทำไมถึงไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้มาก่อนล่ะ

สำนักใหญ่ๆทุกสำนักล้วนมีเมืองของตนเอง และแต่ละแห่งก็โด่งดังไปทั่วโลก พวกเขาสามารถตั้งหลักและดูดทรัพยากรจากทุกทิศทุกทางได้

เช่นเดียวกับการดึงดูดผู้มีพรสวรรค์มากมายที่อยากมาเรียนรู้ และสร้างฐานให้กับการรับศิษย์ในอนาคต

“ได้เลย ความคิดนี้ดีมาก

ก็สร้างไปเลย ตั้งชื่อว่า ‘เมืองชิงหยุน’ หากขาดทรัพยากรอะไร สามารถขอจากสำนักได้ ข้าจะสั่งให้ผู้อาวุโสไปจัดการเรื่องนี้กับเจ้า”

ไม่สร้างก็ไม่สร้าง แต่ถ้าจะสร้างก็ต้องสร้างให้ดีที่สุด และที่นี่เองพลังวิญญาณเข้มข้นกว่าที่ใดๆ ภายนอกสักวันหนึ่ง เมืองชิงหยุนจะกลายเป็นเมืองยิ่งใหญ่ที่สุดในดินแดนภาคตะวันออก หรือแม้แต่ทั้งโลกหวงหวู่

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด